บทที่ 859 : ช่วยชีวิตคน!
  เวิ่นเสี่ยวหยาช่างน่าสงสารนัก..เธอไม่รู้ว่าสาวงามทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่ติดตามหลิงหยุนมาตั้งแต่แรก หากเธอรู้ว่าสาวงามทั้งหมดนี้เป็นผู้หญิงของหลิงหยุน เธอคงจะไม่กล้าเข้ามายั่วยวนหลิงหยุนอย่างเปิดเผยเช่นนี้!
  ระหว่างที่ยืนอยู่บนเวทีนั้นเวิ่นเสี่ยวหยาเองก็แอบกังวลใจว่าสาวงามเหล่านี้จะสนอกสนใจหลิงหยุนเช่นกัน และเกรงว่าพวกเธอเหล่านั้นจะมาแย่งหลิงหยุนไป เธอจึงรีบตรงเข้ามาเสนอตัวให้หลิงหยุนอย่างหน้าไม่อายเช่นนี้!
  แต่ความจริงกลับโหดร้ายยิ่งกว่าเมื่อผลปรากฏว่าเธอกลับต้องกลายเป็นผู้ที่อับอายขายหน้าจากการถูกเหล่าสาวงามพูดจาถากถาง..
  เหล่าสาวงามของหลิงหยุนไม่เพียงพูดจากถากถางแต่ยังจงใจมายืนเคียงข้างเธอพร้อมกับมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ภาพที่เห็นจึงไม่ต่างจากไก่บ้านที่หาญเทียบกับพญาหงษ์!
  แต่ทั้งหมดก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลจากการกระทำของตัวเธอเองทั้งนั้นเธอจึงต้องได้รับความอับอายเช่นนี้!
  หลิงหยุนมองเวิ่นเสียวหยาที่ยืนเลิ่กลั่กด้วยความรู้สึกขันแต่แล้วก็ยักไหล่พร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “กรูกันออกมาทำไมกัน!”
  หนิงหลิงยู่หัวเราะนิดหน่อยและตอบหลิงหยุนไปเพียงแค่ประโยคเดียวสั้นๆ “พี่ใหญ่คะ.. น้าหญิงกำลังจะขึ้นมาแล้ว!”
  และนับว่าได้ผลอย่างยิ่งทันทีที่ได้ยินชื่อฉินตงเฉี่วย ไม่เพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่เงียบไป แม้แต่หญิงสาวคนอื่นๆ ต่างก็พากันนิ่งไม่พูดไม่จาอีกเลย
  “อะแฮ่ม..”
  หลิงหยุนกระแอมเบาๆและรีบหันไปสั่งถังเมิ่ง “นี่นายมัวทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบไปจัดการเคลียร์ห้องวีไอพีอีก จะให้ทุกคนยืนอยู่แบบนี้หรือยังไง?!”
  ต่อหน้าสาวงามที่กำลังโมโหเช่นนี้ถังเมิ่งไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว และรีบร้องบอกหลิงหยุนว่า “ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วพี่หยุน.. เข้าไปข้างในกันได้เลย!”
  ระหว่างที่ทุกคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นพนักงานเสริฟสิบกว่าคนก็ได้เข้าไปจัดการทำความสะอาดห้องวีไอพีจนเกือบจะเรียบร้อยแล้ว
  นอกจากนี้ห้องสวีทสุดหรูของโรงแรมระดับห้าดาวมักจะต้อนรับแขกทุกคนคืนนี้มีงานเลี้ยงขนาดใหญ่และพวกเขาพร้อมที่จะหยุด ไม่จำเป็นต้องล้างข้อมูลชั่วคราว
  “ทุกคน..เข้าไปในห้องกันดีกว่า!”
  หลิงหยุนยกมือขึ้นโบกเรียกทุกคนให้เดินนำหน้าเขาไปและระหว่างนั้นหนิงหลิงยู่ก็รีบดึงแขนหลิงหยุนไว้
  หลิงหยุนส่งสัญญาณให้ถังเมิ่งเดินนำสาวงามคนอื่นๆเข้าไปในห้องวีไอพีก่อนเมื่อทุกคนเดินไปกันจนหมดแล้ว เขาจึงหันมาถามหนิงหลิงยู่
  “มีอะไรเหรอ!”
  หนิงหลิงยู่ชะโงกหน้ามองไปทางประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยงแล้วหันมาพูดกับหลิงหยุนว่า
  “พี่ใหญ่..พี่ลืมฉีเสี่ยวชิงไปแล้วเหรอ เธอยังยืนอยู่ที่หน้าห้องจัดเลี้ยงเลย ฉันเรียกเธอให้เข้ามา แต่เธอก็ไม่ยอม..”
  หนิงหลิงยู่กับฉีเสี่ยวชิงนั้นเป็นเด็กสาวที่เรียนเก่งทั้งคู่และต่างคนต่างก็เป็นที่หนึ่งในโรงเรียนของตนเอง ก่อนที่จะสอบเอนทรานซ์จริงนั้น โรงเรียนทั้งหมดในเมืองจิงฉูได้จัดให้มีการทดสอบทดใหญ่ถึงสามครั้ง และผลปรากฏว่าทั้งคู่ต่างก็ผลัดกันได้ที่หนึ่งที่สองอยู่แบบนี้มาตลอด
  ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองคนก็ยังเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตางดงามทั้งคู่ และมาจากครอบครัวที่ลำบากยากจนเหมือนกัน หลังจากที่หลิงหยุนช่วยฉีเสี่ยวชิงแล้ว ทั้งคู่จึงได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ในทันที
  แน่นอนว่าหลิงหยุนไม่ได้หลงลืมฉีเสี่ยวชิงอย่างแน่นอนเพียงแต่ต่อหน้าสาวงามเจ้าอารมณ์ทั้งหลาย เขาจึงไม่กล้าพูดถึงฉีเสี่ยวชิง และแสร้งทำเป็นโง่ไปจะดีกว่า!
  “เอ่อ..พี่เองก็ไม่สนิทสนมกับเธอซะด้วยสิ!”
  หลิงหยุนแสร้งทำเป็นทำตัวไม่ถูกและยกมือขึ้นเกาศรีษะขณะที่ตอบหนิงหลิงหยู่..
  “อะไรกัน..พี่ช่วยเธอไว้ตั้งสองครั้งแล้ว ยังจะไม่สนิทสนมกันอีกเหรอ เธอกำลังรอขอบคุณพี่อยู่ด้านนอก ครอบครัวของเธอกำลังลำบากมากเลย ฉันเพิ่งจะคุยกับเธอมา!”
  หนิงหลิงยู่นั้นสงสารและเห็นใจในความทุกข์ของฉีเสี่ยวชิงมากแม้ว่าเวลานี้เธอเองจะเป็นคนมีฐานะเงินทองแล้ว แต่หนิงหลิงยู่ก็ไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ทุกข์ยากที่ผ่านมาของตนเอง
  “งั้นเหรอ..แล้วเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเธอบ้างล่ะ แม่ของเธอเป็นอะไรมากมั๊ย? แล้วน้องสาวป่วยเป็นโรคอะไร?”
  หลิงหยุนได้รับปากฉีเสี่ยวชิงว่าจะช่วยแม่และน้องสาวของเธอและนี่ก็ถึงเวลาแล้ว..
  หนิงหลิงยู่เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“แม่ของฉีเสี่ยวชิงไม่ได้เป็นอะไร แต่ถูกหลี่เทียนจับตัวไป ตอนนี้เธอเองก็ไม่รู้ว่ามันจับแม่ของเธอไปไว้ที่ใหน ส่วนน้องของเธอที่ยังอยู่ในวัยเรียน ตั้งแต่วันที่หลี่เทียนจับตัวเธอมา น้องเธอก็ล้มป่วยหนัก!”
  หลี่เทียนนั้นรู้ว่าฉีเสี่ยวชิงจะต้องไม่ยอมแต่โดยดีแน่จึงได้จับแม่ของเธอมาเพื่อข่มขู่ให้เธอยอมทำตามความต้องการของมัน..
  หลิงหยุนได้ฟังก็ถึงกับโมโหจนควันออกหูพร้อมกับคำรามออกมา“เจ้าเด็กนี่มันชั่วช้าเกินคนจริงๆ!”
  หนิงหลิงยู่พยักหน้าเห็นด้วยและเล่าต่อ “น้องของเธอชื่อฉีเสี่ยวหง ตอนนี้เพิ่งจะอายุสิบห้าปี ความจริงแล้วก็เป็นคนที่สุขภาพแข็งแรงดี แต่นับจากวันที่ฉีเสี่ยวชิงถูกจับตัวมา น้องสาวของเธอก็ล้มป่วย ฟังจากที่ฉีเสี่ยวชิงเล่า เธอบอกว่าน่าจะเป็นเพราะฝีมือของหมอผีที่หลี่เทียนพาไปด้วยในวันนั้น จนป่านนี้ผ่านไปสามวันแล้วน้องสาวของเธอยังไม่ได้สติเลย!”
  หลิงหยุนได้ฟังก็แล้วก็รู้สึกโมโหอย่างที่สุดพร้อมกับกัดฟันกรอด“ไม่ใช่หมอผีที่ใหนหรอก แต่น่าจะเป็นยอดฝีมือตระกูลซันสามคนนั่นต่างหากที่ทำร้ายน้องสาวของเธออย่างโหดเหี้ยม! นี่แม้แต่เด็กสาวพวกมันก็ยังไม่ละเว้นเลยเหรอนี่!”
  หลิงหยุนข่มความโกรธและถามขึ้นว่า“แล้วตอนนี้ฉีเสี่ยวหงอยู่ที่ใหน”
  หนิงหลิงยู่ตอบกลับไปว่า..“เห็นว่าหลี่เทียนส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเจียงหนาน และเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้..”
  “เอาล่ะ..เธอเข้าไปในห้องวีไอพีก่อน แล้วอย่าลืมบอกถังเมิ่งให้รีบตามพี่ไปด้วยล่ะ!”
  หลิงหยุนสั่งทิ้งท้ายและถือโอกาสจับบ่าหนิงหลิงยู่อย่างสนิทสนม และเดินตรงไปหาฉีเสี่ยวชิงด้วยความเป็นห่วง
  หนิงหลิงยู่ยืนนิ่งดวงตาจับจ้องอยู่ทีแผ่นหลังของหลิงหยุน และแววตาทั้งคู่นั้นก็เปี่ยมไปด้วยความรักความเสน่หา หนิงหลิงยู่มองเช่นนั้นอยู่นานพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย
  เธอยืนมองจนกระทั่งหลิงหยุนเดินตรงไปถึงที่หน้าห้องจัดเลี้ยงและเลี้ยวหายไป หนิงหลิงยู่จึงเดินเข้าไปในห้องวีไอพี
  หลิงหยุนเดินตามหาฉีเสี่ยวชิงและในที่สุดก็พบเธอรออยู่ด้านนอกซึ่งมีแขกเหรื่ออยู่มากมาย ทุกคนต่างก็พากันนำซองแดงไปมอบให้เจ้าหน้าที่ ส่วนหลิงหยุนก็เดินตรงเข้าไปหาฉีเสี่ยวชิง
  ฉีเสี่ยวชิงที่อยู่ในชุดราตรีสีม่วงยังคงยืนนิ่งอยู่ที่มุมหนึ่งแถวหน้าประตูใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ไม่เย็นชาเช่นเคย และคิ้วที่ขมวดแน่นเข้าหากันตลอดเวลานั้น ก็คลายลงจนไม่เหลือให้เห็นอีก
  ดูเหมือนเธอกำลังครุ่นคิดอะไรสักอย่างจนลืมโลกภายนอกรอบๆตัวใบหน้านิ่งสงบนั้นดูราวกับรูปปั้นของเทพธิดา
  “ทำไมคุณถึงไม่เข้าไปด้านใน”
  หลิงหยุนจ้องมองเด็กสาวที่ดูเศร้าสร้อยและกำลังเป็นทุกข์แต่ยังสามารถสงบนิ่งได้อย่างน่าทึ่ง และไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นอย่างไรดี..
  หากเทียบผลคะแนนของทุกสายนั้นคะแนนของหลิงหยุนนับว่าสูงเป็นอันดับหนึ่ง ฉีเสี่ยวชิงสูงเป็นอันดับสอง และหนิงหลิงยู่สูงเป็นอันดับสาม
  และหากวัดไอคิวดูแล้วทั้งสามคนนี้น่าจะต้องไอคิวสูงกว่าคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน!
  เมื่อฉีเสี่ยวชิงเห็นหลิงหยุนเดินออกมาหาตนเองเช่นนี้ท่าทีที่สงบนิ่งเมื่อครู่ได้มลายหายไปทันที และเปลี่ยนมาเป็นตื่นเต้นทำอะไรไม่ถูก แล้วใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ..
  ฉีเสี่ยวชิงก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อซ่อนแววตาของตนเองจากหลิงหยุนและตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
  “สถานที่แบบนี้ไม่ค่อยเหมาะกับฉัน..”
  ถึงแม้ฉีเสี่ยวชิงจะบอกว่าสถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะกับเธอ แต่จากรูปลักษณ์แล้ว เธอเองก็ไม่ด้อยไปกว่าใครในงานเลย เพียงแต่เธอไม่สนใจความหรูหราจอมปลอมนี้เสียมากกว่า
  หลิงหยุนชื่นชมในความสงบนิ่งเช่นนี้ของฉีเสี่ยวชิงเขาเดินเข้าไปใกล้พร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “เรื่องที่คุณกำลังกังวลใจอยู่ไม่ต้องห่วงนะ.. ผมจะช่วยคุณเอง!”
  ฉีเสี่ยวชิงโน้มศรีษะลงพร้อมกับตอบไปว่า“หลิงหยุน.. ขอบคุณมาก!”
  แม้ว่าเสียงของเธอจะเบาแสนเบาแต่ก็เปี่ยมไปด้วยความจริงใจที่ไม่มีใครได้ยิน
  “แล้วก็ขอแสดงความยินดีที่ทำคะแนนสอบได้สูงสุดของมณฑลเจียงหนาน”
  แต่ดูเหมือนว่าคำพูดแสดงความยินดีอย่างเดียวคงจะยังไม่เพียงพอฉีเสี่ยวชิงจึงรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาหลิงหยุนพร้อมกับยื่นมือออกไปให้หลิงหยุน หลิงหยุนรู้ดีว่าฉีเสี่ยวชิงแตกต่างจากเวิ่นเสี่ยวหยา เขาจึงรีบยื่นมือออกไปจับมือฉีเสี่ยวชิงพร้อมกับตอบยิ้มๆ
  “คุณเองก็เก่งไม่เบาเหมือนกันนี่!”
  ฉีเสี่ยวชิงถูกหลิงหยุนจับมือไว้เช่นนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น แต่ก็ไม่กล้าดึงมือกลับ และปล่อยให้หลิงหยุนจับไว้เช่นนั้นพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
  ฉีเสี่ยวชิงสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและปลอดภัยจากฝ่ามือของหลิงหยุนอย่างไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้! และได้แต่คิดในใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเธอไว้จากอันตรายที่สุดในชีวิตของเธอถึงสองครั้งสองครา..
  “เอ่อ..ดูเหมือนจะยังคุยกันไม่เสร็จใช่มั๊ย เชิญคุยกันต่อเลย..”
  ทันทีที่หนิงหลิงยู่เข้าไปบอกถังเมิ่งก็รีบวิ่งออกมาทันทีและได้เห็นภาพหลิงหยุนกำลังจับมือฉีเสี่ยวชิงพอดี..
  ฉีเสี่ยวชิงรีบดึงมือออกและหน้าแดงนั่นก็เริ่มร้อนผ่าว แล้วรีบดึงมือกลับไปไขว้ไว้ที่ด้านหลังทันที
  หลิงหยุนหันไปสั่งถังเมิ่งเสียงห้วน“นายรีบโทรไปบอกให้พวกเขาจัดการเค้นถามหลี่เทียนมาให้ได้ว่า มันเอาแม่ของฉีเสี่ยวชิงไปซ่อนไว้ที่ใหน ฉันต้องไปช่วยคนก่อน!”
  พวกเขาคือใครนะหรือแน่นอนว่าก็ต้องเป็นถังเทียนห่าว หรือไม่ก็กังหลิวหย่งไงล่ะ!
  “ได้พี่หยุน!”
  ถังเมิ่งตอบกลับไปทันทีและรีบจัดการตามคำสั่งทันที เพียงไม่ถึงห้านาทีฝั่งนั้นก็โทรกลับมา..
  ถังเมิ่งรับและพูดด้วยเพียงไม่กี่คำก็วางสายไปหลังจากวางสายไปแล้วก็หันไปพูดกับฉีเสี่ยวชิง
  “ผมรู้แล้วว่าแม่ของคุณอยู่ที่ใหนตอนนี้ตำรวจกำลังไปรับตัวแม่คุณมาที่นี่!”
  ฉีเสี่ยวชิงได้ยินว่าแม่ของเธอจะปลอดภัยดวงตาก็เริ่มแดงก่ำ และได้แต่พยักหน้า แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
  หลิงหยุนสั่งถังเมิ่งต่อ“ตอนนี้น้องสาวของฉีเสี่ยวชิงอยู่ที่โรงพยาบาลเจียงหนาน เธอชื่อว่าฉีเสี่ยวหง นายรีบส่งคนไปดูแลความปลอดภัยให้เธอ รอให้ฉันเสร็จงานที่นี่ก่อน ฉันจะรีบไปทันที!”
  “อีกเรื่อง..นายจัดการเปิดห้องพักที่ดีที่สุดให้ฉีเสี่ยวชิงกับแม่นอนค้างที่นี่ แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน!”
  “ไม่มีปัญหาพี่หยุน”
  ถังเมิ่งตอบพร้อมกับกดโทรศัพท์มือถืออีกครั้งและรู้ว่าหลังจากนี้หลิงหยุนคงต้องไปช่วยชีวิตคนต่อ!
บทที่ 860 : ตีงูต้องตีให้ตาย!
  ด้วยสถานะของถังเมิ่งเวลานี้เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้เขาก็สามารถจัดการด้วยตัวเองได้ และยิ่งหลิงหยุนสั่งการต่อหน้าฉีเสี่ยวชิงด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งไม่กล้าเพิกเฉย
  ถังเมิ่งจัดการโทรหาผู้ที่เกี่ยวข้องและสั่งการให้พี่น้องแก๊งมังกรเขียวจำนวนหนึ่งเดินทางไปทำหน้าที่คุ้มครองฉีเสี่ยวหงที่โรงพยาบาลในทันที และไม่ลืมที่จะสั่งการให้ส่งตัวฉีเสี่ยวหงไปอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่ดีที่สุด และจัดหาพยาบาลพิเศษสองคนมาดูแลอย่างใกล้ชิด
  จากนั้นถังเมิ่งก็โทรสั่งเจ้าหน้าที่ของโรงแรมไคเฉวียนให้จัดการเปิดห้องที่ดีที่สุดของโรงแรมสองห้อง เพื่อให้ฉีเสี่ยวชิงกับแม่ของเธอพักในคืนนี้
  ถังเมิ่งรู้ดีว่าควรต้องจัดการเช่นไรต่อหน้าฉีเสี่ยวชิง.. ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ทุกอย่างก็เรียบร้อย แล้วจึงหันไปบอกหลิงหยุน..
  “พี่หยุน..ทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้ว!”
  ฉีเสี่ยวชิงรู้สึกว่า..ความจริงหลิงหยุนไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องของเธอเลยก็ได้ แต่เมื่อเห็นหลิงหยุนยื่นมือมาช่วยขนาดนี้ เธอจึงเกิดความรู้สึกไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดออกมาได้ อีกทั้งยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น!
  เป็นไปได้อย่างไรกัน!เหตุใดเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอจึงได้มีอำนาจอิทธิพลมากมายถึงเพียงนี้?! เรื่องที่ดูใหญ่โตราวกับโลกจะถล่มสำหรับเธอนั้น แต่หลิงหยุนกลับสามารถแก้ไขได้ด้วยความพูดเพียงแค่ประโยคเดียว!
  “หลิงหยุน..ขอบคุณมากจริงๆ! ความจริงแล้ว.. แค่เปิดห้องธรรมดาให้ฉันกับแม่ก็พอแล้ว..”
  แต่หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆแล้วหันกลับไปพูดถังเมิ่งว่า
  “ถังเมิ่ง..ครั้งนี้นับว่าเป็นบทเรียนยิ่งใหญ่ของเรา ต่อให้เราไม่เกรงกลัวคนที่จ้องเป็นศัตรูกับเรา แต่อย่าลืมว่าในเมื่อพวกมันจัดการกับเราไม่ได้ มันก็จะไปจัดการกับผู้คนรอบตัวเราแทน!”
  “เรื่องของฉีเสี่ยวชิงเป็นตัวอย่างที่ดี..มันเป็นผลจากการละเลยไม่สนใจของเรา!”
  ถังเมิ่งได้ฟังก็ถึงกับกลัวจนเหงื่อตก..เขาแทบไม่กล้าหายใจ และเข้าใจความหมายในคำพูดของหลิงหยุนได้เป็นอย่างดี!
  แม้ว่าครั้งนี้หลิงหยุนจะสามารถช่วยฉีเสี่ยวชิงได้แต่ฉีเสี่ยวชิงก็ต้องประสบกับหายนะครั้งใหญ่ และต้องได้รับความทุกข์ทรมานใจจากน้ำมือของหลี่เทียน อีกทั้งคนในครอบครัวของเธอก็ยังต้องเป็นอันตรายไปด้วย!
  แน่นอนว่าที่หลิงหยุนพูดนั้นไม่ใช่เพราะเกรงว่าหลี่เทียนจะกลับมาแก้แค้นตนเองแต่เขากลัวว่ามันจะกลับมาแก้แค้นฉีเสี่ยวชิงอีกต่างหาก!
  ใหนยังจะมีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงของทั้งถังเมิ่งและหลิงหยุนอีกเล่า พวกเขาใช่ว่าจะแข็งแกร่งเหมือนกับหลิงหยุน และใช่ว่าจะมีอำนาจเหมือนอย่างถังเมิ่ง!
  ครั้งนี้นับว่ายิ่งกว่าปาฏิหาริย์ที่ฉีเสี่ยวชิงสามารถรอดพ้นอันตรายมาได้ดังนั้นหลังจากที่ถังเมิ่งจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนจึงหันไปดุถังเมิ่งด้วยความไม่พอใจ ฉีเสี่ยวชิงเองก็ถึงกับงุนงง..
  “หลิงหยุน!ครั้งนี้ตำหนิใครไม่ได้! เจ้าคนชั่วช้าหลี่เทียนมีอำนาจอิทธิพลมาก อะไรที่ชั่วช้าคนอย่างมันก็ทำได้หมดล่ะ!”
  หลิงหยุนหันไปยิ้มให้ฉีเสี่ยวชิงพร้อมกับตอบไปว่า“ฉีเสี่ยวชิง.. คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ! หากคนพวกนั้นเล่นงานพวกเรา ไม่ว่ามันจะร่ำรวย หรือมีอำนาจอิทธิพลมากแค่ใหน พวกเราก็ไม่กลัว! แต่ถ้าพวกมันย้อนกลับไปเล่นงานคนอื่นรอบข้างตัวเราล่ะ.. หายนะจะเกิดกับพวกเขาทันที!”
  หลิงหยุนหันไปมองถังเมิ่งด้วยสีหน้าจริงจังพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ฉันรู้ว่าหลังจากสอบเอนทรานซ์เสร็จ ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้า ฉันเองก็เหมือนกัน แต่นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง!”
  หลังจากสอบเอนทรานซ์เสร็จหลิงหยุนก็ยุ่งอยู่กับภารกิจหลายเรื่องในเมืองจิงฉู หลังจากนั้นก็ทิ้งทุกอย่างเพื่อฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ และสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นปรับร่างกาย-9 ได้ ต่อมาก็ต้องเดินทางไปปักกิ่ง..
  เขาช่วยฉีเสี่ยวชิงไว้ได้ในวันนั้นแต่ไม่ทันคิดว่าจะเกิดผลลัพธ์เลวร้ายอย่างในวันนี้ขึ้น แม้ในใจจะนึกตะขิดตะขวงใจอยู่บ้าง
  หลิงหยุนไม่ว่าง..ถังเมิ่งเองก็ยุ่งมากเช่นกัน! ต่างฝ่ายต่างก็มีงานและภารกิจต้องสะสาง และต่อให้หลิงหยุนเฉลียวฉลาดมากเพียงใด ก็ไม่ทันคิดถึงเรื่องของฉีเสี่ยวชิงเช่นกัน
  หลิงหยุนเงียบไป..ถังเมิ่งจึงพูดออกมาอย่างสำนึกผิดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อ “พี่หยุน.. ฉันยอมรับผิด! เรื่องนี้เป็นความประมาทเลินเล่อของฉันเอง ตอนที่พี่สั่งให้ฉันไปสืบประวัตอของหลี่เทียน ฉันก็ไปสืบแล้ว แต่ไม่คิดว่ามันจะกล้า..”
  หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตบบ่าถังเมิ่งเบาๆ“ฉันเข้าใจ! แต่ต่อไปหากทำอะไรนายก็ต้องคิดให้รอบคอบกว่านี้ แล้วต้องรู้จักหาทางป้องกันให้ดีกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่าเราสร้างปัญหาให้กับคนรอบตัว!”
  หลิงหยุนนั้นแม้จะฆ่าคนมามากมายแต่เขาไม่ใช่เป็นคนใจไม้ไส้ระกำ!
  เพียงแต่เขารู้ดีว่าหากไม่จัดการอีกฝ่ายให้อยู่หมัดหรือตายไปเลยนั้น เขาก็ต้องกลับมาจัดการกับเรื่องที่น่ารำคาญไม่จบไม่สิ้น! และเขาไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งจัดการกับเรื่องไร้สาระแบบนี้ในทุกๆวัน
  ถังเมิ่งพยักหน้าอย่างเข้าใจ..
  หลิงหยุนจึงหันไปพูดกับฉีเสี่ยวชิงว่า“คุณสบายใจได้! ครั้งนี้ผมได้จัดการถอนรากถอนโคนมันอำนาจและอิทธิพลของหลี่จิ่วเจียงแล้ว และมันจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือในคุก และสำหรับหลี่เทียน.. มันจะยิ่งกว่าตายทั้งเป็น เพราะมันได้กลายเป็นขันที และต้องใช้ชีวิตที่เหลือบนรถวีแชร์ไปตลอดชีวิต..”
  “ผมบอกคุณแล้วว่า..นับจากวันนี้หายนะจะหมดไปจากชีวิตของคุณ และจะไม่มีครั้งที่สาม หรือครั้งที่สี่อีก!”
  และหลิงหยุนก็ได้ทำตามที่พูดแล้ว..
  ฉีเสี่ยวชิงมองหลิงหยุนพร้อมกับยิ้มให้เขาเธอรู้สึกปลอดภัย และน้ำตาก็ไหลอาบแก้มอีกครั้งขณะที่พยักหน้าไม่หยุด..
  และในเวลานั้นเองเจ้าหน้าที่โรงแรมที่ไปจัดการเปิดห้องให้ตามคำสั่งก็กลับมา และได้ส่งคีย์การ์ให้กับถังเมิ่ง..
  ถังเมิ่งรับมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า“กลับไปทำงานต่อได้แล้ว!”
  หลิงหยุนหันไปยิ้มให้ฉีเสี่ยวชิงพร้อมกับสั่งว่า“เอาล่ะ.. ถ้าคุณไม่อยากอยู่ในงานเลี้ยง ก็ขึ้นไปพักผ่อนบนห้องได้แล้ว ผมจะให้พนักงานนำอาหารขึ้นไปให้คุณบนห้อง หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็อย่าลืมอาบน้ำพักผ่อนรอแม่ของคุณที่กำลังจะมาถึงล่ะ!”
  ฉีเสี่ยวชิงรับปากอย่างว่าง่ายแต่ใจเริ่มเต้นแรง และใบหน้าที่เปื้อนน้ำตานั้นก็เริ่มแดงก่ำ
  นั่นเพราะหลิงหยุนสั่งเธออย่างละเอียด..เด็กหนุ่มที่ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย แต่กลับเข้าใจธรรมชาติของผู้หญิงได้อย่างดีเช่นนี้ แน่นอนว่าผู้หญิงที่ใหนก็ต้องชอบ!
  ไม่เพียงเท่านั้น..หลิงหยุนยังมีใบหน้าที่หล่อเหลามากด้วย และยังมีรอยยิ้มที่แสนจะมีเสน่ห์ดึงดูด อีกทั้งความมั่นอกมั่นใจ และสงบเยือกเย็นนั่นก็ช่างดึงดูดให้คนอยากใกล้ชิด!
  จึงไม่แปลกที่มีหญิงสาวมากมายอยากอยู่ใกล้ๆหลิงหยุน..
  ฉีเสี่ยวชิงได้แต่แอบคิดอยู่ในใจเงียบๆและเมื่อรู้ตัวเธอก็รีบยกมือปาดน้ำตาเป็นการปกปิด..
  ถังเมิ่งนั้นรู้จักหลิงหยุนดีกว่าใครเขาได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับพึมพำว่า “ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรนะ!”
  แต่ความจริงเขารู้เห็นทุกอย่าง..
  จากนั้นถังเมิ่งก็ส่งคีย์การ์ดให้กับฉีเสี่ยวชิงจากนั้นจึงหันไปกระซิบกับหลิงหยุนว่า “ครูกงมาแล้ว!”
  หลิงหยุนรีบหันหลังกลับไปมอง..และแน่นอนว่ากงเสี่ยวลู่นั้นมาพร้อมกับมู่หลงเฟยจื่อ แม้กงเสี่ยวลู่จะพยายามทำสีหน้าให้ดูเคร่งเครียดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นไว้ได้
  มู่หลงเฟยจื่อนั้นมาในชุดเรียบคลาสสิกและสบตาหลิงหยุนแทนการทักทาย!
  หลิงหยุนเรียกกระดาษทิชชู่ออกจากแหวนพื้นที่ส่งให้ฉีเสี่ยวชิงพร้อมกับพูดขึ้นว่า“หยุดร้องไห้ได้แล้ว.. เช็ดน้ำตาซะ! ครูประจำชั้นของผมมานั่นแล้ว!”
  ฉีเสี่ยวชิงถึงกับอึ้งไปเพราะเมื่อครู่มือของหลิงหยุนยังว่างเปล่าอยู่เลย เธอเห็นชัดว่าในมือของเขาไม่มีอะไร แล้วกระดาษทิชชู่นี้มากจากใหน แต่ถึงกระนั้นก็รีบใช้กระดาษทิชชู่ซับน้ำตาบนหน้าอย่างรวดเร็ว
  จากนั้นหลิงหยุนก็ได้แนะนำให้ทุกคนรู้จักกัน“นี่ครูกง.. ส่วนนี่ก็เฟยจื่อ.. แล้วนี่ก็ฉีเสี่ยวชิง!”
  กงเสี่ยวลู่พยักหน้าทักทายฉีเสี่ยวชิงพร้อมกับยิ้มให้และพูดขึ้นว่า “ต่อให้หลิงหยุนไม่แนะนำ ฉันก็รู้จักเธอจ้ะฉีเสี่ยวชิง! เธอเป็นนักเรียนที่เรียนเก่งมาก และทำคะแนนได้ดีมาตลอด คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเธอที่นี่ด้วย!”
  กงเสี่ยวลู่รออยู่ที่ชั้นสี่จึงไม่รู้ว่าชั้นห้าเกิดอะไรขึ้นบ้างและไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดฉีเสี่ยวชิงจึงได้มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงคืนนี้
  “ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ..แต่นักเรียนของคุณเก่งกว่าอีกค่ะ หลิงหยุนเป็นคนที่ทำคะแนนได้สูงสุดในการสอบเอนทรานซ์ปีนี้!”
  ฉีเสี่ยวชิงได้ยินกงเสี่ยวลู่ชื่นชมก็อดที่จะมีความสุขไม่ได้ เธอจึงรีบเอ่ยชมนักเรียนของกงเสี่ยวลู่ทันที