มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 478
“คุณบอกว่าตนเองเป็นเจ้าสำนักไท่เสวียน หรือว่าได้ก่อตั้งสำนักของตนเองแล้วงั้นหรือ?” เจ้าสำนักฉางเหอมองหลัวซิว แล้วก็พูดด้วยสีหน้าแปลกใจ “แล้วหัวคนในมือของคุณ หรือว่าจะเป็น……….”

หลัวซิวยิ้มพยักหน้า “ผมได้ก่อตั้งสำนักแล้วครับ อีกไม่นานก็จะเปิดอย่างเต็มตัว พอถึงตอนนั้นก็ขอเชิญเจ้าสำนักฉางเหอมาร่วมพิธีเปิดด้วยครับ”

พูดไป แล้วหลัวซิวก็โยนหัวนั้นออกไป “หัวคนหัวนี้ก็เหมือนกับที่เจ้าสำนักฉางเหอคิดเลยครับ เป็นหัวของอาจารย์ตำหนักจื่อ!”

เจ้าสำนักฉางเหอได้ยินดังนั้น ก็กระตุกสีหน้าทันที “จริงหรือนี่?”

“จริงแท้แน่นอนครับ” หลัวซิวยิ้ม แล้วก็เล่าเรื่องหลังจากที่ตนเองกลับมาอย่างคร่าวๆ

พอได้ยินว่าหลัวซิวเชิญมกุฎยุทธ์มาสองคน ถึงจะสามารถฆ่าอาจารย์ตำหนักจื่อได้ แถมยังไปก่อความวุ่นวายในสำนักเสวียนหยางด้วย เรื่องแบบนี้สำหรับเจ้าสำนักฉางเหอแล้วนั้น ก็เหมือนกับเป็นเรื่องเล่าที่น่าอัศจรรย์มากเลยทีเดียว

ถ้าไม่มีหัวคนที่นองเลือดหัวนี้มาด้วย เขาก็อาจจะสงสัยได้ว่าหลัวซิวคนนี้จะมาล้อเล่นกับตนเองหรือเปล่า

หายใจเข้าเฮือกใหญ่ เจ้าสำนักฉางเหอเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ แล้วก็จ้องมองไปที่หลัวซิว “เจ้าสำนักหลัวมาครั้งนี้ น่าจะไม่ใช่มาเพื่อส่งมอบหัวของอาจารย์ตำหนักจื่อหรอกนะ?”

เขาไม่ได้เชิญหลัวซิวเข้าไปในยอดเขาเทียนเหอ เพราะว่าอาจารย์ได้กำชับไว้แล้ว หลังจากที่ค่ายพิทักษ์เขาถูกเปิดขึ้น ใครก็ห้ามเข้าออก

ยิ่งกว่านั้น สำหรับทั้งหมดที่หลัวซิวพูดมา เจ้าสำนักฉางเหอก็ยังคงมีความสงสัยอยู่ บางทีหัวของอาจารย์ตำหนักจื่อนี้อาจจะเป็นของปลอม หลัวซิวอาจจะมีจุดประสงค์อื่น

ในใจของเจ้าสำนักฉางเหอคิดอย่างไร หลัวซิวขี้เกียจจะไปคาดเดา ก็เลยพูดไปว่า “ที่ผมมาครั้งนี้ เรื่องแรกเลยก็คือ จะมาบอกข่าวเรื่องหนึ่งให้กับสำนักฉางเหอของพวกคุณ”

“ข่าวอะไร?” เจ้าสำนักฉางเหอขมวดคิ้ว

“หลี่เสวียนหยางเชิญมกุฎยุทธ์มาสองคน หนึ่งในนั้นชื่อว่า ซุนเชียนซาง อีกคนมาจากอาณาจักรตะวันตก ชื่อว่า ป๋ายหลี่หยวนหลง และป๋ายหลี่หยวนหลงคนนี้ เป็นปรมาจารย์ค่ายกลขั้น7!”

“จากข่าวกรองที่ผมได้รับมา ป๋ายหลี่หยวนหลงได้มาถึงอาณาจักรใต้แล้ว หลังจากนี้ไม่นานก็จะรวมตัวกับหลี่เสวียนหยางและซุนเชียนซาง สำนักฉางเหอก็จะต้องเผชิญกับภัยร้าย!”

“อะไรนะ?”

พอได้ยินข่าวนี้ เจ้าสำนักฉางเหอก็สีหน้าเปลี่ยนไปทันที

แต่ไม่นานก็ตอบสนองกลับมาได้ แล้วจ้องมองหลัวซิว พร้อมพูดเสียงขรึมว่า “ที่เจ้าสำนักหลัวเป็นความจริงใช่ไหม? แล้วคุณไปรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?”

หลัวซิวก็รู้ว่าเจ้าสำนักฉางเหอระแวงตนเอง ก็เลยอธิบายไปว่า “ผมพอมีอำนาจในองค์กรนักล่ายุทธ์บ้าง อยากรู้เรื่องอะไร ก็ไม่ยาก”

จากนั้นหลัวซิวก็พูดอีกว่า “เรื่องแรกก็ได้พูดจบแล้ว จากนี้ก็จะเป็นเรื่องที่สอง ที่ผมมาในครั้งนี้ ก็มาเพื่อช่วยเหลือสำนักฉางเหอของพวกคุณ”

ขณะพูด หลัวซิวก็พลิกมือหยิบขวดหยกใบหนึ่งออกมา แล้วโยนไปตรงหน้าของเจ้าสำนักฉางเหอ

เจ้าสำนักฉางเหอยื่นมือมารับไว้ แล้วมองหลัวซิวด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าต้องการอะไรกันแน่

หลัวซิวก็ไม่ได้อธิบายอะไรมาก แค่พูดไปช้าๆ ว่า “ในนั้นมียารักษาอาการบาดเจ็บ ขอเพียงอาจารย์ของพวกคุณคนนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บถึงจุดตันเถียนหรือแก่นเทพจิต น่าจะสามารถทำให้อาจารย์มกุฎยุทธ์ของพวกคุณหายจากการบาดเจ็บได้ในไม่ช้า”

ได้ยินดังนั้น เจ้าสำนักฉางเหอก็ผงะ อาจารย์เป็นถึงผู้แข็งแกร่งมกุฎยุทธ์ ยาที่สามารถทำให้เขาฟื้นตัวจากการบาดเจ็บได้ หรือว่านี่จะเป็นยารักษาตัวระดับ7? หลัวซิวคนนี้ไปได้มาอย่างไร? หรือว่าจะเป็นเหมือนข่าวลือ ว่าเบื้องหลังของเขามีอาจารย์ลึกลับคนหนึ่ง หรือว่าจะเป็นปรมาจารย์กลั่นยา

แต่ไม่ทันให้เจ้าสำนักฉางเหอได้เอ่ยปากถาม พอหลัวซิวพูดจบก็หันหลังกลับไป ไม่นานเงาของเขาก็หายไป

สำหรับหลัวซิวแล้ว คงจะไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็จะไปช่วยสำนักฉางเหอ แต่ขอเพียงอาจารย์สำนักฉางเหอฟื้นพลังและผลการฝึกตนกลับมาได้ บุญคุณจากยาวาตะทองน้้ำค้างหยกระดับ7 ก็ไม่ใช่จะชดใช้กันได้ง่ายๆ หรอก

“อาศัยพลังของตัวเราเอง ในเวลาอันสั้นคิดจะรับมือกับหลี่เสวียนหยางก็ค่อนข้างกินแรง แต่ขอเพียงสำนักฉางเหอผ่านเคราะห์ภัยครั้งนี้ไปได้ สำนักไท่เสวียนก็จะถือว่ามีพันธมิตรอยู่ในแผ่นดินนี้แล้ว” มุมปากของหลัวซิวเผยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม