“เสี่ยวฉิงฉิง!”
อวี้เฟยเยียนร้อนใจยิ่งนัก เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว เด็กชายตัวน้อยก็หายไปเสียแล้ว เขาไปไหนกันนะ
“จวินจวิน เจ้าเห็นเสี่ยวฉิงฉิงบ้างไหม เขาไปไหนกัน?”
อวี้เฟยเยียนกล่าวถาม ทว่าเจ้าเพลิงอเวจีหลับไปเสียแล้ว ปลุกอย่างไรก็ไม่ตื่น
อวี้เฟยเยียนร้อนใจจนทนไม่ไหว เปิดประตูแล้วพุ่งตรงออกไปทันที จนเจอเสวี่ยเยี่ยนยืนอยู่หน้าประตู
“แม่นางอวี้ ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือคุณชายน้อย” เสวี่ยเยี่ยนคารวะอวี้เฟยเยียนแล้วกล่าวต่อ “ชิงหงพาคุณชายน้อยไปจากที่นี่เพื่อไปหาท่านอ๋องแล้วเจ้าค่ะ ที่ผ่านมาลำบากแม่นางอวี้แล้ว ขอบคุณนะเจ้าคะ…”
“ท่านอ๋องจะมาเข้าร่วมงานประลองปรุงโอสถในครั้งนี้ด้วย! แม่นางอวี้โปรดวางใจ!” เสวี่ยเยี่ยนคารวะอวี้เฟยเยียนอีกครั้ง แล้วจึงหมุนกายเดินหายไปหายไปท่ามกลางความมืดมิด
เสี่ยวฉิงฉิงจากไปแล้ว?
ในใจอวี้เฟยเยียนรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
เจ้าหมีน้อย!
คิดจะไปก็ไป จะบอกลานางสักคำก็ไม่มี!
เจ้าเด็กไม่มีจิตสำนึก ! คราวหน้าเจอกันจะต้องจับฟาดก้นเสียให้เข็ด!
“แม่นางน้อยอวี้ เจ้าเหลี่ยนจิ่นเป็นเช่นไรบ้าง?” ยามนี้ หมอเทวดาฮั่วได้เปลี่ยนเป็นชุดสะอาดๆ แล้วยังได้กินอิ่ม จึงสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาก
“เขาน่าจะปลอดภัยแล้ว อีกไม่นานก็คงจะกลับมาแข็งแรงดังเดิม”
เมื่อได้ยินในสิ่งที่อวี้เฟยเยียนกล่าว หมอเทวดาฮั่วก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
“ดี ดีมาก! นับเป็นข่าวดีข่าวแรกของวันนี้ที่ได้ยิน! ดีจริงๆ!”
ขณะที่หมอเทวดาฮั่วกำลังดีใจอยู่นั้น ทางด้านอวี้เฟยเยียนก็มาอยู่ที่เบื้องหน้าของมู่เหนี่ยนซี
“พี่ซี ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม” สิ้นเสียงของอวี้เฟยเยียน น้ำตามู่เหนี่ยนซีก็ไหลออกมาเป็นทาง นางโผเข้ากอดอวี้เฟยเยียนในทันที
“น้องอวี้ ขอบคุณเจ้ามาก หากไม่ได้ยาของเจ้า วันนี้ข้าคงถูกจิ้งจอกตัณหากลับนั่นข่มเหงไปแล้วเป็นแน่!”
มู่เหนี่ยนซีเมื่อครู่ยังหวาดกลัวจนตัวสั่นเทา เมื่ออยู่ต่อหน้าอวี้เชียนเสวี่ย นางยังกลั้นน้ำตาได้อยู่
ถึงจะกลัวแต่นางยังคงระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่ จวบจนกระทั่งได้พบอวี้เฟยเยียน ฟางเส้นสุดท้ายของนางจึงได้ขาดผึง ร้องห่มร้องไห้ออกมาเช่นนี้
แม้ว่ามู่เหนี่ยนซีจะเป็นโจรสลัดหญิง เป็นพี่ใหญ่ก็ตาม แต่อย่างไรเสียนางก็ยังมีหัวใจเป็นสตรีผู้หนึ่ง
ไม่มีหญิงสาวคนใดไม่สนใจชื่อเสียงและความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตน ยิ่งกว่านั้นวิธีการต่ำช้าที่อีกฝ่ายใช้ หากมิใช่ได้ยาของอวี้เฟยเยียนช่วยเอาไว้ละก็ นางคงเป็นเฉกเช่นเนื้อกวางอ่อนปวกเปียกชิ้นหนึ่งที่ใครจะฆ่าจะแกง จะย่ำยีลบหลู่อย่างไรก็ได้ไปแล้ว มู่เหนี่ยนซีย่อมมิอาจทนรับได้
“พี่ซี อย่ากลัวไปเลยนะคะ ตอนนี้พี่ปลอดภัยแล้ว! วางใจเถอะ คนผู้นั้นยังคงอยู่ที่หอราชาโอสถเป็นแน่ พวกเราไปตามล่ามันออกมา แล้วจัดการมันซะ!”
คำพูดอวี้เฟยเยียนกระตุ้นสัญชาตญาณนักสู้ของมู่เหนี่ยนซีให้ตื่นขึ้น นางเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทีดุดันแล้วปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
“ใช่ข้าต้องจัดการมันด้วยมือของข้าเอง!”
ความเชื่อใจและการหวังพึ่งพาที่มู่เหนี่ยนซีมีต่ออวี้เฟยเยียน ทำให้หัวใจอวี้เชียนเสวี่ยหนักอึ้ง
หากเป็นก่อนหน้านี้ละก็ คนที่มู่เหนี่ยนซีเชื่อใจมากที่สุดคงเป็นเขา…
ทว่าตั้งแต่วันนั้น สิ่งที่อวี้เชียนเสวี่ยพูดออกมา ทำให้มู่เหนี่ยนซีรู้สึกตัวและคอยรักษาระยะห่างกับเขามาโดยตลอด
เมื่อครู่ มู่เหนี่ยนซีทั้งอดทนอดกลั้น แม้กระทั่งตอนที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา นางก็มิยอมหลั่งน้ำตาออกมาแม้แต่หยดเดียว จนกระทั่งอวี้เฟยเยียนมาทุกอย่างจึงได้ผ่อนคลายลง
นี่ก็เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนแล้วว่า อวี้เชียนเสวี่ยมิใช่ที่หนึ่งในใจนางอีกต่อไป
ถึงแม้ว่านี่จะเป็นสิ่งที่อวี้เชียนเสวี่ยคาดหวังเอาไว้ตั้งแต่แรก แต่เมื่อความสัมพันธ์ของคนทั้งสองแปรเปลี่ยนไปจนราวกับเป็นคนแปลกหน้าเช่นนี้ อวี้เชียนเสวี่ยก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้ โหวงๆ ในอกราวกับว่าเขานั้นได้สูญเสียสิ่งล้ำค่าที่สุดไปเสียแล้ว
สีหน้าผิดหวังของอวี้เชียนเสวี่ยล้วนแต่อยู่ในสายตาอวี้เฟยเยียนทั้งสิ้น
ลุงสาม ท่านแค่รู้สึกผิดหวัง แต่มันยังมิเพียงพอ!
หากยังต้องการแต่งงานกับท่านป้าละก็ ท่านยังต้องพยายามต่อไป!
เพียงคืนเดียว ก็เกิดเรื่องราวมากมาย มั่วซางอยู่ดูแลเหลียนจิ่น ส่วนอวี้เฟยเยียนและคนอื่นๆ ต่างไปที่ห้องโถงใหญ่
“ข้ามีเรื่องอยากจะหารือกับทุกคน!”
ว่าแล้วอวี้เฟยเยียนก็เชิญหมอเทวดาฮั่วออกมา เขาจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหอราชาโอสถตั้งแต่ต้นจนจบอีกครั้ง ผู้เฒ่าเจ็ดที่ฟื้นแล้วก็เข้ามาฟังการหารือในครั้งนี้ด้วยและเมื่อฟังถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่เมืองเฟิงหมิง ผู้เฒ่าเจ็ดก็โกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมาทีเดียว
“สำนักหมื่นพิษนี่จิตใจชั่วร้ายจริงๆ! พวกเราต้องหยุดยั้งแผนการร้ายของพวกมันให้ได้!”
ผู้อาวุโสเจ็ดลุกยืนด้วยความฮึกเหิม ทว่าเพียงครู่ก็เวียนศีรษะตาลายซวนเซจะล้ม เซวียจื่ออี๋รีบเข้ามาประคองในทันที
“ผู้เฒ่าเจ็ด! วางใจเถอะ! เพราะเหตุนี้พวกเราจึงต้องหารือเพื่อวางแผนรับมือ!”
อวี้เฟยเยียนมองไปยังทุกคนที่อยู่ในห้อง
นอกจากมั่วซางที่คอยดูแลเหลียนจิ่นอยู่อีกห้องหนึ่งแล้ว ในห้องนี้ยังมีอวี้เชียนเสวี่ย มู่เหนี่ยนซี เซวียจื่ออี๋ เซวียเฉียง หมอเทวดาฮั่ว ผู้เฒ่าเจ็ด เฉิงก้วนจงและเชียนเยี่ยเสวี่ย
หมอเทวดาฮั่ว ผู้เฒ่าเจ็ดและเฉิงก้วนจง ทั้งสามจงรักภักดีต่อหอราชาโอสถอย่างยิ่ง เรื่องนี้จึงขาดพวกเขาไปมิได้เลย
เชียนเยี่ยเสวี่ยและอวี้เฟยเยียนเป็นสหายสนิททั้งยังเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย หากอวี้เฟยเยียนออกหน้า เชียนเยี่ยเสวี่ยก็คงมินิ่งดูดายเป็นแน่
สำหรับเซวียเฉียงและเซวียจื่ออี๋ ทั้งสองได้แสดงเจตนาที่จะติดตามอวี้เฟยเยียนแล้ว ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ เรื่องนี้พวกเขาย่อมต้องยื่นมือเข้าช่วย
สำหรับอวี้เชียนเสวี่ย…
เมื่อมองไปที่ลุงสาม อวี้เฟยเยียนก็รู้สึกว้าวุ่นใจอย่างยิ่ง
พลังวิญญาณของอวี้เชียนเสวี่ยยังไม่ฟื้นฟู ตอนนี้เขาจึงเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไร อวี้เฟยเยียนก็คงมิอาจให้อวี้เชียนเสวี่ยเสี่ยงอันตรายได้
เมื่อเห็นความลำบากใจของอวี้เฟยเยียน อวี้เชียนเสวี่ยเองก็รู้ดีว่าตนเองอยู่ที่นี่ต่อไปก็ช่วยอะไรมิได้ แต่หากว่าให้เขาไป โดยที่ให้อวี้เฟยเยียนและมู่เหนี่ยนซีไปเสี่ยงอันตราย เขาก็ทำไม่ได้
“ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อไป! ถึงแม้ว่าวรยุทธ์ของข้าจะสูญสิ้น แต่มีคนเพิ่มหนึ่งคนเท่ากับเพิ่มมาอีกหนึ่งแรง หากเป็นเรื่องวรยุทธ์ข้าอาจจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ข้ายังมีสมอง!”
มู่เหนี่ยนซีได้ยินเช่นนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา “เสวี่ย เจ้าหาที่ปลอดภัยแล้วรอข่าวดีจากพวกเราจะดีกว่านะ!”
จากสภาพของอวี้เชียนเสวี่ยในตอนนี้ เพียงแค่ขั้นจอมยุทธ์ก็สังหารเขาได้แล้ว คิดแล้วมู่เหนี่ยนซีก็อดเป็นกังวลไม่ได้
“ข้าจะอยู่ต่อ!”
อวี้เชียนเสวี่ยมองมาที่มู่เหนี่ยนซี “ก่อนหน้านี้เพราะข้าประมาททำให้เจ้าต้องเจอกับเรื่องเช่นนั้น ข้าสัญญากับเจ้า มันจะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป!”
น้ำเสียงของอวี้เชียนเสวี่ยอ่อนโยนแต่หนักแน่น ราวกับกำลังให้คำมั่นสัญญากับมู่เหนี่ยนซี
ได้ฟังคำของเขา มู่เหนี่ยนซีก็น้ำตารื้นขึ้น นางเสมองไปอีกทาง ไม่สบตาที่แน่วแนมั่นคงของอวี้เชียนเสวี่ยอีก
“ข้าไม่รู้ ให้น้องอวี้เป็นผู้ตัดสินใจเถอะ!”
มู่เหนี่ยนซีแยกไม่ออกเลยว่า ที่อวี้เชียนเสวี่ยมีท่าทีเปลี่ยนไปจากเดิม เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนเช่นนี้ แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่านางต้องเผชิญกับเรื่องเช่นนั้น เขาถึงได้เห็นใจนางขึ้นมา หรือเพราะเหตุผลอื่นกันแน่
เมื่อคิดว่าอวี้เชียนเสวี่ยอาจจะสงสารนางขึ้นมา มู่เหนี่ยนซีก็เจ็บปวดยิ่งนัก
นางอยากจะบอกกับเขายิ่งนักว่า นางมิต้องการให้เขามาเห็นใจยิ่งมิต้องการให้เขารู้สึกผิดอะไร เรื่องนี้เดิมทีก็มิเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย
แต่คำพูดก็ติดอยู่ที่ปาก และมู่เหนี่ยนซีก็กลืนมันลงไป มิได้กล่าวมันออกมา
ท่าทีที่มู่เหนี่ยนซีแสดงออกมา ทำให้อวี้เชียนเสวี่ยเศร้าใจไม่น้อย
เป็นอย่างที่คิดไว้ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน กระทบกระเทือนจิตใจนางเป็นอย่างมาก
คิดแล้ว อวี้เชียนเสวี่ยก็ยิ่งยืนหยัดที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป เพื่อหาคนที่รังแกมู่เหนี่ยนซีให้จงได้
ถึงแม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วจะมิได้มีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้น แต่เรื่องนี้ก็ทิ้งบาดแผลไว้ในใจของมู่เหนี่ยนซี คนผู้นั้นสมควรตาย!
อวี้เชียนเสวี่ยยืนยันหนักแน่นเช่นนี้ อวี้เฟยเยียนจึงได้แต่พยักหน้ารับเท่านั้น
ยังดีที่ ตอนที่ชิงหงและเสวี่ยเยี่ยนไป ทิ้งฮันจื่อเอาไว้ให้! อวี้เฟยเยียนจึงคิดว่าจะให้ฮันจื่อคอยคุ้มครองอวี้เชียนเสวี่ย เช่นนี้นางคงวางใจได้
“พวกเรามาหารือแผนรับมือกันเถอะ!”เมื่อได้ยินที่อวี้เฟยเยียนกล่าว ทุกคนก็ล้อมกันเข้ามา แล้วจ้องมองไปที่แผนที่ ที่วางอยู่บนโต๊ะ อวี้เฟยเยียนจึงเริ่มกล่าวแผนการที่ตนคิดเอาไว้ในตอนแรกออกมา
“ข้าจะไปเข้าร่วมงานประลองปรุงโอสถอย่างเปิดเผย เพื่อเบนความสนใจของพวกผู้เฒ่าและสำนักหมื่นพิษเอาไว้”
“ผู้เฒ่าเจ็ด ท่านหมอฮั่วและคุณชายเฉิง พวกท่านส่งข่าวให้กับคนตำหนักโอสถให้เปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของผู้เฒ่าใหญ่”
“สิ่งที่ต้องระวังคือ คนที่พวกท่านติดต่อ จะต้องเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อหอราชาโอสถอย่างแท้จริง เป็นคนที่จะไม่ทรยศหักหลังหอราชาโอสถโดยเด็ดขาด สำหรับพวกลิ่วล้อพวกนั้นอย่าไปข้องเกี่ยวกับพวกเขาจะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้ตัวตนพวกท่านแพร่งพรายออกไป”
“เสวี่ย เจ้ารู้จักคนมาก ส่งข่าวบอกผู้ที่จะไปร่วมงานประลอง ให้ระวังตัว ส่งสัญญาณเตือนพวกเขา”
“จื่ออี๋และเซวียเฉียง ในบรรดาแขกที่มาร่วมงาน ผู้ที่มาจากอาณาจักรต้าโจวให้เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าส่งข่าว”
“พี่ซีแล้วก็…พวกท่านมากับข้า ในเมื่อคนผู้นั้นมียาพิษในครอบครอง เช่นนั้นเขาจะต้องรู้จักกับผู้อาวุโสใหญ่เป็นแน่ หน้าที่ของพวกท่านก็คือจับตัวคนผู้นั้นออกมาให้ได้แล้วบอกข้า! หลังจากนั้น ดูแลตัวเองให้ดีด้วย!”
ในเวลาเพียงสั้นๆ อวี้เฟยเยียนก็วางแผนเหล่านี้ขึ้นมาได้ ทำให้หมอเทวดาฮั่วรู้ว่าตนเองหาคนไม่ผิด
เพียงแต่ อวี้เฟยเยียนให้ตัวนางเป็นผู้เผชิญหน้าศัตรูซึ่งหน้า หมอเทวดาฮั่วจึงรู้สึกกังวลใจ “แม่นางอวี้ สำนักหมื่นพิษ นิสัยอำมหิตโหดร้าย เจ้าจะต้องระวังให้มากนะ!”
“อาวุโสฮั่ว ท่านวางใจเถอะ ข้าจะระวังตัว ท่านเองก็ต้องระวังตัวเช่นกัน!”
“จำไว้ อย่าหุนหันพลันแล่น มิรู้ว่าหอราชาโอสถมีคนของสำนักหมื่นพิษไว้มากมายแค่ไหน ทั้งยังมิรู้ว่ามีเหล่าผู้เฒ่ากี่คนที่ถูกซื้อตัวไป หากเจอคนที่ไม่น่าไว้วางใจ อย่าเปิดเผยตัวเด็ดขาด!”
“วางใจเถอะ!”
หมอเทวดาฮั่วกล่าวพร้อมตบที่ท้องตนเอง
“ถึงแม้ว่าข้าจะไปจากหอราชาโอสถหลายปี แต่ผู้ที่เป็นสหายกับข้าล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่เชื่อถือได้ทั้งสิ้น”
ผู้เฒ่าเจ็ดพอใจในตัวอวี้เฟยเยียนเป็นอย่างมาก จึงหยิบตำราม้วนหนึ่งมอบให้นางเป็นพิเศษ “นี่เป็นตำราเกี่ยวกับสำนักหมื่นพิษที่ข้าค้นคว้ารวบรวมมาหลายปี เจ้าลองศึกษาดู บางทีมันอาจจะช่วยเจ้าได้”
“ขอบคุณค่ะ ท่านผู้เฒ่าเจ็ด!”