“สิ่งนั้นคืออะไรกัน”
กโยซึลก้าวเข้าไปหาบีพาอันอย่างระมัดระวัง ทันทีที่ไปยืนอยู่ตรงหน้าเขา นางก็ยื่นชุดสีแดงที่ตนถือไว้ให้เขาทันที
ชุดอภิเษกสมรส
“ชุดที่ฝ่าพระบาทฮวางแทจาทรงลืมไว้ที่ห้องหม่อมฉันในคืนวันส่งตัวเพคะ”
“เหตุใดถึงนำมาคืนเราในตอนนี้”
“…” คำถามที่กโยซึลไม่ต้องการได้ยินมากที่สุดถูกเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ทันทีที่ฟังคำถามนั้นไหล่ของกโยซึลก็กระตุกอย่างเห็นได้ชัด ท่าทีกระสับกระส่ายนั้นไม่อาจรอดสายตาของบีพาอันไปได้
“โอ้ คงจะมีเหตุผลบางอย่างสินะ เป็นเหตุผลที่บอกเราไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
บีพาอันลูบริมฝีปากของตนราวกับตั้งใจจะหยั่งเชิงกโยซึล น้ำเสียงเชิงหยอกล้อนั้นราวกับกำลังชี้นิ้วไปที่นาง หากเค้ายิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเพียงสักนิด ตนอาจจะกล่าวโทษที่เขาปล่อยให้ตนต้องนอนคนเดียวทุกคืนมาตลอด หากเขาถามคำถามด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ตนอาจจะระบายความโศกเศร้าที่เก็บไว้ออกไป การที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาที่ทำหน้าเรียบเฉยอยู่อย่างนี้ถือเป็นการทรมานที่โหดร้ายนัก เขาที่ทั้งเย็นชาและเพิกเฉยต่อทุกสิ่งอยู่เสมอนั้น แม้ว่าจะมองทะลุทุกสิ่ง รู้อยู่แล้วทุกอย่าง ทว่ากลับเอาแต่ทำเป็นเหมือนไม่รู้อะไร
กโยซึลกำหมัดพร้อมกับหลับตาแน่น แล้วตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงราวกับว่ากำลังกรีดร้อง
“เพราะในตอนนี้หม่อมฉันไม่ต้องการมันอีกแล้วเพคะ”
กโยซึลคิดว่าตนตะโกนออกไปจนสุดเสียงแล้ว ทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับเป็นน้ำเสียงธรรมดา เพียงแค่มันไม่สั่นไหวเท่านั้น นางเปล่งเสียงพูดต่อหน้าบีพาอันให้ดังได้เพียงเท่านี้จริงๆ กโยซึลเมื่อเห็นว่าบีพาอันไม่ยอมรับชุดที่ตนยื่นให้จึงนำมันวางลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ ชายเสื้อสีแดงยาวห้อยลงสัมผัสพื้น และก่อนที่กโยซึลจะหันหลังออกไป บีพาอันก็เอ่ยคำที่นางพูดเมื่อครู่ขึ้นมาเสียก่อน
“ในตอนนี้ไม่ต้องการมันแล้ว” หลังจากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงว่างเปล่า “แสดงว่าก่อนหน้านี้ต้องการมันสินะ”
“ใช่เพคะ เพราะหม่อมฉันจำเป็นต้องมีสิ่งที่เป็นตัวแทนของพระองค์ไว้บ้าง”
กโยซึลเอ่ยตอบออกไป ทว่ามันไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการจะพูด ทันทีที่ได้ยินสิ่งที่บีพาอันเอ่ย ปากและลิ้นของนางก็ทำงานโดยอัตโนมัติ
“เป็นตัวแทนเราอย่างนั้นหรือ”
น้ำเสียงของบีพาอันย้ำหนักแน่น กโยซึลไม่อาจต่อต้านเขาได้เลย นางไม่อาจโกหกเขาได้เลย ความกดดันที่แสนเย็นชาที่ออกมาจากปากเขานั้นทำให้กโยซึลไม่อาจทำสิ่งใดได้เลย
นี่มันคือการทรมานกันชัดๆ
การทรมานที่เจ็บปวดไปถึงกระดูก ตาของกโยซึลเริ่มชื้นขึ้น ขอบตาของนางร้อนผ่าว ใบหน้าแดงก่ำ ฝ่ามือซีดเผือดและสั่นระริก กโยซึลที่ไม่อาจทนกับความรู้สึกนี้ได้อีกต่อไปสุดท้ายจึงระเบิดคำพูดออกไป
“หม่อมฉันรู้สึกเหน็บหนาวมาตลอดจึงจำเป็นต้องมีสิ่งที่ทำให้หม่อมฉันอบอุ่นเพคะ เพราะเหตุนี้หม่อมฉันจึงพึ่งพิงฉลองพระองค์ที่ฝ่าพระบาททรงทิ้งไว้มาตลอด หม่อมฉันนำมันไปแขวนไว้ที่ผนังห้อง จ้องมองและลูบไล้มัน คิดเสียว่ามันคือพระองค์ คิดเสียว่ามันเป็นสิ่งที่แทนพระทัยของพระองค์เพคะ”
ขณะนี้กโยซึลเอ่ยพูดกระทั่งสิ่งที่บีพาอันไม่ได้ถาม นางสารภาพความรู้สึกของตนด้วยน้ำเสียงที่สั่นขึ้นทีละนิด และแผ่วเบาลงเรื่อยๆ
“เพียงผ้าผืนเดียว” บีพาอันก้มมองชุดอภิเษกด้วยสายตาเย็นยะเยือก ผ้าผืนนุ่มถูกแช่แข็งไปแล้ว ในตอนนี้เหมือนกับว่ามันพร้อมที่จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ “มันสามารถแทนตัวเรา และทำสิ่งใดให้ชายาได้อย่างนั้นหรือ”
“หม่อมฉันใช้มันต่างอ้อมกอดที่ไร้ซึ่งน้ำหนักเพคะ ถึงแม้จะดูโง่เขลายิ่งนัก ทว่าหม่อมฉันก็หวังว่าเพียงแค่หม่อมฉันสัมผัสชายเสื้อก็จะสามารถทำให้ตนอบอุ่นขึ้นมาได้บ้าง หม่อมฉันลูบไล้มัน สัมผัสมัน และ…โอบกอดมันเพคะ”
“ชายาต้องการให้เรากอดเช่นนั้นหรือ คงไม่ใช่กระมัง”
“หามิได้เพคะ…”
“หมายความว่าอยากจะให้เรากอดอย่างนั้นหรือ” บีพาอันถามคำถามมากกว่าปกติ ไล่ต้อนมากกว่าปกติ
กโยซึลไม่เคยสนทนากับเขายาวนานเช่นนี้มาก่อน ถึงแม้จะเป็นเรื่องแปลกอยู่บ้าง ทว่ากโยซึลเองก็ไม่สามารถตอบออกไปได้
ตนต้องการให้เขากอดอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นหมายความว่าจะเป็นใครที่กอดตนก็ได้อย่างนั้นหรือ
“หากทรงประสงค์เช่นนั้น…หม่อมฉันเป็นชายาเอกของพระองค์มิใช่หรือเพคะ”
ช่างเป็นคำตอบที่โง่เขลานัก มันเป็นการโยนคำตอบให้กับฝ่ายตรงข้าม หัวใจของนางเต้นรัวแรง
ไม่ใช่ นางไม่ได้ต้องการให้ใครก็ได้มาโอบกอด ทว่าเพียงแค่เคยคิดว่าหากเป็นบีพาอันแล้ว คงต้องยอมอย่างเสียไม่ได้เท่านั้น หากแต่เขาไม่ใช่ผู้ที่นางต้องการให้โอบกอด ใบหน้าอ่อนโยนของรูแฮผลุดขึ้นมาทันทีที่กโยซึลนึกถึงคนที่นางต้องการให้โอบกอด นางเองในวันนี้ก็แปลกไปจากปกติเช่นเดียวกับบีพาอันที่ไล่ต้อนถามคำถาม นางกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ตนคิดออกไปอย่างกล้าหาญ
“หม่อมฉันไม่ได้ต้องการให้พระองค์มาโอบกอดอะไรเพคะ”
ดวงตาของบีพาอันเป็นประกายเมื่อได้ยินคำตอบที่ตรงไปตรงมาของกโยซึล เขาเดินเข้าไปใกล้นาง กโยซึลไม่อาจขยับตัวได้ ระยะห่างระหว่างทั้งคู่ลดน้อยลงเรื่อยๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ราวกับกลิ่นของเด็กน้อย และกลิ่นของลมเย็นตลบอบอวลไปทั่วทิศ บีพาอันยื่นมือออกไป แขนของเขาทับอยู่บนแขนของกโยซึลที่ยืนก้มหน้าอยู่ เขาค่อยๆ ไล่สัมผัสตั้งแต่หัวไหล่ของนางลงมาจนถึงท่อนแขนอย่างช้าๆ กโยซึลรู้สึกได้ถึงสัมผัสมือของบีพาอันผ่านชุดฤดูร้อนอันบางเบาที่ตนสวมใส่อยู่ได้อย่างชัดเจน
มือของบีพาอันร้อนระอุ ฝ่ามือที่แผ่ไอร้อนออกมาจับที่ข้อมือของกโยซึล จะเรียกว่าเป็นการกอดก็ดูจะห่างไกลเกินไป ทว่าจะเรียกว่าเป็นเพียงแค่การจับข้อมือเท่านั้นก็ดูจะน้อยไปนัก แขนของทั้งคู่อยู่ในระนาบเดียวกัน บีพาอันก้มลงมองไปที่กโยซึล ทว่ากโยซึลหาได้มองไปที่เขาไม่ นางเพียงแค่มองตรงไปข้างหน้า เมินเฉยต่อสายตาของบีพาอันที่จ้องมองมา พยายามทำเหมือนว่าตนไม่เห็นสายตานั้น ไม่รู้ว่าเขากำลังจ้องมองอยู่ แต่ข้อมือของนางยังคงร้อนระอุ กโยซึลยังคงสัมผัสได้ถึงฝ่ามือร้อนของบีพาอันที่จับข้อมือของตนไว้ เป็นความรู้สึกเดียวที่นางไม่สามารถเมินเฉยต่อมันได้
ทำไมกัน
เหตุใดในตอนนี้เขาถึงได้มาจับข้อมือของตน กโยซึลไม่เข้าใจการกระทำของบีพาอันเลยสักนิด อีกทั้งยังไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองอย่างไร ไม่รู้ว่าช่วงเวลาแสนอึดอัดที่ตนเพียงแค่ถูกจับข้อมือเอาไว้ หาได้ถูกโอบกอดแต่อย่างใดไม่ผ่านไปนานเท่าไร