ใจของเสวียนจงรู้ดี ถ้าหากหยางโปสามารถใช้โอกาสนี้สนับสนุนเขาได้ เขาจะตอบตกลงที่จะอยู่ต่อ แต่ถ้าหากหยางโปไม่เต็มใจที่จะสนับสนุนเขา เขาก็จะจากไป
แน่นอนว่าหยางโปเข้าใจความหมายพวกนี้ของอีกฝ่ายดี แต่เขากลับไม่ยอมที่จะแบกภาระนี้ไว้ เดิมทีเขาก็ไม่เต็มใจที่จะรับช่วงต่อของเหลียงหรูซิงที่เหลือไว้อยู่แล้ว สำหรับเขาแล้ว สิ่งของพวกนี้ล้วนแล้วแต่จะสร้างความยุ่งยาก ทำให้เขาต้องเสี่ยงเป็นอย่างมาก อิทธิพลยิ่งมากก็ยิ่งสร้างความกดดันแก่อีกฝ่ายมากขึ้น !
หยางโปอดที่จะเงียบไม่ได้ เขาจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียและจำเป็นต้องพิจารณา
ถ้าช่วยเสวียนจงเรื่องนี้จะเหมาะสมไหม ?
“ ศิษย์พี่หยาง เหลียงหรูซิงทิ้งสิ่งของที่มีประโยชน์ไว้อยู่จริงๆ เอางี้ไหม เดี๋ยวผมจะพาคุณไปดูสมบัติพวกนั้นของเขา ? ” เมื่อเสวียนจงเห็นหยางโปเกิดอาการลังเลใจ จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากแนะนำอย่างกล้าหาญ เขาอยากจะรับช่วงต่อ แต่ไม่มีกำลังเพียงพอ ที่พึ่งพาได้เพียงหนึ่งเดียวคือ
หยางโป เขาต้องกลายเป็นคนที่รับผลประโยชน์แทนหยางโป นี่คือเป้าหมายของเขา
หยางโปหันไปมองทางเสวียนจง “ เขามีคฤหาสน์อยู่สองหลังไม่ใช่หรือไง ? ยังมีอะไรอีก ? ”
“ ยังไงซะเขาก็เป็นผู้นำของพันธมิตรผู้ฝึกฝนสันโดษทางภาคเหนือ และมีอิทธิพลมากในเมืองหลวง มีธุรกิจบางอย่างที่ถูกคนอื่นแย่งไป ธุรกิจที่เหลืออยู่ตอนนี้ ผมได้จัดระเบียบที่เหลือใหม่แล้ว
ยังมีบ่อนคาสิโนที่หนึ่ง ไนต์คลับสามที่ โรงน้ำชาอีกสองที่ โรงภาพยนตร์สิบที่ ยังมีอาคารสำนักงานบนถนนวงแหวนรอบที่สามอีกตึก รายละเอียดเฉพาะเจาะจงผมก็ระบุได้ไม่ชัด คุณตามผมไปดูก็จะรู้เอง ” เสวียนจงกล่าว
หยางโปตกตะลึงไปครู่หนึ่ง “ บ่อนคาสิโน ? ทำไมเขายังคงทำงานนี้ ? ”
หยางโปมีกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานของตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ อย่างเช่นเรื่อง บ่อนคาสิโนและซ่องโสเภณี เขาจะไม่ยอมรับช่วงต่ออย่างแน่นอน
เสวียนจงรีบอธิบาย “ มันเป็นเพียงสถานที่พนันเล็กๆ ค่อนข้างจะปกปิด ปกติก็ไม่เปิด
จะเปิดก็ต่อเมื่อตี้จิงจัดงานแสดงสินค้าทุกปีและใช้เพื่อการพักผ่อน ”
หยางโปยังคงขมวดคิ้วและพูดอย่างเคร่งขรึม “ ถ้าเป็นแบบนี้จะเรียกว่าบ่อนคาสิโนได้ไง เวลาแบบนี้คุณยังไม่พูดความจริงอีก ! ”
เสวียนจงตกใจทันที เขาพูดขัดขึ้นอย่างรวดเร็ว ” ศิษย์พี่หยาง บ่อนคาสิโนนั้นเปิดสามโต๊ะต่อวัน รับเฉพาะลูกค้าฝีมือเท่านั้น ”
“ ปริมาณเงินในการพนันมากไหม ? ” หยางโปถาม
เสวียนจงตกตะลึงไปครู่หนึ่งและรีบพยักหน้าให้ “ มันค่อนข้างใหญ่ ทุกครั้งที่เดิมพันจะเริ่มต้นที่หลักล้าน ไม่มีขีดจำกัด ”
หยางโปนั่งอยู่ที่นั่งหลัก ส่ายหน้าพลางตอบ “ ปิดไปซะ ! ”
“ ศิษย์พี่หยาง สถานที่นั้นลึกลับมากจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโรงแรมอยู่ด้านนอก ไม่มีใครสามารถหามันเจอได้ บ่อนคาสิโนนั้นมียอดรายได้ปีละหลายสิบล้าน ! ” เสวียนจงกล่าวต่อ
หยางโปเพ่งมองเสวียนจง เดิมทีเขาอยากจะรั้งไว้ แต่เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ จู่ๆก็ไม่มีความคิดนี้ ในเมื่อเขาได้ตัดสินใจแล้ว อีกฝ่ายยังพยายามห้ามปรามเขาครั้งแล้วครั้งเล่า สถานที่พวกนี้ล้วนมีคนดีคนเลวปะปนอยู่ด้วยกัน ถ้าเกิดเขารับช่วงต่อ หรือให้ เสวียนจงยืมจริงๆ อนาคตเสวียนจงจะปฏิบัติตามกฎที่เขากำหนดไว้อย่างเคร่งครัดไหม ?
หยางโปโบกมือห้ามไม่ให้เสวียนจงพูด ชกถ้วยชาขึ้นและไม่พูดอะไรอีก
เมื่อเสวียนจงเห็นท่าทีของหยางโป ก็ตกใจขึ้นมาทันที และทันใดนั้นก็รู้ว่าเมื่อสักครู่ตัวเองพูดผิดไป เมื่อสักครู่หยางโปเพิ่งถามรายละเอียดเขา เห็นได้ชัดว่าความหมายคือกำลังพิจารณาว่าเขาควรจะรับช่วงต่อดีไหม แต่ท่าทีที่แสดงออกของเขาทำให้หยางโปผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด !
“ ศิษย์พี่หยาง คุณให้โอกาสผมอีกครั้งนะ ! ” เสวียนจงรีบขอร้อง
แต่เวลานี้มันสายเกินไปที่จะแก้ไข หยางโปยกถ้วยชาขึ้นดื่ม และไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไร
ในห้องรับแขกมีเพียงเสียงคำวิงวอนของเสวียนจงเท่านั้น
ลัวย่าวหัวบังเอิญมาที่นี่พอดี เมื่อเขาเจอเสวียนจงอยู่ที่นี่ ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ จึงถือโอกาสกวักมือเรียก ” เหล่าเสวียน ผมมีธุระจะไปหาคุณพอดีเลย คุณช่วยจัดห้องเลี้ยงน้ำชาให้ผมสักห้องนะ
จะใช้คืนนี้ ” novel-lucky
เสวียนจงชำเลืองมองลัวย่าวหัว จากนั้นก็หันไปมองหน้าหยางโปอีกครั้ง ” ลัวเต้าโหย่ว ผมอาจต้องไปแล้ว ผมจะไปหยูหาง ”
ลัวย่าวหัวค่อนข้างแปลกใจ ” ไปแล้ว ? คุณจะกลับไปเป็นประธานสมาคมจียงหนานของคุณงั้นเหรอ ? อยู่ที่ตี้จิงดีกว่า ที่นี่มีอนาคตกว่า ทำไมคุณถึงอยากจากไปละ ? ”
เสวียนจงหันกลับมา เห็นหยางโปไม่พูดอะไร เขาก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังพูดว่า ” เรื่องราวที่นี่ซับซ้อนเกินไป ผมรู้สึกรับมือไม่ค่อยได้ ดังนั้น… ดังนั้นตอนนี้จึงมาขอลาออกกับศิษย์พี่หยาง ”
หยางโปที่นั่งอยู่ด้านข้าง กลับไม่เอ่ยปากพูดอะไร
ลัวย่าวหัวมองดูทั้งสองคน ก็เข้าใจทันทีหยางโปน่าจะรู้สึกรำคาญและไม่ยอมที่จะรับช่วงต่อกับเรื่องนี้ เขาจึงถามต่อไปว่า ” มีธุรกิจอะไรบ้าง ? ”
เสวียนจงจึงรีบพูดซ้ำอีกรอบ
ลัวย่าวหัวเหลือบมองหยางโปอีกครั้ง ครุ่นคิดเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า ” ปิดบ่อนคาสิโนซะ ”
เสวียนจงรีบพูดขัดขึ้นทันที ” เมื่อสักครู่ศิษย์พี่หยางก็หมายความแบบนี้ แต่ผมคิดผิด ยืนกรานที่จะเปิดต่อ ”
ลัวย่าวหัวเป็นคนฉลาด เขาเข้าใจทั้งหมดทันที เขารู้ว่าหยางโปหลีกเลี่ยงเรื่องนี้มาก เขาทำธุรกิจไม่ยอมปนเปื้อนกับการพนัน และยาเสพติด ธุรกิจพวกนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่มีโอกาสมากที่จะปนเปื้อนกับสิ่งเหล่านี้ เสวียนจงมีท่าทีที่ไม่แน่วแน่ หยางโปจึงไม่อยากเข้าไปรับช่วงต่อ !
“ เหล่าเสวียน ผมไม่ได้ว่าให้คุณนะ เรื่องนี้เดิมคุณนั่นแหละที่ไม่ถูก คุณควรเข้าใจว่ามีบางสิ่งที่ไม่สามารถแตะต้องได้ ในเมื่อหยางโปปฏิเสธอย่างชัดเจนแล้ว คุณยังจะยืนกรานเพื่ออะไร ? ”
ลัวย่าวหัวกล่าว
เสวียนจงหน้าอมทุกข์ทันที ” ผมหลงผิดไปแล้วจริงๆ คิดแค่อยากหาเงิน ”
ลัวย่าวหัวยิ้ม เขาเงยหน้าขึ้นมองหยางโป ” นายนี่มัน ทนกับสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลและไม่ยุติธรรมไม่ได้เลยนะ ฉันคิดว่าเหล่าเสวียนมีความสามารถมาก ถ้าสนับสนุนเขาเรื่องนี้จริงๆ เขาต้องทำได้ดีแน่นอน ”
หยางโปหันไปมองลัวย่าวหัว ” ฉันคิดว่าธุรกิจพวกนี้ ให้นายจัดการจะดีที่สุด ”
“ ทำไมลากฉันไปเกี่ยวข้องด้วยอีกแล้วละ ? ” ลัวย่าวหัวถาม
“ นายคิดว่ามันไม่เลวหรือไง ไม่ให้นายทำแล้วจะให้ใครทำ ? ” หยางโปพูด
ลัวย่าวหัวครุ่นคิดอย่างจริงจัง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วพูดว่า ” ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น ! “ “ ถ้านายยินดีที่จะรับช่วงต่อ ฉันก็จะสนับสนุนนาย ! ” หยางโปพูดอย่างตรงไปตรงมา เขาไม่ยอมเชื่อใจเสวียนจง แต่เขาเชื่อใจลัวย่าวหัว เขารู้สึกว่า อย่างน้อยลัวย่าวหัวคงไม่มาเล่นลูกไม้กับเรื่องนี้
ลัวย่าวหัวค่อนข้างจะลังเลใจ แต่ในที่สุดก็พยักหน้าและพูดว่า ” ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้ว
นะ ! ” เมื่อเห็นลัวย่าวหัวยอมรับช่วงต่อ เสวียนจงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เห็นได้ชัดว่า
ไม่ว่าลัวย่าวหัวหรือหยางโปจะเข้ามารับช่วงต่อมันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างกันมากนัก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาก็มาดูแลเรื่องราวมากมายพวกนี้เองไม่ได้ ยังไงก็ต้องให้เขามาจัดการอยู่ดี !
แต่เสวียนจง ก็ยังคงรู้สึกเสียใจเพราะเขาคิดที่จะหาเงินจากหยางโป ไหนเลยจะคาดคิดว่า การที่เขาโอ้อวดแสดงความชาญฉลาดออกมา สุดท้ายกลับกลายเป็นการแสดงความโง่เขลาออกมาแทน กลัวว่าต่อไปจะไม่ง่ายมากนัก
“ ในเมื่อรับช่วงต่อแล้ว ถ้างั้นพวกเราก็ไปดูด้วยกันเลยสิ ” ลัวย่าวหัวเอ่ยปากชวน
หยางโปพยักหน้าตอบตกลง อันที่จริงเขาก็อยากเห็นที่ตั้งของธุรกิจพวกนี้
เสวียนจงรีบเดินออกไปเปิดประตูรถให้พวกเขา หยางโปเหลือบมองเสวียนจงและเอ่ยขึ้นว่า
” เสวียนจง คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ จะดีจะเลวคุณก็เป็นประธานคนหนึ่ง ต่อไปในอนาคตคุณแค่ตั้งใจฝึกฝน รอคุณฝึกฝนสำเร็จแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ”
เสวียนจงรีบพยักหน้าให้ “ ผมรู้แล้ว ”
หยางโปมองหน้าเสวียนจง ส่ายหน้าช้าๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขารู้จริงไหม