กโยยองลืมตาขึ้น ตอนนี้นางกำลังนอนอยู่ที่เบาะรองนั่ง ลำตัวเปลือยเปล่ามีผ้าแพรผืนบางปกปิดตั้งแต่หน้าท้องลงไปต่างผ้าห่ม นอนอยู่บนเบาะรองนั่งหาใช้บนเตียงอย่างนั้นหรือ ทั้งยังเปลือยกายมีเพียงผ้าแพรผืนบางคลุมอยู่ กโยยองที่พอได้เห็นสภาพของตัวเองแล้วตาที่ลืมขึ้นครึ่งหนึ่งก็ปิดลงอีกครั้ง
“มิใช่ความฝันอย่างนั้นสินะ” นางหวังว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความฝัน ให้เป็นเพียงแค่ความฝันยังจะดีเสียกว่า เป็นเพียงแค่ฝันร้ายที่แสนน่ารังเกียจ
‘พอแค่นี้เถิด’
กโยยองนึกถึงน้ำเสียงของบีพาอันที่อัดแน่นไปด้วยความเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง กโยยองคิดถึงบีพาอันอยู่เสมอ หวังว่าจะได้พบหน้าเขา ทว่านางหาได้หวังให้เรื่องมันเป็นเช่นนี้ไม่ กโยยองโผเข้าหาบีพาอันที่มาเยือนตำหนักดงบินอย่างไร้ซึ่งยางอาย นางถอดเสื้อผ้าของตนด้วยมือของตัวเอง ทั้งยังอ้อนวอนให้เขากอด แน่นอนว่าบีพาอันปฏิเสธนางอย่างเย็นชา
“เหตุใดเราถึงทำเช่นนั้นกัน ร่างกายเรา…โหยหาเขาถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
หรือเพราะตนต้องอยู่อย่างเดียวดายในยามค่ำคืนมานานเกินไป เมื่อได้เห็นบีพาอันมาหาในยามดึกดื่นจึงได้สิ้นสติไปเสียแล้ว กโยยองที่เปิดเผยความต้องการที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมันออกมา ทั้งยังถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย นางรู้สึกละอายใจต่อตัวเองยิ่งนัก กโยยองคิดถึงเรื่องเมื่อคืนพร้อมกับขมวดคิ้วมุ่น นางเม้มปากแน่นจนริมฝีปากแดงไร้สี จนริมฝีปากบางแตก และฟันถูกย้อมไปด้วยเลือด
“คิดว่าคงจะไม่มีเรื่องใดน่าอับอายเท่าเรื่องในคืนวันส่งตัวแล้วเสียอีก”
แต่กลับมีคืนที่น่าอับอายกว่าคืนวันส่งตัวขึ้นมาเสียได้ ในครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศที่กโยยองทำให้มันเกิดขึ้นด้วยตัวของนางเอง
กโยยองตั้งใจจะเก็บเรื่องเมื่อคืนก่อนไว้เป็นความลับ อย่างไรเสียบีพาอันก็คงไม่มีทางพูดถึงมันขึ้นมาเป็นแน่ หากตนไม่พูดก็ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะออกมาจากปากของบีพาอันเป็นแน่ กโยยองมีข่าวลือที่ว่าตนถูกละเลยในคืนส่งตัวกระจายไปทั่วทั้งวังอยู่แล้ว นางไม่อยากจะมีมลทินเพิ่มอีก
“มันไม่เคยเกิดขึ้น”
กโยยองย้ำกับตัวเอง นางตั้งใจจะลืมมันเสีย ให้มันเป็นเพียงฝันร้ายที่น่ารังเกียจ เป็นเพียงค่ำคืนที่ตนจะไม่นึกถึงมันอีก ทว่าเรื่องกลับไม่เป็นดั่งที่นางหวัง
***
จนถึงตอนนี้ นางไม่เคยบังเอิญเจอบีพาอัน ขณะที่นางเดินไปไหนมาไหนภายในวังตะวันออกเลย ถึงแม้ว่าจะใช้ชีวิตอยู่ภายในวังเดียวกัน ทว่าไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ทั้งคู่ถึงไม่เคยบังเอิญเจอกันเลย กโยยองเคยคาดหวังว่าจะได้เห็นเพียงแค่เงาของบีพาอันจากไกลๆ บ้าง ทว่าในตอนนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว นางไม่อยากจะเจอหน้าเขาเสียด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรจนถึงขณะนี้นางก็ไม่เคยบังเอิญพบเขาเลยสักครั้ง กโยยองจึงวางใจอยู่บ้าง แต่เมื่อนางเดินผ่านประตูกลางของตำหนักดงชอน ที่หัวมุมทางเดินไปตำหนักดงบี ตรงหน้านางมีชายรูปงาม รูปร่างสูงใหญ่กำลังเดินใกล้เข้ามา
เป็นบีพาอัน เขาเดินออกมาทางตำหนักดงบี ไร้ซึ่งข้ารับใช้คอยเดินตามหลังอย่างเช่นทุกครั้ง ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วย ใบหน้ากโยยองบูดเบี้ยว นางพยายามหลบซ่อนสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของตนโดยการรีบก้มหน้าพร้อมกับย่อตัวลง
“ทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี เข้าเฝ้าฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพคะ”
กโยยองไม่คิดเลยว่าจะได้พบเขาเร็วถึงเพียงนี้ ได้พบกับเขาในตอนที่ดวงอาทิตย์ยังส่องสว่างเช่นนี้ ทำให้ร่างกายของนางพลันร้อนรุ่ม ลำคอแห้งผาก กโยยองที่ก้มหน้าอยู่ภาวนาให้บีพาอันรีบเดินผ่านตนไปโดยเร็ว บีพาอันนั้นไม่เคยที่จะชายตามองนางเลยสักครั้ง ทว่าในวันนี้ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุใดเขาถึงหยุดอยู่ตรงหน้านาง
“…”
“…”
ไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร กโยยองเพียงก้มหน้ามองไปที่ปลายเท้าของบีพาอันด้วยดวงตาที่สั่นไหว ในหัวของนางเต็มไปด้วยความสงสัย ทำไมกัน ทำไมต้องเป็นวันนี้
เหตุใดคืนก่อนถึงมาหาตนที่ตำหนัก
เหตุใดวันนี้ถึงบังเอิญได้พบกัน
เหตุใดจึงไม่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเดินผ่านไป
เหตุใดถึงได้มาหยุดที่ตรงหน้าตน
คำถามมากมายที่พรั่งพรูออกมาหาได้รับคำตอบ บีพาอันหยุดยืนอยู่ตรงหน้ากโยยองอยู่พักใหญ่ ส่วนกโยยองทำเพียงแค่ก้มหน้าลง เหตุเพราะไม่มีหน้าไปมองหน้าบีพาอัน จนถึงตอนที่กโยยองเริ่มรู้สึกปวดคอ
“เรื่องคืนก่อน เราขออภัยด้วย” น้ำเสียงไร้โทนสูงต่ำ เป็นคำขอโทษแผ่วเบาราวกับสายลมที่พัดผ่าน
กโยยองเบิกตากว้าง ปลายเท้าที่นางจ้องมองอยู่หันหลังกลับไป บีพาอันค่อยๆ ก้าวห่างออกไปเรื่อยๆ กโยยองก้มหัวนิ่งอยู่อย่างนั้นจนถึงตอนที่ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของบีพาอันแล้ว
“เมื่อครู่…ที่เราได้ยิน…มันอะไรกัน”
กโยยองเงินหน้าขึ้นช้าๆ นางหันหลังกลับไปมอง ทว่าไม่เห็นบีพาอันแล้ว นางคิดว่าตนอาจฟังผิดไป แต่ไม่ว่าจะคิดทบทวนเท่าไร สิ่งที่บีพาอันเอ่ยเมื่อครู่ก็คือคำขอโทษ
ขอโทษ เขาพูดว่าขอโทษ ขอโทษเรื่องใดกัน เรื่องที่ปฏิเสธความการยั่วยวนของกโยยอง หรือเรื่องที่เขาไม่ได้กอดนาง เรื่องที่ผลักไสนาง หรือว่าเรื่องที่มาหานางในคืนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด ก็หาความเป็นไปได้ไม่ได้เลย กโยยองไม่ได้ต้องการคำขอโทษจากบีพาอัน ตรงกันข้ามคำขอโทษของเขานั้นกลับทำให้นางรู้สึกราวกับว่าบางสิ่งที่ตนพยายามค้ำยันมันเอาไว้พังทลายลง คำขอโทษนั้นไร้ค่าและฟังดูน่าเวทนายิ่งนัก กโยยองมองไปยังทิศทางที่เป็นที่ตั้งของตำหนักดงชอน ดวงตาของนางว่างเปล่า ใบหน้าซีดเผือด
“ฝ่าพระบาทฮวางแทจา เหตุใดพระองค์ถึงตรัสขอโทษหม่อมฉันกันเพคะ”
คำถามที่เต็มไปด้วยความสับสนถูกเปล่งออกมาจากปากของกโยยอง ทว่ามันเป็นเพียงเสียงแผ่วเบาที่ไม่มีใครได้ยิน กโยยองยืนอยู่ที่หัวมุมทางเดินอยู่ครู่ใหญ่ ข้ารับใช้ตำหนักดงบินที่ยืนเรียงกันอยู่ข้างหลังต่างทำเพียงค้อมหัวพร้อมกับสังเกตท่าทีของนายตนไปด้วย
“พระชายารองเพคะ ตรงนี้ร้อนนักนะเพคะ”
“ใช่แล้ว เราคือ…ชายารองสินะ”
ซังกุงที่คอยสังเกตอยู่เงียบๆ เอ่ยเรียกโยยองด้วยความเป็นห่วง และในตอนนั้นเองจึงทำให้กโยยองตั้งสติได้ นางที่ตกใจกับการกระทำที่คาดไม่ถึงของบีพาอันก้าวเดินต่อไปยังตำหนักดงบีทันที
“พระชายาฮวางแทจา กโยซึล ทรงไม่ได้ประทับอยู่ที่ตำหนักเพคะ”