มองไปรอบๆ หยางโปก็ไม่พบอะไร เขาถึงได้ละสายตาไป
  ลัวย่าวหัวเหลือบมองหยางโปแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ รออีกหน่อย ตอนนี้คนยังไม่เยอะ ต่อให้ชายคนนั้นมา ก็ไม่มีงานอะไร นายคิดว่าเขาจะมาไหม ? ”
  หยางโปพยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร
  โจวเหม่ยเอ๋อ รีบเดินกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาถือถาดมา ในถาดมีไวน์แดงและแก้วทรงสูง
  เขาวางแก้วทรงสูงไว้ข้างหน้าหยางโปแล้วดึงจุกไวน์แดงออกอีกครั้ง ขณะชงไวน์ พลางยิ้มให้ทั้งสองคนแล้วพูดว่า ” นี่เป็นไวน์แดงที่รสชาติดีที่สุดของเราแล้ว เดี๋ยวฉันจะรินให้คุณสองคน ”
  โจวเหม่ยเอ๋อไม่ได้พูดถึงว่าเป็นไวน์อะไร ทั้งสองก็ไม่ถามอะไรมาก หยางโปเชื่อว่า ลัวย่าวหัวอยู่ที่นี่อีกฝ่ายคงไม่คิดเล่นลูกไม้อะไร
  รอจนอีกฝ่ายรินเหล้าแล้ว และกำลังจะบอกลา ลัวย่าวหัวก็กวักมือเรียก ” เถ้าแก่เหม่ยเอ๋อ เชิญนั่งลงก่อน ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณหน่อยนะ ”
  “ ไม่ต้องเกรงใจ หากคุณชายลัวมีเรื่องไหนอยากถาม คุณก็ถามมาได้เลยนะ ” โจวเหม่ยเอ๋อกล่าว
  ลัวย่าวหัวพยักหน้าให้ เขาล้วงภาพออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วยื่นให้โจวเหม่ยเอ๋อ
  ” คุณเคยเห็นชายคนนี้ไหม ? ”
  หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง ชูแก้วเหล้าขึ้นดื่มและชายตามองทั้งสองคน
  โจวเหม่ยเอ๋อขมวดคิ้วและฉีกยิ้มอ่อนๆ มองจากมุมนี้หยางโปก็พอจะดูออกว่าเถ้าแก่ที่แต่งหน้างดงามผู้นี้ แค่ผิวของเขาหยาบไปและ ทาแป้งรองพื้นหนาไปหน่อย หยางโปมองดูท่าทางที่เขานั่งลง และคิดว่า ถ้าเกิดหน้าของเขาแตะเข้ากับโต๊ะกระจก บนโต๊ะจะมีรอยขาวติดอยู่ไหมนะ ?
  สิ่งที่หยางโปกังวลใจไม่ได้เกิดขึ้น แต่กลับได้ยินเสียงโจวเหม่ยเอ๋อพูดขึ้นว่า “ ชายคนนี้ ฉันพอที่จะจำได้คลับคล้ายคลับคลา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ เขามักจะมาจีบลูกค้าผู้หญิงของเรา ตอนแรกฉันยังคิดว่ามาจากร้านอื่น คิดที่จะไล่เขาออกไป แต่แล้วเขาก็มาสารภาพเรื่องอาชีพของตัวเองกับฉัน บอกว่าเขาเป็นเพียงหนุ่มเลี้ยงวัวคนหนึ่ง และยังบอกฉันว่าครอบครัวเขาอยู่บนภูเขา ตอนเด็กยากจนมากแค่ไหน ฉันเห็นอกเห็นใจเขาเลยปล่อยให้เขาอยู่ต่อ ”
  หยางโปเพ่งมอง “ เขาบอกว่าตัวเองคืออะไรนะ ? ”
  “ หนุ่มเลี้ยงวัว ” โจวเหม่ยเอ๋อตอบ
  ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะยิ้มพลางพูด “ คนๆนี้ช่างเก่งกาจจริงๆ แม้แต่เหตุผลนี้ยังคิดออกมาได้นะ ”
  หยางโปมีอาการสงสัย “ เขามาที่นี่ทุกวัน หรือว่าสองสามวันมาที่นี่ทีหนึ่ง ? ”   โจวเหม่ยเอ๋อหันมามองหยางโป กลับไม่ถามถึงสาเหตุ แต่ตอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา
  “ ช่วงนี้เขามาที่นี่ทุกวัน ช่วงนี้รู้สึกว่าเขาจะจีบสาวใหญ่ที่ร่ำรวยคนหนึ่งได้ และนัดกันมาที่นี่ทุกวัน ”
  หยางโปหน้าถอดสีไปเล็กน้อย เขายกแก้วเหล้าแดงขึ้น และเขย่าแก้วเบาๆ เพราะเขย่าแก้วแรงไปหน่อยเลยทำให้เหล้าแดงกระเด็นตกพื้น
  โจวเหม่ยเอ๋อหันมามองหยางโปด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิด
  ลัวย่าวหัวยิ้มและพูดว่า “ คุณก็อย่ากังวลมากไป เรื่องที่คุณเป็นกังวลจะไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ”
  แน่นอนลัวย่าวหัวรู้ว่า หยางโปกังวลว่าหลินหลินจะเข้าไปพัวพันกับอี้มู่ แต่เขากลับคิดว่าเรื่องนี้อาจเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญ ไอลีนโนเวล
  หลังจากถามไถ่ดูแล้ว โจวเหม่ยเอ๋อก็เดินจากไป หยางโปทั้งสองนั่งบนโซฟา ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร
  พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆคนในไนต์คลับก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดนตรีเคลิบเคลิ้มมากขึ้น มีสาวสวยมากมายอยู่ในไนต์คลับ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหญิงสาวสองคนที่กอดและคลอเคลียกันอยู่ในไนต์คลับอีกด้วย ลัวย่าวหัวพลางสะกิดหยางโปและชี้ไปทางด้านข้างแล้วพูดว่า ” นายดูนั่นสิ สองสาวนั้นสวยจริงๆ สวยขนาดนี้แต่กลับมาอยู่ด้วยกัน นี่มันไม่ถูกศีลธรรมเลย ! มันสูญเสียและสิ้นเปลืองทรัพยากรทางสังคมมากเกินไปแล้ว ! ”
  หยางโปชายตามองหญิงสาวทั้งสองคน เห็นว่าทั้งสอง โอบกอดกันอย่างหวานชื่น เขาส่ายหัวช้าๆโดยที่ไม่พูดอะไรมาก
  แต่ลัวย่าวหัวกลับจ้องมองไปที่สาวสวยที่อยู่ใกล้ๆไม่ลดล่ะ
  หยางโปมองไปรอบๆ พยายามหาเป้าหมายของเขา
  ขณะที่มองสำรวจดูนั้น เถ้าแก่โจวเหม่ยเอ๋อก็เดินเข้ามาและพูดกับทั้งสองคนว่า
  ” ชายคนนั้นมาแล้ว ”
  หยางโปตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นและเห็นอี้มู่เดินเข้ามาจริงๆ เขาดูอายุสี่สิบปีกว่า ใบหน้าผอมบาง ผิวคล้ำ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสมาก ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ไหนก็จะมีแต่เสียงหัวเราะ
  ดูเหมือนจะเป็นที่โปรดปรานของสาวใหญ่ที่นี่
  ลัวย่าวหัวชี้เข้าไปข้างใน ” ผู้หญิงคนไหนที่ใกล้ชิดเขาที่สุด ”
  โจวเหม่ยเอ๋อเหลือบมอง ส่ายหัวแล้วตอบกลับไปว่า “ เธอคนนั้นยังไม่มา ! ”
  ในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็เห็นผู้หญิงวัยสามสิบกว่าคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอสวมชุดเดรสยาวสีดำ
  ท่าทางสง่างาม บวกกับผิวขาวนวล ดูขาวราวหิมะ ดูดีมีเสน่ห์มาก
  โจวเหมยเอ๋อชี้ไปคนนั้นและพูดว่า ” คนนี้แหละ ช่วงนี้พวกเขาสองคนสนิทกันมาก ”
  ลัวย่าวหัวหันไปมองหยางโป “ ตอนนี้สบายใจแล้วใช่ไหม ? ”
  หยางโปพยักหน้า มองไปทางอี้มู่ เห็นมือของเขาโอบเอวของอีกฝ่ายอยู่ ผู้หญิงคนนั้นยิ้มกว้าง
  ดูเหมือนจะชอบมันมาก
  “ เดี๋ยวฉันจะไปดูเอง ” หยางโปพูด
  ลัวย่าวหัวยิ้ม แต่ไม่ได้ตามเขาไป เขารู้ว่าถ้าตัวเองตามไปจะเป็นภาระซะเปล่าๆ
  โจวเหม่ยเอ๋ออดไม่ได้ที่จะมองลัวย่าวหัว “ คุณชายหยางจะมีอันตรายไหม ? ชายคนนี้ดูธรรมดามาก แต่เขารู้การต่อสู้เป็นอย่างดี ครั้งล่าสุดมีกลุ่มคนมาหาเรื่องเราที่นี่ เขาสู้กับคนพวกนั้นแค่คนเดียวพวกนั้นก็แพ้ราบคาบไปเลย คุณชายหยางดูร่างกายอ่อนแอกว่า ให้เขากลับมาดีไหม ? ”
  ลัวย่าวหัวส่ายหน้ายิ้มพลางพูดว่า “ มันก็ไม่แน่ ! ”   หยางโปเดินไปอยู่ข้างกายอี้มู่อย่างรวดเร็ว มองไปที่ผู้หญิงในอ้อมแขนของเขา เห็นทั้งสองคนที่แทบจะซุกตัวเข้ามุมห้องได้ แต่เขากลับไม่พูดอะไร
  หลังจากผ่านไปชั่วครู่ อี้มู่ก็รู้ตัว เขาหันกลับมามองหยางโป “ นายเป็นใคร ? ”
  หยางโปมเพ่งมองอี้มู่ ยิ้มพลางพูดว่า “ เมื่อคืนเพิ่งจะเอาของของฉันไป คืนนี้ไม่รู้จักกันซะแล้ว ? ”
  ผู้หญิงที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของอี้มู่ ดูไม่ค่อยจะพอใจ ” แค่เอาของนายไปเองไม่ใช่หรือไง ? เท่าไหร่ เดี๋ยวฉันจ่ายแทนให้ แล้วนายรีบไปจากที่นี่เถอะ ! ”
  หยางโปมองหน้าอี้มู่ และยิ้มให้ “ เงินไม่ใช่ปัญหา ถ้ามันหาซื้อกันได้ อี้มู่จะไม่ซื้อเองหรือไง ? ”
  อี้มู่ตาเบิกกว้างมองหยางโป “ แล้วนายจะทำไม ? ”
  หยางโปยิ้มพลางพูดว่า “ ฉันแค่อยากได้ของของฉันคืน นายโปรดคืนของให้ฉันด้วย ”
  อี้มู่แสดงอาการเหยียดหยามดูถูก “ เมื่อคืนวานฉันเอามันไปได้ แต่คืนนี้นายอย่าแม้แต่คิดจะเอามันกลับไปได้เชียว ! ”
  ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่อี้มู่ก็คลายอ้อมแขน เอียงตัวไปทางด้านข้าง ทำราวกับจะวิ่งหนี
  เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นท่าทางของอี้มู่ ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง “ อี้มู่นายจะทำอะไร ? นายจะกลัวเขาทำไม ? ฉันพาบอดี้การ์ดมาด้วย แค่พริบตาก็จัดการเขาได้แล้ว นายกลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้นะ ! ”
  อี้มู่ไม่ฟังคำสั่งของผู้หญิงคนนั้น เขาจับตาดูหยางโป ดูปฏิกิริยาของเขา
  หยางโปยิ้ม เขาเชยคางขึ้น และชี้ไปทางด้านนอก “ พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ ”
  อี้มู่มองหยางโปด้วยความระมัดระวังแล้วเดินออกไปข้างนอก แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับดึงเขาเอาไว้
  ” อี้มู่ นายต้องฟังฉัน ! ”