บทที่ 1021 ต้องระวังกว่านี้ / บทที่ 1022 แย่งผู้ชายของเธอ

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1021 ต้องระวังกว่านี้

การพลิกลิ้นของเยี่ยหวันหวั่นครั้งนี้…เรียกได้ว่าช่วยให้เธอรอดตายอย่างหวุดหวิด!

โชคดีที่นับว่าแถไปได้ ซือเยี่ยหานไม่ได้ถามต่อ เพียงไหลไปตามน้ำกับการแสดงของเธอ…

เกือบไปแล้วเชียว!

ถึงแม้ซือเยี่ยหานจะอีคิวต่ำ แต่เขาไอคิวสูงนี่นา เผลอนิดเดียวก็เกือบโดนหลอกถามเสียแล้ว

เยี่ยหวันหวั่นแอบเตือนตัวเอง ครั้งหน้าจะพูดอะไรต้องระวังให้ดี!

……

โรงแรมถานเยวี่ย เมืองปักกิ่ง

ถานเยวี่ยเป็นโรงแรมหรูระดับหกดาว ตกแต่งสไตล์จีนโบราณ ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของถนนพาร์คสัน เป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงที่พวกผู้รากมากดีกับพวกผู้ใหญ่ระดับสูงของประเทศมาเยือนเป็นประจำ

เพื่อต้อนรับขับสู้มู่สุยเฟิง ตระกูลซือในฐานะเจ้าบ้านจองห้องจัดงานเลี้ยงส่วนตัวขนาดเล็กไว้

คืนนี้ฉินรั่วซีสวมชุดราตรีโอร์ กูตูร์สีม่วงอ่อนรุ่นลิมิเต็ดของเกรซ ม้วนผมไว้ด้านหลัง ดูเรียบหรูสง่างาม กำลังทักทายและคุยกับแขกเหรื่อในห้องโถงงานเลี้ยงอย่างเป็นมืออาชีพ

เฝิงชิ่นอวี๋สวมชุดราตรีลูกไม้ตัวเล็กน่ารักอ่อนหวาน เดินเข้ามาจับมือฉินรั่วซีอย่างสนิทสนม “พี่รั่วซี คืนนี้พี่สวยมาก!”

ฉินรั่วซีหัวเราะเบาๆ “ไหนเธอบอกว่าคืนนี้จะไม่มาไง”

เฝิงชิ่นอวี๋แค่นเสียง “ตอนแรกก็ไม่อยากมา ไม่อยากเห็นหน้ายัยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นั่น ทำไมคู่ของหัวหน้าตระกูลถึงไม่ใช่พี่ แต่เป็นผู้หญิงชาติตระกูลต่ำต้อยคนนั้น! ให้คนอย่างนั้นไปต้อนรับคุณมู่ในฐานะนายหญิงของตระกูล ไม่ให้เกียรติเขาเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าหัวหน้าตระกูลคิดอะไรอยู่!”

“เธอนี่ก็…”

“โอเคๆ ฉันรู้ว่าพี่จะว่าฉันพูดจาเหลวไหลอีกแล้วใช่ไหม ก็ฉันทนเห็นหน้าหล่อนไม่ได้จริงๆ นี่! มีแต่คนนิสัยดีอย่างพี่รั่วซีนี่แหละ ถึงทนมองหน้าหล่อนได้!”

ขณะกำลังพูด จู่ๆ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นในห้องโถง ซือเยี่ยหานกับเยี่ยหวันหวั่นเดินเข้ามาแล้ว

หญิงสาวสวมชุดราตรีสวยงาม แต่ชุดราตรีนี้กลับไม่ได้กลบรัศมีของผู้ใส่แม้แต่น้อย แต่กลับขับเน้นให้เธอโดดเด่นยิ่งขึ้น

วินาทีที่หญิงสาวปรากฏตัว ก็ราวกับช่วงชิงแสงดาวทั้งหมดในห้วงรัตติกาลไปจนหมด แม้จะยืนอยู่ข้างซือเยี่ยหานก็โดดเด่นสะดุดตาไม่แพ้กันเลย

คืนนี้เยี่ยหวันหวั่นแต่งตัวสวยมาก ยืนอยู่ข้างซือเยี่ยหานเงียบๆ เหมือนนกน้อย ไม่ยอมห่างสักก้าว ทำตัวว่าง่ายและเชื่อฟังสุดๆ

เสียงกระซิบกระซาบดังไปทั่วห้องโถงงานเลี้ยง

“สวรรค์! นึกไม่ถึงว่าวันนี้หัวหน้าตระกูลจะพาคู่ควงมาออกงานด้วย!”

“แต่กลับไม่ใช่คุณหนูฉิน…ชิ ดูเหมือนหัวหน้าตระกูลจะหลงคุณหนูเยี่ยคนนั้นมากจริงๆ! แม้แต่งานเลี้ยงอย่างนี้ เขาก็ยังพามาด้วย!”

“แต่ก็ไม่แปลกหรอก หน้าตาสะสวยขนาดนั้น ผู้ชายคนไหนจะทนไหวบ้าง? แค่ป้อนคำหวานข้างหมอนไม่กี่คำ ถึงคุณหนูฉินจะทำอะไรอีกแค่ไหนก็สู้ไม่ได้หรอก!”

“เขาถึงได้บอกว่าผู้ชายชอบผู้หญิงที่ดูอ่อนแอหน่อยไงล่ะ…”

……

ผ่านไปครู่หนึ่ง มู่สุยเฟิงก็มาถึง

ซือเยี่ยหานควงเยี่ยหวันหวั่นไปต้อนรับด้านหน้า “คุณมู่”

มู่สุยเฟิงท่าทางเหมือนคนอายุประมาณสี่สิบห้าสิบปี สวมเสื้อคอจีน ท่าทางสุขุมและใจดี “ประธานซือ ขออภัยๆ มาสายไปหน่อย!”

มู่สุยเฟิงพูด สายตาหันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายซือเยี่ยหาน “ประธานซือ คุณผู้หญิงคนนี้คือ?”

“แฟนผมครับ เยี่ยหวันหวั่น” ซือเยี่ยหานเอ่ยแนะนำ

“สวัสดีค่ะ คุณมู่!” เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ข้างซือเยี่ยหานอย่างว่าง่าย ส่งเสียงทักทายมู่สุยเฟิง

“สวัสดีคุณหนูเยี่ย ทั้งสองเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกจริงๆ ด้วย!” มู่สุยเฟิงพูดเย้าแหย่ “ไม่น่าล่ะ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ประเทศ M ประธานซือถึงได้รีบกลับขนาดนั้น!”

“ขายหน้าคุณแล้วครับ”

“ฮ่าๆๆ พวกคุณยังหนุ่มยังสาว ห่างกันหนึ่งวันเหมือนจากกันสามปี ผมเข้าใจๆ!”

————————————————————————————-

บทที่ 1022 แย่งผู้ชายของเธอ

เมื่อเห็นเยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ข้างซือเยี่ยหานในฐานะนายหญิง เฝิงชิ่นอวี๋กระทืบเท้าอย่างโมโห “พี่รั่วซี พี่ดูท่าทางหยิ่งยโสของหล่อนสิ! คุณมู่เห็นแก่หน้าหัวหน้าตระกูลถึงได้พูดให้เกียรติหล่อนสองสามคำ หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน!”

ฉินรั่วซีมองหญิงสาวที่ยืนข้างกายซือเยี่ยหาน ตำแหน่งนั้นที่เดิมควรเป็นของเธอ นัยน์ตาของเธอไหวระริกเล็กน้อย…

“รั่วซี!” ตอนนี้เอง เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังฉินรั่วซี

“เสวี่ยเจิน มาได้ยังไง?” ฉินรั่วซีเห็นผู้มาก็ทักทายอย่างสนิทสนม

เทียบกับแขกผู้หญิงคนอื่นที่ต่างใส่ชุดราตรีหรูหรา ซุนเสวี่ยเจินสวมชุดฝึกสีดำทั้งตัวดูเรียบร้อยสะอาดตาอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

แต่ว่า แขกในโถงงานเลี้ยงกลับไม่มีใครว่าอะไรเลย

ตระกูลซุนเป็นตระกูลด้านศิลปะการต่อสู้ที่โด่งดังในประเทศจีน ประเทศจีนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศิลปะการต่อสู้แบบดั้งเดิมมาก ตระกูลซุนเคยออกทีวีมาหลายครั้ง พวกพี่ชายของซุนเสวี่ยเจินต่างก็ทำงานอยู่ในทีม ส่วนซุนเสวี่ยเจินเองก็ไม่น้อยหน้าผู้ชาย เธอฝีมือดีมาก ไม่ว่าไปที่ไหนก็แต่งกายด้วยชุดฝึกซ้อม

ตระกูลซุนกับตระกูลฉินคบหากันมาหลายชั่วคน ค่อนข้างใกล้ชิดกัน ฉะนั้นฉินรั่วซีกับซุนเสวี่ยเจินจึงสนิทกันมาก

“เมื่อกี้ฉันกินข้าวอยู่ข้างบน นึกได้ว่าเธออยู่ที่นี่ เลยแวะมาทักทายหน่อย!” ซุนเสวี่ยเจินบอก แล้วหันไปมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างซือเยี่ยหานแวบหนึ่ง “ฉันก็นึกว่าเป็นผู้หญิงเก่งกาจจากไหนที่มาแย่งผู้ชายของเธอไป เป็นเขาเองเหรอ?”

เฝิงชิ่นอวี๋เห็นซุนเสวี่ยเจินก็เริ่มบ่นทันที “พี่เสวี่ยเจิน เป็นยัยจิ้งจอกนั่นแหละ! อาศัยว่าหน้าตาใช้ได้หน่อย ก็ยั่วยวนหัวหน้าตระกูลของเราอย่างหน้าไม่อาย! แล้วยังอาจเอื้อมคิดจะเป็นนายหญิงของตระกูลซือเราอีก! ให้ผู้หญิงแบบนี้ไปต้อนรับคุณมู่พร้อมกับหัวหน้าตระกูล น่าขายหน้าจริงๆ เลย! ไม่รู้ว่าหัวหน้าตระกูลคิดอะไรอยู่กันแน่!”

สายตาของซุนเสวี่ยเจินมองพิจารณาหญิงสาวข้างกายซือเยี่ยหานซึ่งอยู่ไม่ไกล สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง “หึ ก่อนจะมาฉันยังอยากเจอคุณหนูเยี่ยคนนี้มากนะ อยากรู้นักว่าเทพธิดาที่ไหนได้ใจซือเยี่ยหานไปครอง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นอย่างนี้…

คุณหนูบอบบางอ่อนแอที่มีให้เห็นทั่วไปอย่างนี้ ฉันดูไม่ออกจริงๆ ว่ามีอะไรพิเศษ ถึงทำให้พี่เก้ายอมยกเลิกการแต่งงานดองกับตระกูลฉินได้”

เฝิงชิ่นอวี๋แค่นเสียง “ก็ต้องพิเศษอยู่แล้ว หน้าด้านเป็นพิเศษ แพศยาเป็นพิเศษไงล่ะ! ไม่ว่ายังไงหัวหน้าตระกูลก็เป็นผู้ชาย จะหนีพ้นมารยาของนางได้ยังไง! น่าสงสารก็แต่พี่รั่วซีน่ะสิ ถูกผู้หญิงพรรค์นี้ทำให้อับอายซะได้!”

ซุนเสวี่ยเจินยิ้มบอก “เหอะ เธอน่ะไม่รู้จักควบคุมตัวเองซะบ้าง เธอดูพี่รั่วซีของเธอสิ เหมือนคนที่ใส่ใจเรื่องนั้นที่ไหน ผู้หญิงแบบนั้นถ้าเป็นของเล่นฆ่าเวลาน่ะก็พอได้ แต่ก็เป็นได้แค่นั้นแหละ

ตอนนี้ซือเยี่ยหานยังหลงของใหม่อยู่ ย่อมต้องเอาอกเอาใจเธออยู่แล้ว รอให้เวลาผ่านไป ยังจะมีใครจำได้อีกเหรอว่าเธอเป็นใคร?”

เฝิงชิ่นอวี๋เอ่ยว่า “พี่เสวี่ยเจิน พี่พูดมีเหตุผล! ถุย คิดจะมาเป็นนายหญิงของตระกูลเรา หล่อนไม่คู่ควรหรอก!”

“เอาละ อย่าพูดเรื่องพวกนี้อีกเลย เรื่องที่ฉันเคยบอกเธอไว้ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” ฉินรั่วซียืนยันกับซุนเสวี่ยเจิน

ซุนเสวี่ยเจินบอกว่า “วางใจเถอะ ไม่มีปัญหาหรอก ถ้าฝั่งเธอแน่ใจแล้ว พ่อฉันก็จะจัดงานประชุมศิลปะการต่อสู้ทันที! พ่อฉันเองก็อยากทำความรู้จักกับคุณมู่อยู่พอดี ถ้าหากทำสำเร็จ ยังต้องขอบคุณเธอด้วยซ้ำ!”

ฉินรั่วซีบอก “ไม่เห็นต้องเกรงใจกันเลย ถ้ามีความคืบหน้าอะไร ฉันจะบอกเธออีกที”

“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนละ!”

“โอเค!”

…………………………………