บทที่ 28 เจ้าแทงข้าเลย
“พวกเขาอยู่ที่ถนนกลหงส์สาย 42” เฮ่อซื่อกล่าว ดูอ่อนแรงนัก พวกเขายังนั่งกันอยู่ในคุกใต้ดิน
“ทำไมเจ้ามายอมพูดตอนนี้ ?” จูเซียนเหยาถาม
แม้ตอนนี้เฮ่อซื่อจะยอมให้ความร่วมมือ แต่นางก็ยังไม่วายระแวง
“ข้าไม่อยากตาย” เฮ่อซื่อตอบตามตรง
“เจ้าไม่อยากตาย ? เจ้าคิดหรือว่ามาพูดตอนนี้คำพูดเจ้ายังจะมีประโยชน์ ? เจ้าหายตัวไปนาน ใครที่มีสมองสักซีกหนึ่งก็คงรู้ว่าตกอยู่ในมือข้าแล้ว แม้จะไม่ถูกข้าจับไป แต่พวกมือสังหารนั่นก็พลาดไปถึง 2 รอบ ไม่มีทางที่มันจะยังรั้งอยู่ที่เดิมหากไม่อยากถูกจับได้หรอก มาให้ที่อยู่ข้าตอนนี้ไปจะได้อะไร ?”
“ย่อมต้องได้ประโยชน์ มันเป็นจุดนัดพบลับที่พวกเขาไม่เคยปริปากบอกข้า แต่ข้าบังเอิญรู้เข้า นับเป็นความลับใหญ่ที่สุดที่ข้ารู้ทีเดียว ดูไม่ออกหรือไรว่าข้าโกหกหรือไม่ ? ท่านก็รู้นี่ !” เฮ่อซื่อตะโกนก้อง
เฮ่อซื่อทำการแสดงครั้งใหญ่มากจริง ๆ
จูเซียนเหยาลองตรวจสอบเฮ่อซื่ออย่างระวัง พบว่าไม่มีความผันผวนพลังใด นางจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “เขาไม่ได้โกหก”
จากนั้นก็ลุกขึ้น “ไปแจ้งคนอื่น ๆ ให้เตรียมพร้อมเดินทาง”
“ขอรับคุณหนู !” จ้าวจิ่งเหวินกล่าวก่อนเดินออกไป
ซูเฉินเอ่ย “คุณหนู ในเมื่อเขาบอกทุกอย่างแล้ว เรา……”
เขาทำมือฟันฉับให้ดู
เฮ่อซื่อลนลานขึ้น “ไม่ ๆ ท่านสัญญาแล้วว่าหากบอกจะไม่สังหารข้านี่ !”
“หุบปาก !” ซูเฉินคว้าคอเฮ่อซื่อไว้ ดูท่าหากจูเซียนเหยาพูดออกมาคำเดียวก็สามารถจบชีวิตเขาได้
จูเซียนเหยาคิดครู่หนึ่ง ก่อนส่ายหน้า “ช่างเถอะ ปล่อยเขาไว้ก่อน ต่อไปอาจยังมีประโยชน์”
“เจ้าโชคดีนัก” ซูเฉินคว้าคอเสื้อเฮ่อซื่อแล้วลากเข้าไปในคุก
หากแต่เขาก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่ภายในเท่านั้น
หากจูเซียนเหยาตกลงให้สังหารคน เฮ่อซื่อก็คงได้รับอิสระไปแล้ว ซูเฉินมอบยาลวงมรณาให้เฮ่อซื่อไปแล้ว หากจูเซียนเหยาสั่งเมื่อไหร่ เขาก็จะ ‘สังหาร’ เฮ่อซื่อทันที แล้วก็เอาร่างไปทิ้ง คนข้างนอกก็จะมาเก็บร่างเข้าไป จากนั้นเฮ่อซื่อก็จะเป็นอิสระ เขาใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาส่วนผสมมาปรุงยาชนิดนี้ขึ้นมาได้
โชคไม่ดีที่จูเซียนเหยายังไม่อยากฆ่าเขา ดังนั้นยาลวงมรณาจึงเสียเปล่าไปเช่นนี้
“โชคร้ายจริง” เขาลากเฮ่อซื่อเข้าไปในคุก
“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี ?” เฮ่อซื่อเริ่มกระวนกระวายใจ
“รออยู่ที่นี่อีกหน่อย ข้าจะพาเจ้าออกไปให้ได้”
“ครั้งก่อนท่านก็พูดเช่นนี้ แต่ข้าก็ยังติดอยู่ที่นี่ !”
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าไม่ได้เรื่องงั้นหรือ ? เจ้าไม่ต้องห่วง ข้ายังเปลี่ยนกับคนอื่นได้”
“……ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” เฮ่อซื่อพึมพำ
“เอาล่ะ” ระหว่างที่พูด ซูเฉินก็ผลักเฮ่อซื่อกลับเข้าไปในคุก
จากนั้นก็หยิบแหวนกักเก็บออกมา “อย่าโทษว่าข้าไม่มอบโอกาสให้เจ้า นี่คือแหวนกักเก็บของเจ้า ของทุกอย่างอยู่ในนั้น พร้อมกับยาหลายขวดที่ข้าใส่เอาไว้ ตอนนี้เจ้าได้มันมา จะหนีออกไปได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับฝีมือเจ้าล้วน ๆ แต่อย่าเพิ่งลงมือวันนี้ เจ้าเพิ่งดื่มยาลวงมรณาไป แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่สุดท้ายก็จะหลับไปอยู่ดี”
เฮ่อซื่อรับมันมา จากนั้นมองตนเองแล้วเอ่ยเสียงหวาดหวั่น “แล้วข้าจะซ่อนไว้ที่ใด ?”
ซูเฉินยักไหล่ “เรื่องของเจ้า”
เขาย่อมไม่อาจสวมไว้ที่นิ้วได้ เฮ่อซื่อมองตนเองไปทั่วอีกครั้ง ก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่หว่างขา
ซูเฉินคลี่ยิ้มบาง
เฮ่อซื่อกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ “ท่านคิดมาก่อนหน้าแล้วใช่หรือไม่ ?”
“ข้าไม่บอกใครหรอก”
เฮ่อซื่อกลอกตาใส่
เขาจึงเริ่มยัดมันเข้ากางเกงไป แต่เมื่อเห็นซูเฉินยังยืนอยู่ เขาก็เอ่ยเสียงขุ่นใจขึ้น “ทำไมท่านยังไม่ไปอีก ?”
“ข้ายังไม่เคยเห็นใครเอาแหวนสวมที่เจ้านั่นมาก่อน” ซูเฉินหัวร่อ “แต่ก็ใช่ อีกเหตุผลหนึ่งคือข้าอยากถ่วงเวลาสักนิด ตอนนี้เซียนเหยากำลังจัดกำลังคนอยู่ด้านบน หากข้าไปช้าสักหน่อย จะได้เลี่ยงไม่ต้องออกไปด้วยได้”
“ท่านจะรั้งอยู่ในปราสาทหรือ ? แล้วไม่คิดจะไปจัดการพวกคนที่ลอบสังหารท่านหรือไร ?” เฮ่อซื่อชะงักไป
ซูเฉินโบกไม้โบกมือ “ข้ายังต้องกลับไปเป็นโหยวเทียนหย่างอีก”
“……ท่านนี่วางแผนมาแล้วทุกอย่างจริง ๆ” เฮ่อซื่อล้วงมือเข้ากางเกงตนเองสีหน้าจนใจ พริบตาต่อมาก็เอามือออก ส่วนแหวนนั้นหายไปแล้ว
ซูเฉินหัวเราะ “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะไปแล้ว”
แต่ตอนกำลังเดินขึ้นไป เขาก็พลันนึกบางอย่างได้ จึงหันกลับมาเอ่ยคำว่า “ขอเตือนอะไรเจ้าอย่างหนึ่ง”
“เรื่องอะไรหรือ ?”
“อย่าได้คิดถึงเรื่องสตรีเชียว”
——————————
จูเซียนเหยาพาคนอื่น ๆ ออกจากปราสาทไปแล้ว
เหลือเพียงทหารไม่กี่คนที่ยังรั้งอยู่ในปราสาทที่แทบจะไร้ผู้คน
ซูเฉินเดินขึ้นบันไดวนยาวเหยียดของปราสาท ก่อนจะมาถึงที่ห้องของโหยวเทียนหย่าง
ที่ด้านหน้ามีทหารเฝ้าอยู่คนหนึ่ง
ซูเฉินตวัดสายตามองเขาครั้งหนึ่ง อีกฝ่ายก็ม่อยหลับไปเสียแล้ว
เมื่อเดินเข้าห้องมา ซูเฉินก็รีบเดินไปข้างเตียงโหยวเทียนหย่างทันที
“สายเลือดมังกรกุนพุงพลุ้ย……” ซูเฉินคลี่ยิ้ม จากนั้นหยิบขวายาหนึ่งขึ้นมาวางบนแผลโหยวเทียนหย่าง
จากนั้นก็กดมันลงแผลเบา ๆ ทำให้ปากแผลเปิดออกอีกครั้ง หลังจากเก็บเลือดไปหลายขวดแล้ว ซูเฉินก็หยุดเลือดให้
เมื่อจัดการเรื่องเสร็จ ซูเฉินก็เปลี่ยนชุดให้โหยวเทียนหย่าง จากนั้นหิ้วร่างโหยวเทียนหย่างแล้วเดินลงมาชั้นล่าง
เขาใช้วิชาสรรพสิ่งลวงตาใส่ทุกคนที่เขาเจอระหว่างทางออกจากปราสาท พวกผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายพากันออกไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครล่วงรู้ว่าซูเฉินเข้าหรือออกปราสาทไปหรือไม่
เมื่อมาถึงบริเวณนอกปราสาทแล้ว ซูเฉินก็ผิวปากสองสามครั้ง ก่อนที่เยี่ยเม่ยจะปรากฏตัวขึ้น
นางมองโหยวเทียนหย่างแล้วถามเสียงฉงน “ไหนเจ้าว่าครั้งนี้จะเป็นเฮ่อซื่อไม่ใช่หรือ ? ทำไมเป็นเจ้าอ้วนนี่อีกแล้ว ?”
“เฮ่อซื่อยังออกมาไม่ได้ชั่วคราว ข้าจึงเอาเจ้านี้ออกมาก่อน อย่าทำเขาหายอีกเล่า”
“ไม่ต้องห่วง มีข้าอยู่ เขาหนีไปไหนไม่ได้หรอก” เยี่ยเม่ยว่าพลางตบอกตนเองสีหน้ามั่นใจ
“เอาเขากลับไปดูแลหยวนกังด้วย”
“เข้าใจแล้ว มีคำสั่งอื่นอีกหรือไม่ ?” เยี่ยเม่ยถามขึ้น
“มี” ซูเฉินเริ่มถอดชุดตนเองออก
“เฮ้ย เจ้าจะทำอะไร !?” เยี่ยเม่ยเห็นดังนั้นก็ตกใจเป็นยิ่งนัก
ซูเฉินไม่สนใจนาง เขาเปลี่ยนเป็นชุดโหยวเทียนหย่าง จากนั้นชี้นิ้วเข้าหาตนเอง “ตรงนี้ เจ้าแทงข้าเลย”
เยี่ยเม่ยจ้องเขานิ่ง
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไรหรอก แผลเท่านี้ทำอะไรข้าไม่ได้” ซูเฉินว่า
“ข้า……” เยี่ยเม่ยเงื้อดาบขึ้นมือสั่น หญิงสาวจิตใจเรียบง่ายผู้นี้ ในที่สุดก็เผยแววกลัวออกมาสักที
“เร็วเข้า !”
ฉึก !
เยี่ยเม่ยจึงแทงดาบลงไป
ซูเฉินเหลือบมองแผลน้อย ๆ บนร่างแล้วเอ่ยถามเยี่ยเม่ย “เจ้ากินข้าวมาหรือยัง ?”
“ก… กินแล้ว”
“เช่นนั้นก็ใส่แรงอีกหน่อยได้หรือไม่ ? แผลตื้นเท่านี้คิดว่าจะไปหลอกใครได้ ?”
เยี่ยเม่ยแทงอีกครั้งหนึ่ง
ซูเฉินส่งเสียงคำราม เลือดสดเริ่มไหลออกจากแผล
เขาตรวจสภาพร่างตนชั่วขณะก่อนเอ่ยขึ้น “ยังตื้นไป อีกครั้งหนึ่ง !”
เยี่ยเม่ยกัดฟันแล้วแทงเข้าไปอย่างแรง
ฉึก !
ซูเฉินกระอักเลือดคำหนึ่งออกมา
“เจ้าเป็นไงบ้าง ?” เยี่ยเม่ยเริ่มตกใจ
“บัดซบ…… ลึกไปแล้ว” ซูเฉินเค้นคำออกมาได้ในที่สุด
“เช่นนั้นข้าลองอีกที” เยี่ยเม่ยดึงดาบออกมาแล้วจ้วงเข้าไปอีกที
ฉึก !
ซูเฉินก้มหน้าลงมองดาบที่ปักร่างตนเองอยู่ไม่เอ่ยคำ
“ดีพอหรือยัง ?” เยี่ยเม่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ดี…… พอแล้ว……” ซูเฉินโบกมือด้วยความยากลำบาก “เจ้าไปได้”
“อ้า” เยี่ยเม่ยดึงดาบออก เลือดสด ๆ ทะลักออกจากแผล ส่งผลให้ซูเฉินแทบจะหมดสติเสียตรงนั้น
เขาแย่งดาบมาจากมือนาง “เท่านี้พอแล้ว…… งานเจ้าสำเร็จแล้ว เจ้าพาเขาออกไปจากที่นี่เถอะ”
จากนั้นเขาก็เดินเซกลับเข้าปราสาทไป มือกดแผลไว้แน่น
“เจ้าไม่เป็นไรแน่นะ ?” เยี่ยเม่ยตะโกนถามจากด้านหลัง
ซูเฉินกำหมัดแน่น
เมื่อกลับมาถึงห้องโหยวเทียนหย่าง ซูเฉินก็กระดกยาสองขวดลงคอโดยเร็ว จากนั้นนอนราบลงบนเตียง
ขณะกำลังนอนอยู่นั้น เขาก็พึมพำขึ้นกับตนเอง “ทำไมถึงคิดให้นางเป็นคนลงมือกัน ? ข้าน่าจะขอให้เฮ่อซื่อทำให้เสียมากกว่า……”
จากนั้นตาเขาก็เหลือกกลับ สลบไปในทันใด