ตอนที่ 21 ในที่สุดก็ถึงวังทวีสูญ โดย Ink Stone_Fantasy
ผู้บำเพ็ญทั้งหลายซึ่งรวมตัวกันอยู่บนทุ่งอันเวิ้งว้างนอกวังบรรพชนทรายต่างก็สังเกตเห็นเงาร่างสองสายซึ่งยืนตระหง่านอยู่กลางฟากฟ้า
“รีบดูเร็วเข้า”
“กล้าบินเหินรอบวังบรรพชนทรายด้วยหรือนี่”
เมื่อผู้บำเพ็ญเหล่านี้เงยหน้ามองจอมมารและตงป๋อเสวี่ยอิง จอมมารก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพลันปลดปล่อยแรงกดดันอันไร้รูปร่างออกมา เหล่าผู้บำเพ็ญเบื้องล่างพลันลืมตาไม่ขึ้น รู้สึกเพียงว่ามองเห็นเงาร่างสายนั้น วิญญาณก็พลันได้รับแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่น จนต้องก้มหัวลงอย่างมิอาจควบคุมได้
ไม่ว่าจะเป็นเทพแท้หรือเทพอากาศ เพียงครู่เดียวก็ล้วนแต่ต้องก้มหัวลงกันถ้วนหน้า
แต่ภายในใจของพวกเขากลับตื่นตระหนกยิ่งกว่า
“พลังลึกล้ำเกินหยั่ง”
“บรรพชนทราย เป็นถึงขั้นอลวนในตำนาน ต่อให้เป็นศิษย์หรือผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขา ก็ยังต้องร่อนลงมาตั้งแต่ไกลโพ้น แล้วค่อยๆ เดินเท้าเข้ามาแต่โดยดี คนของวังบรรพชนทรายที่กล้าเข้ามากลางฟากฟ้าเหนือวังบรรพชนทราย…เกรงว่าคงจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นอลวน”
“ขั้นอลวนหรือ”
“นี่คือขั้นอลวนท่านหนึ่งหรือ”
บรรดาเทพแท้ที่พบเห็นอะไรมาน้อยต่างก็รู้สึกว่าเมื่อเงยหน้ามองนั้น วิญญาณก็ได้รับผลกระทบรุนแรงยิ่งนัก แต่ก็ยังคงอดพยายามเงยหน้ามองสักแวบหนึ่งมิได้ จากนั้นแรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นก็ทำให้พวกเขาต้องก้มหัวลงอย่างมิอาจควบคุมได้
“ขั้นอลวน ชาตินี้ข้าก็มีโอกาสได้พบกับขั้นอลวนคนหนึ่งด้วย” เทพแท้บางคนตื่นเต้นจนยากจะควบคุมเอาไว้ได้
ขั้นอลวน เป็นแกนนำในฟากหนึ่งของโลกทิพย์
มีจำนวนน้อยยิ่งนัก!
ต่อให้เป็นพวกที่สามารถมาถึงนอกวังบรรพชนทรายได้เหล่านี้ ท้ายที่สุดก็ยังต้องถูกคัดทิ้งไป มีเพียงร้อยคนเท่านั้นที่จะได้กลายเป็นศิษย์ของวังบรรพชนทราย! แต่ต่อให้ได้เป็นศิษย์ของวังบรรพชนทราย ก็ไม่แน่ว่าจะมีโอกาสได้พบ ‘บรรพชนทราย’ ผู้มีสถานะสูงสุดที่สุดในวังบรรพชนทราย
……
กลางฟากฟ้าเหนือวังบรรพชนทราย จอมมารยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเยียบเย็น ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ข้างหนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียงต่างๆ ด้านข้าง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็พูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ภายในโลกทิพย์ คิดจะเข้าร่วมขุมอำนาจสักฝ่ายหนึ่งต้องยากเข็ญถึงเพียงนี้เชียวหรือนี่”
“ผู้ที่สามารถยืนหยัดเป็นขุมอำนาจฝ่ายหนึ่งได้นั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นขุมอำนาจที่มีขั้นอลวนประจำอยู่” จอมมารพูดเสียงเรียบ “หากเป็นเทพอากาศทั่วไป หรือว่าขั้นรวมเป็นหนึ่ง…ไม่แน่ว่าสักวันอาจถูกสังหารตายก็เป็นได้ จึงมิอาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงโดยแท้จริง หากไม่แข็งแกร่งพอ ทรัพยากรไม่มากพอ ก็ไม่มีทางกลายเป็นขุมอำนาจของฝ่ายหนึ่งได้อย่างแท้จริง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
“ดังเช่นโลกทิพย์กิเลนบูรพา ขุมอำนาจที่มีเทพจักรวาลอยู่ได้แก่องค์บรรพชนกู่ ราชันย์มีดและบรรพชนห้วงอากาศ พวกเขาทั้งสามล้วนมีขุมอำนาจอยู่ในมือ” จอมมารกล่าว “แต่บรรพชนห้วงอากาศยินดีที่จะปกป้องสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศและผู้ท่องอากาศซึ่งได้รับการถ่ายทอดของเขาจำนวนเพียงน้อยนิดเท่านั้น! ดังนั้นผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนในโลกทิพย์ที่อยากเข้าร่วมสำนักของบรรพชนห้วงอากาศก็ได้แต่ฝันไปเท่านั้น”
“เจ้าเมืองหลัวค่อนข้างไม่ธรรมดา แม้พลังจะไม่แพ้เทพจักรวาล แต่กลับไม่รับศิษย์เลย” จอมมารกล่าว
“ดังนั้น…”
“ภายในโลกทิพย์กิเลนบูรพา ผู้ที่รับศิษย์จริงๆ ก็มีแค่ราชันย์มีด องค์บรรพชนกู่และขั้นอลวนไม่กี่สิบท่านเท่านั้น” จอมมารเอ่ย “อีกทั้งแต่ละฝ่ายก็รับศิษย์เป็นจำนวนค่อนข้างน้อย เมื่อเทียบกับความกว้างใหญ่ของโลกทิพย์แล้ว ผู้ที่สามารถเข้าร่วมกับพวกเขาได้อย่างแท้จริงนั้น ก็มีน้อยเสียจนน่าสงสาร”
“ไยจึงไม่รับให้มากหน่อยเล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม “หากขุมอำนาจฝ่ายต่างๆ รับศิษย์ให้มากหน่อย ขุมอำนาจก็จะแข็งแกร่งขึ้น แล้วเป็นประโยชน์ต่อผู้บำเพ็ญจำนวนนับไม่ถ้วนในโลกทิพย์เป็นอันมาก”
จอมมารมองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง “อ่อนต่อโลกนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง
“พวกเขาจะไปสวามิภักดิ์ต่อขุมอำนาจฝ่ายหนึ่งเพื่ออะไรกัน เคล็ดการบำเพ็ญต่างๆ ก็เผยแพร่ออกไปตั้งนานแล้ว เหตุใดพวกเขาจึงต้องเข้าร่วมขุมอำนาจใหญ่ด้วยน่ะหรือ” จอมมารกล่าว “ก็เพื่ออย่างไรเล่า!”
“ทรัพยากรหรือขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงคล้ายกำลังครุ่นคิด
“อย่างระบบลัทธิจอมมารดานั้น ทุกครั้งที่ยกระดับก็ล้วนต้องการวัตถุภายนอกทั้งสิ้น หรืออย่างระบบการบำเพ็ญสายเลือด ก็ต้องการวัตถุภายนอกมาช่วยส่งเสริมเช่นกัน! เหล่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ต้องใช้วัตถุภายนอกมาช่วยด้านร่างกายด้วยเช่นเดียวกัน” จอมมารกล่าว “ต่อให้เป็นระบบ ‘ทิพย์’ และ ‘ความเร้นลับของกฎเกณฑ์’ ซึ่งให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญเป็นที่สุดก็ตามที ทิพย์ต้องค้นคว้าหมื่นสรรพสิ่งพวกเขาต้องการคัมภีร์จำนวนมากที่ผู้อาวุโสค้นคว้าหมื่นสรรพสิ่งเอาไว้มาช่วยเหลือ ทั้งยังต้องการสิ่งล้ำค่าและวัสดุนานาชนิดมาส่งเสริม… อย่างระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ก็บรรลุได้ยากมาก ก็ต้องการคัมภีร์ที่ผู้อาวุโสบันทึกเอาไว้เป็นจำนวนมาก ยิ่งเข้าใจความเร้นลับของกฎเกณฑ์มากเท่าไหร่ เมื่อบำเพ็ญจึงจะสบายขึ้นเท่านั้น”
“นอกจากนี้ ระบบทิพย์และระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ซึ่งเน้นด้านการรับรู้นั้น วัตถุภายนอกก็สามารถช่วยเหลือได้ หากไม่อาศัยวัตถุภายนอก ตลอดชีวิตก็อาจเป็นได้เพียงขั้นรวมเป็นหนึ่งเท่านั้น ส่วนผู้ที่มีสมบัติล้ำค่าช่วยในการบำเพ็ญ อาจจะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นอลวนได้” จอมมารมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “และนี่ยังเป็นระบบที่เน้นด้านการรับรู้ด้วย หากเป็นระบบอื่นๆ ถ้าไม่มีทรัพยากรนั้นก็มิอาจยกระดับได้เลย”
“หากบุกฝ่าในโลกทิพย์เพียงลำพัง จะได้รับทรัพยากรสักเท่าใดกันเชียว”
“หากสวามิภักดิ์เข้าไปอยู่ในขุมอำนาจใหญ่สักแห่ง ขุมอำนาจใหญ่ก็ย่อมต้องช่วยเหลือสิษย์ในสำนักเป็นธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องได้รับทรัพยากรพื้นฐานที่สุด” จอมมารกล่าว “เนื่องจากต้องทุ่มเททรัพยากรให้ศิษย์ ดังนั้นขุมอำนาจใหญ่ใดๆ ก็ตามจึงรับศิษย์ได้อย่างจำกัด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ถูกต้อง
ทรัพยากร! เพื่อจิ้งชิวและอวี้เอ๋อร์ตนก็กำลังคิดหาวิธีพยายามให้ได้วัตถุล้ำค่าที่มีส่วนช่วยในการบำเพ็ญมาเช่นเดียวกัน!
“นอกจากนี้การรับศิษย์ก็ยังต้องรอบคอบมากด้วย” จอมมารเหลือบมองลงไปข้างล่างแวบหนึ่ง “โลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นมิได้สงบเลย! ขุมอำนาจใหญ่ต่างๆ ลอบช่วงชิงกัน เทพจักรวาลก็อาจจะตกอับได้! การส่งสายลับแทรกซึมเข้าไปในขุมอำนาจที่เป็นปฏิปักษ์นั้นเป็นเรื่องที่เห็นกันเป็นประจำ ดังนั้นการรับศิษย์จึงต้องระวังเสียยิ่งกว่าระวัง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้ง
“เจ้าน่ะยังดี เจ้ามาจากจักรวาลบ้านเกิดของเรา ทั้งยังผ่านการทดสอบของสถานที่แรกเริ่ม จนสำเร็จเป็นศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญของพวกเรา” จอมมารกล่าว “ผู้บำเพ็ญในโลกทิพย์ไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ล้วนต้องอิจฉาเจ้า แน่นอนว่าผู้ที่เดินออกมาจากจักรวาลอย่างพวกเรา ภายในจักรวาลนั้นขาดแคลนเคล็ดวิชาต่างๆ เป็นอันมาก ความยากในการบำเพ็ญก็มากกว่า ทารกในโลกทิพย์ล้วนแต่เป็นเหนือธรรมดาทั้งสิ้น เมื่อเจริญวัยก็กลายเป็นเทพ เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาก็บำเพ็ญได้สบายกว่า วิชาต่างๆ ก็มีมากมายจนนับไม่หวาดไม่ไหว ต่อให้การแย่งชิงทรัพยากรดุเดือดเป็นอย่างยิ่งก็ตามที แน่นอนว่าศาสตร์ลับระดับยอดสุดนั้น มิได้แพร่ออกไปภายนอกกันง่ายๆ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าด้วยความเข้าใจแจ่มแจ้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า จอมมาร ก่อนหน้านี้ท่านเพิ่งจากพวกเราไปไม่นานเท่าไหร่ก็มาใหม่อีกแล้วหรือ” เสียงแจ่มใสเสียงหนึ่งดังก้องขึ้น เงาร่างอ้วนท้วนสายหนึ่งบินเข้ามาจากที่ไกลๆ เขามีหกแขน ผิวหนังสีเขียว และยิ้มจนตาหยี
“จัดการธุระเสร็จหมดแล้วก็ย่อมต้องกลับไปเป็นธรรมดา ต้องรบกวนบรรพชนทรายส่งข้ากลับโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราแล้ว” จอมมารกล่าว
“ได้ๆๆ ข้าต้องยินดีอยู่แล้ว ครั้งนี้เจ้ามาก็เพื่อเจ้าหนุ่มคนนี้น่ะหรือ” บรรพชนทรายผู้มีร่างอ้วนท้วนมองตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง
“ศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญของข้าน่ะ” จอมมารพยักหน้า
“เจ้าพาผู้ปกครองเทพแท้ไปด้วยอีกคนหนึ่ง ข้าจะไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่มก็แล้วกัน” บรรพชนทรายพูดยิ้มๆ “เจ้าคงจะรู้กฎดี อย่าพกสิ่งมีชีวิตไว้ในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์มากจนเกินไป หากเกินกว่าขีดจำกัดที่ข้ากำหนดไว้ การส่งถ่ายก็อาจจะล้มเหลวได้นะ”
“ข้ารู้ ที่เพิ่มจากตอนมาก็แค่เขาคนเดียวเท่านั้น” จอมมารพยักหน้า
“ดี ตามกฎเดิมนะ ศิลาปฐมโลกาสิบห้าก้อน” บรรพชนทรายพูดยิ้มๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็ลอบอ้าปากค้าง
ช่างโหดร้ายเสียจริง!
การส่งถ่ายไปกลับครั้งหนึ่งก็ต้องใช้ศิลาปฐมโลกาถึงสามสิบก้อนแล้ว ตามที่ตนรู้มา เรือบินอลวนธรรมดาลำหนึ่งก็แค่ราวศิลาปฐมโลกาห้าสิบก้อนเท่านั้น ทว่าจอมมารเข่นฆ่าตามอำเภอใจและเก็บรวบรวมสมบัติล้ำค่าไปไม่น้อยในดินแดนสองร้อยกว่าแห่ง ครั้งนี้ต้องได้กำไรอย่างแน่นอน
“รีบเข้าเถิด” จอมมารโบกมือคราหนึ่ง ทันใดนั้นศิลาซึ่งเปล่งแสงสีอันพิสดารที่อยู่กระจัดกระจายกันก็ลอยไป ศิลาเหล่านั้นแค่มองดูก็มีพละกำลังที่ทำให้คนใจสั่นได้แล้ว วิญญาณก็สั่นสะท้านไปหมด มีแรงผลักดันอันแรงกล้าที่ปรารถนาจะกลืนกินลงไปอยู่
ศิลาปฐมโลกา…
เมื่อโลกทิพย์โบราณเริ่มแรกสุดระเบิดออกนั้น พลังต้นกำเนิดกระจัดกระจายไปทั่วทิศ บ้างก็แปรเป็นศิลาปฐมโลกา ว่ากันว่ามีความสำคัญต่อเทพจักรวาลเป็นอย่างมาก
“ตามข้ามา” บรรพชนทรายหัวเราะฮิฮิด้วยความกระตือรือร้นเป็นอันมาก ธุรกิจส่งถ่ายเช่นเขามีไว้เพื่อผู้แกร่งกล้าเหล่านี้โดยเฉพาะ ผู้ที่อ่อนแอกว่านี้บ้างก็ไม่มีปัญญาหาศิลาปฐมโลกามาได้มากถึงเพียงนี้ หรือหากหามาได้ ก็ทำใจไม่ได้!
……
บรรพชนทรายพาตงป๋อเสวี่ยอิงและจอมมารมาถึงในโถงตำหนักอันกว้างขวางแห่งหนึ่ง ซึ่งมีค่ายกลแห่งหนึ่งอยู่ตรงกลาง
จอมมารพาตงป๋อเสวี่ยอิงก้าวเข้าไปภายในค่ายกลด้วยความคุ้นเคยนัก
“วิ้ง” นัยน์ตาทั้งสองของบรรพชนทรายพลันมีลำแสงพุ่งออกมาสองสายก่อนจะปกคลุมทั่วบริเวณของค่ายกล อานุภาพพิเศษระลอกหนึ่งปกคลุมที่นี่
ตงป๋อเสวี่ยอิงกลั้นหายใจ
บรรพชนทรายนั้นจัดอยู่ในระบบ ‘ศาสตร์โบราณ’
ศาสตร์โบราณหมายถึงระบบการบำเพ็ญในระยะแรกสุดของโลกทิพย์โบราณยุคเริ่มแรก ‘ระบบศาสตร์โบราณ’ นั้นมีทั้งที่พลังแข็งแกร่งและอ่อนแอ วิธีการที่เชี่ยวชาญก็มีต่างกันไปเป็นร้อยเป็นพันอย่าง! บ้างก็สามารถตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นไกลออกไปได้อย่างง่ายดาย บ้างก็สามารถทะลุผ่านโลกทิพย์ที่แตกต่างกันไปได้อย่างง่ายดาย บ้างก็ถึงขั้นสามารถ ‘ทำนาย’ ได้ ทั้งยังมีความแม่นยำกว่าแปดส่วนอีกด้วย!
โดยสรุปแล้ว ความสามารถร้อยแปดพันประการ ล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากศาสตร์โบราณทั้งสิ้น
อย่าง ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ผู้ครอบครอง ‘โลกทิพย์โบราณ’ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้นั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบศาสตร์โบราณเช่นกัน
“วิ้ง!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นแล้ว มองเห็นมิติรอบด้านบิดเบี้ยวแล้วยุบตัวลง มิติอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลลิบหาใดเปรียบก็กำลังยุบตัวลงเช่นกัน ทั้งสองเริ่มเชื่อมต่อกัน ก่อให้เกิดเป็นระเบียงอากาศที่สั้นยิ่งนักแห่งหนึ่งขึ้นมา
พละกำลังอันไร้รูปร่างโอบล้อมจอมมารและตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปในระเบียงอากาศ แม้มิติรอบด้านจะบีบอัดและฉีกทึ้งบ้างเป็นครั้งคราว แต่แทบจะในชั่วพริบตาเดียว ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนแปลงไป
“ตู้มมม… ” มิติรอบด้านกลับคืนสู่สภาพปกติ
จอมมารและตงป๋อเสวี่ยอิงต่างก็ปรากฏกายขึ้นกลางฟากฟ้า
จอมมารกวาดตามองรอบด้านแวบหนึ่งก่อนจะแค่นเสียงเฮอะคราหนึ่ง “ส่งถ่ายคลาดเคลื่อนไปหน่อย ยังต้องเดินทางต่อไปอีก”
เนื่องจากระยะทางไกลเกินไป
การส่งถ่ายจึงไม่มีทางแม่นยำอย่างแน่นอนได้
“แคว่กกก…” ทางเชื่อมน้ำวนกาลมิติถูกแหวกขึ้นมา จอมมารพาตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปในนั้น ครั้งนี้เร็วนัก เพียงครึ่งวันก็ออกจากน้ำวนกาลมิติ รอบด้านยังคงเป็นท้องฟ้า
จอมมารพาตงป๋อเสวี่ยอิงบินเหินต่อไป ทันใดนั้นก็ปะทะเข้ากับอะไรบางอย่าง อากาศรอบด้านมีระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างปรากฏขึ้น พวกเขาทั้งสองทะลุผ่านอากาศแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกเพียงว่าภาพตรงหน้าแปรเปลี่ยนไป เขารู้ว่าได้เข้าสู่มิติพิเศษแห่งหนึ่งแล้ว
ไกลออกไปมียอดเขาสูงตระหง่านมากมายลอยคว้างอยู่ ยอดเขาเหล่านี้มีคูหาและราชวัง ณ ศูนย์กลางซึ่งมียอดเขาจำนวนมากรายล้อมอยู่นั้น คือแผ่นดินอันกว้างใหญ่ที่ล่องลอยอยู่! เหนือแผ่นดินแห่งนี้มีหมู่วังที่ทอดยาวต่อเนื่องกัน ตรงใจกลางคือวังอันโดดเด่นสะดุดตาหาใดเปรียบแห่งหนึ่ง
วังอันสูงตระหง่าน แสงเรืองรองแผ่คลุมไปทั่วทุกบริเวณของมิติ
“วังทวีสูญ ข้ามาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ รอยยิ้มระบายไปทั่วใบหน้า
ไกลออกไปยังมีผู้บำเพ็ญโบยบินอยู่ พวกเขาล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของวังทวีสูญ บางคนในหมู่พวกเขาหันมามอง ก็เห็น ‘จอมมาร’ ซึ่งเป็นประมุขวังลงทัณฑ์ ทำเอาพวกเขาไม่กล้ามองอีกต่อไป ทว่าพวกเขาก็ลอบร่ำร้องในใจ “ข้างกายประมุขวังลงทัณฑ์เหมือนจะมีผู้ปกครองเทพแท้อยู่อีกคนหนึ่ง คือผู้ใดกัน ก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็นเลยนี่นา”
…………………………….