ตอนที่ 76-3 การกลับมาอย่างแข็งแกร่งของซย่าโหวฉิงเทียน

จำนนรักชายาตัวร้าย

อวี้เฟยเยียนเหาะทะยานไปเบื้องหน้าด้วยความรวดเร็ว ท่ามกลางความมืด จนในที่สุดก็ถึงสถานที่คุมขังเจ้าสำนักหลิน

 

 

เพราะที่แห่งนี้ห่างไกล จึงไกลจากเรือนหลักของตำหนักโอสถมากทีเดียว จึงเงียบสงัด เมื่อนับดูแล้ว อวี้เฟยเยียนพบว่าการรักษาการณ์ของที่นี่ไม่ได้เข้มงวดมากนัก มีเพียงแต่ขั้นราชันรักษาการณ์อยู่เพียงคนเดียว แม้กระทั่งลูกน้องติดตามสักคนยังไม่มี

 

 

ดูแล้วในสายตาผู้อาวุโสใหญ่ มีเพียงแต่หมอเทวดาฮั่วเท่านั้นที่นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขา มิเช่นนั้นเหตุใดเขาถึงได้ส่งยอดฝีมือสามคนไปเฝ้าหมอเทวดาฮั่ว แต่เจ้าสำนักหลินกลับมีเพียงขั้นราชันรักษาการณ์อยู่เพียงคนเดียว

 

 

ขณะที่อี้เฟยยี่ยนเตรียมจะลงมือนั่นเอง แรงกดบางอย่างก็แผ่ซ่านมาจากทางด้านหลัง

 

 

“ใคร?”

 

 

อวี้เฟยเยียนเพิ่งจะกล่าวจบ นางก็ตกลงไปในอ้อมกอดของคนผู้นั้นเข้าให้แล้ว กลิ่นนี้มันช่างคุ้นเคยยิ่งนัก คล้ายกับ……

 

 

“แมวน้อย…” ซย่าโหวฉิงเทียนโอบกอดอวี้เฟยจากทางด้านหลัง ปลายจมูกของเขาแนบชิดกับใบหูน้อยๆ ของนาง ปากก็พึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “แมวน้อย คิดถึงพี่หรือไม่”

 

 

คิดถึงบ้าอะไรกัน!

 

 

อวี้เฟยเยียนใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่ซย่าโหวฉิงเทียน

 

 

เจ้าหมอนี่ เล่นใบหูนางจนคันยุบยิบเลย รำคาญชะมัด

 

 

“เร่าร้อนขนาดนี้ แสดงว่าคิดถึงพี่ละสิ!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนจับมือของอวี้เฟยเยียน แล้วรั้งให้นางนั่งในอ้อมอกของเขา “บอกมา ว่าคิดถึงพี่ไหม”

 

 

เมื่อเห็นซย่าโหวฉิง ในสภาพที่เขาปลอดภัยกลับมา ความกลัดกลุ้มกังวลที่ผ่านมาภายในใจของอวี้เฟยเยียน จึงได้เบาบางลงไป

 

 

“ธุระของท่านจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ ถึงได้ยอมกลับมา?”

 

 

เดิมทีแล้วเป็นประโยคธรรมดาๆ ประโยคหนึ่ง แต่น้ำเสียงที่เง้างอนในคำที่กล่าวออกมา ทำให้หัวใจ ซย่าโหวฉิงเทียนยินดียิ่งนัก

 

 

“พี่อยากจะกลับมาตั้งนานแล้ว!”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนมาอยู่ตรงหน้าอวี้เฟยเยียน ดึงรั้งผ้าปิดหน้านางลง แล้วประทับที่ริมฝีปากนางอย่างรวดเร็ว “พี่รู้ว่าเจ้าคิดถึงพี่ เพียงมิกล้าที่จะเอ่ยออกมา พี่เข้าใจแล้ว!”

 

 

“คิดเองเออเอง! ใครคิดถึงท่านกัน!”

 

 

ถูกซย่าโหวฉิงเทียนลอบโจมตีอีกครั้ง ทำให้อวี้เฟยเยียนหงุดหงิดใจยิ่ง

 

 

“ข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ท่านจะมาจุมพิตข้าตามอำเภอใจมิได้!”

 

 

“พี่รู้ว่านอกจากคนใกล้ชิดแล้ว คนอื่นมิอาจแตะต้องเจ้าได้ แต่ แมวน้อย พี่คือคนที่ใกล้ชิดเจ้าที่สุดมิใช่หรือ”

 

 

“เจ้าดูสิ ตอนนี้พวกเราพบกันอย่างเปิดเผย จุมพิตกันแล้ว พบแล้ว สัมผัสแล้ว อะไรที่ควรทำเราก็ทำหมดแล้ว เจ้ามิอาจเย็นชากับพี่เช่นนี้แล้วมิใช่หรือ!”

 

 

คำพูดทั้งหมดทั้งมวลที่เขากล่าวออกมา ทำเอาอวี้เฟยเยียนอึ้งไป

 

 

คนผู้นี้คือซย่าโหวฉิงเทียนจริงๆใช่ไหม

 

 

แล้วพูดพวกนี้เป็นคำพูดที่ซย่าโหวฉิงเทียนพูดจริงหรือ

 

 

นางแทบจะไม่อยากเชื่อหูของตนเองเลย!

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนพูดคำน่าขนลุกพวกนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

 

 

มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้ว อวี้เฟยเยียนก็กระแอมออกมาเบาๆ

 

 

“โอ้โห เขาว่ากันว่าสามวันจากลา ทุกอย่างก็แปรเปลี่ยน นี่ก็ไม่เจอกันนาน ทักษะกล่าวคำหวานของท่านไหลลื่นขึ้นมาก คงมิใช่ว่าไปกล่าวโอ้โลมสาวๆ คนไหนจนนางมีความสุข แล้วเอามาใช้กับข้าหรอกใช่หรือไม่”

 

 

มองดูรอยยิ้มบนใบหน้าเง้างอนของอวี้เฟยเยียนแล้ว ซย่าโหวฉิงเทียนก็หัวเราะออกมาเสียยกใหญ่ “นี่เจ้า…เจ้ากำลังหึงใช่หรือไม่”

 

 

ใครจะไปคิด เสียงหัวเราะของซย่าโหวฉิงเทียนจะนำพาขั้นราชันที่เฝ้าอยู่ให้มาถึง

 

 

“นั่นใคร พวกเจ้าเป็นใคร”

 

 

เมื่อเห็นคนสองคนที่จู่ๆ ก็โผล่ออกมา ขั้นราชันผู้นั้นก็ตกใจไม่น้อย

 

 

แต่ว่า ยังมิทันที่เขาจะได้หยิบอาวุธออกมา แสงสีม่วงสว่างวาบก็เด็ดหัวเขาจนขาด

 

 

“กว่าพี่จะได้มาพบหน้าแมวน้อยไม่ง่าย ยังมีพวกอะไรก็ไม่รู้มาก่อกวนอีก รนหาที่ตาย!”

 

 

โอ้!

 

 

เห็นซย่าโหวฉิงเทียนสังหารขั้นราชันผู้นั้นอย่างง่ายดาย ความดีใจของอวี้เฟยเยียนที่ตนได้เลื่อนไปถึงขั้นจอมเทวานั้นก็มลายหายไปในทันที

 

 

นี่นางยังห่างชั้นจากเขาอีกกี่ขุมกันหนอ

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียนท่านเป็นคนใช่หรือไม่”

 

 

อวี้เฟยเยียนทำตัวลีบลง เพราะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง

 

 

จู่ๆ ก็ถูกถามคำถามเช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงนึกไปว่าอวี้เฟยเยียนคงค้นพบอะไรเข้าเสียแล้ว จวบจนเห็นรอยยิ้มที่ผิดหวังของนาง ซย่าโหวฉิงเทียนจึงเดาออกได้ทันทีว่าเหตุใดนางทำท่าทางเช่นนี้ สมกับเป็นเจ้าแมวน้อยจอมเอาชนะจริงเชียว!

 

 

“แมวน้อย ถ้าหากว่าข้าไม่ใช่คน เจ้าจะกลัวข้าไหม”

 

 

การตอบกลับของซย่าโหวฉิงเทียน ทำให้อวี้เฟยเยียนแปลกใจเล็กน้อย

 

 

กระทั่งเห็นสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มของเขา แววตากลับฉายแววระแวดระวังยิ่ง อวี้เฟยเยียนไม่รู้ทำไมจู่ๆ ถึงนึกถึงเสี่ยวฉิงฉิงขึ้นมา

 

 

ความเงียบของอวี้เฟยเยียน ทำให้ใจของซย่าโหวฉิงเทียนเย็นเยียบขึ้นมา

 

 

ที่แท้ ก็กลัวข้างั้นหรือ

 

 

แม้แต่เจ้าก็หวาดกลัวสัตว์ประหลาดอย่างนั้นหรือหารู้ไม่ ในตอนที่ซย่าโหวฉิงเทียนคิดที่จะปล่อยมือนั้น อวี้เฟยเยียนก็ขมวดคิ้วขึ้นมา

 

 

“เจ้าไม่ใช่คนจริงๆ นั้นแหละ! เก่งกาจขนาดนี้ จะกลายเป็นเทพอยู่แล้ว! ซย่าโหวฉิงเทียน ข้าคิดว่าข้าเก่งแล้วนะ แต่หากเทียบกับเจ้าแล้ว ข้ากลายเป็นตัวอะไรไปเลย ข้าจะตามเจ้าทันได้ตรงไหนกัน!”

 

 

“เจ้าจะไล่ตามตามพี่?”

 

 

ได้ยินคำพูดนี้ ซย่าโหวฉิงเทียนก็มีความสุขเป็นอย่างมาก

 

 

“พี่จะยืนอยู่ตรงนี้ ไม่หนีไปไหน พี่เป็นของเจ้า เจ้ามิต้องไล่ตามใดๆ!”

 

 

และแล้วก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนเอาเปรียบอีกครั้ง ทำเอาอวี้เฟยเยียนถึงกับหน้าแดง

 

 

“นี่ท่านทำเรื่องที่ผิดต่อข้าใช่หรือไม่ เหตุใดปากหวานราวกับทาน้ำผึ้งไว้เช่นนี้ ซย่าโหวฉิงเทียน ตอบมาตามตรง!”

 

 

“หวานหรือ”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนทวนคำพร้อมกับเลียริมฝีปากของตนเองไปมา

 

 

“ไม่นี่นา หรือว่าสัมผัสรับรสของพี่มีปัญหา เหตุใดพี่ถึงไม่รู้สึกถึงรสหวานปานน้ำผึ้งตามที่เจ้าว่าเลยล่ะ?”

 

 

“ไม่เช่นนั้น เจ้าช่วยพี่ลิ้มรสดู?”

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนกล่าวจบ ก็จุมพิตที่ริมฝีปากของอวี้เฟยเยียนอีกครั้ง

 

 

คราวนี้ เขามิได้สัมผัสเพียงเบาบางฉาบฉวยเฉกเช่นเมื่อครู่อีกแล้ว แต่ครั้งนี้เขาจุมพิตแนบแน่นที่ริมฝีปากแดงดุจผลอิง[1]นั้น พร้อมกับใช้ลิ้นของเขารุกล้ำเข้าไป

 

 

 หวานหรือไม่

 

 

มีรสหวานปานน้ำผึ้งหรือไม่

 

 

เมื่อเห็นว่าอวี้เฟยเยียนกำลังมองมาที่ตนอย่างตกตะลึง ซย่าโหวฉิงเทียนก็กะพริบตาให้ เขาใช้สายตาถามไถ่

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียน ท่านมันขี้โกง!

 

 

อวี้เฟยเยียนกำลังจะเอ่ยปากด่าเขาอยู่นั้น หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการเปิดโอกาสให้เขาลุกล้ำเข้าไปครอบครองนางอีกครั้ง

 

 

ทั้งหวาน ทั้งหอมยิ่งนัก!

 

 

อีกครั้งที่ได้สัมผัสรสชาติที่คุ้นเคย ซย่าโหวฉิงเทียนเมื่อได้เริ่มแล้วจึงต้องรุกให้ถึงที่สุด

 

 

มือใหญ่ประคองร่างบอบบางของอวี้เฟยเยียน รับน้ำหนักนางเอาไว้ อีกมือหนึ่งก็ประคองกดท้ายทอยของนางเอาไว้เพื่อตัดทางถอยของนาง

 

 

แมวน้อย พี่คิดถึงเจ้า!

 

 

พี่คิดมาตลอด ว่าอยากจุมพิตเจ้าในขณะที่เจ้ามีสติครบสมบูรณ์ ว่ารู้สึกอย่างไร

 

 

ครั้งนี้ในที่สุดฝันก็เป็นจริง

 

 

ดีจริงๆ!

 

 

อวี้เฟยเยียนเบิกตากว้าง จ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาและท่าทีน่าเลื่อมใสตรงหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ร่างกายนางค่อยๆอ่อนปวกเปียก นางราวกับเป็นเถาวัลย์พันเกี่ยวแนบชิดกับเขา

 

 

น่าอายชะมัด……

 

 

หัวใจเต้นระรัว ในหัวนางว่างเปล่า ทำให้อวี้เฟยเยียนหน้าแดงก่ำ

 

 

ทำไมเป็นเช่นนี้ได้

 

 

ปล่อยข้านะ!

 

 

อวี้เฟยเยียนยื่นมือออกไปผลักซย่าโหวฉิงเทียนออก แต่สองมือของนางกลับไร้เรี่ยวแรงราวกับมิได้กินข้าว เพียงมือทาบวางที่หน้าอกกำยำของเขา ก็รู้สึกได้ถึงไอร้อน อวี้เฟยเยียนลนลาน จนคิดจะชักมือกลับ แต่ทว่ามือน้อยก็ถูกซย่าโหวฉิงเทียนจับเอาไว้ แล้วจัดแจงเอามือซ้ายขวาไว้ที่คอของเขา ตอนนี้กลายเป็นนางกำลังโอบกอดเขาเอาไว้แทน

 

 

อวี้เฟยเยียนยังดิ้นขลุกขลัก คราวนี้ซย่าโหวฉิงเทียนรุกหนัก เขาเข้าดูดกลืนความหอมหวานจากริมฝีปาก ทำให้นางแทบจะลมจับ จนนางหมดเรี่ยวแรงตอบโต้

 

 

จนกระทั่งอวี้เฟยเยียนหายใจหอบถี่ ซย่าโหวฉิงเทียนจึงยอมปล่อยริมฝีปากของนางให้เป็นอิสระ

 

 

“แมวน้อย สุขสันต์วันเกิด!”

 

 

วันเกิด?

 

 

อวี้เฟยเยียนเกือบจะเป็นลม

 

 

นี่มันเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

 

 

“เด็กโง่…”

 

 

อวี้เฟยเยียนตาพร่ามัว แก้มทั้งสองข้างแดงจัด ช่างน่าหลงใหลเป็นที่สุด

 

 

“ตอนนี้เลยยามจื่อมาแล้ว เท่ากับว่าเป็นวันใหม่แล้ว! หรือเจ้าจำไม่ได้แล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้าอย่างไรเล่า!” ซย่าโหวฉิงเทียนจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากของอวี้เฟยเยียนอย่างอ่อนโยน

 

 

“แมวน้อย เจ้าสิบห้าปีบริบูรณ์แล้ว เป็นสาวแล้วนะ! ยินดีด้วย!”

 

 

เหตุใดอวี้เฟยเยียนถึงได้รู้สึกขนพองสยองเกล้ายิ่งนักนะ เวลาที่ได้ยินคำพูดนี้

 

 

นางสัมผัสได้ว่าเสียงอีกภาคหนึ่งของซย่าโหวฉิงเทียนกำลังกล่าวว่า ‘แมวน้อย เจ้าโตแล้วนะ ในที่สุดพี่ก็กินเจ้าได้เสียที!’

 

 

เซี่ยโหวฉิงเทียน เจ้าหมายความเช่นนี้ใช่หรือไม่

 

 

ไม่นะ!

 

 

ข้าไม่เอา!

 

 

 

 

——

 

 

[1] ผลอิง คือผลเชอร์รี่