ตอนที่ 75-5 แมวน้อย เหลียนจิ่นไม่ไหวแล้ว

จำนนรักชายาตัวร้าย

น่ารำคาญเสียจริง!

 

 

เสียงบ้าอะไรกัน!

 

 

ไม่มีเวลามาคิดอะไรมากแล้ว อวี้เฟยเยียนจึงทำตามที่เสียงนั้นบอก นางระงับความโกรธเคืองของตนเองไว้ ให้อารมณ์ของตนสงบลงและอ่อนโยนขึ้น

 

 

จริงดังคาด เมื่อเจ้าเปลวไฟบรรลัยกัลป์พบเจอกับอวี้เฟยเยียนอีกครั้ง ก็ระแวดระวังมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งโหมกระหน่ำแผดเผาทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่ภายหลังเมื่อรับรู้ได้ว่าอวี้เฟยเยียนมิได้มีเจตนาร้าย ท่าทีของมันก็ค่อยๆ  อ่อนลง

 

 

เปลวไฟสีแดงฉานกลับกลายเป็นมือข้างหนึ่ง ยื่นออกมาด้วยความระมัดระวังแล้วสัมผัสเบาๆ ที่พลังทิพย์ของอวี้เฟยเยียน

 

 

 สวบ

 

 

เจ้าเปลวไฟมีความกล้าหาญเพียงน้อยนิด เพิ่งจะ ผ่านไปเพียงครู่เดียวเมื่อสัมผัสได้ว่าไม่มีอันตรายมันจึงค่อยโน้มเข้ามา

 

 

เจ้าเปลวไฟนั้นแลดูขี้ขลาดยิ่งนัก เพิ่งจะเข้าใกล้อวี้เฟยเยียนเพียงเล็กน้อย ก็รีบกระเด้งกลับ ราวกับขดลวดสปริงก็มิปาน ต้องรอสักครู่ เมื่อสัมผัสได้ว่าไม่มีอันตรายมันจึงเข้ามาใกล้อีกครั้ง

 

 

“สหายน้อย อย่าทรมานเหลียนจิ่นอีกเลย มากับข้าเถอะ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนใช้พลังทิพย์สัมผัสเจ้าเปลวไฟบรรลัยกัลป์แผ่วเบา

 

 

ไปกับเจ้าอย่างนั้นหรือ

 

 

เจ้าไฟบรรลัยกัลป์เงยหน้าขึ้น หมุนวนรอบๆ พลังทิพย์ของอวี้เฟยเยียน ด้วยยังคงลังเล

 

 

เพราะอย่างไรเสียเหลียนจิ่นก็เป็นนายของมัน มันคุ้นเคยกับร่างกายของเขาเสียแล้ว ทั้งยังอาศัยจนเคยชิน

 

 

จู่ๆ  จะมาเปลี่ยนที่กะทันหัน เจ้าไฟบรรลัยกัลป์รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา

 

 

“เจ้าชอบปรุงยาหรือไม่ ชอบหลอมอาวุธหรือไม่ ข้าได้ยินว่าอัคคีเทพสามารถปรุงยาที่ดีที่สุดได้ ทั้งยังสามารถหลอมอาวุธที่ดีที่สุดได้เช่นกัน สหายน้อย ไม่อย่างนั้น พวกเรามาทดสอบด้วยกันดีหรือไม่”

 

 

อวี้เฟยเยียนน้ำเสียงนุ่มนวล ข้อเสนอที่หยิบยื่นจึงน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก

 

 

ต้องเข้าใจด้วยว่า เจ้าไฟบรรลัยกัลป์อยู่ในร่างของเหลียนจิ่น นอกจากจะดำรงอยู่แบบอย่างสงบสุขแล้ว บางครั้งก็มีก่อกวนบ้างเล็กน้อย แต่หากเป็นการก่อกวนครั้งใหญ่คงจะไม่ไหว

 

 

เพราะว่าร่างกายของเหลียนจิ่นย่ำแย่เกินไปจริงๆ !

 

 

ตอนนี้ได้ฟังข้อเสนอของอวี้เฟยเยียนแล้ว นางบอกอีกว่าปรุงยา หลอมอาวุธน่าสนใจทั้งนั้น ไฟบรรลัยกัลป์จึงไม่ลังเลเลยที่จะละทิ้งเหลียนจิ่น โผลเข้าหาอ้อมอดของอวี้เฟยเยียน

 

 

สวบ

 

 

เปลวไฟสีแดงฉานตรงเข้าไปหาร่างของอวี้เฟยเยียน

 

 

เมื่อได้พบจิตวิญญาณของอวี้เฟยเยียน ไฟบรรลัยกัลป์ก็พุ่งทะลุเข้าไปทันที

 

 

เยี่ยมจริงๆ !

 

 

รู้สึกได้ถึงพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม พลังทิพย์ที่แล่นพล่าน ครู่เดียว เจ้าเปลวไฟก็แล่นทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

 

“เจ้านาย ในที่สุดข้าก็หาท่านจนพบ!”

 

 

ณ ขณะนั้นเอง เสียงเล็กๆ  ที่แสนหวานก็ดังขึ้นที่ข้างหูของอวี้เฟยเยียนอีกครั้ง

 

 

“เจ้าเปลวไฟพูดได้!”

 

 

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้อยู่เหนือสิ่งที่อวี้เฟยเยียนคิดเอาไว้

 

 

“เจ้านาย วู้วู้ ท่านกลับมาแล้ว”

 

 

ไฟบรรลัยกัลป์ในร่างของอวี้เฟยเยียนกลายร่างเป็นโลลิต้า[1]น้อย

 

 

“จวินจวิน คิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว งึมงึม”

 

 

รอบนี้ อวี้เฟยเยียนยิ่งแปลกใจไปกันใหญ่

 

 

“จวินจวิน…”

 

 

“เจ้ารู้จักข้าหรือ”

 

 

“รู้จักสิ ท่านคือเจ้านายอย่างไรเล่า!”

 

 

โลลิต้าน้อยปาดน้ำตาพลางคัดจมูกไปด้วย

 

 

“ในที่สุดจวินจวินก็หาเจ้านายจนเจอ!”

 

 

คำพูดของโลลิต้าน้อย ในสายตาของอวี้เฟยเยียนแล้วล้วนเป็นเรื่องที่เหลวไหลทั้งเพ

 

 

“จวินจวิน เจ้าจำคนผิดหรือเปล่า เจ้านายของเจ้าเป็นใคร ข้าเพิ่งจะอายุสิบสี่ปีเท่านั้น จะเป็นเจ้านายของเจ้าได้อย่างไรกัน”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวเช่นนี้ โลลิต้าน้อยก็สับสนขึ้นมา

 

 

“ข้าไม่รู้! ข้าคิดข้าจดจำความรู้สึกนี้ได้ นี่คือกลิ่นไอของเจ้านาย ไม่ผิดแน่! ไม่ว่าอย่างไรจวินจวินเลือกท่านแล้ว! ท่านจะทอดทิ้งข้ามิได้!”

 

 

มองดูปากเล็กๆ  สีชมพูของโลลิต้าน้อยที่พูดเองเออเองอยู่คนเดียว อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกว่านางน่ารักขึ้นมา

 

 

เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่แสนน่ารัก ไม่มีท่าทีดุร้ายเฉกเช่นเมื่อครู่เลยสักนิด

 

 

“จวินจวิน ข้าขอรักษาเหลียนจิ่นก่อน เจ้าเล่นคนเดียวไปก่อนนะ ได้หรือไม่”

 

 

“ได้สิ”

 

 

โลลิต้าน้อยมองซ้ายทีขวาที จนสุดท้ายเหลือบไปเห็นซย่าโหวฉิงเทียนเข้า นางจึงร้องเรียกขึ้น

 

 

“เจ้านาย มุกวารีปีศาจในท้องของเขาสามารถช่วยเหลียนจิ่นได้”

 

 

ขณะที่อวี้เฟยเยียนมิรู้จะเริ่มรักษาอย่างไรนั่นเอง ได้ยินในสิ่งที่โลลิต้ากล่าวขึ้นก็เกิดอาการสับสน

 

 

ร่างกายของเหลียนจิ่นอ่อนแอยิ่งนัก ส่วนพลังวิเศษของมุกวารีปีศาจรุนแรง ทั้งสองอย่างมิมีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย แล้วจะผนึกรวมกันได้อย่างไร

 

 

“เจ้านาย เหลียนจิ่นต้องการน้ำนะ! เดิมทีแล้วเขาก็เกิดมาจากน้ำ! หากมิใช่จวินจวินชอบเขาละก็ เขาก็คงมิเป็นแบบนี้ ท่านต้องช่วยเขานะ!”

 

 

“เหลียนจิ่นต้องการน้ำ”

 

 

นี่มันคำพูดเหลวไหลอะไรกัน อวี้เฟยเยียนฟังแล้วก็รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก

 

 

แต่ทว่ามิรู้ว่าเพราะเหตุใด ภายในใจของนางมีเสียงหนึ่งบอกกับนางว่า สิ่งที่โลลิต้าน้อยกล่าวมานั้นถูกต้อง หากไม่มีมุกวารีปีศาจ เหลียนจิ่นก็มิอาจมีชีวิตอยู่ได้

 

 

มองเห็นอวี้เฟยเยียนจ้องมองมาที่ตนเอง ซย่าโหวฉิงเทียนก็รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

 

 

หากว่าเขายืนหยัดที่จะไม่ไป บางทีอาจจะไม่เกิดเรื่องเช่นนี้กับเหลียนจิ่น ถึงแม้ว่า นี่อาจเป็นสิ่งที่เจ้าไม้เท้าเทพนั่นยินยอมพร้อมใจก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ทรยศต่อสิ่งที่อวี้เฟยเยียนฝากฝังเอาไว้

 

 

เหลียนจิ่นต้องการมุกวารีปีศาจต่อชีวิต

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

 

“ไม่มีปัญหา!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนถอดรองเท้า แล้วปีนขึ้นไปบนเตียงขึ้นไปนั่งข้างกายเหลียนจิ่น ยินยอมให้อวี้เฟยเยียนจับชีพจรของตน

 

 

“เจ้านาย ถึงเวลาที่จวินจวินจะแสดงฝีมือแล้ว! ท่านคอยดูเถอะ!”

 

 

ไฟบรรลัยกัลป์หลอมรวมเข้ากับพลังทิพย์ของอวี้เฟยเยียน แล้วแทรกซึมเข้าไปในร่างของซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

“เฮอะ มุกวารีปีศาจตัวนิดเดียว ยังกลับกล้าอวดดีต่อหน้าข้า!”

 

 

โลลิต้าน้อยที่แสนน่ารักและว่าง่ายเมื่อครู่ พริบตาเดียวก็แปลงร่างเป็นฉากบังตาสีเขียวสด ห่อหุ้มมุกวารีปีศาจเอาไว้

 

 

น้ำกับไฟเดิมทีก็ตรงกันข้ามกันอยู่แล้ว!

 

 

หากว่าวันนี้เป็นไฟอื่นล่ะ ก็ไม่แน่ว่ามุกวารีปีศาจอาจจะไม่ต้องกลัว

 

 

แต่นี่คือไฟบรรลัยกัลป์ มาจากนรก เป็นพลังที่รวบรวมมาจากวิญญาณคนที่ตายไปแล้ว สามารถแผดเผาทุกสรรพสิ่ง

 

 

เพียงแค่เข้าใกล้มัน แสงสีครามของมุกวารีปีศาจก็อ่อนแอลงมาก เพียงแค่มันสำแดงเดช แสงสีครามของมุกวารีปีศาจก็เหลือเพียงแค่แสงที่ริบหรี่เท่านั้น

 

 

ที่นอกห้อง ทุกคนมารวมตัวกันแทบจะครบคน

 

 

หมอเทวดาฮั่วตรวจอาการของผู้อาวุโสเจ็ด ก็รู้สึกนับถือความสามารถในการแก้พิษของอวี้เฟยเยียนไม่น้อย

 

 

สำหรับมู่เหนี่ยนซี ใบหน้าของนางซีดขาว นางอิงแอบในอ้อมอกของเชียนเยี่ยเสวี่ย ร่างของนางสั่นเทิ้มเบาๆ ตลอดเวลา

 

 

“หากไม่ได้ยาที่น้องอวี้ให้ไว้ละก็ ข้าคงจะ…เลือด ข้ากลัวเหลือเกิน!”

 

 

นึกถึงคนผู้นั้นอ้าปาก กลิ่นลมหายใจที่เหม็นตลบอบอวลนั่น มู่เหนี่ยนซีก็รู้สึกขยะแขยง ยิ่งตัวสั่นงันงกอย่างหนัก

 

 

“ไม่เป็นไรนะ! ข้าอยู่นี่แล้ว เจ้าปลอดภัยแล้ว!”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยโอบกอดมู่เหนี่ยนซีเอาไว้แน่น เขาจะมิอาจลืม เมื่อตอนที่ตนเองบุกเข้าไปในห้องนั้น ดวงตาที่งดงามของมู่เหรียนซีตื่นตระหนกและหวาดกลัวมากเพียงใด ในเวลานั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยใจแทบขาด

 

 

ข้าจะต้องหามันให้เจอ แก้แค้นให้กับเจ้า

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยร้องบอกตนเองในใจ

 

 

ภายในห้อง อวี้เฟยเยียนส่งมุกปีศาจวารีเข้าสู่พลังภายในของเหลียนจิ่น

 

 

แสงสีครามของไข่มุกเมื่อเข้าใกล้วิญญาณของเหลียนจิ่นก็พุ่งทะลุเข้าไปทันที ราวกับหยั่งรากฝังลึกก็ไม่ปาน แสงสีฟ้าครามระยิบระยับไหลพล่านอย่างช้าๆ ไปตามเส้นชีพจรในร่างของเหลียนจิ่น ซ่อมแซมส่วนของร่างกายที่ถูกไฟบรรลัยกัลป์แผดเผาจนเสียหายไป

 

 

เพียงไม่นาน สีหน้าของเหลียนจิ่นก็ดีขึ้นอย่างมาก

 

 

อีกด้านหนึ่ง ไฟบรรลัยกัลป์ก็เข้าไปล้างกำจัดกากเดนในร่างของซย่าโหวฉิงเทียนอย่างแข็งขัน

 

 

รอจนอวี้เฟยเยียนประคองเหลียนจิ่นนอนลง เช็ดรอยเลือดที่มุมปากให้กับเขาแล้วเจ้า จึงกลับเข้าไปในร่างของอวี้เฟยเยียนอีกครั้งดังเดิม

 

 

“เจ้านาย จวินจวินทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว!”

 

 

โลลิต้าน้อยกลายร่างเป็นลูกไฟดวงน้อย หดร่างเข้าไปในพลังภายในของนาง

 

 

“น่ารำคาญเสียจริง! ยาของเจ้าพวกคนร้ายพวกนั้นฤทธิ์แรงนัก จวินจวินต้องการพักผ่อน!”

 

 

ไฟบรรลัยกัลป์ค่อยๆ  สงบลง

 

 

“เจ้านาย ชื่อของจวินจวินคือ จวินเชียนมั่ว ชื่อนี้นายท่านตั้งให้เอาเชียวนะ! นายท่านอย่าลืมจวินจวินเชียวนะ…”

 

 

ครั้นเมื่ออวี้เฟยเยียนมองหาเด็กชายตัวน้อยนั่นเอง กลับพบว่าเขามิได้อยู่ในห้อง เขาหายสาบสูญไปเสียแล้ว

 

 

 

 

——

 

 

[1] ตัวการ์ตูนที่แต่งกายแบบสมัยวิกตอเรียและเอ็ดเวิร์ด โดยมุ่งไปในรูปแบบเด็ก ๆ และแฟนตาซีมีรูปลักษณ์โดยหลักคือ กระโปรงถึงเข่า หรือชุดเดรส เครื่องประดับศีรษะ เสื้อ ชายผ้า ถุงเท้าสูงถึงหัวเข่า รองเท้าส้นสูง การแต่งหน้า โดยมากจะใช้สีชมพู สีพีช สีมุก