ตอนที่ 76-2 การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของซย่าโหวฉิงเทียน

จำนนรักชายาตัวร้าย

ด้วยรู้ว่ามีศึกครั้งใหญ่ในวันพรุ่งนี้ อวี้เฟยเยียนจึงให้ทุกคนรีบไปพักผ่อนให้เต็มที่

 

 

“หลัวช่า คนของต้าโจวข้ารู้จักทั้งหมด ข้าจะไปหาพวกเขาตอนนี้!”

 

 

เซวียเฉียงกล่าว เซวียเฉียงเมื่อรู้ว่าอวี้เฟยเยียนเห็นเขาเป็นคนกันเอง ก็ฮึกเหิมเป็นอย่างมาก

 

 

ยาที่อวี้เฟยเยียนให้เขามาก่อนหน้านี้ ทำให้เขาทะลวงขั้นยอดยุทธ์ไปเป็นขั้นวีรชนสำเร็จข้ามขั้นเลยทีเดียว! ด้วยเหตุนี้ เซวียเฉียงซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งจนอยากรีบสร้างผลงานเพื่อที่จะได้ตอบแทนอวี้เฟยเยียน

 

 

ใครจะรู้เพียงแค่เขาเสนอความคิดนี้ขึ้นมา เชียนเยี่ยเสวี่ยฟาดเข้าให้ที่ศีรษะเซวียเฉียง

 

 

“โง่เง่า! ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วไร้ผู้คน หากออกไปตอนนี้ย่อมไม่พ้นสายตาสุนัขพวกนั้นเป็นแน่”

 

 

“รอให้งานประลองปรุงโอสถในวันพรุ่งนี้เริ่มขึ้น ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่งานชุมนุม คนของสำนักหมื่นพิษจะต้องจับตาดูซาซาตลอดเวลาแน่ เช่นนั้นก็จะคลายความระวังผู้อื่นและสนใจเรื่องอื่นแทน ถึงตอนนั้นจึงเหมาะสมที่เราจะลงมือ!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยกล่าวจบ อวี้เฟยเยียนถึงกับยกนิ้วให้

 

 

สมกับเป็นพี่สาวข้า!

 

 

นี่มันพยาธิในท้องข้าชัดๆ! “ข้าถึงได้บอกอย่างไรว่า พวกเจ้าไม่รู้จักช่าช่าดีเท่าข้า สู้ข้าไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!” เชียนเยี่ยเสวี่ยยิ้มร้ายชวนลุ่มหลง สมกับชื่อเสียงของนาง ทำเอาเซวียเฉียงอึ้งไป

 

 

บุรุษผู้หนึ่งที่งามยิ่งกว่าสตรี ไม่ฝืนกฎสวรรค์ไปหรือ

 

 

เห็นท่าทีโง่งมของเซวียเฉียง เชียนเย่เสวียใช้มือทั้งสองโอบกอดแล้วจ้องมองเขาตรงๆ

 

 

“ทำไม มิเคยพบชายรูปงามหรือไร?”

 

 

“ไม่เคยพบชายคนไหนที่รูปงามเช่นเจ้ามาก่อน!”

 

 

เซวียเฉียงกล่าวไปตามความจริง กล่าวจบ กลับรู้สึกว่าสิ่งที่ตนเองกล่าวไปไม่ถูกต้อง จึงรีบเสริมขึ้นว่า“จริงๆ แล้วซย่าโหวฉิงเทียนและเหลียนจิ่นก็เป็นชายรูปงามเช่นกัน เพียงแต่…ไม่มีกลิ่นไอความชั่วร้ายเช่นเจ้า!”

 

 

คำพูดของเซวียเฉียง เชียนเยี่ยเสวี่ยมิอาจยอมรับได้

 

 

เหลียนจิ่นเขาเคยพบมาแล้ว ขี้โรคเสียขนาดนั้น รูปร่างหน้าตาไม่เลว ทั้งยังมีสง่าราศี จะบอกว่าเขาเป็นชายรูปงามที่สุด เชียนเยี่ยเสวี่ยยอมรับได้

 

 

สำหรับซย่าโหวฉิงเทียนนั้น เชียนเยี่ยเสวี่ยกลับมิรู้สึกว่าอีกฝ่ายรูปงามเท่าไหร่นัก!

 

 

อย่างน้อยๆ ในปีนั้นซย่าโหวฉิงเทียนไปเป็นตัวประกันที่อาณาจักรฉินจื้อ เขาก็เคยพบเขาอยู่ครั้งหนึ่ง ผอมแห้งซีดเซียว ราวกับได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน หรือได้รับถ่ายทอดมาจากบิดามารดาไม่ครบคนหนึ่งเท่านั้น รูปงามตรงไหนกัน

 

 

ยิ่งกว่านั้น หลังจากซย่าโหวฉิงเทียนกลับอาณาจักรต้าโจว เสียงเล่าลือในทางเสียหายเกี่ยวกับเขาก็กลบรูปโฉมของเขาจนมิด

 

 

เมื่อกล่าวถึงซย่าโหวฉิงเทียน ภาพแรกที่ทุกคนนึกถึงนั่นก็คือ ดาวอับโชค ตรงกันข้ามเสียงเล่าลือบรรยายความรูปงามของซย่าโหวฉิงเทียนกลับน้อยนัก

 

 

มาตอนนี้เซวียเฉียงกลับบอกว่า ซย่าโหวฉิงเทียนว่ารูปงามเทียบเท่าตนเองขึ้นมา ทำให้เชียนเยี่ยเสวี่ยรับไม่ได้

 

 

“สิ่งที่เจ้ากล่าวมาข้าไม่เชื่อ! สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น รอให้ข้าพบซย่าโหวฉิงเทียนก่อนค่อยว่ากัน!”

 

 

เมื่อเห็นว่าโรคหลงตัวเองของเชียนเยี่ยเสวี่ยกำเริบขึ้นมา อวี้เฟยเยียนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยดีหมดทุกอย่าง เสียอย่างเดียวหลงตัวเองมากไปหน่อย

 

 

เมื่อสตรีปลอมตัวเป็นชาย นางก็แสนจะภาคภูมิใจที่ความรูปงามของตนอยู่เหนือบุรุษทั้งหลาย ยังมิรู้เลยว่าหากนางกลายเป็นหญิง จะเป็นอย่างไร!

 

 

“ช่าช่า เจ้าว่า ซย่าโหวฉิงเทียนรูปงาม หรือว่า ข้ารูปงาม!” เชียนเยี่ยเสวี่ยกุลีกุจอไปตรงหน้าอวี้เฟยเยียน “เจ้าเคยพบซย่าโหวฉิงเทียนไหม เขารูปงามกว่าข้าจริงหรือ”

 

 

‘โรคประหลาด’ ของเชียนเยี่ยเสวี่ยนี่ ทำให้ชายอกสามศอกที่อยู่ ณ ที่นั้นขนลุกเกรียว

 

 

ชายรักสวยรักงาม นี่มันปกติใช่ไหม

 

 

“เจ้าทั้งสองต่างก็มีข้อดีเป็นของตนเอง ข้าตัดสินไม่หรอก!”

 

 

“ชิ! ช่าช่า สิ่งที่เจ้ากล่าวมามันไม่น่ารักเอาเสียเลย หรือในใจของเจ้า ข้ามิควรจะเป็นที่หนึ่งหรืออย่างไรกัน!”

 

 

เชียนเยี่ยเสวี่ยจับมือของอวี้เฟยเยียนขึ้นมา “ช่าช่า มิใช่เจ้าหรือที่บอกว่ามิเคยพบผู้ใดที่รูปงามเทียมเท่าข้ามาก่อน หรือว่าหลังเจ้าเห็นความงามของข้าแล้ว เจ้ายังเคยตกตะลึงใจกับความงามของผู้อื่นอีกหรือ”

 

 

เมื่อเห็นเยี่ยนอ๋องวอแวกับหลานสาวของตนไม่เลิก ในที่สุดเชียนเยี่ยเสวี่ยก็อดไม่ไหว ก้าวขึ้นมาแยกทั้งสองออกจากกัน แล้วลากอวี้เฟยเยียนไปด้านหลังโดยมีตัวเองยืนบังอยู่เบื้องหน้า

 

 

“เยี่ยนอ๋อง สำรวมด้วย! นางยังเป็นเพียงแค่เด็กสาว ท่านอย่าทำให้ชื่อเสียงของนางต้องมัวหมอง!”

 

 

อวี้เฟยเยียนถูกลุงหน้าถมึงทึงลากออกไป ส่วนเชียนเยี่ยเสวี่ยถึงกับอึ้งไป

 

 

“ลุง ท่านเป็นใครกันเนี่ย”

 

 

“ท่านมีภรรยาแล้วมิใช่หรอกหรือ แล้วเหตุใดยังจะมาแย่งช่าช่ากับข้าอีก”

 

 

มู่เหนี่ยนซีเห็นว่าตนเองกำลังถูกเชียนเยี่ยเสวี่ยเข้าใจผิด จึงรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน “ข้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาทั้งนั้น ไม่ได้เป็นอะไรกันทั้งสิ้น ท่านอย่าได้เข้าใจผิด!”

 

 

เมื่อครู่ มู่เหนี่ยนซีเห็นอวี้เชียนเสวี่ยดูเป็นห่วงเป็นใยอวี้เฟยเยียนมากมาย นางก็เข้าใจในทันที

 

 

ที่แท้แล้วคนที่เขาชอบก็คือน้องอวี้ ก็ถูกต้อง น้องอวี้ทั้งเป็นเลิศ ทั้งงดงาม ชายคนไหนได้พบต่างก็ต้องชอบนางทั้งนั้น!

 

 

ยิ่งคิดเช่นนั้น มู่เหนี่ยนซีก็รู้สึกแน่นในอก จนแทบจะหายใจไม่ออก

 

 

นางมิเคยคิดถึงเรือโจรสลัด คิดถึงหมอกอันหนาทึบ คิดถึงบ้าน คิดถึงเพื่อนๆ พี่น้องของนางมากเท่านี้มาก่อน

 

 

บางทีอวี้เชียนเสวี่ยอาจจะพูดถูก นางควรจะถอยออกมาจริงๆ มิต้องรอให้ใครเขามาไล่หรอก มิเช่นนั้นก็โง่เขลาเกินไปแล้ว…“ในเมื่อน้องอวี้วางแผนเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวไปนอนก่อน ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ทุกคนก็พักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมรับมือศึกใหญ่ด้วยล่ะ ข้าง่วงแล้ว ขอตัวก่อน”

 

 

ตบท้ายด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ มู่เหนี่ยนซีพูดออกมาเป็นชุด แล้วก็รีบออกไปราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง

 

 

“ลุงสาม ท่านป้าน่าจะเข้าใจผิดเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนแล้ว! ดูแล้วนางกำลังจะร้องไห้…”

 

 

อวี้เฟยเยียนกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา

 

 

ตอนนั้นเอง สุดท้ายเชียนเยี่ยเสวี่ยก็ร้อนใจขึ้นมา เขาจ้องมองเชียนเย่เสวี่ยเขม็ง เตือนนางให้อยู่ห่างอวี้เฟยเยียน เสร็จแล้วตัวเขาก็ตามออกไปด้วยท่าทีรีบร้อน

 

 

“แม่นางน้อยอวี้ เสน่ห์ของเจ้าเหลือล้นจริงๆ!”

 

 

หมอเทวดาฮั่วลูบเคราไปพลางหัวเราะออกมา “ข้าไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ข้าไปนอนก่อนล่ะ ผู้เฒ่าเจ็ด พวกเราไปกันเถอะ นอนเอาแรงให้เต็มที่ พรุ่งนี้จะได้ไปกระชากหน้ากากของเจ้าสุนัขนั่นกัน”

 

 

คนในห้องค่อยๆ ทยอยออกไป สุดท้ายเหลือเพียงอวี้เฟยเยียนและเชียนเยี่ยเสวี่ย

 

 

“ช่าช่า ลุงนี่เป็นใครกัน? แลดูห่วงใยเจ้ายิ่งนัก!”

 

 

“นั่นคือท่านลุงสามของข้า! เสวี่ย คำพูดเจ้าเมื่อครู่อาจทำให้ว่าที่ป้าสะใภ้ข้าเข้าใจผิดแล้ว ถึงตอนนั้นหากว่าท่านลุงสามข้าง้อท่านป้าไม่สำเร็จละก็ เจ้ารับผิดชอบช่วยเขาตามป้าสะใภ้กลับมาด้วย!”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของอวี้เฟยเยียนแล้ว เชียนเยี่ยเสวี่ยก็ร้อนใจขึ้นทันที “เช่นนั้นตอนนี้ข้าต้องรีบไปอธิบายให้ป้าสะใภ้ของเราฟังเสียแล้ว!”

 

 

“อย่าไปนะ!”

 

 

อวี้เฟยเยียนจับเชียนเยี่ยเสวี่ยเอาไว้ “เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของท่านลุงสามของข้า เจ้าไปพักเถอะ พรุ่งนี้ข้ายังต้องการให้เจ้าช่วยเหลือนะ!”

 

 

“ได้!” เชียนเยี่ยเสวี่ยตบที่อกของตนเอง

 

 

“ช่าช่าเจ้าวางใจ รอให้ข้าทำภารกิจสำเร็จก่อนเถอะ ข้าจะมาฆ่าคนเป็นเพื่อนเจ้า! ครั้งนี้พวกเราจะทำภารกิจอันยิ่งใหญ่ให้ชื่อเสียงระบือไปไกล ฝากชื่อไว้ทั่วแผ่นดิน!”

 

 

เมื่อส่งเชียนเยี่ยเสวี่ยกลับไปแล้ว อวี้เฟยเยียนกลับมิได้เปลี่ยนเป็นชุดดำแต่อย่างใด หากแต่ตรงไปยังสถานที่คุมขังเจ้าสำนักหลิน ตามตำแหน่งบนแผนที่ ที่เซวียจื่ออี๋ให้มาระบุไว้

 

 

ซึ่งอีกด้าน มู่เหนี่ยนซีที่กลับมาถึงห้องก็เพิ่งปิดประตูลงกลอน อวี้เชียนเสวี่ยก็มาถึงที่หน้าประตู แล้วเคาะประตูเบาๆ

 

 

“เหนี่ยนซี เหนี่ยนซี!”

 

 

“เสวี่ย ข้าง่วงแล้ว”

 

 

มู่เหนี่ยนซีเอนหลังพิงประตู น้ำตาร่วง สะอึกสะอื้นอยู่บนพื้น

 

 

“ข้าอยากพักผ่อน!”

 

 

ยังมิทันจะเอ่ยปากอธิบาย ก็ถูกมู่เหนี่ยนซีปฏิเสธด้วยวิธีเช่นนี้เสียแล้ว อวี้เชียนเสวี่ยจึงไม่รู้จะต่อบทสนทนานี้อย่างไรดี จึงทำได้เพียงแค่ยอมรามือ

 

 

“เอาเถอะ วันนี้เจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้ว เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ! มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน! เจ้าพักผ่อนให้สบาย ข้าจะเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกนี่!”

 

 

อวี้เชียนเสวี่ยนั่งลงที่บันไดหน้าห้อง เงยหน้ามองดวงดาวบนท้องฟ้า

 

 

มู่เหนี่ยนซีมองเห็นแผ่นหลังอวี้เชียนเสวี่ยผ่านหน้าต่างห้อง ในใจข่มขื่นยิ่งนักจนมิรู้จะพูดออกมาอย่างไร

 

 

อวี้เชียนเสวี่ย ในเมื่อท่านปฏิเสธข้าไปแล้ว แล้วเหตุใดถึงไม่เย็นชาให้ถึงที่สุด เหตุใดถึงยังทำดีกับข้าเพียงนี้?

 

 

ข้าเพิ่งจะวางได้ เพิ่งจะลืมได้ เจ้ากลับปลุกความรักที่ข้ามีต่อเจ้าขึ้นมาอีก……

 

 

อวี้เชียนเสวี่ย ท่านจะรู้หรือไม่ว่า ท่านทำเช่นนี้มันโหดร้ายกับข้ายิ่งนัก! เหตุใดท่านต้องทรมานข้าด้วย!

 

 

ทั้งๆที่ในใจของคนทั้งสองมีกันและกันแต่แล้วสุดท้ายกลับถูกกั้นเอาไว้ด้วยกำแพงหนา

 

 

ดังนั้น พวกเขาจึงทำได้เพียงอยู่คนหนึ่งด้านนอก อีกคนอยู่ด้านใน เพียงลำพัง หากมิทลายกำแพงนี้ไป คนทั้งสองก็จะมิอาจรวมเป็นหนึ่งได้ตลอดกาล