Chapter 85 ยินยอมที่จะเข้าร่วมกับสำนักอู๋ซิ่นไหม

ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything

“ผู้สืบทอดคะ ท่านเป็นอันดับสี่ในด้านความแข็งแกร่งจริงเหรอคะ?”

 

ด้านในโรงเตี๊ยมหยีหลาน อันจิ่วเหนียงปิดปากเล็กๆของเธอด้วยหน้าตาที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เชื่อ

 

ผู้สืบทอดที่เธอได้โอกาสชวนมานั้นเป็นอันดับสี่เนี่ยนะ? นี่ยังกับฝันไปเลย!

 

เธอไม่เคยได้ยินความสำเร็จของเขามาก่อนเลยสักนิด มันไม่จำเป็นต้องพูดถึงราชาองค์ใหม่เลย เนื่องจากว่าเขาคือตัวตนที่สามารถก้าวขึ้นไปยังระดับแก่นทองคำได้ทุกเมื่อที่เขาต้องการ

 

หลินจินเป็นผู้สืบทอดของสำนักมังกรมรกตที่ซึ่งเคยหลบหนีจากเงื้อมมือของผู้เชี่ยวชาญระดับแก่นทองคำและมีชื่อเสียงที่โด่งดังในรัฐจินมาก

 

ในอีกด้านหนึ่ง เย่หวู่เชิงคือผู้สืบทอดของสำนักพยัคฆ์ขาวที่ซึ่งสังหารนายน้อยอันดับสามของสำนักอสูรด้วยความเกรี้ยวกราด

 

ถึงแม้ว่าผู้สืบทอดคนอื่นจะไม่ได้ดีเท่ากับอีกสองคนนี้ อย่างน้อยพวกเขาก็มีความสำเร็จอยู่บ้าง ไม่เหมือนกับผู้สืบทอดที่อยู่ด้านหน้าพวกเธอ แต่ว่าเฉินเฉินกลับมาอยู่ในอันดับสี่เสียอย่างงั้น

 

“อันดับสี่? สำนักอู๋ซิ่นนี่ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด” เฉินเฉินพูดออกมาอย่างหงุดหงิด

 

อันจิ่วเหนียงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ‘มันเหมือนกับว่าสำนักอู๋ซิ่นจะทำพลาดไป ถ้าผู้สืบทอดอที่อยู่ด้านหน้าฉันเป็นอันดับสี่แล้ว ฉันคงต้องลงไปคุกเข่าแล้วละ…’

 

“ที่จริงแล้วข้าควรจะอยู่อันดับหนึ่งเสียมากกว่าอีก…” เฉินเฉินพึมพำออกมาอย่างจริงจัง

 

ครึ่งเดือนก่อน เขาได้สร้างรากฐานได้สำเร็จและตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สถานการณ์ฝึกตนของเขาก็ทะยานขึ้นสู่ระดับกลาง ในตอนนี้เขาอยู่เกือบจะขั้นท้ายของขั้นสร้างรากฐานแล้ว

 

นอกจากนี้แล้วขั้นยังมีระดับการฝึกพลังปราณที่ระดับ 21 ด้วย อาจารย์ของเขาบอกว่าเขานั้นแข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สุดกับผู้ฝึกตนที่อยู่ขั้นต่ำกว่าแก่นทองคำ

 

‘ยังไงข้าก็ควรจะอยู่อันดับหนึ่ง’

 

‘โชคร้ายที่สถานะการฝึกตนของข้าพัฒนาขึ้นเร็วเกินไปและข้าไม่สามารถที่จะกระจายข่าวนี้ได้ทัน’

 

“อ๊า ข้าละอิจฉาคนที่ฝึกตนเชื่องช้าแบบนั้นเสียจริง แต่ข้าทำไม่ได้ ข้าฝึกตนเร็วเกินไป ไม่มีใครสังเกตเห็นข้าเลยสักคน”

 

เฉินเฉินถอนหายใจ

 

ในอีกด้านหนึ่ง อันจิ่วเหนียงได้ปฏิบัติกับเฉินเฉินราวกับเขาเป้นคนบ้าและเดินออกมาด้วยสภาพเศร้าหมอง ในขณะที่ผู้หญิงจากในโรงเตี๊ยมหยีหลานเป็นแฟนคลับของเขา เนื่องจากพวกเธอต้องการที่จะพูดจาหยาบคายแบบเขาบ้าง

 

….

 

ในเวลาเดียวกัน ผู้คนนับไม่ถ้วนในเมืองหลวงต่างตามหากระดาษที่เขียนรายชื่ออันดับของรัฐจินและชื่อของเฉินเฉินที่เป็นผู้สืบทอดต่างแพร่กระจายไปทั่ว

 

ด้านในบ้านแดงเมามาย ฮัวฮงหยานกำลังมองรายชื่อด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม

 

ในตอนนี้ ผู้สืบทอดที่เก่งกาจเช่นเขาอาศัยอยู่ในหอโสเภณีแบบนั้น ชื่อเสียงของเขาจะมากมายเพียงใดกันแน่นะ?

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเธออิดจะอิจฉาโรงเตี๊ยมหยีหลานไม่ได้ เธอเสียใจกับการตัดสินใจของเธอที่ไม่ยอมเสนอหินวิญญาณไป 500 ก้อนให้กับผู้สืบทอดคนนั้น

 

“ไม่ได้ พวกเรายังต้องหาทางอื่น การทำแบบก่อนหน้านี้มันจะไม่มีประสิทธิภาพ”

 

 

ในอีกด้านหนึ่ง ด้านในบ้านดอกไม้พระจันทร์ กู่ฉินเจิ้งกำลังมองรายชื่อจัดอันดับอยู่อย่างเกียจคร้าน เธอกำลังครุ่นคิดว่าเธอจะเอาคนไหนมาเป็นเหยื่อของเธอดี ยังไงก็ตามเมื่อเธอดูชื่อที่สี่แล้วเธอก็ลุกขึ้นนั่ง

 

“ไอ้กินฟรีหน้าด้านนั่นอยู่อันดับสี่เนี่ยนะ?! มันเป็นไปได้ยังไงกัน?

 

ยังไงก็ตามหลังจากที่เธอคิดอีกครั้งหนึ่ง กู่ฉินเจิ้งก็เปลี่ยนความคิด

 

สำนักอู๋ซิ่นเป็นกองกำลังที่เก่งกาจที่สุดในรัฐจิน ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่มีทางที่พวกเขาจะคิดผิด

 

เจ้าผู้สืบทอดที่ดูไม่น่าเชื่อถือนั่นจะเก่งกาจถึงเพียงนี้เลยเหรอ?

 

‘ถ้ามันเป็นเรื่องจริง…’

 

‘พวกเราควรที่จะไปหาพวกนักแต่งนิยายและสร้างเรื่องราวบิดเบือนกับพวกเขา ไม่ว่าผู้สืบทอดของเทียนหยุนจะสนใจหรือไม่..’

 

‘มันผิดเพราะเจ้าโง่นั่นล้อเลียนข้านั่นแหละ!’

 

 

ผู้สืบทอดของสำนักอื่นก็เห็นอันดับรายชื่อด้วยเช่นกัน บางคนอดที่จะสงสัยไม่ได้

 

บางคนก็หงุดหงิดด้วยเช่นกัน

 

ยกตัวอย่างเช่น ซวนฮงของสำนักซวนวูที่ซึ่งอยู่ในขั้นสร้างรากฐานระดับสูงสุด ท่ามกลางคนของรัฐจินแล้ว เขาเป็นคนที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งที่สุด

 

ปกติแล้วเขาจะไม่รู้สึกว่าหลินจินและเย่หวู่เชิงแข็งแกร่งอะไร แต่ครั้งนี้เขากลับอยู่ในอันดับหกเนี่ยนะ?

 

นี่มันเป็นการดูถูกมากเกินไปแล้ว!

 

“เฉินเฉินจากสำนักเทียนหยุน? สำนักอู๋ซิ่นเลือกคนมั่วมาเพื่อทำให้ข้าโดนดูถูกหรือเปล่าเนี่ย? มาสิ ข้าจะไปดูความแข็งแกร่งของเขาว่ามันมากมายสมกับอันดับสี่ไหม?”

 

ซวนฮงขยี้กระดาษในมือด้วยความโกรธแค้น

 

เซี่ยวฮัวจากสำนักวิหคสีชาดไม่เป็นไร สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นที่รู้จักมานานแล้ว แต่ใครคือเฉินเฉินกัน? เขาไม่เคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนเลยสักครั้ง!

 

การฝึกตนนั้นใช้เวลานานและใครก็ตามที่เก่งกาจจะเป็นที่โดดเด่นออกมา เจ้าเฉินเฉินนี่อยูในระดับการสร้างรากฐานแล้วหรือยังไง?!

 

เจ้าต้องล้อข้าเล่นเป็นแน่!

 

เพียงแค่เขากำลังจะออกไปด้านนอก ลูกศิษย์สองคนที่อยู่ใกล้กับเขาก็รีบลากเขากลับมา

 

“ผู้สืบทอดครับ อย่าทำตัวบ้าบิ่นไปเลย นี่คือแผนการของสำนักอู๋ซิ่น พวกเขาต้องการสร้างความขัดแย้งกันทั้งสามสิบห้าสำนักโดยรายชื่อนี้! อย่าโดนหลอกไปเลยครับ!”

 

“ใช่ครับ สำนักอู๋ซิ่นสร้างรายชื่อนี้มาเพื่อสร้างความขัดแย้งขึ้นระหว่างพวกเรา มันมีจุดที่ไม่สมเหตุสมผลมากมายอยู่หลายจุด ท่านอย่าไปคิดจริงจังกับมันเลยครับ!”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของลูกศิษย์ที่เดินมาพร้อมกับเขา ซวนฮงปิดตาลง เส้นเลือดนั้นปูดนูนขึ้นบนหน้าก็จริง แต่เขาก็ระงับความโกรธนี้ไว้ได้

 

 

ในชั่วพริบตา วันต่อมาก็ได้ผ่านไป

 

นี่คือวันที่ขึ้นครองราชย์ของราชาองค์ใหม่ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พิเศษมากในรัฐจิน

 

มันค่อนข้างเงียบมากในเมืองหลวง เนื่องจากทหารสวมชุดเกราะนับไม่ถ้วนต่างเดินตรวจตรากันในเมืองเพื่อป้องกันความโกลาหล

 

แท่นบูชาด้านนอกพระราชวัง เจ้าหน้าที่และทหารต่างรวมตัวกัน พวกเขากำลังรอคอยพิธีขึ้นครองราชย์อยู่

 

ในเวลานั้นเอง เสียงแหลมสูงก็ดังกระจายไปทั่วทั้งพระราชวัง

 

“สำนักทั้งสามสิบหกนั้นต่างเป็นโครงสร้างของรัฐจิน! ตามธรรมเนียมแล้ว การขึ้นครองราชย์ของราชาองค์ใหม่จะต้องได้รับการยอมรับจากทั้งหมด 36 สำนัก ดังนั้นข้าขอเชิญผู้สืบทอดทั้งสามสิบหกสำนักเพื่อเป็นตัวแทนให้กับเจ้าสำนักขึ้นมาบนเวทีได้!”

 

ทันทีที่เขาพูดจบ 35 คนก้าวขึ้นมาบนเวทีและเดินไปใจกลางเวที

 

มันเป็นวิธีการและผู้สืบทอดทั้ง 35สำนักต่างรวมกันและจะไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น

 

เฉินเฉินยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด

 

เขารู้สึกว่าคนจำนวนมากกำลังสังเกตเขาอยู่ รวมทั้งเหล่าคนจากกองทัพและเจ้าหน้าที่รัฐด้วยเช่นกัน

 

ผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำต่างอยู่กันเต็มไปหมด

 

หลังจากหายใจเข้าลึกๆ เฉินเฉินมองไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะซ่อนพลังปราณทั้งหมดไว้ในร่างกายของเขา

 

เขามีร่างจิตวิญญาณต้นกำเนิดและมันจะสร้างปัญหา ถ้าใครก็ตามพบมัน

 

“ระบบ ข้าขอถามเจ้าว่าใครคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในระยะสามสิบเมตร?”

 

มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่ผู้สืบทอดทั้งสามสิบห้าจะรวมตัวกันและคนอื่นก็อยู่ห่างเกินไปด้วยเช่นกัน เฉินเฉินจึงได้ใช้โอกาสที่หาได้ยากนี้ถามคำถามแบบนี้ออกมา

 

“ไม่รวมอุปกรณ์แล้ว ท่านแข็งแกร่งที่สุดค่ะ ท่านเจ้าของ”

 

เฉินเฉินตกตะลึงเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินคำพูด

 

‘นี่หมายความว่ายังไง? มันหมายความว่าอุปกรณ์ของข้าไม่เพียงพอหรอเนี่ย?’

 

ที่จริงแล้วมันก็สมเหตุสมผลเหมือนกัน แหวนเก็บของของเขาเต็มไปด้วยสมบัติและแทบจะไม่มีอุปกรณ์อะไรสักชิ้นเลย ยังไงก็ตามเขายังสวมชุดเกราะชั้นในที่อาจารย์มอบมาเป็นของขวัญให้กับเขา เมื่อเทียบกับเย่หวู่เชิงที่สวมชุดเกราะเต็มตัวแล้วนั้น…

 

มันอยู่กันคนละโลก!

 

“มันเหมือนว่าข้าต้องจัดการหาอุปกรณ์บ้างแล้วละ ไม่อย่างงั้นคนอื่นจะตามความแข็งแกร่งของข้าได้ทัน”

 

เฉินเฉินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันซึ่งหาได้ยากยิ่ง

 

โชคยังดีที่เมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยทรัพยากรและมันมีการประมูลถึง 28แห่ง มันจะไม่ใช่เรื่องยากอะไรในการที่เขาจะไปหาอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม สำหรับหินวิญญาณแล้วเขาก็ไม่มีข้อจำกัดเลยสักนิด

 

เมื่อเขาสังหารมังกรมาก่อนหน้านี้ เขาได้ซื้อแหวนเก็บของมาหลายวงที่บรรจุไปด้วยหินวิญญาณนับหมื่นก้อน ซึ่งมันเป็นเงินจำนวนมาก เมื่อเทียบกับเหล่าผู้ฝึกตนธรรมดา มันเทียบได้เท่ากับเงินทั้งหมดของผู้ฝึกตนระดับแก่นทองคำหลายสิบคนเลยทีเดียว

 

ถ้าแค่นั้นมันไม่มากพอแล้วเขาก็จะเอาสมบัติออกมาขายมัน เขาก็จะได้รับเงินกว่าแสนหินวิญญาณแล้วละ

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีความกังวลเรื่องหินวิญญาณเลยสักนิด

 

 

เมื่อเฉินเฉินคิดถึงเรื่องไร้สาระอยู่นั้นเอง ริมฝีปากของฉงเย่ก็ยิ้มขึ้น เขาพูดออกมาอย่างใจเย็น “พวกเจ้ายินดีที่จะรับใช้สำนักอู๋ซิ่นและรวมตัวสามสิบหกสำนักเข้าด้วยกันไหม?”

 

ทันทีที่เขาพูดจบ ทั่วทั้งเวทีต่างเงียบสงบ

 

ผู้สืบทอดตัวแทนอดที่จะตัวสั่นสะท้านไม่ได้

 

‘มันมาถึงแล้ว! สำนักอู๋ซิ่นต้องการที่จะทำอะไรกัน? เขาพูดออกมาโดยตรงแบบนี้เลยหรือไง!’

 

ถ้าพวกเขาตอบว่าไม่ต้องการแล้ว พวกเขาจะกลับไปยังสำนักได้อย่างปลอดภัยไหม?

 

ความเงียบเกิดขึ้นเป็นเวลาหลายนาทีและเฉินเฉินสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นของผู้สืบทอดรอบตัวเขาได้เลย

 

ฉงเย่ที่อยู่บนเวทีมองไปที่ทุกคนและสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพวกเขา

 

การฝึกฝนวิชาเต๋าหวังฉิงขั้นสุดยอดนั้นจำเป็นต้องละทิ้งความรักและตัณหาไป แต่มันยังเป็นเทคนิคที่มีความรู้สึกเซนซิทีฟมากกับความรู้สึกของคนอื่นด้วย

 

ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถที่จะบอกได้เลยว่าผู้สืบทอดคนไหนเลือกที่จะทรยศและคนไหนไม่มั่นใจ

 

หลังจากผ่านมาเป็นเวลานาน ชายร่างผอมบางเล็กน้อยคนหนึ่งลุกขึ้นยืน

 

เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พระราชา มันไม่ใช่เวลาที่น่ามาเล่นมุกตลกนะครับ”

 

“โอ้? น้องหลิน เจ้าคิดว่าข้าตลกอยู่หรือ?” ฉงเย่พูดอย่างเฉยเมย

 

“ท่านไม่ได้ตลก?” ก่อนที่เขาจะได้ตอบกลับ เย่หวู่เชิงลุกขึ้นยืนและพูดออกมาพร้อมกัน

 

เมื่องเขาทั้งสองคนยืนพร้อมกัน ออร่าของพวกเขาหลอมรวมกันกับพระราชาองค์ใหม่ของรัฐจิน มันได้ก่อให้เกิดพายุขึ้นท่ามกลางพิธีการ

 

ผู้สืบทอดคนอื่นต่างหวาดหวั่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกตนชั้นยอดทั้งสามของรัฐจินและพวกเขามันห่างชั้นกันเกินไป พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยสักนิด!

 

ไม่กี่วินาทีต่อมา พายุก็มอดดับลง

 

ฉงเย่หันกลับไปและพูดอย่างใจเย็น “ตั้งแต่ที่เจ้าทั้งสองคิดว่าข้ากำลังล้อเล่นอยู่ ก็ให้มันเป็นเรื่องตลกไปเถอะ”

 

“ยังไงก็ตาม ข้ามาประกาศเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอะไร อันดับของสำนักทั้งสามสิบหกสำนักของรัฐจินมันอยู่มากว่าร้อยปีแล้ว แต่อันดับเดิมมันดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด ด้วยเหตุนี้สำนักอู๋ซิ่นและราชวงศ์ตัดสินใจที่จะร่วมมือกันจัดการประลองจัดอันดับขึ้นในอีกสามวันข้างหน้า เจ้าสำนักเป็นดั่งเสาหลักของประเทศและไม่ควรที่จะได้รับบาดเจ็บ ด้วยเหตุนี้อันดับทั้งสามสิบหกสำนักจะวัดตามความแข็งแกร่งของผู้สืบทอดอ นอกเหนือ 36 สำนักแล้ว สำนักที่เล็กกว่าอีก 18 สำนักจะเข้าร่วมด้วยเช่นกัน ทุกคน ได้โปรดอย่าพลาดท่าและเสียสถานะของสำนักทั้งสามสิบหกสำนักไปละ”

 

หลังจากพูดจบ ฉงเย่ก็บินออกไป

 

กลุ่มของผู้สืบทอดต่างสบตากันเองด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป

 

สถานะของทั้งสามสิบหกสำนักมันไม่ได้เกี่ยวข้องกันแค่ในสำนัก แต่มันยังรวมถึงเรื่องการแบ่งเหมืองแร่ขุดหินวิญญาณระดับกลางในรัฐจินด้วย

 

นอกจากนี้แล้ว หินวิญญาณระดับกลางยังจำเป็นในการฝึกตน เพื่อฝึกตนในระดับแก่นทองคำ…

 

ถ้าพวกเขาพลาดเมืองแร่ไป เหล่าแก่นทองคำจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการฝึกตน

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ผู้สืบทอดที่เป็นตัวแทนชั่วคราวต่างเหงื่อไหลพรากออกมา!