บทที่ 508 ผู้เข้ารับคัดเลือก

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 508 ผู้เข้ารับคัดเลือก
ในรัฐสภาแห่งขุนนาง พระราชวังเนคโซ

ฝนตกหนักราวฟ้ารั่วด้านนอกพระราชวังกับเสียงสายฟ้าดังลั่นและฟ้าแลบแปลบปลาบราวกับเป็นวันสิ้นโลก แต่สมาชิกทุกคนของรัฐสภาแห่งขุนนางในนครเรนทาโตกลับมารวมตัวกันในห้องโถง มองเห็นวิกผมสีขาวและผ้าคลุมไหล่สีดำอยู่ทั่วห้อง

ถ้าไม่ได้เป็นเพราะว่าพลังของสายฟ้า ซึ่งทำให้บรรดาผู้มีพลังขั้นสูงที่ระดับต่ำกว่าอัศวินทองคำกลัวจนไม่กล้าเหาะมาที่นี่ สมาชิกทั้งหมดของรัฐสภาแห่งขุนนางก็คงจะมารวมตัวกัน และเวลาผ่านไปแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้นนับตั้งแต่กษัตริย์เฟลติสกับเจ้าชายแพทริคกลับคืนสู่พระเจ้า

แน่นอนว่า เหล่าขุนนางที่ไม่สามารถมาได้ก็ได้รู้จากทางไกลผ่านทางผู้แถลงและสมาชิกในกลุ่มในนครเรนทาโตและแสดงความคิดเห็นของพวกตน

พวกเขาขอบคุณบริษัทโทรศัพท์และโทรเลขอัลลินเป็นอย่างมาก ในขณะที่ ‘โทรศัพท์แบบมีสาย’ ที่พวกเขาสนับสนุนนั้นจำกัดอยู่แค่นครเรนทาโตและเมืองใหญ่ๆ ในเขตปกครองไม่กี่แห่งอันเนื่องมาจากโครงสร้างพื้นฐานที่ซับซ้อนและค่าใช้จ่ายมหาศาลที่ตามมา มันก็เป็นวิธีการติดต่อสื่อสารเพียงอย่างเดียวสำหรับเหล่าขุนนางที่ไม่สามารถเดินทางมาได้และไม่สามารถใช้ช่องเทเลพอร์ตซึ่งมีราคาแพงในสภาพอากาศแบบนี้ ขุนนางหลายคนจึงตัดสินใจช่วยสนับสนุนหลังจากเห็นประโยชน์ของมัน

“เจ้าชายกลับคืนสู่พระเจ้าได้อย่างไร?” เคานต์เฮนสันอาบน้ำร้อนในห้องน้ำในรัฐสภาแห่งขุนนางแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าและวิกผม ก่อนหน้านี้เขาไม่ยังตกใจไม่หาย เขาติดดอกไม้กระดาษสีขาวและนั่งลงตรงแถวหน้า พลางถามเจมส์ ดยุกแห่งแพฟอส รัสเซล ดยุกแห่งวูล์ฟเบิร์ก และไวเคานต์แฮร์ริสันซึ่งมาหลังจากแจ้งข่าวแก่สภาเวทมนตร์

สี่คนในบรรดาขุนนางเหล่านี้เป็นผู้นำของกลุ่มเสรีนิยมนอกเหนือจากเจ้าชายแพทริค พวกเขาจะต้องได้ความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่เสียก่อน ไม่เช่นนั้นพวกขุนนางที่อยู่ฝ่ายตนก็จะสูญเสียความมั่นใจ

ในรัฐสภาแห่งขุนนาง ดยุกเจมส์สวมวิกผมสีขาวเพื่อปกปิดศีรษะล้านเลี่ยน เขาตอบห้วนๆ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนที่ข้ากับรัสเซลไปถึงพระราชวังเนคโซเรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว พวกเราตรวจดูพระวรกายของเจ้าชายแต่ไม่พบความผิดปกติใดๆ อันที่จริงคือพระองค์ทรงล้มพับไปเพราะความเศร้าพระทัยอย่างหนัก ข้าไม่คิดว่าจะมีคนลอบสังหารพระองค์ในเมื่อมีท่านคริโทเนียคุ้มกันอยู่”

คริโทเนีย ผู้มีสมญานามว่า ‘เจ้าแห่งกาล’ เป็นหนึ่งในสองวีระอัศวินแห่งอาณาจักรโฮล์ม ในโลกนี้ อัศวินที่สามารถเลื่อนถึงชั้นตำนานระดับสามมีไม่ถึงห้าคน เขากับรูดอล์ฟที่สองก็อยู่ในกลุ่มนั้น ส่วนบรรดาวีระอัศวินที่ได้ชั้นตำนานระดับสูง นอกจากอมนุษย์อย่างเช่นเจ้าชายแดรกคูลา เจ้าชายแห่งนรก และเจ้าแห่งนรกขุมแรก มีมนุษย์เพียงคนเดียว นั่นคือนักบุญเมลแม็กซ์ หัวหน้าอัศวินวิหารและพระคาร์ดินัลหลวง

ถึงแม้เจมส์จะบอกว่าไม่มีทางที่การลอบสังหารจะเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของคริโทเนีย ทว่าเขาก็ยังไม่มั่นใจ

“ท่านคริโทเนียเป็นวีรบุรุษในสงครามแห่งรุ่งอรุณและเป็นวีรอัศวินที่บดขยี้บัลลังก์ การปกครองของจักรวรรดิเวทมนตร์ในอาณาจักรโฮล์มพร้อมกับกษัตริย์เฟลติส อย่างไรก็ตามเขาใกล้ถึงวาระสุดท้ายของชีวิตแล้ว เขาจำเป็นต้องพิจารณาและเตรียมการเรื่องต่างๆ มากกว่าคนทั่วไป” ดยุกรัสเซลพูดอย่างไร้อารมณ์ “เขาไม่สามารถสังเกตสถานการณ์ได้อย่างเงียบๆ เท่ากับท่านวินสตันแห่งตระกูลโซเลเฟน”

วินสตัน ผู้มีสมญานามว่า ‘บุรุษรัตติกาล’ เป็นวีรอัศวินอีกคนหนึ่งในอาณาจักรโฮล์ม ตอนนี้เขาดูแลอาณานิคมของอาณาจักรในมิติใหม่สองสามแห่ง

ไวเคานต์แฮร์ริสันยิ้มเยาะ “ข้าคนหนึ่งละที่ไม่เชื่อว่าเจ้าชายจะสิ้นพระชนม์เพราะความโศกเศร้า”

แฮร์ริสัน เฮนสัน และคนที่เหลือรู้ว่าเจ้าชายแพทริคครองตำแหน่งรัชทายาทมาสี่ทศวรรษ เรื่องอำนาจที่ขัดแย้งกันระหว่างเจ้าชายกับกษัตริย์ย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสองคนไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันมานานแล้ว โดยเฉพาะเมื่อมีความคิดแตกต่างกันสุดขั้ว ถ้าบอกว่าเจ้าชายแพทริคสิ้นพระชนม์เพราะความปิติยินดี พวกขุนนางน่าจะเชื่อมากกว่าเสียอีก

“เมื่อเรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว เราต้องลืมเรื่องเศร้าเสียใจแล้วสนใจสองเรื่อง เรื่องแรก เราต้องขอให้นักเวทของสภาเวทมนตร์แอบสืบเรื่องการสิ้นพระชนม์ของเจ้าชาย เรื่องที่สอง เราต้องทำตามแผนสำรองและหนุนให้เดวิดขึ้นครองบัลลังก์” หลังจากเคานต์เฮนสันคลายความตกใจลงแล้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาก็ฉายแววคมกริบอีกครั้ง

เจ้าชายแพทริคมีพระอาการไม่ดีอยู่แล้ว เหล่าขุนนางฝ่ายเสรีนิยมจึงเตรียมใจไว้แล้วว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ก่อนองค์กษัตริย์ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ตื่นตระหนกหลังจากที่ผ่านเรื่องน่าตกใจตอนแรกแล้ว

บิดาของเดวิดเป็นลูกพี่ลูกน้องชองกษัตริย์เฟลติส และเป็นหลานและลูกศิษย์ของผู้วิเศษมอร์ริส ถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตระหว่างการผจญภัย แต่เดวิดซึ่งเป็นอัศวินหลวงนั้นฝักใฝ่กลุ่มเสรีนิยมทั้งจากเรื่องประจำวันและภารกิจหน้าที่ภายใต้การอบรมสั่งสอนจากบิดา เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในราชวงศ์สำหรับเหล่าขุนนางหัวก้าวหน้า สายเลือดของเขาก็ใกล้ชิดมากเช่นกัน ตามกฎของขุนนาง ในบัญชีรายชื่อ เขาเป็นทายาทลำดับสี่

“ตกลง” ดยุกเจมส์พยักหน้าขึงขังและแจ้งผลการหารือแก่ขุนนางฝ่ายเสรีนิยมคนอื่นๆ

ต่อมา เร็กซ์ หรือ ‘กริฟฟินของกษัตริย์’ ประธานรัฐสภาแห่งขุนนางซึ่งสวมผ้าคลุมไหล่สีน้ำเงินกับวิกสีขาวเดินเข้ามา ตามด้วยชายผมดำมีรอยยิ้ม ดวงตาสีเทาของเขาบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาเป็นคนในตระกูลฮอฟเฟนเบิร์ก

“กอร์ดอน!” เหล่าขุนนางฝ่ายเสรีนิยมเริ่มจริงจัง

ดยุกเจมส์ดูน่าเกรงขามยิ่งนัก “เขาไม่ได้กล่าวหรือว่าเขาจะรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้วยชีวิต? เขาไม่ได้ออกจากกลุ่มอัศวินดาบแห่งสัจธรรมและไปยังแลนซ์ นครศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเข้ากลุ่มอัศวินแห่งวิหารหรือ?”

“อัศวินอาภาระดับแปดไม่เกินห้าสิบ ‘ดาบแตกหัก…” ดยุกรัสเซลกับไวเคานต์แฮร์ริสันกระซิบกันอย่างจริงจัง

เสียงกังวานในห้องโถง ขุนนางคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเสรีนิยมหรืออนุรักษ์นิยมเริ่มกระซิบกระซาบกัน เคานต์กอร์ดอนเป็นอัจฉริยะและเป็นคนแปลกของตระกูลฮอฟเฟนเบิร์ก เขาได้เป็นอัศวินอาภาเมื่ออายุเพียงสามสิบห้าปี เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยหัวหน้ากลุ่มอัศวินดาบแห่งสัจธรรมของกษัตริย์เฟลติส อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ศรัทธาในศาสนา เขาเดินทางไปนครศักดิ์สิทธิ์เมื่ออายุสี่สิบปี และเข้าร่วมกลุ่มอัศวินแห่งวิหาร

ลำดับสายเลือดของเขาห่างจากกษัตริย์เฟลติสมากกว่าเดวิด อย่างไรก็ตาม ระดับของเขาซึ่งได้เป็นอัศวินอาภานั้นมีผลมากพอที่จะทำให้เขามีสิทธิในการสืบทอดราชบัลลังก์เท่าๆ กับเดวิด ในขณะที่ตระกูลฮอฟเฟนเบิร์กไม่ใช่พวกไร้ชื่อเสียง ทว่าสมาชิกในตระกูลส่วนใหญ่กลับเป็นญาติลำดับห่างๆ หรือไม่ได้เป็นอัศวิน หรือไม่ก็เดินทางสายเวทมนตร์แล้ว จึงไม่มีคุณสมบัตินั้น

ดยุกเจมส์และฝ่ายเสรีนิยมต่างคิดว่าเร็กซ์จะสนับสนุนอเล็กซ์ หลานของเขาผู้ซึ่งเพิ่ง กระตุ้นสายเลือดแห่ง ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ดังนั้นในแง่ของพลังและความเกี่ยวข้องทางสายเลือด เดวิดจะต้องสืบทอดราชบังลังก์อย่างแน่นอน ไม่มีใครคาดคิดว่ากอร์ดอนจะกลับมา

เมื่อมีเสียงค้อนไม้ทุบโต๊ะ ห้องโถงของรัฐสภาแห่งขุนนางก็พลันเงียบกริบ

เรกซ์ดึงไม้กางเขนตรงหน้าอกออกมาแล้วกล่าวอย่างโศกเศร้า “กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเรา กษัตริย์เฟลติส และองค์รัชทายาทผู้ทรงดำรงเกียรติยศ เจ้าชายแพทริคได้กลับคืนสู่พระเจ้าเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ขอให้ยืนสงบนิ่งและขอให้พระผู้เป็นเจ้าแห่งหุบเขาวิมานเมตตาทั้งสองพระองค์ด้วยเถิด”

เจมส์และขุนนางคนอื่นๆ ยืนขึ้นแล้วดึงไม้กางเขนออกมาอย่างเงียบเหงาเศร้าสร้อย

ห้านาทีต่อมา เร็กซ์เปรยว่าทุกคนควรจะนั่งลง เขาพูดอย่างเด็ดขาด “เนื่องด้วยเจ้าชายแพทริค ผู้สืบทอดราชบัลลังก์แห่งอาณาจักรนี้ ได้กลับคืนสู่พระเจ้าเช่นกัน โดยปราศจากโอรสหรือธิดา รัฐสภาแห่งขุนนางจึงต้องเลือกผู้สืบทอดตามกฎ การเลือกจะยึดตามสิทธิในการสืบทอด โดยมีแนวคิดว่าพวกเขาจะต้องได้รับพรจากพระผู้เป็นเจ้า”

โดย ‘ได้รับพรจากพระผู้เป็นเจ้า’ เร็กซ์หมายความว่าพระคาร์ดินัลหลวงจะต้องมาประกอบพิธีสืบราชบัลลังก์

เร็กซ์ไม่อนุญาตให้เหล่าขุนนางพูดอะไร เขาชี้ไปที่กอร์ดอนซึ่งอยู่ข้างๆ “ราชตระกูลแห่งอาณาจักรโฮล์มนั้นอยู่ในอันตรายหลังจากการโจมตี ดังนั้น เคานต์กอร์ดอนจึงตัดสินใจพิจารณาสำหรับตระกูลของเขาและร้องขอการให้อภัยจากพระผู้เป็นเจ้า เขาออกจากกลุ่มอัศวินแห่งวิหารและกลับมาผ่านทางช่องเทเลพอร์ของศาสนจักร เขาเป็นอัศวินอาภาระดับแปด และมีสายเลือดบริสุทธิ์แห่ง ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ ข้าขอเสนอให้เขาเป็นผู้สืบราชบัลลังก์ ขอให้ท่านทั้งหลายยกมือเพื่อออกเสียง”

“รอประเดี๋ยว” เจมส์ลุกขึ้นพูดเสียงดัง “ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตามกฎหมายแล้ว ถ้าสมาชิกมากกว่าสองในสามเห็นชอบและดยุกทั้งเก้าคนไม่มีใครคัดค้านจึงสามารถเลือกผู้สืบราชบัลลังก์ได้ กรณีนี้ใช่หรือไม่ ท่านประธานเร็กซ์?”

เร็กซ์มองเจมส์ด้วยแววตาหม่นหมอง “ใช่ และไม่ใช่ เมื่อผู้เข้ารับการคัดเลือกคนอื่นๆ ทั้งหมดได้คะแนนเสียงไม่ถึงหนึ่งในห้า ผู้เข้ารับการคัดเลือกคนสุดท้ายก็ไม่จำเป็นต้องมีข้อกำหนด ในกรณีเร่งด่วน ผู้เข้ารับการคัดเลือกที่ได้คะแนนเสียงมากกว่าครึ่งหนึ่งจะได้สืบราชบัลลังก์โดยตรง ข้าเชื่อว่าตอนนี้ก็เป็นกรณีเร่งด่วน เราไม่อาจปล่อยให้บัลลังก์ว่างได้”

“กรณีนี้จะเร่งด่วนหรือไม่ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า เราต้องการคะแนนเสียงจากทุกคน เอาละ ข้าขอเสนอเคานต์เดวิด สายเลือดของเขาใกล้ชิดกับกษัตริย์และมีสิทธิในการขึ้นครองบัลลังก์มากกว่าเคานต์กอร์ดอน นอกจากนี้เขายังเป็นอัศวินหลวงซึ่งได้กระตุ้นพลังแห่งสายเลือดแล้ว”

บนแท่น เจมส์ไม่ได้พูดอะไรแต่กวาดตามองขุนนางทั่วทั้งห้อง “ข้าไม่คิดว่าจะมีสมาชิกท่านใดจะคัดค้านการสืบทอดบัลลังก์โดยสายเลือด ใช่ไหม? หากผู้ใดเห็นชอบ ถ้าอย่างนั้นผู้เข้ารับการคัดเลือกที่มีระดับสูงกว่าลูกหรือหลานของกษัตริย์สามารถขออุทธรณ์และชิงตำแหน่งเมื่อพวกเขากำลังจะได้ตำแหน่งใช่ไหม?”

มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องให้พวกขุนนางทราบข้อเท็จจริง ขุนนางทุกคนต้องการให้ทายาทสายตรงของตนสืบทอดตำแหน่ง ถ้าพลังสามารถชิงกันได้โดยอิสระ ตระกูลคงเต็มไปด้วยการลอบสังหารและการขัดแย้งในตระกูล

แน่นอนว่า นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกเขายอมอยู่ภายใต้ศาสนจักร ศาสนจักรที่เป็นอิสระและมีอำนาจนั้นทำให้พวกเขาแน่ใจได้ว่าจะไม่มีใครเมินเฉยต่อกฎเพราะต้องการพลังของพวกเขา

ขุนนางฝ่ายอนุรักษ์นิยมคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วโค้งคำนับทุกคนอย่างอ่อนน้อม “ตามกฎแล้ว ความสามารถทางสายเลือดเป็นพื้นฐานของขุนนาง ส่วนพลังนั้นจะได้รับการพิจารณาในช่วงที่สืบทอด

หากพิจารณาระดับความแข็งแกร่งระดับอัศวินอาภาแล้ว ดยุกกอร์ดอนและเคานต์เดวิดนั้นเทียบเท่ากัน ดังนั้น การเลือกกอร์ดอนจึงไม่ถือว่าฝ่าฝืนกฎและจะไม่เสียระเบียบ”

“บิดาของเคานต์เดวิดก็เป็นนักเวทด้วย เราต้องพิจารณาว่าเขาสามารถได้รับพรจากพระเจ้าได้หรือไม่”

การตอบสั้นๆ ของเขาขจัดคำโต้แย้งของเจมส์ได้อย่างสิ้นเชิง

เคานต์เฮนสันยืนขึ้นพร้อมปากกาขนนก เขาคำนับไปรอบๆ อย่างอ่อนน้อมแล้วเอ่ยว่า “เพียงเพราะว่าบิดาของเขาเป็นนักเวทมิได้หมายความว่าบุตรชายจะไม่เป็นผู้ที่ศรัทธาในศาสนา เคานต์เดวิดไม่เคยขาดประชุมของศาสนจักรทั้งยังบริจาคให้ศาสนจักรเสมอๆ ใครๆ ก็รู้ดีว่าเขามีศรัทธาแรงกล้า ข้าเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าต้องมองเห็นและยอมรับ ส่วนเคานต์กอร์ดอนนั้น เมื่อเข้ากลุ่มอัศวินแห่งวิหาร ข้าพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่าในวันข้างหน้าเขาจะให้ความสนใจอาณาจักรโฮล์มมากกว่าสิ่งอื่น มันไม่ใช่การดูหมิ่นพระผู้เป็นเจ้าแต่เป็นความสับสนยุ่งเหยิงระหว่างอำนาจของศาสนจักรกับกษัตริย์”

ในตอนนั้นเขาไม่มีเวลาอธิบายอย่างละเอียดแต่ชี้ประเด็นเรื่องการเผชิญหน้าของสองอำนาจ

กอร์ดอนยกมือขึ้นแล้วยิ้ม “การคาดการณ์ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ข้าเชื่อว่าข้าจะมองคำถามของขุนนางในฐานะกษัตริย์แห่งราชอาณาจักรโฮล์ม มิใช่อัศวินแห่งวิหาร”

ขุนนางฝ่ายเสรีนิยมและฝ่ายอนุรักษ์นิยมคนอื่นๆ ต่างยืนขึ้นแสดงความเห็น ในที่สุด เร็กซ์ก็พูดขึ้นว่า “เอาละ ได้เวลายกมือแล้ว ใครที่เห็นชอบเลือกเคานต์เดวิด ขอให้ยกมือขึ้น”

ขุนนางต่างยกมือ ดูเหมือนว่ามีไม่มากเท่าไร แต่ก็ได้เสียงไปหนึ่งในสาม ในขณะที่ฝ่ายเสรีนิยมมีจำนวนมากกว่าฝ่ายอนุรักษ์นิยม พวกเขาจึงมีความเห็นสอดคล้องกัน

เร็กซ์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นผลคะแนนเสียงนั้น เพราะเขาไม่สามารถอุทธรณ์ข้อกำหนดพิเศษได้ในตอนนี้ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วดำเนินการต่อไป “ใครที่เห็นชอบเลือกเคานต์กอร์ดอน ขอให้ยกมือขึ้น”

ขุนนางต่างยกมือ ดูเหมือนว่ามันไม่เป็นปัญหาที่เขาจะได้คะแนนเสียงเกินครึ่ง เร็กซ์เริ่มคิดว่าเขาจะแถลงอย่างไรดีสำหรับเรื่องกรณีเร่งด่วน

ทันใดนั้น มือที่ต่างยกขึ้นก็หยุดลงทั้งที่ยังไม่ถึงครึ่ง เร็กซ์มองดยุกโซโลมอนซึ่งนิ่งอึ้ง ขุนนางผู้มีหนวดสีดำส่ายศีรษะ เป็นการบอกกล่าวว่าเขาจะไม่สนับสนุนผู้เข้ารับการคัดเลือกที่มีภูมิหลังเกี่ยวข้องกับศาสนจักรอย่างเด่นชัด ในฐานะที่เป็นผู้นำคนสำคัญของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ทัศนคติขอเขามีอิทธิพลต่อขุนนางคนอื่นอีกหลายคนโดยตรง

ดยุกเจมส์ยิ้ม “ท่านประธานเร็กซ์ ดูเหมือนว่าเราจะต้องหารือและเจรจาต่อรองกันนานหน่อย”

ตอนนี้ดยุกโซโลมอนลังเล เขามั่นใจว่าจะคัดกอร์ดอนออกไปโดยการประนีประนอม

เร็กซ์นิ่งเงียบไป เขามองดูค้อนไม้ในมือ ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมา “ข้าขอเสนอผู้เข้ารับการคัดเลือกอีกคน”

เขาต้องการจะบังคับให้ดยุกโซโลมอนและคนที่เหลือเห็นชอบกับข้อเสนอของเขาในกรณีเร่งด่วนเช่นนี้ แต่พวกเขาหัวแข็งกว่าที่เขาคิด ตอนนี้เขาทำได้เพียงใช้แผนสำรองเท่านั้น

“ใคร? ใครที่จะสูงกว่าการสืบทอดบัลลังก์โดยสายเลือดมากกว่าเคานต์เดวิดกับเคานต์กอร์ดอน?” ดยุกรัสเซลแสดงอาการคัดค้าน

เร็กซ์ตอบอย่างใจเย็น “นาตาชา ไวโอเล็ต เคาน์เตสแห่งราชรัฐไวโอเล็ต ได้กระตุ้นสายเลือดแห่ง ‘ดาบแห่งสัจธรรม’ นางเป็นญาติใกล้ชิดกษัตริย์ยิ่งกว่าเคานต์เดวิดเสียอีก ซ้ำยังเป็นอัศวินอาภาและมีศรัทธาในศาสนาอย่างแรงกล้าซึ่งสามารถได้รับพรจากศาสนจักร”

…………….