DND.724 – สู้กับฟูกุย
คำพูดของซือหยูทำให้อู๋หยางใจเต้นแรงอีกครั้งนางตระหนักได้ว่าซือหยูในตอนนี้กำลังยืนนิ่งอยู่กับที่ขณะที่รอให้หลานกวงฟื้นฟูตัว…
หรือว่าเขาจะไม่ทำอะไรเพราะรอให้หลานกวงรักษาแขน…จากนั้น…เขาก็จะฆ่าหลานกวงรึ?
แม้แต่ตัวนางเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคิดเรื่องอันน่าขันนี้ขึ้นมาได้เพราะพลังของมุกเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเหตุผลที่หลานกวงเจ็บหนัก แต่เหตุผลหลักคือหลานกวงประมาทเกินไป
หลานกวงไม่พอใจจนหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม
“เจ้าเด็กอวดดีคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าร…”
ซือหยูพูดขัดเขาอีกครั้ง
“เจ้าจะกลัวข้าหรือไม่ก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง”
เมื่อพูดจบสภาพอากาศของโลกทั้งใบได้เปลี่ยนไป ท้องนภามืดลงพร้อมกับเมฆาทมิฬจำนวนมากที่รวมตัวกัน พลังสวรรค์พิโรธเริ่มปะทุออกมาจากเมฆาเหล่านั้น
“สวรรค์พิโรธเรอะ?”
จ้าวเทวะทั้งสามอุทานขึ้นมาพร้อมกัน
ขณะที่พวกเขายังตกตะลึงอยู่นั้นเมฆาได้แยกออกและเผยเนตรยักษ์ออกมา เนตรนี้ดูราวกับสุริยันจันทรา มันลอยอย่างองอาจอยู่บนฟ้าและเหลือบมองโลกมนุษย์เบื้องล่าง
“เนตรสวรรค์?”
ทั้งสามอุทานพร้อมกันอีกครั้ง
พวกเขานิ่งราวกับกิ่งไม้พวกเขารู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า เนตรนั้นเต็มไปด้วยพลังสวรรค์พิโรธอันน่ากลัว และมันก็มากพอที่จะทำให้จ้าวเทวะอย่างพวกเขาสั่นกลัว
พวกเขาใจเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับเนตรนั้นส่งคำเตือนว่าถ้าหากพวกเขาขยับแม้แต่นิดเดียวเนตรนั้นก็จะสังหารพวกเขาอย่างง่ายดาย! มันมิได้เกิดกับแค่สามคนนี้เท่านั้น ผู้คนทั้งเฉินหลงยังได้ให้เนตรสวรรค์บนชั้นฟ้าเบื้องบน
ฟู่กุยที่กำลังรีบเดินทางมาด้วยความเร็วสูงสีหน้าหม่นหมอง
“ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์!กู้ไทซูผนึกมันไปแล้วมิใช่รึ? ทำไมมันปรากฏอีกครั้งเล่า?”
เขาพูดต่อด้วยความหวาดกลัวบนใบหน้า
“แย่แล้ว!อู๋หยางกับสองคนนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย!”
ในตอนนั้นมีชายร่างสูงยืนอยู่เหนือยอดเขาขนาดยักษ์ที่กลางทวีปดวงตาของเขาแปลบปลาบราวกับสายฟ้า เขาเงยหน้าจ้องมองเนตรสวรรค์นั้น
เขายิ้มเบาๆ
“เราเจอกันอีกแล้วฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์”
เขาพูดจบและก้าวเดินพร้อมกับหายตัวไปในกลีบเมฆ
เหนือก้นบึ้งมังกร
“ฆ่ามัน!”
ซือหยูสั่งการทั้งโลกปั่นป่วนราวกับเสียงคำสั่งของเขาเป็นเสียงจากสวรรค์ พลังของมันเหนือกว่าสิ่งใด!
เนตรสวรรค์กระพริบตาเบาๆและลืมตาขึ้นมาอีกครั้งการกระพริบตาอย่างปกติของมันทำให้ทั้งโลกตกอยู่ในความเงียบ
หลานกวงที่ถูกปกป้องจากอู๋หยางและชางเซี่ยงได้หยุดการเคลื่อนไหวเริ่มมีเสียงแตกดังออกมาจากร่างกาย หลานกวงกับอู๋หยางที่อยู่ด้านหน้าหันกลับมามองและหยุดนิ่งราวกับศิลา
นั่นก็เพราะดวงตาของหลานกวงนั้นมิใช่ดวงตาของผู้ที่มีชีวิตเขาไม่มีแม้แต่พลังกายหลงเหลืออยู่เลย! ร่างกายของเขาเริ่มสลายราวกับไม้ที่ถูกเผาเป็นเถ้าถ่าน
ร่างของเขาสลายเป็นเศษเสี้ยวตกไปยังก้นบึ้งมังกรจ้าวเทวะผู้ไร้เทียมทานตายแล้ว!
อู๋หยางกับชางเซี่ยงไม่กล้าขยับตัวทั้งคู่รู้สึกว่าเนตรที่ชั้นฟ้ากำลังจ้องมอง พวกเขารู้สึกว่าตายได้ทุกเมื่อ และถ้าหากผลีผลามทำอะไรลงไป ชะตาของพวกเขาก็คงไม่ต่างจากหลานกวง!
เสียงกลืนน้ำลายด้วยความหนักใจดังมาจากชางเซี่ยงขณะที่เหงื่อเย็นๆได้ผุดขึ้นมาบนหน้าผากอู๋หยางทั้งสองจ้าวเทวะไม่กล้าจะสู้กลับอีกแล้วในตอนนี้
ในทีแรกพวกเขาดูถูกซือหยู แต่พอมาถึงตอนนี้ พวกเขาไม่มีแม้ทั้งความคิดที่จะต่อสู้ ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้มันลักลั่นยิ่งนัก!
อู๋หยางใจสั่นและเจ็บแปลบนางขบริมฝีปากแดงและขัดขืนในแววตา นางอยากจะอ้อนวอนขอความเมตตาอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อซือหยูดูเหมือนสิ้นไร้ไม้ตอกนางได้ตำหนิซือหยูอย่างผู้ชนะ ตอนนั้นนางบอกเขาว่าถ้าคิดจะตาย เขาก็ควรจะตายอย่างมีเกียรติ แต่เมื่อนางเผชิญสถานการณ์แบบเดียวกัน นางถึงได้คิดอ้อนวอนขอชีวิต!
ปั้ง!ปั้ง!
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังจนทำให้อู๋หยางใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิมหัวใจนางแทบจะทะลักออกจากอกและไม่กล้าขยับตัว
เมื่อเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นเสียงเรียบเฉยของซือหยูก็ดังตามมา
“เจ้าอยากจะอยู่หรือตาย?”
ถ้าหากเป็นก่อนหน้านี้คำถามนี้คงจะทำให้พวกเขาหัวเราะลั่นกับเรื่องตลกที่เด็กไร้เดียงสากล่าว มันน่าขันนักที่กึ่งภูติถามจ้าวเทวะว่าจะอยู่หรือตาย แต่ตอนนี้เรื่องราวมันเปลี่ยนไปแล้ว!
“ข้ายังไม่อยากตาย!พวกเราพูดไปแล้ว…พวกเรามิได้มีเรื่องบาดหมางต่อกัน โปรดไว้ชีวิตพวกข้าเถอะ”
ชางเซี่ยงหน้าซีด
ชางเซี่ยงรู้สึกว่าความกดดันลดลงเมื่อซือหยูละสายตาจากเขาดูเหมือนว่าซือหยูจะปล่อยเขาไป ชางเซี่ยงรู้สึกว่าร่างกายอ่อนยวบลงไปเพราะความเจ็บปวดในหัวใจเมื่อครู่ก่อน
“เจ้าล่ะ?”
ซือหยูมองอู๋หยาง
อู๋หยางขบริมฝีปากนางอยากจะปฏิเสธข้อเสนอของเขา แต่นางก็ตอบเช่นนี้
“ข้ายังไม่อยากตาย…”
อู๋หยางพูดออกมา
สีหน้าของซือหยูยังคงไร้อารมณ์ราวกับว่าการกดขี่จ้าวเทวะสองคนมิใช่เรื่องน่ายินดี
“ดีตอนที่ข้าบอกให้เจ้าทำอะไรก็จงทำตามคำสั่ง ข้าจะฆ่าคนที่ขัดขืนให้ไม่เหลือแม้แต่ซาก!”
ซือหยูสั่งพวกเขาในเวลาต่อมา
ร่างของจ้าวเทวะทั้งสองชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับว่าเพิ่งเดินผ่านประตูนรกทั้งคู่พยักหน้าอย่างรีบร้อน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นจ้าวเทวะจริง พวกเขาในตอนนี้ก็รู้สึกราวกับเป็นมนุษย์ที่ไร้พลัง
“ไปซะ…”
ทั้งคู่เบิกตากว้างและลังเลแต่เมื่อเงยหน้าพบเนตรสวรรค์ก็พยักหน้าอย่างขมขื่นและทำตามคำสั่งที่เขาได้บอกเมื่อครู่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าแค่ประสงค์เดียวจากซือหยูก็สังหารพวกเขาได้ในพริบตา
ฟึ่บ!
ไม่นานก็มีชายร่างผอมเบ้าตากลวงโบ๋ที่มีเพลิงอยู่ภายในบินมาถึงเขาคือหนึ่งในสิบองครักษ์แสงกระจ่าง…ฟู่กุย
มีองครักษ์แสงกระจ่างมากมายในเขตกลางแต่ก็มีองครักษ์แสงกระจ่างสิบลำดับแรกที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่ถูกเลือกมารับตำแหน่ง ทั้งพรสวรรค์และประสบการณ์ของแต่ละคนอยู่ในขั้นสูงสุด บอกได้เลยว่าฟู่กุยที่ถูกเลือกให้มาตามหาเฉินอี้เจิงนั้นต้องมีพรสวรรค์ที่น่ายกย่อง
“นายท่าน!”
อู๋หยางกับชางเซี่ยงพูดขึ้นมาพร้อมกัน
ทั้งคู่มีคราบโลหิตที่มุมปากในดวงตาเต็มไปด้วยความกลัว พวกเขาหนีจากซือหยูมาที่ข้างฟู่กุย
ฟู่กุยสีหน้าหม่นหมองเมื่อดูสภาพของทั้งสอง
“ข้าบอกให้พวกเจ้าล้อมเขาไม่ใช่ฆ่าเขา!ใครอนุญาตให้พวกเจ้าลงมือตามอำเภอใจกัน!”
อู๋หยางพูดอย่างขมขื่น
“เราทำตามคำสั่งท่านแล้วแต่ไอ้เด็กนี่มันยั่วพวกเรา! หลานกวงไม่พอใจที่ซือหยูลงมือก่อนเลยเริ่มสู้กลับ”
หลานกวงรึ?ฟู๋กุยสับสนเมื่อได้ฟังคำพูดนาง…เพราะเขาคือคนที่เรียกทั้งสามคนมา เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าคนที่ตัวเองเรียกมานั้นเป็นเช่นใด!
แม้หลานกวงจะอารมณ์ร้อนเขาก็เป็นคนฉลาด เป็นไปได้รึที่เขาจะกล้าขัดคำสั่ง?
แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาสั่งให้ทั้งสามล้อมซือหยูโดยไม่ฆ่าเขาก็เริ่มเข้าใจเรื่องราว เพราะหลานกวงคงประมาทศัตรูในท้ายสุด
ฟู๋กุยมองรอบๆและเงยหน้ามองเนตรสวรรค์
“ถ้าอย่างนั้น…หลานกวงก็ตายไปแล้วสินะ?”
อู๋หยางโทษตัวนางเอง
“นายท่านมันเป็นเพราะข้าปกป้องเขาไม่ดีพอ”
ฟู่กุยละสายตาจากเนตรสวรรค์และส่ายหน้าช้าๆ
“ข้าไม่โทษเจ้าหรอกฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ของเจ้านี่มีทัณฑ์แทนสวรรค์ ต่อให้ข้าอยู่ที่นี่ก็ช่วยเขาไม่ได้หรอก”
อู๋หยางกับชางเซี่ยงคอตกเมื่อได้ฟังฟู่กุยทั้งสองเหลือบมองกันเงียบๆ เพราะถ้าหากฟู่กุยช่วยพวกเขาไม่ได้ พวกเขาก็คงได้แต่ทำตามคำสั่งของซือหยู
ฟู่กุยชายตามองซือหยู
“เจ้าทำให้ข้าตกใจมานักต่อนักแม้จุดกำเนิดพลังจะถูกทำลาย เจ้าก็แข็งแกร่งกว่าเดิมโดยไม่เสียพลังไป! ข้าบอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเจ้าเป็นภูติหรือกึ่งภูติกันแน่”
เขาคิดว่าถ้าซือหยูปรากฏตัวก็คงไม่เป็นปัญหานักเพราะเขาเสียพลังไปแล้วไม่มีใครคิดเลยว่าซือหยูจะโชคดีเช่นนี้หลังจากถูกทำลายฐานพลังไป! และเขาก็ฆ่าจ้าวเทวะไปแล้วหนึ่งคนทันทีที่ปรากฏตัว!
แววตาของซือหยูไม่ใส่ใจนัก
“เจ้ายังพอมีโอกาสบอกข้ามาว่าเซี่ยจิงหยูเอาร่างเซี่ยนเอ๋อไปไว้ที่ไหน”
จิตสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาซือหยูเมื่อเอ่ยนามเซี่ยจิงหยูแม้เซี่ยนเอ๋อจะไม่ได้ตายเพราะนาง แต่หลายต่อหลายเหตุการณ์ก็เกิดจากนางที่หักหลัง
คนอื่นยังคงเชื่อว่าเซี่ยจิงหยูถูกฮงหลวนควบคุมเอาไว้แต่ซือหยูที่มีเนตรวิญญาณรู้ดีว่าฮงหลวนไม่ได้ควบคุมวิญญาณของเซี่ยจิงหยูแม้แต่น้อย
ทุกอย่างเป็นฝีมือของเซี่ยจิงหยูเอง!
“ข้าสกัดพลังสายโลหิตของนางมาแล้วมีแค่เศษกระดูกนางเหลืออยู่เท่านั้น ถ้าเจ้าชุบชีวิตโครงกระดูกได้ข้าก็จะเมตตาคืนมันให้เจ้า”
ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย
แต่สายตาซือหยูกลับไม่แปรเปลี่ยน
“ถ้าตอบแล้วข้าก็จะส่งเจ้าไปลงนรก…”
เสียงของเขาดั่งสายฟ้าลั่นที่มีพลังจากสวรรค์
เมฆาทมิฬบนนภากระจัดกระจายเผยให้เห็นเนตรสวรรค์ที่กระพริบตามองฟู่กุยมีเสียงกรีดเนื้อดังเหมือนกับมีบางอย่างถูกฉีกกระชาก
แต่ฟู่กุยยังคงยืนอยู่อย่างปลอดภัยมีผงสีดำร่วงลงมาจากชุดของเขา
“หึหึฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์นี้แข็งแกร่งจริงๆ มันคงจะดีถ้าใช้กับจ้าวเทวะคนอื่น! แต่กับข้าน่ะไม่ได้ผลหรอก!”
ฟู่กุยเย้ยหยันหัวผีสิบหัวพุ่งออกมา แต่ละหัวมีรูปลักษณ์ใบหน้าที่น่าเกลียดและมีเขี้ยวยาว แต่ละหัวนี้มีพลังภูติระดับเก้า
ฟู่กุยได้ใช้หัวผีหนึ่งหัวมารับพลังแทนเขาในตอนที่ใกล้ตาย
“กินมัน!”
ฟู่กุยสั่งเหล่าหัวผีขณะที่เขาถอยออกไปเขาอยากจะรักษาระยะห่างระหว่างซือหยูเผื่อว่าเขาจะมีวิชาประหลาดที่อาจใช้ได้
ซือหยูแววตาเยือกเย็นเขาไม่ได้สับสนกับความล้มเหลวของเนตรสวรรค์เลย
เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นสิ่งที่ฟู่กุยต้องหวาดกลัวได้เกิดขึ้นตามมา อู๋หยางกับชางเซี่ยงได้จู่โจมเขาด้วยวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ละคน!
“หนามกระหายเลือด!”
อู๋หยางตะโกนและดันฝ่ามือที่มีพลังมหาศาลออกไปพลังระดับนี้ใช้ได้จากจ้าวเทวะเท่านั้น
พร้อมกันนั้นชางเซี่ยงยังดันฝ่ามือไปที่แผ่นหลังของฟู่กุยขณะที่ตะโกน
“ฝ่ามือสุริยันเผาสวรรค์!”
ฝ่ามือของชางเซี่ยงมีพลังชีวิตที่ทรงพลังและสามารถแยกแผ่นดินออกมาได้ส่วนฝ่ามือของอู๋หยางก็อัดพลังประหลาดลงในร่างฟู่กุย
ฟู่กุยถูกลอบโจมตีโดยคนของเขาเอง!เขาที่ไม่ระวังตัวได้รับกระบวนท่าทั้งสองโดยตรง!