อวี้เฟยเยียนพาเชียนเยี่ยเสวี่ยมาถึงที่ด้านหน้าประตูห้องของเหลียนจิ่น แต่ยังมิทันที่จะเคาะประตู ประตูก็ถูกเปิดออก เสียก่อน มั่วซางในชุดดำในมือกำกระบี่สีดำคู่กายแน่นยืนค้ำอยู่
“พาเขาไปด้วยเถอะ!”
เหลียนจิ่นที่ยืนอยู่เบื้องหลังของมั่วซางยิ้มอ่อนโยนออกมาแล้วกล่าวว่า
“มั่วซางช่วยเจ้าได้!”
“หา นี่เขารู้ได้อย่างไรกันว่าเจ้าจะมาหาเขา”
เชียนเยี่ยเสวี่ยประหลาดใจไม่น้อย สายตาของเขากำลังสำรวจเหลียนจิ่นโดยละเอียด
“มติสวรรค์มิอาจแพร่งพราย!” เหลียนจิ่นยิ้มกริ่มพร้อมกล่าวตอบ
“ขอบคุณมากนะ!”
อวี้เฟยเยียนพยักหน้าตอบรับเหลียนจิ่น เมื่อทั้งสามคนเดินออกมาถึงที่ประตูหน้า จู่ๆ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งวิ่งมาขวางพวกเขาเอาไว้ ซย่าโหวฉิงเทียนสีหน้าเศร้าสร้อยอมทุกข์จ้องมองมาที่อวี้เฟยเยียน ดวงตากลมโตสุกใสนั่นจ้องมาที่นางตาไม่กระพริบ
แมวน้อยมีความลับหรือนี่
ความลับที่มิอาจแพร่งพรายให้คนนอกอย่างเขาได้รับรู้!
ยิ่งคิดซย่าโหวฉิงเทียนก็ยิ่งทุกข์ใจ
หากมิใช่ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพที่ช่วยอะไรใครมิได้เช่นนี้ละก็ อวี้เฟยเยียนจะมาอยู่กับเชียนเยี่ยเสวี่ยได้อย่างไรกัน นางยินยอมที่จะขอร้องเหลียนจิ่นแต่มิยอมมาขอร้องให้เขาช่วย
“ซาซา เด็กนี่มิได้เป็นอะไรกับเจ้าแน่ใช่ไหม”
เชียนเยี่ยเสวี่ยกระทุ้งศอกใส่อวี้เฟยเยียนแล้วกระซิบเบาๆ ว่า
“ข้ารู้สึกว่าแววตาของเขาคล้ายคลึงกับเจ้าชายชู้นั่นมากเลยทีเดียว แปลกจริง”
“เสวี่ย เจ้ากับมั่วซางล่วงหน้าไปก่อน อีกสักครู่ข้าตามไปสมทบ”
“ไม่มีปัญหา!”
เห็นเชียนเยี่ยเสวี่ยโต้ตอบกับอวี้เฟยเยียนด้วยท่าทีโอนอ่อนผ่อนตามเช่นนั้นทำให้ซย่าโหวฉิงเทียนยิ่งคิดมาก
“แมวน้อย…”
ร่างน้อยๆ ของเด็กชายยืนอยู่ท่ามกลางความมืดยามราตรียิ่งทำให้ดูบอบบางยิ่งนัก
อวี้เฟยเยียนเดินเข้าไปหาเด็กชาย นางนั่งลงตรงเบื้องหน้าของเขาแล้วกับดึงเด็กชายเข้ามาสวมกอด พร้อมกับกล่าวถาม
“เหตุใดยังมิเข้านอนอีก”
“ไม่มีเจ้า ข้านอนไม่หลับ”
ซย่าโหวฉิงเทียนยื่นมือออกไปสวมกอดอวี้เฟยเยียนแน่น พร้อมกับสูดเอากลิ่นอายของนางเข้าเต็มปอด
“แมวน้อย เจ้ามิต้องการข้าแล้ว”
“พูดเหลวไหล! ใช่ที่ไหนกัน!”
อวี้เฟยเยียนจิ้มไปที่ศีรษะของเด็กชายตัวน้อยแล้วค่อยๆ อธิบายอย่างใจเย็น
“สำนักของท่านหมอเทวดาฮั่วถูกปิด ข้าจะต้องไปช่วยเขา ดังนั้นคืนนี้จึงมิอาจนอนเป็นเพื่อนเจ้าได้ เจ้าต้องเป็นเด็กดีนะรู้ไหม!”
ซย่าโหวฉิงเทียนได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าเรื่องราวคงจะร้ายแรงมากเป็นแน่ จึงรีบให้ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนติดตามไปด้วยทันที
“ไม่ได้!”
แต่มิว่าอย่างไรอวี้เฟยเยียนก็มิยอมรับปากทำตามสิ่งที่เด็กชายเสนอมาเป็นแน่
ตอนนี้ข้างกายของเหลียนจิ่นมิมีใคร อวี้เชียนเสวี่ยก็ไร้ซึ่งวรยุทธ์ ส่วนคนที่เหลืออย่างพวกของมู่เหนียนซีก็มีกำลังเพียงน้อยนิดเท่านั้น หากว่ายังมอบชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนที่อยู่ข้างกายให้กับนางอีก แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเด็กน้อยละก็ จะทำอย่างไรกัน
“เพราะเหตุใด”
“เพราะพวกนางจะต้องอยู่ที่นี่คอยดูแลเจ้านะสิ อีกอย่างหนึ่ง หากเป็นไปได้ละก็ ข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยข้าดูแลเหลียนจิ่น ได้ไหม มั่วซางต้องไปช่วยเหลือข้า ตอนนี้ข้างกายของเหลียนจิ่นไม่มีใคร ข้ามิวางใจ!”
“ในใจของเจ้าคิดถึงแต่คนอื่น มิเคยคิดถึงข้าเลย”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างที่สุด จมูกของเขาแดงก่ำ เด็กน้อยแนบศีรษะซบลงแนบกับศีรษะของอวี้เฟยเยียน
“ถ้าเจ้าเป็นของข้าคนเดียวก็คงดี!”
“เด็กโง่!”
คำพูดของเด็กชายตัวน้อยทำให้อวี้เฟยเยียนมิรู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่ทว่าเมื่อคิดถึงคำพูดเพ้อเจ้อเมื่อครู่ของเด็กน้อยแล้ว ก็รู้ได้เลยว่าเขายังต้องการความอบอุ่น ความห่วงใย
นี่จึงเป็นครั้งแรกที่อวี้เฟยเยียนเป็นฝ่ายบรรจงจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากของเด็กน้อยเองด้วยความเต็มใจ
“เสี่ยวฉิงฉิง ข้าเป็นห่วงและใส่ใจเจ้ามากรู้ไหม”
น้ำเสียงที่อวี้เฟยเยียนเปล่งออกมานุ่มนวล พร้อมกับรอยยิ้มแสนอ่อนโยน
“เจ้ารอข้ากลับมา ได้หรือไม่”
นี่เป็นจุมพิตที่เมาแมวน้อยมอบให้เขาเองด้วยความเต็มใจ!
ใบหน้าเล็กๆ ที่เดียวดายและอมทุกข์ของซย่าโหวฉิงเทียนพลันแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ ดูแล้ว เขาคิดว่า เขาค้นพบจุดอ่อนของอวี้เฟยเยียนเข้าให้แล้ว
ถึงแม้ว่าปกติแล้วตัวเขาเองจะให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ภายนอกของตนเองเป็นอย่างมากก็ตาม แต่หากว่าเขาแสดงมุมที่อ่อนโยนออกมา แล้วสามารถทำให้แมวน้อยใจอ่อนยวบลงได้ละก็ เช่นนั้นเขาก็ลุยเต็มที่ไปเลย
“ข้าจะรอเจ้า!”
ใบหน้าเล็กของซย่าโหวฉิงเทียนเด็ดเดี่ยว
“เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะดูแลเหลียนจิ่นเอง แต่ฮันจื่อต้องติดตามเจ้า!”
เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายเรียกขานชื่อของตนเอง ฮันจื่อก็กระโดดออกมานั่งยองๆ ที่เบื้องหน้า ของอวี้เฟยเยียนทันทีพร้อมทั้งตวัดหางไปมาอีกด้วย
“แม่นางน้อย เมื่อต้องทำเรื่องดีๆ แล้วไม่เรียกข้าละก็ ถือว่าไร้น้ำใจนะ!”
“มีเรื่องสนุกๆ ต้องพาข้าไปด้วย ข้าจะเป็นทัพหน้าให้เอง”
“ข้ามิได้ทำเรื่องเลวทรามมาตั้งนานแล้ว กรงเล็บคงจะถูกแมลงกัดแทะจนกร่อนแล้วกระมัง”
เมื่อเห็นท่าทีที่ร่าเริงมีความสุขของฮันจื่อเช่นนั้นแล้ว ในที่สุดอวี้เฟยเยียนก็พยักศีรษะรับปากจนได้ มีแม่ทัพที่มีความสามารถเช่นนี้ทั้งมีเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งมีพละกำลังการต่อสู้ที่มหาศาล แน่นอนว่าเป็นผู้ช่วยที่แสนยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
“ขอบคุณเจ้ามากนะ!”
อวี้เฟยเยียนลูบศีรษะของเด็กชายตัวน้อยแล้วก็ขึ้นนั่งบนหลังฮันจื่อ ก่อนจะควบมันหายไปในความมืด
“อะแฮ่ม อะแฮ่ม คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าก็ออดอ้อนออเซาะเป็นกับเขาเช่นกัน เจ้าทำเช่นนี้มิรู้สึกว่าน่าละอายหรืออย่างไร” เหลียนจิ่นที่ยืนอยู่ที่ด้านนอกประตู เล่นหูเล่นตาแพรวพราวในขณะที่กล่าวขึ้น
“มิใช่เรื่องของเจ้า เจ้าไม้เท้าเทพเฮงซวย!”
ซย่าโหวฉิงเทียนใบหน้าบึ้งตึง สองมือไพล่หลัง สีหน้าจริงจังเดินเข้าไปภายในห้องเหลียนจิ่น
“ความปลอดภัยของเจ้าก็ให้เป็นหน้าที่ของข้า เจ้าไปอาบน้ำได้แล้ว!”
“เหอะ ได้ยินมาว่าผู้ที่แสดออกว่าแข็งแกร่ง ราวกับแม่นที่มีหนามแหลมคมรอบกายพร้อมที่จะโจมผู้อื่นตลอดเวลานั้น แท้จริงแล้วภายในนั้นอ่อนแอบอบบาง มิอาจทนรับกับการโจมตีใดๆได้
ซย่าโหวฉิงเทียน ต่อให้เจ้าเปี่ยมด้วยพละกำลังมากเท่าไรก็ตาม เจ้าก็เป็นแค่เสือตัวหนึ่งเท่านั้น
เหลียนจิ่นที่อยู่เบื้องหลังของซย่าโหวฉิงเทียน ปิดประตูดัง
ปั้ง!
“เจ้าไม้เท้าเทพ ข้าขอสู้ตายกับเจ้า”
โดนเมล็ดพืชที่มีพละกำลังน้อยนิดหัวเราะเยาะเช่นนั้น ซย่าโหวฉิงเทียนก็ถึงกับยกมือกำหมัดขึ้นแล้วตวัดมันออกไปทางเหลียนจิ่น
“ช้าก่อน ข้ามีวิธีทำให้เจ้าฟื้นกำลังเหมือนดังเดิม”
เหลียนจิ่นกล่าวจบ หมัดของซย่าโหวฉิงเทียนที่อยู่ห่างจากหน้าแข้งของเขาเพียงแค่นิดเดียวก็ชะงักอยู่กลางอากาศ
“จริงหรือ เจ้าไม้เท้าเทพ เจ้าก็มิใช่ปรมาจารย์โอสถ เจ้ามีวิธีอะไร”
“พืชพันธุ์ย่อมมีวิธีที่ล้ำเลิศในแบบของเรา”
เหลียนจิ่นเผยรอยยิ้มที่ล้ำลึกเกินจะคาดเดา
“ถึงแม้ว่านางจะมีวิธีช่วยเจ้า แต่ก็ยังขาดสิ่งของอย่างหนึ่งไป ซึ่งข้าสามารถหามันมาได้ เงื่อนไขข้อเดียวนั่นก็คือ คืนนี้เจ้าจงพาชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนกลับไปที่ห้องของเจ้า”
ถึงแม้ว่าเงื่อนไขที่เหลียนจิ่นเสนอมาสำหรับซย่าโหวฉิงเทียนแล้วมันช่างน่าสนใจยิ่งนัก แต่ขณะเดียวกันมันน่าพิศวงอยู่ไม่น้อย
“ไม่ได้ ข้ารับปากแมวน้อยไว้แล้วว่าจะดูแลเจ้า หากว่าเจ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แมวน้อยจะต้องเข้าใจผิดข้าเป็นแน่! ข้าไม่เชื่อหรอกว่า เจ้าหวังให้ข้าได้ลงเอยกับแมวน้อยด้วยใจจริง!”
สีหน้า‘ข้าไม่เชื่อเจ้า’ของซย่าโหวชิงเทียนเช่นนั้น ทำให้เหลียนจิ่นทำได้เพียงแต่ยิ้มฝืนๆ ออกมา
“ที่นี่คือหอราชาโอสถนะ แล้วพวกเราก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ ข้าจะเกิดเรื่องได้อย่างไรกัน”
“สภาพจิตใจของข้าย่ำแย่ เกิดเสียงเพียงเล็กน้อยหรือว่ามีสิ่งรบกวนอื่นใดเมื่อไหร่ข้าก็จะนอนหลับไม่สนิท”
“เจ้าอยู่ที่นี่มิใช่ตั้งใจช่วยข้า แต่เป็นการตั้งใจทำให้ข้านอนไม่หลับต่างหาก!”
“ไม่ได้นอนแค่วันเดียวไม่ถึงกับทำให้ใครตายหรอก!”
ซย่าโหวฉิงเทียนยังคงรู้สึกไม่ชอบมาพากลอยู่ดี
“ในเมื่อเจ้ามิอยากจะฟื้นกำลังโดยเร็ว เช่นนั้นก็ช่างเถอะ! เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้วว่า เยี่ยนอ๋องกับนางใกล้ชิดกันเสียขนาดนั้น ก็มิรู้ว่ายามวิกาลเช่นนี้ทั้งสองคนออกไปด้วยกัน จะได้พบกับดอกไม้ไฟแห่งความรักบ้างหรือไม่! เยี่ยนอ๋องนะ เอาใจผู้หญิงเก่งกว่าเจ้าเป็นไหนๆ …”
เหลียนจิ่นกล่าวแทงใจดำเข้าให้ ซย่าโหวฉิงเทียนถึงกับตะขิดตะขวงในใจราวกับว่าถูกตีลงตรงกลางบ่อแห่งอารมณ์เข้าอย่างจัง
แต่เพียงไม่นาน เขาก็สงบใจลงเป็นปกติได้
“เหลียนจิ่น ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรก็ตาม ข้าจะไม่ไปเด็ดขาด!”
“เรื่องที่ข้ารับปากไว้ ข้าจะต้องทำให้ได้! เป็นคนมิอาจผิดคำพูดได้!”
ต้องเผชิญหน้ากับคนที่ดื้อดึงเช่นซย่าโหวฉิงเทียน เหลียนจิ่นถึงกับมิรู้จะทำอย่างไรดี
หมอนี่มิยอมไป เช่นนั้นแผนการของเขาจะทำอย่างไรดีนะ? มองดูซย่าโหวฉิงเทียนยืนกอดอก นั่งหลังตรงที่เบื้องหน้าตนเองแล้วนั้น เหลียนจิ่นก็ได้แต่ยิ้มฝืนๆ มิรู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ช่างเถอะ คนผู้นั้นแฝงกายเข้าไปรวมกับคนของหอราชาโอสถแล้ว ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากันอยู่ดี ยังมีโอกาสสิน่า…