ตู๋กูซิงหลันถูแท่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ขนาบข้าง ตลอดทั้งคืนจีเฉวียนทรงพาดท่อนแขนเอาไว้บนลำคอของนาง ท่อนแขนที่ทั้งแข็งและหนักทำเอานางหายใจแทบไม่ออก
นางพลิกตัว หันหลังให้จีเฉวียน และอาจเป็นเพราะยาที่หมอหลวงซุนให้มา มีฤทธฺ์ค่อนข้างรุนแรง เพียงไม่นานก็ทำให้นางหลับลึกลงไปด้วยความง่วง
จากนั้นตลอดทั้งคืนนางก็ติดอยู่ในความฝัน
นางฝันเห็นสถานที่ที่มีแต่น้ำแข็งเต็มไปหมด ลมหนางพัดโชยมา แต่นางกลับใส่เพียงชุดนอนผืนบาง ที่ด้านหลังยังมีราชสีห์ตัวใหญ่ที่ถูกน้ำแข็งเกาะอยู่ทั่วร่างคอยติดตามมาอยู่ตลอด
ฝีเท้าของนางหนักมาก เพียงไม่นานก็ถูกราชสีห์น้ำแข็งนั้นไล่ตามจนทัน
ราชสีห์ตัวนั้นอยู่ที่เบื้องหน้าของนาง พอร่างกายที่สูงเมตรกว่าๆ ของมันกดดันลงมา นางก็รู้สึกว่ากระทั่งเลือดในตัวก็ยังเย็นเฉียบ
ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นจับจ้องนาง ในดวงตาคู่นั้นมีแต่เงาร่างของนางสะท้อนอยู่ ท่าทางของมันคล้ายจะตื่นเต้นยินดี พอปลายหางส่ายและพาดลงไปครั้งหนึ่ง พื้นดินด้านหลังก็แตกระแหงออกมา
กรงเล็บของมันกางออก มันคิดจะสัมผัสตู๋กูซิงหลันสักหน่อย แต่กลับถูกพลังที่ไร้รูปลักษณ์ขัดขวางไว้ ราวกับว่ารอบตัวของมันมีห่วงโซ่ที่มองไม่เห็นอยู่ จนมันถูกลากกลับไปขังไว้ในโลกน้ำแข็งตลอดกาลดังเดิม
ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้เพราะเหตุใด ทั้งที่เป็นความฝันแต่นางกลับรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา
…………………………………….
ฮ่องเต้เองก็ทรงฝัน ในความฝันนั้นทรงทอดพระเนตรเห็นฤดูหนาวกลางเดือนสิบสอง ในที่สุดตำหนักตี้หัวก็ได้มองเห็นดวงอาทิตย์แล้ว
ดอกเย่วกุ้ยฮวาทั่งทั้งสวนล้วนผลิบาน ส่งกลิ่นหอมเข้มข้นออกมา ทำให้จิตใจผู้คนรู้สึกอบอุ่น
อยู่ๆ ในพระตำหนักตี้หัวปรากฎราชสีห์น้ำแข็งตัวใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง นอนหมอบอย่างสงบอยู่ใต้ต้นเย่วกุ้ยฮวา
บนหลังของราชสีห์น้ำแข็ง มีสาวน้อยนางหนึ่งเกาะอยู่ นางคลี่ยิ้มกว้างให้กับเขา
รอบตัวนางคล้ายจะมีรัศมีอยู่รายล้อม ยามที่นางยิ้มแย้มก็งดงามราวกับดวงตะวันที่สดใส
เขายังยืนอยู่ที่เดิม เงยหน้ามองไปยังนาง พอได้สบตากัน ก็เห็นว่าสตรีผู้นั้นเหมือนกับตู๋กูซิงหลันราวกับเป็นคนๆ เดียวกัน
ช่วงเวลานั้นเองพระองค์ก็รู็สึกว่าดวงพระทัยกำลังพองโตขึ้นมา
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ ที่พระองค์รู้สึกว่านางงดงามเช่นนี้?
……………………………………….
ยามเช้าของวันรุ่งขึ้น
ผ้าห่มบนเตียงบรรทมห่อคนสองคนเอาไว้แนบแน่น ทั้งที่ก่อนนอนยังรักษาระยะระหว่างกันอยู่ชัดๆ แต่พอยามเช้ามาถึง ระยะนั้นไม่เพียงถูกทำลายลงไป ซ้ำยังออกจะมีอะไรที่เกินๆ ไปอยู่บ้าง
ฮ่องเต้ทรงบรรทมเช่นคนปกติทั่วไป แต่ตู๋กูซิงหลันกลับไม่เรียบร้อยเอาเสียเลย ขาข้างหนึ่งพาดผ่านเอวผอมของเขาอยู่ สองมือก็กอดอยู่บนร่างของเขา ราวกับปลาหมึกยักษ์ที่รัดเขาเอาไว้ทั้งเป็น
ใบหน้าขาวที่หมดจดของนางอยู่บนอกของเขา กำลังลืมตาอย่างงัวเงีย
พอนางลืมตาขึ้นมา ก็เห็นว่าฮ่องเต้ทรงนอนลืมตามองนางอยู่
จีเฉวียนมองนางอยู่นานแล้ว ฟ้ายังไม่ทันสว่างเขาก็ตื่นแล้ว แต่พอตื่นแล้วก็ยังคงรักษาท่านอนเช่นนี้เอาไว้ ปล่อยให้ตู๋กูซิงหลันที่หลับอุตุกอดเขาเอาไว้
แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ชอบให้ใครมาสัมผัส ที่ผ่านมารอบตัวเขาในระยะหนึ่งจั้งล้วนไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่ใกล้
เนื่องเพราะประสบการณ์บางอย่างในวัยเด็ก ทำให้เขาเป็นโรคกลัวความใกล้ชิด
ทันทีที่มีคนเขามาสัมผัสขอบเขตความปลอดภัยของเขาอย่างกระทันหัน เขาก็จะรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวขึ้นมาในทันที และหากยังมีคนกล้าเข้ามาใกล้เขาอีกละก็ เขาก็จะมีโทสะ ระเบิดอารมณ์ออกมาในทันที
ตอนที่เขาพึ่งจะกลับมายังต้าโจวนั้น มีสตรีที่ไม่กลัวตายอยู่ไม่น้อยคิดจะเข้าใกล้เขา สุดท้ายแล้วก็ไม่เหลือใครที่รอดพ้นจากจุดจบดับอนาถไปได้
ขนาดยามปกติทั่วไปที่ต้องสัมผัสกันตามารยาทยังทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามีคนนอนร่วมเตียงด้วยเลย
ตู๋กูซิงหลันนับว่าเป็นคนแรก
เขาไม่ปฎิเสธ และไม่หงุดหงิด เพียงแต่มองดูนางนิ่งๆ
ยามที่นางกำลังหลับใหล ขนตานั้นก็กระพริบน้อยๆ ริมฝีปากที่ปราศจากเลือดไปเมื่อวานยามนี้ก็ฟื้นคืนจนดีขึ้นมาก ไม่รู้ว่านางฝันเห็นสิ่งใดอยู่ ถึงได้พึมพำบางคำอยู่ในปาก ฟังไม่ออกว่าเป็นคำว่าอะไรกันแน่
จีเฉวียนไม่ทรงทราบว่าในใจของนางกำลังคิดอะไร ถึงได้นอนหลับสบาย กอดอยู่บนตัวเขาอย่างไม่ยอมลงเช่นนี้
แต่ว่าเขาเองก็ไม่ผลักนางออก
ยามนี้ตู๋กูซิงหลันรู้สึกอับอายขึ้นมาอย่างรุนแรง ปกติเวลานอนนางมักจะไม่ค่อยเรียบร้อย หากมีตุ๊กตาก็กอดตุ๊กตา ไม่มีตุ๊กตาก็กอดหมอนก็ได้ ขอแค่มีอะไรให้นอนกอดก็เป็นพอ
คิดไม่ถึงเลยว่าโรคที่คุ้นเคยนี้ …….จะมาก่อปัญหาในยามที่ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่บนเตียงด้วย
อ้ายๆๆๆ นางกลับเป็นตัวหิวกระหายไปแล้ว แม้แต่แท่งน้ำแข็งเช่นนี้ก็ยังไม่ปล่อยผ่าน!
ประเด็นสำคัญก็คือ……..นางรู้สึกว่ามุมปากตัวเองเปียกชื้น คล้ายว่า……จะน้ำลายไหล
นางทำน้ำลายหกบนชุดนอนของจีเฉวียน!
หากว่านางไม่ได้จำผิดละก็ จีเฉวียนเป็นโรคบ้าความสะอาดอย่างรุนแรง!
นางรีบลุกขึ้นนั่ง ใช้ข้อมือปาดเช็ดน้ำลายที่มุมปาก
จีเฉวียนก็ยังคงจ้องดูนาง แต่กลับไม่ได้มีโทสะ เพียงกล่าวเบาๆ ประโยคหนึ่งว่า ” ชุดมังกรของเราแพงมาก ถูกเจ้าทำสกปรกแล้ว”
ที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ตอนกลางวัยที่ฝันถึงนางก็สกปรกมาแล้วรอบหนึ่งด้วยซ้ำ
พอฟังเขาพูดเช่นนี้ ตู๋กูซิงหลันก็ยิ่งรู้สึกอับอายยิ่งกว่าเดิม ยามปกตินางไม่มีทางเป็นเช่นนี้แน่ สาเหตุหลักจะต้องมาจากยาของหมอหลวงซุนเป็นแน่
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อคืนนี้นอกจากจะฝันเห็นราชสีห์น้ำแข็งตัวนั้นแล้ว ต่อจากนั้นก็ยังฝันอะไรที่ไม่ปะติดปะต่อกันอีกด้วย อืม คล้ายกับจะฝันว่าเห็นเสี่ยวซูเฟยกับเสี่ยวหยวนเฟยอาบน้ำด้วยกันกระมั้ง?
อิๆๆๆ ….ภาพนั้นมันสวยงามมากๆ เลย
ดูเสียจนคึกคัก เลยพาลให้ตื่นขึ้นมา
ตื่นแต่เช้ามาเห็นใบหน้าของจีเฉวียน พูดตามจริงเถอะ ออกจะบาดตาไปสักหน่อย
ฮ่องเต้ที่พึ่งจะทรงตื่นบรรทม ไม่ได้ดูแล้วเย็นชาเป็นน้ำแข็งเหมือนยามปกติ เส้นพระเกศายุ่งเหยิงเล็กน้อย ยุ่งเหยิงแบบนี้ควรจะเรียกว่าอะไรดีน้า?
ขนฟู………
ใช่ๆ คล้ายกับขนฟูๆ นั้นเอง ดังนั้นเขาจึงดูเกียจคร้านอย่างยากจะมีให้เห็น
จีเฉวียนถูกนางจับจ้องมองดูไม่วางตา ทันใดนั้นก็รีบยื่นพระหัตถ์ออกไป บังดวงตาของนางเอาไว้
ถูกกอดเอาไว้ทั้งคืน ฝ่ามือของเขาจึงมีไออุ่นอยู่บ้าง ไม่ได้เย็นเฉียบเหมือนยามปกติ
ฝ่ามือใหญ่ยื่นออกมา ใบหน้าของตู๋กูซิงหลันเกือบทั้งหมดล้วนถูกเขาบังเอาไว้
จีเฉวียนทรงรีบใช้พระหัตถ์อีกข้างลูบไล้หางตา ยังดี ที่สะอาดอยู่
นับตั้งแต่ที่ครั้งก่อนถูกตู๋กูซิงหลันบอกว่าหางตาของเขามีสิ่งสกปรก ทุกวันที่เขาตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือล้างหน้า
วันนี้ยังไม่ได้ทันล้างหน้าก็เจอกันแล้ว ยิ่งทำให้ฮ่องเต้ทรงยิ่งเพิ่มความระมัดระวังในรูปลักษณ์ของตนเอง
หืม ไม่มีก็ดีแล้ว
จากนั้นเขาจึงค่อยลดมือที่ปิดบังดวงตาของตู๋กูซิงหลันลง ลุกขึ้นมานั่งด้วยใบหน้าเย็นชา ” อย่าได้เอาแต่จ้องมองดูเรา น้ำลายของเจ้าเกือบทำเราจมแล้ว”
ตู๋กูซิงหลันคิดจะบอกเขาว่า เขาเข้าใจผิดแล้ว
นางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงฉางซุนซิ่วดังมาจากนอกตำหนักบรรทมว่า ” ฝ่าบาท กระหม่อมมาขอเข้าเฝ้า”
จีเฉวียนประทับนั่งอยู่บนเตียง เหลือบพระเนตรมองดูท้องฟ้านอกหน้าต่างที่ยังไม่ทันสว่างดี พระพักตร์เกียจคร้านที่ดูงดงามนั้นพลันเลือนหายไปจนสิ้น
ตู๋กูซิงหลันรู้สึกว่าตนเองกำลังจะกลายเป็นมือที่สามที่ถูกฝ่ายหญิงจับได้คาเตียง จบกัน เมียหลวงมาถึงที่แล้ว
ในใจของนางตอนนี้โหวงเหวงไปหมดแล้ว
พอนางเงยหน้าสบตามองจีเฉวียน ก็เห็นเขาพลิกตัวลงจากเตียง ยื่นมือมาคว้าตัวนางไปอุ้ม ค่อยผลักหน้าต่างพลิกตัวออกไปทันที
ใต้เท้าของเขามีสายลมพัดผ่าน ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ตู๋กูซิงหลันไม่สามารถมองทุกสิ่งที่อยู่ด้านข้างได้ชัดเจน เพียงรู้สึกว่ามีสายลมรุนแรงพัดผ่านลำคอไป
ดูท่านางคงจะประเมินจีเฉวียนต่ำไปเสียแล้ว เพียงแค่ความเร็วขนาดนี้ วรยุทธ์ของเขาไหนเลยจะเป็นแค่พี่ชายที่อ่อนแอคนหนึ่งได้ มีแต่จะต้อง…….แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
เพียงแต่ว่ายามปกติไม่เคยเห็นเขาแสดงออกมาเลยสักน้อย อืม เก็บซ่อนได้ดีมาก