ตอนที่ 725

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.725 – พลังผนึกเทพ

 

ฉั่วะ!

  

ฟู่กุยกระอักเลือดออกมาเขาตีลังกากระเด็นไปหลายรอบเพราะกระบวนท่าของทั้งสอง ชุดสีอำพันของเขาฉีกขาดเพราะท่าของชางเซี่ยง มันทำให้เส้นผมของเขากระเจิงเต็มไปหมด

  

“กล้าดียังไง!…”

  

ฟู่กุยตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวเขามิได้โกรธเพราะถูกทำร้าย แต่เขาโกรธแค้นที่โดนทรยศ

  

เขาสะบัดชุดเบาๆและยืนขึ้นเขาไม่ได้บาดเจ็บมากนักจากท่าของชางเซี่ยง

  

“ชางเซี่ยงข้าเป็นคนสอนวิชาฝ่ามือนี้กับเจ้า แต่เจ้าก็กล้าใช้มันใส่ข้างั้นเรอะ?”

  

ฟู่กุยเช็ดโลหิตที่มุมปาก

  

แต่เมื่อพูดจบเขาก็กระอักเลือดอีกครั้ง มีหนามอยู่ในโลหิตที่กระอักออกมาด้วย

  

“หนามกระหายเลือด?”

  

จิตสังหารของฟู่กุยเอ่อล้นออกมา

  

“อู๋หยางเจ้าเพิ่งจะเป็นจ้าวเทวะเมื่อเดือนก่อน แต่เจ้าก็ควบคุมผนึกเทพได้เร็วนัก ไม่เลว…”

  

เมื่อเขาพูดก็กระอักเลือดมาาอีกครั้งมันยังมีหนามอยู่ในเลือดของเขาอีก ผนึกเทพเป็นผนึกที่เกิดขึ้นเมื่อคนได้เป็นจ้าวเทวะ จ้าวเทวะหลายคนใช้เวลาอย่างยาวนานในการหล่อหลอมผนึกเทพหลังจากที่เป็นจ้าวเทวะ

  

ชางเซี่ยงมิได้ผนึกเทพของตัวเองแม้จะใช้เวลาทั้งปีแต่อู๋หยางกลับได้มาโดยเวลาแค่เดือนเดียว เห็นได้ชัดว่านางแข็งแกร่งกว่าชางเซี่ยงเพราะสร้างผนึกขึ้นมาได้

  

บาดแผลภายในส่วนใหญ่ที่ฟู่กุยได้รับนั้นเกิดจากอู๋หยางถึงแม้ท่าของชางเซี่ยงจะดูแกร่ง มันก็ไม่ได้ทำให้ฟู่กุยบาดเจ็บมากนัก

  

อู๋หยางเบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัวนางอยากจะอธิบายทุกสิ่งกับเขา แต่ทั้งซือหยูและเนตรสวรรค์ยังคงอยู่ นางทำได้แค่กัดฟัน

  

“นายท่านขอต้องขออภัย แต่พวกเราถูกบังคับให้ทำ อย่าถือโทษพวกข้าเลย”

  

ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย

  

“ข้าจะว่าอะไรพวกเจ้าเล่า?ถ้าจู่โจมข้า มันก็เป็นข้ออ้างที่ดีให้ข้าเปลี่ยนพวกเจ้าเป็นหัวผี! ข้าจะกล่าวโทษพวกเจ้าทำไมกัน?”

  

สีหน้าของทั้งสองแปรเปลี่ยนจนซีดเผือดหัวผีที่เขาพูดถึงก็คือสิ่งที่เขาปลดปล่อยออกมาได้ เขาใช้หัวของศัตรูในการสร้างมันขึ้นมา!

  

วิชาเช่นนี้เป็นวิชาต้องห้ามในเขตกลางเขาจึงไม่กล้าจะไล่ล่าจ้าวเทวะเพื่อสร้างมัน แต่นั่นก็แค่ในจิวโจว ทุกสิ่งล้วนไม่มีผลเมื่อเขาอยู่ที่เฉินหลง!

  

ทั้งคู่หวาดกลัวอย่างมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้พวกเขารีบบินหนีเมื่อรู้สึกได้ว่าฟู่กุยโกรธแค้นเพียงใด

  

“หึหึหึ…”

  

ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้ายและส่งหัวผีอีกสองหัวออกมา

  

หัวผีทั้งสองใหญ่กว่าหัวธรรมดาๆพวกมันมีพลังที่เหนือกว่าภูติ มันมีพลังเท่าจ้าวเทวะ!

  

“อย่าเข้ามานะ!”

  

ทั้งสองตะโกนด้วยความกลัว

  

หัวผีที่มีพลังระดับจ้าวเทวะมิได้แข็งแกร่งกว่าหัวอื่นๆเท่านั้นแต่มันยังดุร้ายและบ้าเลือดกว่ากันมาก! เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเผชิญหน้ากับสิ่งนี้

  

ชางเซี่ยงถูกหัวผีตามทันและถูกกัดชุดเกราะทันทีจากนั้นมันจึงกัดเขาและฉีกร่างไปครึ่งส่วน

  

ชางเซี่ยงกรีดร้องเขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะหนีขณะที่ถูกกัดฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ เขาตายอย่างน่าสยดสยองที่สุด! สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้อู๋หยางชาไปทั้งตัว นางกัดฟันเพิ่มความเร็วในการหลบหนีเป็นสามเท่า

  

ฟู่กุยตกใจเล็กน้อย

  

“วิชาระดับตำนานระดับสองรึ?หึหึ เจ้าซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ด้วย? แต่ก็น่าเสียดาย ไม่มีอะไรหยุดข้าได้ถ้าข้าต้องการหัวเจ้า!”

  

หัวผีไล่ล่าอู๋หยางอย่างรวดเร็วมันกำลังจะกัดนาง อู๋หยางหวาดกลัวอย่างมาก นางกรีดร้องเสียงดัง

  

“ซือหยูช่วยข้าด้วย!”

  

“ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอกมันยังปกป้องตัวเองไม่ได้เลย!”

  

ฟู่กุยเยาะเย้ย

  

แต่เมื่อเขาพูดก็มีสายฟ้าปรากฏออกมารอบตัวอู๋หยางหัวผีที่ไล่ล่านางกรีดร้องทุรนทุรายไปครู่หนึ่งก่อนจะหายไปเหลือเพียงแค่ควัน

  

พรึ่บ!

  

ในตอนนั้นสัตว์ดุร้ายที่ร่างกายเต็มไปด้วยสายฟ้าได้ปรากฏขึ้น มีสายฟ้าปะทุออกมาจากจมูกเมื่อมันหายใจออก ลมหายใจสายฟ้าที่มันปล่อยออกมาได้ตกลงท้องทะเลและเปลี่ยนมันเป็นทะเลเพลิง เหล่าวารีทั้งหมดได้ระเหยไป

  

รอยยิ้มของฟู่กุยหุบลงแทนที่ด้วยความครั่นคร้าม

  

“จิตวิญญาณสายฟ้า!”

  

เหล่าจิตวิญญาณสายฟ้าจะเกิดขึ้นมาท่ามกลางสายฟ้าและครอบครองสายฟ้าที่แข็งแกร่งว่ากันว่าสายฟ้าที่เป็นวิบัติสวรรค์ถูกควบคุมโดยจิตวิญญาณสายฟ้าตัวหนึ่ง เหล่าจิตวิญญาณสายฟ้าถือเป็นสิ่งต้องห้ามกับความมืดและสิ่งชั่วร้าย!

  

ฟู่กุยโบกมือเพื่อสั่งให้หัวผีจ้าวเทวะบินกลับมาหาเขาแต่จิตวิญญาณสายฟ้าก็มองเห็นก่อนและพุ่งเข้าไปกัดหัวผีและเริ่มกินมัน! จิตวิญญาณสายฟ้านั้นเกลียดชังสิ่งชั่วร้ายทุกอย่าง แม้ว่าซือหยูจะไม่สั่ง มันก็จะเข้าไปจู่โจมอยู่ดี!

  

“เจ้าหนูเจ้าต้องตายอย่างทรมาน!”

  

ฟู่กุยบินเข้าหาซือหยูที่ถือตราหยกหลากสีในมือและจ้องมองอย่างเคียดแค้น

  

ไม่มีหัวผีล้อมรอบซือหยูอีกแล้วพวกมันทั้งหมดได้กลายเป็นเถ้าถ่านเพราะจิตวิญญาณสายฟ้า ซือหยูดูจะไม่สนใจอะไร

  

“เจ้าห่วงตัวเองก่อนดีหรือไม่”

  

เขาพูดและปล่อยพลังชีวิตลงในตราหยกตราสายฟ้าเปล่งแสงจ้า จิตวิญญาณสายฟ้าเริ่มขัดขืนขณะที่จ้องมองซือหยูอย่างโกรธแค้น มันแยกเขี้ยวให้เขาด้วย มันไม่ยอมจำนนต่อเขา

  

แต่ตราสายฟ้าห้าธาตุนั้นเป็นต้นแบบสมบัติภูติและยากที่ะจต่อต้านจิตวิญญาณสายฟ้าร้องคำรามเสียงดังจากนั้นจึงพุ่งเข้าหาฟู่กุย

  

ฟู่กุยดวงตาสั่นระริกเขารีบหลบเพราะไม่กล้าจะปะทะกับสิ่งที่ทรงพลังเช่นนี้ แต่เขาก็ช้าไป แขนเสื้อของเขาถูกจิตวิญญาณสายฟ้ากัดและเพลิงอัสนีก็ได้ไหม้ลามไปยังตัวเขา

  

เหล่าสิ่งชั่วร้ายที่เขาซ่อนเอาไว้ได้กรีดร้องออกมาทันทีพวกมันถูกเพลิงอัสนีเผาจนสิ้น

  

“อ๊าาา!ไอ้สัตว์นรก!”

  

ฟู่กุยตกตะลึงเขาร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวและตัดแขนเสื้อทิ้งหนีออกมา

  

เขามองดูสิ่งที่เหลือข้างในแขนเสื้อเขาพบว่าเหล่าภูติผีทั้งหมดและของสิ่งอื่นที่เขาซ่อนเอาไว้ถูกเผาไม่เหลือรอด กว่าครึ่งเป็นสิ่งที่เขาใช้เวลามาตลอดชีวิตในการรวบรวม แต่มันก็ถูกทำลายในพริบตาเดียนว!

  

“ไอ้สัตว์เดรัจฉานข้าจะฆ่าเจ้า”

  

ฟู่กุยคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวเพลิงภูติในดวงตาพุ่งออกไปยังจิตวิญญาณสายฟ้า

  

จิตวิญยาณสายฟ้าลังเลไปพริบตาหนึ่งมันดูเป็นกังวลแต่ก็พุ่งเข้าใส่เพลิงภูตินั้น เพลิงภูติทั้งสองมีพลังที่ชั่วร้ายอย่างมาก มันต้านทานจิตวิญญาณสายฟ้าได้ครู่หนึ่ง

  

ฟู่กุยใช้เวลาที่มีระเบิดความโกรธใส่ซือหยูและกัดฟันแน่น ดวงตาของเขาได้เสียเพลิงภูติไปแล้ว มันดูดำสนิท

  

“เจ้าต้องตาย!”

  

ฟึ่บ!

  

ฟู่กุยมีวิชาการเคลื่อนที่อันรวดเร็วเขาจะตามซือหยูทันในพริบตาเดียวถ้าหากไม่มีใครมายุ่ง และแม้ว่าเขาเข้าใกล้ซือหยูอย่างมาก ซือหยูก็ไม่รู้ตัว

  

“ตายซะไอ้เด็กเวร!”

  

ฟู่กุยดันฝ่ามือไปที่อกของซือหยูเพื่อที่จะทะลวงเอาหัวใจของเขาออกมา

  

ในตอนนั้นซือหยูได้หันไปและพูดอย่างใจเย็น

  

“ข้ารอเจ้ามานานแล้ว”

  

ขณะที่พูดลำแสงจ้าได้เปล่งประกายล้อมทั้งโลก แสงนั้นพุ่งออกมาจากตาซ้ายของเขา มังกรม่วงที่มิอาจเห็นด้วยตาเปล่าได้ปรากฏรอบตัวฟู่กุยและรัดเขาเอาไว้

  

“ผนึกเวลา!”

  

มังกรม่วงรัดรอบตัวฟู่กุยจนขยับไม่ได้ราวกับว่าเวลาหยุดนิ่งลง!เขาทั้งตกใจและหวาดกลัว

  

เพราะห้วงเวลานั้นเป็นของทุกสิ่งมีชีวิตมันคือกฎเกณฑ์ที่แน่วแน่ เป็นสิ่งที่มิอาจมีใครก้าวล่วงได้ เขาไม่คิดเลยว่าจะมีมนุษย์คนหนึ่งที่ควบคุมมันได้!

  

แม้ว่าจะมีคนที่มีพลังพิเศษติดตัวมาแต่กำเนิดแต่ก็ไม่มีใครที่เคยหยุดการไหลของห้วงเวลาได้มาก่อน มันเหมือนกับที่เกิดขึ้นในตอนนี้! สติของเขาหลุดลอย…

  

เจ้าเด็กนี่มีพลังวิเศษที่น่าขนลุกโดยที่เขาคิดไม่ถึง!

  

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความกลัวมองซือหยูที่พุ่งมาข้างหน้าอย่างสิ้นหวังซือหยูหยิบเอาเส้นไหมบางๆออกมา เส้นไหมนี้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เขาพันเส้นไหมรอบคอฟู่กุย

  

แม้ว่าเวลาของฟู่กุยจะหยุดลงแต่เขาได้พุ่งเข้าใส่ซือหยูก่อนที่เวลาจะหยุด ดังนั้นพลังที่เหลืออยู่จึงทำให้เขาไปข้างหน้าต่อไปด้วยความเร็วที่สูงมาก…จนถึงตอนนี้

  

ฉั่วะ!

  

เสียงโลหิตพุ่งกระจายดังสู่หูฟู่กุยมันคือเสียงสุดท้ายที่เขาได้ยินในชีวิตนี้ นั่นก็เพราะว่าหัวของเขาถูกเส้นไหมบั่นไปแล้ว!

  

ร่างไร้หัวตกลงไปยังมหาสมุทรหัวค่อยๆลอยลงช้าๆและมีร่างเงาโปร่งใสบินออกมาด้วย แต่ร่างเงานี้ก็มิอาจมองเห็นได้ด้วยตา มีเพียงจ้าวเทวะด้วยกันหรือวิญญาณเท่านั้นที่จะมองเห็นได้

  

และร่างเงาโปร่งใสนี้ก็มีรูปลักษณ์เหมือนกับฟู่กุยทุกประการ!จ้าวเทวะนั้นมีพลังวิเศษที่จะปล่อยวิญยาณออกจากร่างได้ แม้ร่างกายฟู่กุยจะตาย แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

  

“ซือหยู….”

  

ฟู่กุยร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งขณะที่ความชิงชังได้เอ่อล้นมาจากใจ

  

“เจ้าจะต้องเสียใจ”

  

เขาพูดจบและบินไปยังก้นบึ้งมังกรที่ถูกผนึกด้วยใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ผนึกนี้ป้องกันไม่ให้ใครเข้ามาได้ แต่วิญญาณนั้นทะลวงผ่านได้ทุกสิ่ง ถึงวิญญาณของฟู่กุยจะไม่แข็งแกร่งเท่าร่างกาย แต่มันก็มากพอที่จะสร้างโศกนาฏกรรมที่นั่นเพราะทุกคนในก้นบึ้งมังกรล้วนอ่อนแอ

  

แต่หลายคนในก้นบึ้งมังกรคือคนที่ซือหยูรู้จักมักคุ้นและซือหยูต้องการปกป้องพวกเขาเหล่านั้น

  

“ฮ่าๆๆๆซือหยู จงดูข้าฆ่าคนที่เจ้ารักซะ แม้แต่พ่อตาเจ้าก็จะไม่เว้น! จงใช้ชีวิตอย่างรู้สึกผิดบาปไปซะเถอะ!”

  

ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย

  

เพราะตอนนี้เขาเป็นร่างวิญญาณซือหยูมิอาจทำอันตรายเขาได้ ซือหยูจะทำได้เพียงมองดูญาติมิตรถูกล้างสังหารอย่างสิ้นหวังเท่านั้น แต่ตอนนั้นซือหยูกลับพูดออกมา

  

“ทั้งที่เหลือแค่ร่างวิญญาณเจ้าก็ไม่ไปซ่อนตัวแต่ยังคิดจะทำร้ายผู้คนอยู่อีกรึ?”

  

“ทีแรกข้าก็ไม่อยากจะไล่ตามเสี้ยววิญญาณของเจ้าแต่ถ้าเจ้าอยากตายนัก ข้าก็จะส่งเจ้าไปลงนรกเอง!”

  

ดวงตาของซือหยูเปลี่ยนสีเป็นสีเทาเงินและมีวายุปรากฏอยู่ภายใน