บทที่ 210 ระหว่างเธอกับฉันต่างกันตรงไหนเหรอ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 210 ระหว่างเธอกับฉันต่างกันตรงไหนเหรอ
ฮวงฟูอี้วิ่งตามมาและจับเข้าที่มือของมู่หรงเสวี่ย “เธอจะไปไหน? เธอจะทำอะไร?”

มู่หรงเสวี่ยหันกลับมามอง “แน่นอนว่าฉันต้องไปตามหาพ่อกับแม่…”

สีหน้าของฮวงฟูอี้เย็นชาขึ้น “แล้วจะไปหาที่ไหนล่ะ?”

“นายเป็นอะไรเนี่ย? แน่นอนว่าต้องเข้าไปหาในมิติลับไงล่ะ นายไม่ได้ยินที่คุณย่าบอกหรือไง? คุณย่าบอกว่าเราสามารถท่องผ่านห้วงเวลาและมิติลับได้ พ่อกับแม่ของฉันจะต้องหายไปที่ไหนสักแห่งแน่ๆ ฉันไม่รู้เลย…” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาโดยที่มัวแต่หมกมุ่นอยู่กับห้วงเวลาและมิติลับโดยไม่สังเกตเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นของฮวงฟูอี้เลย

ทันใดนั้นฮวงฟูอี้ก็ดึงกำไลออกมาจากมือของเธอ “ฉันไม่อนุญาต!”

มู่หรงเสวี่ยตกใจ เธอไม่เข้าใจว่าฮวงฟูอี้กำลังทำอะไร จู่ๆสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป “อี้ นาย…นายอยากได้กำไลนี่เหรอ…”

สีหน้าของฮวงฟูอี้เข้มขึ้นกว่าเดิม “เธอเห็นฉันเป็นคนแบบนั้นงั้นเหรอ?” เขาเป็นคนประเภทที่จะแย่งของจากแฟนตัวเองงั้นเหรอ?!

“ถ้าไม่ใช่ งั้นนายดึงกำไลฉันไปทำไมล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยถาม

“เธอจะไปตอนไหนก็ได้ตามใจ แต่เคยคิดถึงฉันบ้างไหม?” ฮวงฟูอี้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ

“นายหมายความว่าไง…” สายตาที่เจ็บปวดของฮวงฟูอี้ทำให้เธอปวดใจ น้ำเสียงของเธออ่อนลงมาก

“ฉันรู้ว่าเธอต้องเดินทางท่องเวลาและมิติลับเพื่อที่จะออกตามหา แต่ถ้าเธอไม่ได้กลับมาล่ะ?! ฉันจะทำยังไง…” ฮวงฟูอี้กำกำไลไว้แน่นและรู้สึกอยากที่จะทำลายมันทิ้งซะ

มู่หรงเสวี่ยถามออกมา “แต่นั่นพ่อแม่ฉันนะ นายอยากจะให้ฉันปล่อยไม่สนใจงั้นเหรอ?!”

ฮวงฟูอี้หันหน้าไปทางอื่น คำถามของมู่หรงเสวี่ยทำให้เขาไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี

หลังจากที่ยืนจ้องกันอยู่นาน ฮวงฟูอี้ก็ค่อยๆก้มหัวลงและยกมือที่กำกำไลอยู่แน่นขึ้นมา แล้วเขาก็ใส่กำไลคืนกลับไปที่มือของมู่หรงเสวี่ยหลังจากนั้นก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ

เธอไม่รู้ว่าทำไมแต่มู่หรงเสวี่ยคิดว่าด้านหลังของฮวงฟูอี้ดูเยือกเย็นอยู่นิดหน่อย

มู่หรงเสวี่ยยืนอยู่แบบนั้น จิตใจเหม่อลอยอยู่นาน มือของเธอที่กำลังถือกำไลอยู่สั่นเล็กน้อย

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง มู่หรงเสวี่ยเองก็กับมาที่ห้องทำงานของฮวงฟูอี้ ฮวงฟูอี้กำลังทำงานอย่างหนัก เมื่อเขาเห็นเธอเดินเข้ามาเขาก็เพียงแค่เงยหน้ามองเธอเล็กน้อยเท่านั้นแล้วก็ก้มหัวลงมาเหมือนเดิมโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยและอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเรียกออกไป “อี้…”

อย่างไรก็ตาม ฮวงฟูอี้ไม่เงยหน้าขึ้นแต่กลับตอบออกมาเสียงแผ่ว “มีอะไร…”

ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกถึงความโกรธ การที่เธอออกตามหาพ่อแม่มันเป็นเรื่องที่ผิดงั้นเหรอ?! เธอจึงพูดออกไปเสียงเย็นชา “ไม่มีอะไร”

เธอหันหลังและเดินออกไปอีกครั้ง ปกติเขาจะตามเธอทุกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ ก้าวเดินของเธอช้าลงมาก เธอไม่เข้าใจว่าตัวเองทำอะไรผิดและทำไมเขาจะต้องมีท่าทีโกรธขนาดนั้นด้วย…ในหัวใจเธอรู้สึกแย่อย่างมากราวกับมีอะไรบางอย่างมากดทับหัวใจจนเธอหายใจแทบไม่ออก

ฮวงฟูอี้ที่ตอนนี้นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศแต่กลับไม่มีอะไรเข้าหัวเลยสักอย่าง อันที่จริงเขาคิดที่จะขอโทษแต่ก็รีบเปลี่ยนใจอย่างเร็ว ตั้งแต่แรกที่คุยกันเขารู้สึกว่ามู่หรงเสวี่ยปฏิบัติกับเขาราวกับเขาไม่มีความสำคัญเลย แต่ก่อนเขามีความสุขมากแต่ตอนนี้รู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เสี่ยวเสวี่ยอยากแต่จะรีบหาตัวพ่อกับแม่ แล้วเขาที่อยู่ในโลกนี้ล่ะ?! เธอไม่ขอให้เขาไปกับเธอด้วยซ้ำราวกับการมีอยู่ของเขามันไม่จำเป็นเลย

มู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนกำไลให้อยู่ในโหมดล่องหนโดยปิดไว้ใต้แขนเสื้อ มีเพียงวิธีนี้ที่จะปลอดภัยที่สุด เธอรู้สึกไม่สบายจริงๆราวกับว่าพวกเขาทะเลาะกัน

หลังจากที่ทะเลาะกับฮวงฟูอี้เมื่อกี้ เธอก็เลยยังไม่ได้รีบเข้าไปในมิติลับทันที เธอกลับเดินไปหาหลงอี้แทน

“คุณมู่หรง?” หลงอี้ก้มหัวลงเล็กน้อย เพราะท่าทางของดราก้อนมาสเตอร์แสดงออกชัดเจนแล้วว่าคุณมู่หรงคือคนที่เขาเลือก

มู่หรงมองที่หลงอี้และพูดออกมา “ฉันจะไปที่ห้องใต้ดิน ช่วยพาฉันไปทีได้ไหม?”

“ได้ครับ แต่…ดราก้อนมาสเตอร์ล่ะครับ?” จากที่เห็นดราก้อนมาสเตอร์ไม่น่าที่จะปล่อยให้คุณมู่หรงเสวี่ยไปไหนคนเดียว เห็นอยู่ชัดๆว่าพวกเขาตัวติดกันอย่างกับกาว

“เขา…เขาไม่ว่าง…”
ทันใดนั้นหลงอี้ก็ไม่กล้าที่จะถามต่อ สองคนนี้มีเรื่องอะไรกันอีกเนี่ย
“โอเคครับ งั้นไปกันเถอะ…” หลงอี้เดินนำหน้าเธอไปแล้วเขาก็กดปุ่มที่ข้อมือทันทีซึ่งเป็นการเชื่อมต่อกับดราก้อนมาสเตอร์ ทีนี้ดราก้อนมาสเตอร์ก็จะได้ยินเสียงของเข้าด้วย

“คุณมู่หรงอยากที่จะเจอใครที่ห้องใต้ดินเหรอครับ?” หลงอี้ถาม

สายตาของมู่หรงเสวี่ยเย็นชา “ไปเจอผู้หญิงคนเมื่อวาน” เธอจะปล่อยเธอไว้แบบนั้นได้ยังไง ถึงแม้เธอจะไม่ได้ฆ่าเธอในตอนนั้นแต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย ในชีวิตที่แล้วเธอเป็นคนที่ฆ่าเธอด้วยมือตัวเอง ถึงแม้ว่าเสี่ยวเข่อลี่จะฆ่าอีกเป็นพันครั้งก็ชดเชยไม่ได้หรอก อีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พ่อแม่ของเธอก็คงไม่หายตัวไปแบบนี้

“คุณมู่หรงกับผู้หญิงคนนั้นมีความสัมพันธ์กันยังไงเหรอครับ?” หลงอี้ถามอย่างสงสัย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคุณมู่หรงที่ปกติแล้วจะร่างเริงสดใสราวกับสายลมเย็นมีท่าทางแบบนี้

สายตาของมู่หรงเสวี่ยแวบประกายทำลายล้าง “เป็นศัตรู”
หลังจากนั้นหลงอี้ก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก อันที่จริงเขาเองก็รู้สึกสงสัยเพราะเขาได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับคุณมู่หรงแล้วและคิดว่าจะเอาข้อมูลพวกนี้ของคุณมู่หรงมาใช้ประโยชน์ เพื่อที่จะให้อาชีพหน้าที่การงานของเขารุ่งเรืองและมีความสุข เขาจำข้อมูลของคุณมู่หรงได้ทั้งหมด ในข้อมูลพวกนั้นไม่เห็นมีตรงไหนที่บอกถึงเรื่องที่เธอมีความเกลียดชังกับผู้หญิงที่อยู่ในห้องใต้ดินคนนี้เลย

เป็นอีกครั้งที่หลงอี้รู้สึกสงสัยในความสามารถของดราก้อนพาวิลเลี่ยน เขาต้องเจอปัญหาที่แก้ไม่ได้เกี่ยวกับคุณมู่หรงหลายครั้ง ครั้งที่แล้วคำสั่งของดราก้อนถูกสั่งออกไปแต่ก็ยังหาคุณมู่หรงไม่เจอ เห็นได้ชัดเลยว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับข้อมูลของคุณมู่หรง

เดิมทีเธอก็เป็นเพียงแค่ลูกคุณหนูที่ใสซื่อแล้วจู่ๆก็กลายเป็นว่าเธอเป็นปรมาจารย์ด้านทักษะการแพทย์…

แล้วยังเรื่องยุ่งเหยิงระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้นอีก
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับหลงอี้ก็คือการที่เมื่อคืนคุณมู่หรงโผล่ออกมาจากอากาศตรงหน้า ถึงแม้ดราก้อนมาสเตอร์จะบอกให้พวกเขาเก็บเงียบเรื่องนี้แต่เขาก็ยังรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก เขามองไปที่ร่างของมู่หรงเสวี่ยและรู้สึกสับสนสุดๆ เขาอยากที่จะถามแต่ก็กลัวอารมณ์โกรธเกรี้ยวของดราก้อนมาสเตอร์มากกว่า

ก่อนที่หลงอี้และมู่หรงเสวี่ยจะเดินเข้าไปในห้องใต้ดิน

เสี่ยวเข่อลี่รู้สึกดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า แต่เมื่อเธอเห็นมู่หรงเสวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะพ่นลมออกมา คนสุดท้ายที่เธออยากจะเจอก็คือมู่หรงเสวี่ย เธอรู้ว่าตัวเองทำอะไรกับมู่หรงเสวี่ยไว้บ้าง เธอมาเพื่อดูว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง

“เสี่ยวเข่อลี่ เธอดูจะผิดหวังนะ?! มีอะไรเหรอ? ที่นี่มีคนอื่นที่เธอรู้จักอีกงั้นเหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถามออกไปอย่างเย็นชา

เธอมองไปที่เสี่ยวเข่อลี่ที่ดูจะสุขสบายอยู่ในกรง ในหัวใจเธอมีความมุ่งร้ายและบาดแผลก็ถูกทำแผลเรียบร้อย เธอไม่รู้เลยว่าลองเกอดูแลนักโทษดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรและแม้แต่ใบหน้าของเสี่ยวเข่อลี่ก็ดูไม่ซูบผอมลงเลย นี่มันจะดีไปหน่อยหรือเปล่า? ใครกันที่ทำแบบนี้?!! นี่หมายความว่า “อี้!”

เสี่ยวเข่อลี่เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ไปทางมู่หรงเสวี่ยพร้อมดวงสายตายั่วยวน “ใช่ ฉันกำลังรออนาคตคนรักของเธอให้แวะมาหาอยู่ไง…”

คำพูดยั่วยุนี่ทำให้มู่หรงเสวี่ยรู้สึกโกรธ เธอจำภาพของเสี่ยวเข่อลี่และฟางฉีฮัวตอนที่พวกเขามาอยู่ตรงหน้าเธอได้ ในชีวิตที่แล้วเสี่ยวเข่อลี่ทำลายเธออย่างย่อยยับ ภูมิใจมากเลยงั้นเหรอ?! “ลืมไปแล้วหรือไงว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่ถูกขังอยู่…” เธอดึงกริชออกมาจากเอว

สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่ยังไม่เปลี่ยนแปลง เธอยังคงมองมู่หรงเสวี่ยด้วยรอยยิ้ม
มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างเย็นชา “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะฝากรอยแผลสวยๆไว้ที่หน้าฉันใช่ไหม?” เธอถึงขนาดเอามันวางไปที่หน้าสวยๆที่เย็นชาของตัวเองด้วย

“พระเจ้ารู้ดีว่าฉันคิดว่าเธอคู่ควรกับมันแล้ว…” เสี่ยวเข่อลี่พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่มุมหางตา อันที่จริงในหัวใจเธอรู้สึกตื่นตระหนกอยู่นิดหน่อย แต่เธอจะเผยด้านที่อ่อนแอให้มู่หรงเสวี่ยผู้หญิงที่เธอเป็นคนจับมาเองในชีวิตที่แล้วเห็นได้ยังไงล่ะ

“จริงเหรอ?! งั้นมาลองไหมว่าใครเหมาะสมมากกว่ากัน…” มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างโกรธเกรี้ยวและเฉือนเข้าไปอย่างลึกที่หน้าของเสี่ยวเข่อลี่และทันใดนั้นหยดเลือกสีแดงฉานก็สาดกระจายออกมา

“อ่า! หน้าฉัน” เสี่ยวเข่อลี่กรีดร้องและจ้องไปที่มู่หรงเสวี่ย “มู่หรงเสวี่ย เธอมันนังผู้หญิงชั้นต่ำ กล้าดียังไง?!!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า แล้วทำไมฉันจะต้องไม่กล้าด้วยล่ะ…” มู่หรงเสวี่ยหัวเราะออกมาตอนที่เห็นท่าทางไม่พอใจของเสี่ยวเข่อลี่ “เสแสร้ง อ่า ทำไมต้องทำเสแสร้งด้วย…นี่ยังไม่เท่าหนึ่งในแสนกับที่เธอเคยทำกับฉันก่อนหน้านี้เลย…”

มู่หรงเสวี่ยยกมีดขึ้นทันทีแล้วเฉือนลงที่หน้าอีกฝั่งของเสี่ยวเข่อลี่…

“มันเจ็บมากใช่ไหมล่ะ?! ไม่ต้องห่วงนะ หลังจากนี้ยังมีเรื่องดีๆอีกมาก…” เธอไม่ใช่มู่หรงเสวี่ยที่ขี้ขลาดในชีวิตที่แล้วอีกแล้ว

อย่างไรก็ตามเสี่ยวเข่อลี่เริ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่าฮ่า…”

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไป “บ้าไปแล้วหรือไง…”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอเริ่มแล้วนิ เอาเลย…” เสียงแหลมสูงของเสี่ยวเข่อลี่ดังออกมา “มู่หรงเสวี่ย เธอกับฉันต่างกันตรงไหนเหรอ…ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันไม่นึกเลยนะว่าในชีวิตนี้เธอจะกลายมาเป็นเหมือนกับฉัน…”