ช่วงไม่กี่วันมานี้ มีคนหลายคนมาปรากฏตัวติดต่อกัน จิโร่ สึคาฮาระจากประเทศญี่ปุ่น และฉินตูฟูที่ฆ่าคนอย่างกับผักปลา ยังมีคนที่ขโมยกระจกแสงจันทร์ไปอีกคน คนพวกนี้ทั้งหมดมารวมตัวกันอยู่ที่ตี้จิงทั้งหมด ทำให้ตี้จิงช่วงนี้ ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
เมื่อหยางโปกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นแม่ปิดประตูห้องแล้ว เขาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้เดินไปเคาะประตู เขาคิดว่า เรื่องนี้น่าจะเกิดขึ้นระหว่างมื้ออาหาร แต่ทำไมแม่ถึงทำแบบนั้น ?
เช้าวันที่สอง หยางโปตื่นแต่เช้า เขาออกไปออกกำลังกายตอนเช้ากลับมา ก็พบอาหารเช้าจัดวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แต่แม่ของเขาได้ออกไปแล้ว เขาอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ มันยิ่งทำให้เขาแน่ใจมากขึ้นว่าเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับแม่อย่างแน่นอน
หลังจากรับประทานอาหารแล้ว หยางโปก็หันไปมองเหยียนหรูหยู ” ผมจะออกไปข้างนอก คุณจะไปด้วยกันไหม ? ”
เหยียนหรูหยูเหลือบมองเขา ” ช่วงนี้ตี้จิงไม่ค่อยสงบ คุณรู้ไหม ? ”
“ คุณรู้ได้ยังไง ? ” หยางโปเหลือบมองด้วยความแปลกใจ
เหยียนหรูหยูไม่พูด สายตาจับจ้องไปที่สวนดอกไม้ตรงหน้าเท่านั้น
หยางโปรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น ” ผมรู้สึกว่าอาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมยังไม่แน่ใจ คุณรู้อะไรหรือเปล่า ? ”
เหียนหรูหยูส่ายหัว “ คุณรู้สึกได้ก็ดี ระวังตัวเองด้วย ”
พอพูดจบ เหยียนหรูหยูก็เดินกลับไปที่ห้อง เมื่อเร็วๆนี้ นับวันเหยียนหรูหยูยิ่งไม่ชอบออกไปข้างนอกมากขึ้น
หยางโปไม่มีทางเลือก เขาจึงต้องขับรถมุ่งหน้าไปที่บริษัทของแม่ก็หันไปมองเหยียนหรูหยู ” ผมจะออกไปข้างนอก คุณจะไปด้วยกันไหม ? ”
เหยียนหรูหยูเหลือบมองเขา ” ช่วงนี้ตี้จิงไม่ค่อยสงบ คุณรู้ไหม ? ”
“ คุณรู้ได้ยังไง ? ” หยางโปเหลือบมองด้วยความแปลกใจ
เหยียนหรูหยูไม่พูด สายตาจับจ้องไปที่สวนดอกไม้ตรงหน้าเท่านั้น
หยางโปรู้สึกไม่มีทางเลือกอื่น ” ผมรู้สึกว่าอาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเร็วๆนี้ แต่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมยังไม่แน่ใจ คุณรู้อะไรหรือเปล่า ? ”
เหียนหรูหยูส่ายหัว “ คุณรู้สึกได้ก็ดี ระวังตัวเองด้วย ”
พอพูดจบ เหยียนหรูหยูก็เดินกลับไปที่ห้อง เมื่อเร็วๆนี้ นับวันเหยียนหรูหยูยิ่งไม่ชอบออกไปข้างนอกมากขึ้น
หยางโปไม่มีทางเลือก เขาจึงต้องขับรถมุ่งหน้าไปที่บริษัทของแม่ นี่เป็นครั้งแรกที่หยางโปมาที่นี่ บริษัทตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานบนถนนวงแหวนที่สี่ หลินหลินทำธุรกิจเกี่ยวกับภาพเขียนสีน้ำมันเป็นหลัก มีร้านค้าหลายแห่งใกล้โรงเรียนศิลปะทั้งหมด และที่นี่คือสำนักงานใหญ่
สภาพแวดล้อมของอาคารสำนักงานค่อนข้างดี หยางโปพาบอดี้การ์ดมาถึงที่บริษัท พอเห็นโลโก้บริษัทก็เดินตรงเข้าไปทันที ไม่มีพนักงานต้อนรับ จึงไม่มีใครมาขวางเขาไว้
มีพนักงานเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา จึงเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง ” พวกคุณมาสั่งของใช่ไหม ? ที่นี่ไม่ใช่คลังสินค้านะ ? ”
“ พวกเรามาคุยเรื่องธุรกิจกับคุณหลิน ” หยางโปตอบ
เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ของหยางโป พนักงานคนนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้อีก
เมื่อเดินเข้ามา หยางโปก็เห็นสำนักงานของผู้จัดการทั่วไป เขาจึงเดินไปเคาะประตู ” เชิญเข้ามา ! ”
นี่คือเสียงของ หลินหลินแม่ของเขา หยางโปคุ้นเคยกับเสียงนี้มากพอเขาได้ยินเสียงนี้ ก็ผลักประตูเดินเข้าไป พอเงยมองขึ้นก็เห็นแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะและกำลังเขียนอะไรบางอย่างอย่างจริงจังอยู่
หลินหลินก้มก้มหน้าทำงาน ไม่ได้ยินว่ามีคนพูดอยู่ เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นหยางโปนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ” ทำไมลูกถึงมาที่นี่ ? ” novel-lucky
หยางโปยิ้ม “ แม่ทำงานอยู่ที่นี่มาก็ตั้งนานแล้ว ผมไม่ได้มาหาเลยรู้สึกผิดมาก ”
หลินหลินยิ้มและกดปุ่มบนโต๊ะ จากนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา หลินหลินจึงสั่งไปว่า
” เสี่ยวซู ช่วยชงชามาให้สามที่นะ ”
หยางโปมองไปรอบๆ “ แม่ สภาพแวดล้อมที่ทำงานที่นี่ดีเลย ถ้าย้ายบริษัทมาที่นี่ต้องเป็นทางเลือกที่ดีมากแน่ๆ ” “ ลูกอยากจะย้ายบริษัทมาที่นี่เหรอ ? ” หลินหลินถามอย่างสงสัย
หยางโปส่ายหัวและพูดว่า ” ร้านจิวเวอรี่ฟู่หยูจูเป่าหยั่งรากลึกอยู่ที่เมื่อหยางเฉิงแล้ว ถ้าจู่ๆมาเปลี่ยนที่ตั้งบริษัทตามต้องการ ผมกลัวว่ามันจะส่งผลเสีย ผู้คนจะคิดว่าเราหนีได้ ! ”
หลินหลินก้มมองแฟ้ม ” ตอนนี้ยังเช้าอยู่ เอาแบบนี้ไหม แม่จะให้เสี่ยวซูพาลูกไปดูบริษัทหน่อย ”
หยางโปยิ้มและพลางพูดว่า ” ได้ ถ้างั้นก็รบกวนเลขาซูด้วยนะ ”
เลขาซูพูดอย่างรวดเร็ว ” คุณเกรงใจเกินไปแล้ว ! ”
พอพูดจบ เลขาซู ก็พาหยางโปไปเดินชมบริษัท
หยางโปได้เห็นประวัติการพัฒนาของบริษัทแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นแม่ของเขาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว เวลานั้นหลินหลินยังสาวมาก เหมือนจะอยู่ในวัยยี่สิบกว่า ผิวขาวนวลใบหน้างดงาม ถือเป็นสาวงามคนหนึ่งเลย
หยางโปมองดูรูปภาพและประวัติการเติบโตของบริษัทพวกนี้ ก็รู้ว่าแม่ของเขาทุ่มเทไปมากแค่ไหน เขาเลยนึกถึงตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง แม่กลับมาเพื่อตามหาเขา เมื่อพบเขาแล้ว ตอนนี้ก็อยากดูแลเขาให้ดีๆ แม้เขาจะรู้เรื่องถูกวางยาดี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ บางทีแม่อาจทำไปเพราะอยากได้หลานชาย ?
เมื่อคิดเช่นนี้ หยางโปก็ค่อยๆเข้าใจ พ่อแม่บนโลกนี้ที่น่าสงสาร แม่เคยตั้งคำถามเรื่องลูกที่จะมาสืบสกุลต่อหน้าเขามาหลายครั้ง หวังว่าเขาจะคิดเรื่องนี้ได้เร็วกว่านี้ แต่เขากลับทำเป็นหูทวนลมมาตลอด เมื่อมองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าพวกนี้ หยางโปก็เริ่มที่จะให้อภัย
ไม่นาน หยางโปก็เดินตามเลขาเสี่ยวซูดูบริเวณต่างๆ และกลับไปที่ห้องทำงานของแม่ เขาดูออกว่าแม่ของเขาดูประหม่าเล็กน้อย
“ บริษัทของแม่เป็นยังไงบ้าง ? ” หลินหลินถาม
หยางโปพยักหน้า “ เยี่ยมมาก แม่ผมคิดว่าบริษัทนี้มีศักยภาพมาก คงจะอยู่ไปอีกนานแน่ๆ ! ”
“ อีกนาน ? แม่หวังว่ามันจะใหญ่โตและยิ่งแข็งแกร่งขึ้น ” หลินหลินกล่าว
“ แม่ บริษัทไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่ ธุรกิจในบริษัทนี้ของแม่มีขีดจำกัดการพัฒนาในอนาคต
ต่อให้เหมาวัสดุวาดภาพสีน้ำมันทั่วประเทศมา และแม่จะมีเครือข่ายใหญ่แค่ไหนกัน ? มันก็เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะทำสำเร็จได้ สู้ทำที่มีอยู่ให้มันละเอียดกว่านี้ไม่ดีกว่าเหรอ ? ” หยางโปกล่าว
หลินหลินยิ้มแต่ไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเธอมีความคิดเป็นของตัวเอง
หยางโปอยู่พูดคุยด้วยอีกสองสามคำ ไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ถูกวางยาเลย จากนั้นก็หันหลังและเดินออกไป คาดว่าแม่ของเขาน่าจะเข้าใจความหมายของเขา ครั้งหน้าคงจะไม่ทำแบบนี้อีก เมื่อหยางโปกลับมาถึงบ้าน กลับพบว่า เสวียนจงรอเขาอยู่นอกประตูแล้ว เขาแปลกใจมาก
“ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ? ”
“ ศิษย์พี่หยาง ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกคุณ มันสำคัญมาก ” เสวียนจงกล่าว
หยางโปพยักหน้าและเดินนำเสวียนจงเข้าไป ทั้งสองมานั่งอยู่ในห้องหนังสือ
เสวียนจงเพิ่งนั่งลง แต่จู่ๆก็ยืนขึ้นอีกครั้ง และล้วงไปหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากอกแล้วยื่นให้
หยางโป ” คุณหยาง ช่วงนี้ที่ผมจัดการเก็บกวาดข้าวของของเหลียงหรูซิง และพบเข้ากับของสิ่งนี้ ”
หยางโปก้มหน้ามองและเห็นว่าสิ่งที่เสวียนจงวางไว้บนโต๊ะคือกุญแจสีดำ เขามองไปที่กุญแจดอกนี้ อดที่จะตกใจไม่ได้ “ นี่มันกุญแจอะไร ? เอามาจากไหน ? ”
เสวียนจงรีบอธิบาย ” ผมพบกุญแจดอกนี้ในกล่องผ้า กล่องผ้ามีสองชั้นดูมีมูลค่ามาก ”
ในระหว่างที่พูดคุยกัน เสวียนจงก็เอากล่องผ้าออกมา กล่องผ้าดูงดงามมาก มีลวดลายต่างๆอยู่ด้านนอก เขาเปิดกล่องออก และใส่กุญแจเข้าไปใหม่อีกครั้ง
หยางโปขมวดคิ้ว เขาไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมอีกฝ่ายไม่ใส่กุญแจในกล่องผ้าแล้วส่งให้เขาพร้อมกัน ?
ในขณะที่กำลังลังเลใจอยู่นั้น เสวียนจงก็ยื่นมันมาให้อีกครั้ง ” มีบัตรเชิญใบหนึ่งมาพร้อมกล่อง
ผ้า ”
หยางโปรับบัตรเชิญมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาเปิดบัตรเชิญและเห็นว่าในนั้นเขียนด้วยตัวอักษรจีนตัวเต็ม โชคดีที่เขาอ่านลายมือบนนั้นออก ” การประชุมใหญ่ขั้นวรยุทธ์เลี่ยนชี่ ” !
หยางโปมองดูตัวอักษรตัวเต็มสีทองนี้ จู่ๆก็รู้สึกแปลกใจ เขาคิดไม่ถึงว่า จะมีการประชุมแบบนี้อยู่ ! แต่ทำไมเหลียงหรูซิงได้รับบัตรเชิญ แต่ทำไมเขาไม่ได้ เป็นไปได้ไหมว่าเขายังฝึกฝนไม่เพียงพอ ?