บทที่ 213 การโจมตี
“งั้นไปกันเถอะ ไปหาอะไรกินกัน” มู่หรงเสวี่ยพูด อดไม่ได้ที่จะคิดถึงฮวงฟูอี้ ถ้าเป็นเขาก็คงจะเตรียมอาหารไว้รอแล้ว ความใส่ใจของเขาค่อยๆแทรกเข้ามาในชีวิตของเธอ
ในบริษัทไม่ค่อยจะมีคนอื่นแล้วแต่ก็ยังมีการ์ดที่ยังทำหน้าที่อยู่ เมื่อเห็นมู่หรงเสวี่ยออกมา พวกเขาก็ทำความเคารพอย่างสุภาพ
มู่หรงเสวี่ยเพียงพยักหน้าเล็กน้อย “ตั้งใจทำงานนะ!” แล้วเธอก็เดินออกมาจากประตูพร้อมกับหลงอี้เหลือไว้เพียงการ์ดที่ยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยความสุข
ทันทีที่มู่หรงเสวี่ยและหลงอี้เดินออกมาจากประตู ที่ตึกสูงฝั่งตรงข้ามก็มีเสียงปืนเก็บเสียงยิงตรงมาทางมู่หรงเสวี่ย
มู่หรงเสวี่ยกำลังเตรียมที่จะหยิบกุญแจออกมา
ทันใดนั้นหลงอี้ซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นเวลานานจนมีความไวต่อเสียงกระสุนที่กำลังบินมา หลงอี้ตัดสินใจที่จะลงมือทันที เขาพุ่งไปข้างหน้าและขวางหน้ามู่หรงเสวี่ยไว้ ทั้งสองนอนลงไปกับพื้นทันที อย่างไรก็ตามหลงอี้ก็ยังช้าไปอยู่ดี ถ้ามีเขาเพียงคนเดียว เขาก็คงจะหลบได้อย่างปลอดภัยแต่การช่วยคุณมู่หรงเสวี่ยช้าไปหน่อย…
“อืม…” หลงอี้อดไม่ได้ที่จะร้องออกมา ที่ไหล่ของเขาถูกยิง
อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าที่จะอยู่นิ่ง เก็บกดความเจ็บไว้ เขารีบดึงมู่หรงเสวี่ยลุกขึ้นทันทีและรีบไปหลบที่ด้านหลังรถอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นทิศทางของกระสุนถูกยิงมาจากตึกฝั่งตรงข้าม
หลงอี้ทุบกระจกมองข้างของรถออกมาแล้วยื่นออกไปเพื่อใช้มองสถานการณ์ของตึกฝั่งตรงข้าม เขาเห็นร่างอยู่ที่ชั้นบนของตึกฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าถูกเปิดเผยแล้ว เขารีบเก็บอาวุธและหนีไปอย่างรวดเร็ว
เพราะตอนนี้คุณมู่หรงยังอยู่ที่นี่ด้วยเขาจึงวิ่งตามไปไม่ได้ อีกอย่างเป้าหมายของอีกฝ่ายก็คือคุณมู่หรง ภารกิจแรกของเขาคือการปกป้องคุณมู่หรงให้ปลอดภัย ไหล่ของหลงอี้ยังมีเลือดไหลออกมาอยู่แต่เขาดูเหมือนจะไม่สนใจเลยสักนิด
“หลงอี้ เป็นไงบ้าง?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร!” หลงอี้ตอบแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างเร็วพร้อมกดเบอร์โทรออก หลังจากที่อธิบายไปไม่กี่คำเขาก็วางสาย
“ไปเถอะ กลับไปทำแผลก่อน…” มู่หรงเสวี่ยพูด
หลงอี้ส่ายหัว “รอเดี๋ยวครับ อีกฝ่ายยังอยู่ในตึกฝั่งตรงข้าม ดูเหมือนว่าเขาแค่เปลี่ยนตำแหน่ง เพื่อความปลอดภัยเราจะอยู่ที่นี่กันอีกสักพักและผมจะลองสังเกตดูคนที่น่าสงสัยแล้วเดี๋ยวจะมีบางคนมาพบเรา…” เขาไม่กล้าที่จะปล่อยให้คุณมู่หรงต้องเสี่ยง
มู่หรงเสวี่ยมองไปรอบๆ บังเอิญว่ารถจอดอยู่ตรงหัวมุมถัดจากบริษัท ที่ด้านหลังเป็นกำแพงของบริษัท ทั้งสองฝั่งมีรถจอดอยู่และไม่มีใครอยู่รอบๆเลย เธอหยิบเข็มทองคำ, มีดผ่าตัดและยาใส่แผลออกมาจากมิติลับโดยไม่สนใจอะไร
หลงอี้เบิกตากว้างด้วยความตกใจ อีกอย่างเขารู้สึกซาบซึ้งกับความเชื่อใจที่คุณมู่หรงมีให้กับเขา
“ทำไมถึงมองฉันแบบนั้นล่ะ? อี้มองนายเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัว นายคิดว่าฉันจะนั่งมองนายเจ็บเฉยๆหรือไง?!” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาอย่างใจเย็นที่มองออกว่าสามารถที่จะเชื่อใจใครได้หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาสักพัก อีกอย่างเรื่องมิติลับก็ถูกเปิดเผยออกไปแล้วด้วยจึงไม่จำเป็นที่จะต้องปิดบังเรื่องนี้กับของกันเอง
นี่ไม่ใช่ปัญหางั้นเหรอ?! นี่เป็นเวลาที่คุณมู่หรงจะต้องอธิบายว่าทำไมเธอถึงเอาของต่างๆออกมาจากอากาศได้ไม่ใช่เหรอ?!!! อย่างไรก็ตามมันก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่คุณมู่หรงบอกว่าดราก้อนมาสเตอร์มองเขาเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวทำให้เขาซาบซึ้งจนถึงขนาดยอมตายเพื่อความปลอดภัยของดราก้อนมาสเตอร์ได้เลย
มู่หรงเสวี่ยค่อยๆตัดเสื้อบริเวณไหล่ที่บาดเจ็บของหลงอี้และพยายามที่จะไม่ให้โดนแผลของเขา หลังจากนั้นก็เผยให้เห็นรูบาดแผลซึ่งค่อนข้างน่ากลัว
เธอหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดออกมาว่า “ฉันจะเอากระสุนออกมา นายทนได้ไหม ฉันจะทำให้เส้นประสาทของนายเป็นอัมพาตด้วยเข็มทองคำ มันจะได้ไม่เจ็บมาก…”
หลังจากที่เช็ดเลือดแล้ว มู่หรงเสวี่ยก็หยิบเข็มทองออกมาและแทงเข้าไปในหลายจุดรอบๆแผลโดยไม่ลังเล หลงอี้ไม่รู้สึกเจ็บแต่กลับรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสบายใจกับทักษะทางการแพทย์ที่สุดยอดของคุณมู่หรง
แต่หลงอี้ก็ยังไม่กล้าที่จะวางใจ มือด้านขวาของเขาที่บาดเจ็บก็ยังถือกระจกมองข้างอยู่เพื่อคอยสังเกตสถานการณ์ของฝั่งตรงข้าม เวลาผ่านไปนานแต่เขาก็ยังไม่เห็นคนที่น่าสงสัยเดินออกมา
มู่หรงเสวี่ยลงมือรักษาอย่างรวดเร็วและไม่นานกระสุนก็ออกมาได้ เธอรีบใส่ยาให้หลงอี้และปิดแผลทันทีแล้วจึงดึงเข็มทองคำออก
หลังจากที่ดึงเข็มทองคำออกแล้วความเจ็บก็กลับมาอีกครั้งและหลงอี้ที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมา
“ยังเจ็บอยู่เหรอ?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“โชคดีที่ไม่เจ็บมากเท่าไร…” อันที่จริงยาของคุณมู่หรงเสวี่ยสบายอย่างมากซึ่งทำให้เขารู้สึกสดชื่นและเย็นๆซึ่งช่วยลดความเจ็บของแผลไปได้มาก
“ผู้บังคับบัญชาการ!” ในตอนนั้นนี้ทีมทั้งสองขององค์กรในจังหวัดAก็รีบวิ่งเข้ามาและพบว่าหลงอี้อยู่ในตำแหน่งที่ทางดราก้อนพาวิลเลี่ยนแจ้งมา
หลงอี้รีบกลับมาอยู่ในมาดของผู้บังคับบัญชาทันทีและปรับท่าทาง…”ทำไมถึงมาช้า?” หลงอี้พูดดุออกไปอย่างจริงจัง
เจ้าหน้าที่ทุกคนที่เพิ่งมาถึงรีบโค้งตัวทันทีและพูดออกมาอย่างพร้อมเพรียงด้วยท่าทางนอบน้อม “เชิญลงโทษได้เลยครับ!”
“ทีมหนึ่งไปที่ฝั่งตรงข้ามเพื่อค้นหาผู้ต้องสงสัย อีกฝ่ายยิงมาจากฝั่งตรงข้าม ส่วนอีกทีมคอยคุ้มกันให้เราออกไปจากที่นี่!”
“ครับ” ทีมที่หนึ่งรีบวิ่งไปที่ตึกฝั่งตรงข้ามด้วยความรวดเร็ว
ส่วนอีกทีมคอยคุ้มกันหลงอี้และมู่หรงเสวี่ยที่อยู่ตรงกลาง ส่วนอีกหลายคนรีบขับรถกันกระสุนที่พาวิลเลี่ยนสั่งผลิตขึ้นมาพิเศษเข้ามาในทันที
“เพื่อความปลอดภัย คืนนี้คุณมู่หรงควรที่จะพักที่ฐานของพาวิลเลี่ยนนะครับ” หลังจากที่รถขับออกมาแล้วสักพัก หลงอี้ก็หันมาพูดกับมู่หรงเสวี่ย
มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ปฏิเสธและได้แต่พยักหน้า “อืม!” ในตอนนี้เธอกำลังสงสัยว่าใครกันที่อยากจะเอาชีวิตของเธอ เสี่ยวเข่อลี่เป็นคนเดียวที่อยากจะเอาชีวิตเธอในจังหวัดAนี้ แต่ในตอนนี้เสี่ยวเข่อลี่ก็ถูกจับไปแล้ว
ฐานของจังหวัด Aถูกฮวงฟูอี้สั่งทำลายไปแล้วในครั้งแล้ว ตึกใหม่จึงถูกสร้างใหม่ที่อีกที่หนึ่ง ในตอนนี้มันยังไม่เสร็จแต่การคุ้มกันก็แข็งแกร่งไม่ต่างกัน
ไม่ใช่มู่หรงเสวี่ยคนเดียวที่คิดถึงเรื่องนี้แต่หลงอี้เองก็ด้วย เป็นการกระทำของดราก้อนมาสเตอร์ที่ไม่มีเหตุผลเลย เพราะการกระทำนี้หลงอี้จึงเข้าใจสถานะของมู่หรงเสวี่ยในหัวใจของดราก้อนมาสเตอร์ได้อย่างชัดเจน
“หลงอี้หนึ่ง เรื่องที่มีคนโจมตีฉันในครั้งนี้ อย่าบอกอี้นะ…” มู่หรงเสวี่ยพูดเสียงเบา
หลงอี้เงียบไปสักพักแล้วพูดปฏิเสธออกมา “ผมสัญญาเรื่องนี้ไม่ได้หรอกครับคุณมู่หรง…” ตลกแหละ ถ้าเขาปิดบังเรื่องที่สำคัญแบบนี้ ดราก้อนมาสเตอร์จะต้องฆ่าเขาแน่ๆ
มู่หรงเสวี่ยขมวดคิ้วและพูดต่อ “ตอนนี้ที่พาวิลเลี่ยนมีปัญหามากมายแล้ว นายคงไม่อยากให้เขาทิ้งงานแล้วรีบวิ่งมาที่จังหวัด Aหรอกใช่ไหม อีกอย่างนายก็อยู่ที่นี่แล้วไม่ใช่เหรอ? นายไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองงั้นเหรอ?!! ฉันเชื่อว่านายมีความสามารถมากพอที่จะปกป้องฉันได้” เธอไม่อยากทำให้ฮวงฟูอี้ต้องเหนื่อย ก่อนหน้านี้เธอก็เห็นแล้วว่างานเขายุ่งมากแค่ไหนและเรื่องต่างๆเกี่ยวข้องกับพาวิลเลี่ยนก็สำคัญมากๆ เธอคงทนไม่ได้ที่จะต้องให้เขาไปๆมาและเขาก็ให้หลงอี้มาอยู่ข้างๆเธอแล้ว
หลงอี้เงียบไป คุณมู่หรงพูดถูก เขาไม่อยากให้ดราก้อนมาสเตอร์ต้องถูกรบกวนด้วยเรื่องเล็กน้อยแต่เขาก็รู้ดีว่าคุณมู่หรงสำคัญกับหัวใจของดราก้อนมาสเตอร์มากแค่ไหน
“ไม่ได้ ผมจะบอกดราก้อนมาสเตอร์ดีกว่า…” หลังจากที่เงียบไปนาน เขาก็ยังคิดว่าบอกเรื่องนี้กับดราก้อนมาสเตอร์ดีกว่า
“งั้นถ้านายอยากจะบอก ฉันก็จะไม่ปรานีแล้วนะ ฉันจะบอกอี้ว่านายทำร้ายฉัน!” มู่หรงเสวี่ยขี้เกียจที่จะพูดกับหลงอี้
หลงอี้เบิกตากว้าง “คุณมู่หรง อย่าพูดไร้สาระสิครับ ผมไปทำร้ายคุณเมื่อไร…”
มู่หรงเสวี่ยเหล่มองเขาอย่างเย็นชา “ที่หน้าประตูบริษัท นายจะบอกว่านายไม่ได้จู่ๆก็กระโดดมาใส่ฉันงั้นเหรอ?”
“นั่นเพราะกระสุน นี่เป็นเรื่องใหญ่ ถ้าผมไม่บอกจะต้องตายแน่ๆ!”
“อะไรก็ช่าง มันก็เป็นเรื่องจริงที่นายกระโจนเข้าใส่ฉัน…งั้นนายคงรู้ว่าต้องทำอะไร!” มู่หรงเสวี่ยพยายามเก็บความรู้สึกที่จะหลุดขำออกมาและพูดออกไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา
ปีศาจ!!! นังปีศาจชัดๆ!!! อย่างที่คิดไว้เลย คนที่จะอยู่ข้างดราก้อนมาสเตอร์ได้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาที่จะเข้าไปยุ่งด้วยได้ง่ายๆ…เขาอยากที่จะรีบวิ่งกลับไปหาแม่ที่บ้านแล้วให้ท่านปลอบใจจริงๆ!!!
หลังจากที่ผ่านไปนานหลงอี้ก็ตอบกลับมา “เข้าใจแล้วครับ ผมจะไม่พูด…”
มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มกว้างแล้วจึงหยิบลูกอมออกมาจากกระเป๋าและส่งให้หลงอี้ “นี่จ๊ะ นี่ลูกอมรางวัลของนาย…” น้ำเสียงราวกับว่ากำลังพูดกับลูกสุนัขอย่างไงอย่างงั้นเลย
อยากจะบ้าจริงๆ!!! นี่…นี่มันไม่ถูกต้องเลย…เขาเป็นผู้บังคับบัญชาการระดับสูงที่ทรงอำนาจนะ
หลงอี้รับลูกอมมาด้วยมือที่สั่นเทิ้มเล็กน้อยและความเศร้าในหัวใจเขาก็พุ่งขึ้นมาราวกับม้าออกวิ่ง
สมาชิกคนอื่นๆที่อยู่ในรถด้วยต่างก็มองหน้ากันและกันและก็ไม่กล้าที่จะมองท่าทางของผู้บังคับบัญชาการในตอนนี้ด้วย พวกเขาต่างก็ได้แต่มองหน้ากันและเก็บกดสิ่งที่พูดออกมาไม่ได้เอาไว้
หลงอี้รู้ดีว่าตลอดชีวิตนี้ตัวเองคงหนีไม่พ้นจากกรงเล็บของคนรักของดราก้อนมาสเตอร์ไปได้
ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าที่จะมาถึงฐานใหม่
หลังจากที่กินอาหารค่ำเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นว่ามีข้อความและสายโทรเข้ามากมาย เมื่อเธอเปิดอ่านข้อความก็พบว่าทั้งหมดมาจากฮวงฟูอี้ คอยถามว่าทุกอย่างเป็นยังไงบ้างและเธอกินข้าวตรงเวลาหรือเปล่า
หัวใจของมู่หรงเสวี่ยรู้สึกอบอุ่นมาก