บทที่ 861 : ของขวัญแสดงความยินดี!
  ในเมื่อหลิงหยุนสามารถเรียกตำแหน่งผู้ที่ได้คะแนนสอบเอนทรานซ์สูงสุดประจำมณฑลเจียงหนานกลับคืนมาแล้วสิ่งสำคัญสำหรับกงเสี่ยวลู่ต่อจากนี้ก็คือ จัดการให้หลิงหยุนรีบยืนยันตัวตนกับมหาวิทยาลัยที่ต้องการจะเข้าเรียน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดตามมาอีก..
  “ฉีเสี่ยวชิง..นี่ก็ประกาศผลสอบเอนทรานซ์ผ่านมาหลายวันแล้ว เธอได้
  ทำการยืนยันตัวตนกับมหาวิทยาลัยที่ต้องการเข้าเรียนแล้วหรือยังแล้วสนใจจะเข้าเรียนที่ใหนล่ะ?”
  กงเสี่ยวลู่หัวเราะอย่างมีความสุขและดูเป็นห่วงเป็นใยฉีเสี่ยวชิงราวกับเป็นนักเรียนของตนเอง
  ฉีเสี่ยวชิงกัดริมฝีปากนิ่งไปครู่หนึ่งจึงตอบไปว่า“ยังเลยค่ะ!”
  หลายวันมานี้เธอต้องเผชิญกับฝันร้ายมาโดยตลอดและเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อชีวิต และอนาคตของเด็กสาวอายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีเท่านั้น นี่จะเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ฉีเสี่ยวชิงคงไม่อาจลืมเลือนไปได้ตลอดชีวิต
  เธอไม่อยากจะคิดถึงเรื่องเลวร้ายที่ผ่านมาอีกเพราะหากหลิงหยุนไม่มาปรากฏตัวในคืนนี้ ผลที่เกิดขึ้นกับตัวเธอก็คงจะเลวร้ายอย่างมาก เธอทำหน้าตาเลิ่กลั่กบ่งบอกว่าไม่ต้องการพูดถึงเรื่องเหล่านี้อีก
  แต่น่าเสียดายที่กงเสี่ยวลู่ไม่ทันสังเกตุเห็นไม่เช่นนั้นเธอคงจะไม่ถามเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน!
  กงเสี่ยวลู่ได้ฟังก็พยักหน้าแต่กลับสังเกตุเห็นดวงตาแดงก่ำและบวมเปล่งของฉีเสี่ยวชิง เธอจึงรีบส่งยิ้มให้และพูดขึ้นว่า
  “ไม่เป็นไรๆเรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร ถ้ายังไม่ได้จัดการ เดี๋ยวครูจะจัดการยืนยันกับทางมหาวิทยาลัยให้พร้อมกับหลิงหยุนเลยก็แล้วกัน!”
  ในยุคสมัยนี้..เพียงแค่โทรศัพท์มือถือเครื่องเดียวก็สามารถทำทุกอย่างได้แล้ว และเพียงแค่ล็อคอินเข้าไปในเวปไซด์ของมหาวิทยาลัยที่คะแนนสอบถึง และต้องการจะเข้าเรียน การยืนยันตัวนก็สามารถทำให้เสร็จสิ้นได้ภายในเวลาไม่กี่นาที
  ฉีเสี่ยวชิงเงียบกริบแต่ก็เหลือบตาขึ้นมองท่าทีของหลิงหยุน และดูเหมือนว่าตั้งแต่หลิงหยุนปรากฏตัวขึ้น ฉีเสี่ยวชิงก็ดูจะยึดเอาหลิงหยุนเป็นที่พึ่งไปเสียทุกอย่าง
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข“เป็นคำแนะนำที่ดีมากครับ คืนนี้นักเรียนที่สอบได้ที่หนึ่งและที่สองของสายศิลป์ และที่หนึ่งของสายวิทย์จะยืนยันตัวตนเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงหนานพร้อมๆกัน..”
  ฉีเสี่ยวชิงเห็นหลิงหยุนยอมรับข้อเสนอของครูกงเธอก็ยิ้มออกมาได้ในที่สุด กงเสี่ยวลู่และถังเมิ่งก็ถึงกับหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขเช่นกัน
  มู่หลงเฟยจื่อที่ยืนอยู่เหลือบมองหลิงหยุนแล้วยกมือขึ้นชี้ไปทางฝูงชนที่อยู่หน้าประตูพร้อมกับถามขึ้นอย่างงุนงง
  “คนพวกนั้นยืนทำอะไรกันพวกเขาเป็นแขกของหลี่จิ่วเจียงไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยังอยู่ในงานไม่กลับไปอีกล่ะ?”
  มู่หลงเฟยจื่อนั้นเป็นผู้ประเมินและออกแบบเครื่องเพชรที่มีชื่อเสียงในวงการจิวเวลรี่ทั่วโลกเธออาศัยอยู่ในฮ่องกงมาตลอดหลายปี และต้องติดต่อกับบริษัทจิวเวลรี่ยักษ์ใหญ่และคนดังหลายคน เธอจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับชนชั้นสูง และงานเลี้ยงหรูหราแบบนี้
  หลิงหยุนรู้ว่ามู่หลงเฟยจื่อไม่ชอบอะไรที่โกลาหลวุ่นวายไม่เช่นนั้นเธอคงไม่รออยู่ที่ชั้นสี่ และรอจนกระทั่งถึงตอนนี้จึงได้ขึ้นมาอย่างแน่นอน หลิงหยุนจึงตอบกลับไปยิ้มๆ
  “พวกเขาอยากจะให้ซองแดงผมเพื่อแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้คะแนนสอบสูงสุดยังไงล่ะ..ผมก็เลยต้องสนองความต้องการของพวกเขาหน่อย!”
  มู่หลงเฟยจื่อถึงกับค้อนใส่หลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เฮอะ.. มีเงินตั้งมากมายแล้ว ยังอยากจะได้อีกเหรอ”
  หลิงจ้องตามู่หลงเฟยจื่อพร้อมกับตอบไปว่า“นี่พี่มู่หลง.. คุณน่ะไม่เคยมีชีวิตที่ยากจนมาก่อน คุณไม่รู้หรอกว่าชีวิตที่ขาดแคลนเงินทองนั้นมันลำบากยากเย็นแค่ใหน เนื้อที่จะได้กินแต่ละครั้งยังเล็กกว่าขาของยุงซะอีก..”
  มู่หลงเฟยจื่อกรีดร้องออกมาอย่างโมโหทันทีหน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงเพราะหายใจแรงพร้อมกับทำเสียงดุหลิงหยุนว่า
  “นี่..ใครเป็นพี่ของเธอ!”
  มู่หลงเฟยจื่อนั้นไม่ชอบให้หลิงหยุนเรียกเธอว่าพี่ต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้..
  แล้วเสียงหัวเราะของทุกคนก็ดังขึ้นทำให้บรรยากาศภายในชั้นห้าอบอวลไปด้วยความสุข และสงบอย่างแท้จริง
  “ถ้ารู้ว่าชั้นห้าสนุกสนานแบบนี้ฉันขึ้นมาตั้งนานแล้วล่ะ!”
  เสียงพูดังขึ้นมาจากมุมด้านหนึ่งและเมื่อทุกคนหันไปมอง ก็พบซ่งเจิ้งหยางกำลังเดินเข้าพอดี ตามมาด้วยมู่หลงเวิ่นฉี เซียนพนันหยก เถ้าแก่ฮั่น แล้วก็ครูใหญ่จาง ทุกคนต่างก็เดินตรงเข้ามาหาหลิงหยุน และหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
  หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยทักทายขึ้นทันที..
  “ลุงซ่ง..ผมบอกให้ลุงขึ้นมาตั้งแต่แรก แต่ลุงไม่ขึ้นมาเองนะครับ น่าเสียดาย.. ก็เลยพลาดไม่ได้เห็นเหตุการณ์สำคัญไป! แต่ผมว่าถ้าเมื่อครู่ลุงซ่งอยู่ด้วยแล้วล่ะก็.. คงจะน่าดูน่าชมมากกว่านั้นเยอะ!”
  เวลานี้ซ่งเจิ้งหยางนั้นสนิทสนมกับหลิงหยุนและถังเมิ่งมากจนแทบไม่ต้องมีพิธีรีตรองอะไรกนอีกแล้วซ่งเจิ้งหยางขยับลูกปัดในมือพร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า
  “เฮ้อ..หลี่จิ่วเจียงมันรนหาที่ตายเองแท้ๆ พวกเราต่างก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะมีจุดจบยังไง และคงยากที่จะได้ผุดได้เกิดอีกแน่! สู้รอให้เรื่องราวสงบ แล้วลุงค่อยขึ้นมาแสดงความยินดีกับเธอจะดีกว่า!”
  ระหว่างที่พูดซ่งเจิ้งหยางก็หันไปมองมู่หลงเวิ่นฉีที่อยู่ข้างๆแล้วจึงหันไปถามหลิงหยุนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
  “หลิงหยุน..เธอลองเดาสิว่าครั้งนี้เฒ่ามู่หลงจะให้อะไรเธอเป็นของขวัญ”
  มู่หลงเวิ่นฉีจ้องมองหลิงหยุนอย่างมีความสุขพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เฒ่าซ่ง.. แล้วทำไมคุณไม่บอกหลิงหยุนไปล่ะว่าคุณจะให้อะไรเป็นของขวัญ!”
  หลิงหยุนเป็นคนช่วยชีวิตของมู่หลงเวิ่นฉีไว้เมื่อครั้งที่หลิงหยุนเปิดคลินิกสามัญชนนั้น มู่หลงเวิ่นฉีไม่ทราบข่าว และไม่ได้ส่งของขวัญไปให้เขาในวันนั้น ทำให้มู่หลงเวิ่นฉีรู้สึกไม่สบายใจมาโดยตลอด และเวลานี้ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับมู่หลงเฟยจื่อ หลิงหยุนจึงเรียกมู่หลงเวิ่นฉีเป็นปู่ ครั้งนี้หลิงหยุนสอบได้คะแนนสูงเป็นที่หนึ่งของเจียงหนาน มู่หลงเวิ่นฉีจึงรู้สึกยินดี และได้จัดเตรียมของขวัญไว้ให้กับหลิงหยุน และดูเหมือจะไม่ธรรมดาเสียด้วย!
  ซ่งเจิ้งหยางได้ฟังก็หัวเราะอย่างมีความสุขและพูดขึ้นว่า “ฮ่า.. ฮ่า.. มู่หลงคุณไม่ต้องมาย้อนผมเลย รับรองว่าของขวัญของผมไม่น้อยหน้าคุณแน่ๆ ไม่งั้นผมก็ขายหน้าแย่..”
  เมื่อครั้งที่หลิงหยุนเปิดคลินิกสามัญชนนั้นซ่งเจิ้งหยางก็ได้ใส่ซองให้เขาถึงสองล้าน และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซ่งเจิ้งหยางในเวลานั้น เงินจำนวนสองล้านจึงนับว่าไม่น้อยเลยทีเดียว
  หลิงหยุนฟังแล้วงก็ได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับพูดขึ้นว่า“ผมว่าอย่าพูดถึงเรื่องของขวัญจะดีกว่า ทุกท่านให้เกียรติมาในงานครั้งนี้ก็นับว่ามากพอแล้ว ผมยังจะกล้ารับของขวัญไว้อีกเหรอครับ ผมไม่สามารถรับไว้ได้จริงๆ..”
  แต่เมื่อหันไปเห็นคิ้วที่ขมวดแน่นของมู่หลงเวิ่นฉีและสายตาที่กำลังจ้องมองมา หลิงหยุนก็รีบหุบปากทันที
  ในขณะที่เซียนพนันหยกและเถ้าแก่ฮั่นก็ได้แต่ยืนยิ้ม..
  ซ่งเจิ้งหยางพูดขึ้นว่า“หลิงหยุน.. นับจากนี้เธอก็จะเปลี่ยนจากเด็กนักเรียนมัธยมเข้าสู่ชีวิตในมหาวิทยาลัยแล้วนะ นับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่น่าจดจำของชีวิต ใครบ้างที่จะไม่เลี้ยงฉลองยินดี ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็ยังได้คะแนนสูงสุดแบบนี้ เป็นไปไม่ได้หรอกที่พวกเราจะไม่มาแสดงความยินดีกับเธอ!”
  พูดกันตามความจริงแล้วชีวิตของหลิงหยุนหลังจากนี้ไป จุดหมายของเขาก็คือปักกิ่งไม่ใช่จิงฉู เขาจึงไม่ต้องการของขวัญอะไรจากคนเหล่านี้
  ต่อจากนี้ไปคนเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่จะต้องกลายเป็นคนกันเองแล้วทั้งนั้นเขายังจะต้องการของขวัญอะไรอีกเล่า
  เมื่อเห็นหลิงหยุนยังคงยืนนิ่งถังเมิ่งจึงรีบพูดขึ้นว่า “พี่หยุน.. อย่ายืนคุยกันตรงนี้เลย เข้าไปข้างในแล้วค่อยคุยกันจะดีกว่า!”
  น่าขัน..ถังเมิ่งรู้ว่าหลิงหยุนให้ส่วนลดในการขายหยกจักรพรรดิกับหออวี้ติงเซียนของเซียนพนันหยกสูงมาก ทำให้เซียนพนันหยกสามารถทำกำไรได้หลายร้อยล้านหยวน และถึงแม้ถังเมิ่งจะไม่พูดอะไรออกมา แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดหัวใจไม่น้อย และในเมื่อตอนนี้เขามีโอกาสที่จะเอาคืน เขาจึงไม่ยอมให้หลิงหยุนปฏิเสธการรับของขวัญอย่างแน่นอน!
  สำหรับหลิงหยุนแล้ว..เวลานี้เขาได้แวมไพร์มาเป็นบริวารถึงห้าตน และเพียงแค่ทรัพย์สินเงินทองของไวส์เคานต์พอล ก็สามารถซื้อทีมบาสเก็ตบอล NBA ทั้งทีมได้เลยทีเดียว เขาจึงไม่สนใจเรื่องของขวัญมากนัก!
  เพียงแต่..ตอนนี้ทรัพย์สินของพอลยังไม่ตกถึงมือของเขาเท่านั้นเอง!
  ที่ผ่านมาถังเมิ่งใช้จ่ายเงินไปมากมายกับเรือยอร์ชหรูสองลำที่หลิงหยุนต้องการทั้งหมดใช้เงินไปร่วมสี่ร้อยล้านหยวน และหลิงหยุนยังเคยเปรยว่าต้องการจะซื้อเครื่องบินส่วนตัว และสร้างโรงงานหลอมโลหะอีก..
  หรือจะพูดง่ายๆก็คือว่า..หลิงหยุนนั้นผลาญเงินเก่งมาก!
  แต่นี่ถังเมิ่งเองก็ยังไม่รู้เรื่องที่หลิงหยุนโอ้อวดกับลุงของเขาไว้ว่าเขาจะสร้างคฤหาสน์หลังใหม่ให้กับตระกูลหลิงด้วยเงินของตัวเอง
  และหากถังเมิ่งรู้เรื่องนี้เข้าเขาคงจะลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับพื้นด้วยความเสียดายอย่างแน่นอน
  แต่จู่ๆครูใหญ่จางก็ก้าวเดินขึ้นมาข้างหน้า เขายิ้มให้กับหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “หลิงหยุน.. ฉันว่าเธอคงจะมีอะไรต้องทำอีกมากมาย เอาเป็นว่าเรื่องยื่นเรื่องยืนยันตัวตนเข้ามหาวิทยาลัย เดี๋ยวฉันจะเป็นคนจัดการให้เธอเอง!”
  ในช่วงที่อยู่โรงเรียนนั้นหลิงหยุนเองก็ได้กลายเป็นที่ชื่นชมของนักเรียนทั่วทั้งโรงเรียน และได้สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนมัธยมจิงฉูอีกด้วย ตอนนี้หลิงหยุนเรียนจบแล้ว สิ่งสุดท้ายที่เขาพอจะทำให้หลิงหยุนได้ก็คือ การยื่นเรื่องยืนยันตัวตนเข้ามหาวิทยาลัยที่หลิงหยุนต้องการ!
  ทั้งเขาและกงเสี่ยวลู่ก็เห็นตรงกันว่าต้องรีบจัดการเรื่องนี้ให้กับหลิงหยุน!
  “แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน..ตอนนี้ทุกท่านรู้แล้วหรือยังว่าผู้ที่ทำคะแนนสอบเอนทรานซ์ได้สูงสุดของมณฑลเจียงหนานคือใคร”
  ระหว่างที่เดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงนั้นทุกคนก็เห็นพิธีกรชายขึ้นไปยืนอยู่บนเวที ในมือถือไมโครโฟน และกำลังเรียกความสนใจจากแขกเหรื่อที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยง
  “เขาก็คือหลิงหยุนนั่นเอง!”
  สิ้นเสียงประกาศชื่อของหลิงหยุน..เสียงปรบมือก็ดังสนั่นขึ้นทั่วทั้งห้อง
  “เสียงปรบมือยังเบาไปครับ..ขอเสียงปรบมือดังกว่านี้อีก!”
  เมื่อพิธีกรชายเห็นหลิงหยุนเดินเข้ามาพร้อมกับแขกอีกมากมายก็รีบยกไมโครโฟนประกาศว่า..
  “หลิงหยุนเดินเข้ามาแล้วครับ..”
  เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นจนกลบเสียงฝนที่ยังคงกระหน่ำอยู่ด้านนอกอีกครั้ง!
  “โอ้โห..นี่มันวิมานหรือยังไงกัน ถึงได้มีแต่สาวงามเต็มไปหมด!”
  เสียงพูดดังแทรกเสียงปรบมือขึ้นมาเมื่อหลิงหยุนเดินเข้ามาพร้อมกับกงเสี่ยวลู่ที่อยู่ทางด้านซ้ายและมู่หลงเฟยจื่อที่อยู่ทางด้านขวา ทำให้หลิงหยุนตกเป็นจุดสนใจอีกครั้ง!
  ครูใหญ่จางกับถังเมิ่งเดินอยู่ด้านหน้าระหว่างทางครูใหญ่จางก็กระซิบกระซาบอะไรบางอย่างกับถังเมิ่ง ถังเมิ่งรีบพยักหน้าและรีบวิ่งตรงไปที่ห้องวีไอพีทันที..
  ครูใหญ่จางขอให้ถังเมิ่งช่วยไปเรียกหนิงหลิงยู่ออกมานั่นเอง..
  พนักงานเสริฟได้จัดการทำความสะอาดโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าทั้งสองโต๊ะไว้แล้วและเวลานี้หลิงหยุนก็กำลังพาทุกคนเข้าไปนั่ง ส่วนครูใหญ่จางก็เดินขึ้นไปบนเวที และกระซิบถามพิธีกรว่า
  “ไม่ทราบว่าผมจะขอพูดอะไรกับแขกในงานสักสิบนาทีจะได้หรือไม่ครับ”
บทที่ 862 : เรียนที่เดียวกันทั้งสามคน!
  พิธีกรชายบนเวทีนั้นจัดว่าเป็นพิธีกรที่มีชื่อเสียงของสถานีโทรทัศน์ในเจียงหนานเช่นกันเขาเห็นว่าครูใหญ่จางนั้นเดินมาพร้อมกับหลิงหยุนและคนอื่นๆ จึงคิดว่าครูใหญ่จางคงจะมีตำแหน่งไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน จึงรีบตอบกลับไปว่า
  “เชิญตามสบายเลยครับ..”
  ครูใหญ่จางพยักหน้าและเดินไปที่หลังโพเดียม เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ท่าทางไม่รีบร้อนที่จะพูดนัก และกำลังจัดการไมโครโฟนให้อยู่ตำแหน่งพอดีกับปากของตนเอง
  ครูใหญ่จางยืนหลังตรงอยู่หลังไมโครโฟนเขากวาดสายตามองไปยังแขกเหรื่อที่อยู่ภายในห้องจัดเลี้ยง ก่อนจะยกกำปั้นขึ้นไว้ที่ปากและกระแอมออกมาเบาๆ
  หลังจากที่ภายในห้องจัดเลี้ยงเริ่มเงียบสงบแล้วครูใหญ่จางจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย และเริ่มพูด..
  “สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน..ผมขออนุญาตแนะนำตัวเองก่อน ผมชื่อจางไห่หยางเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนมัธยมจิงฉู”
  ทั้งสีหน้าและคำพูดของจางไห่หยางนั้นบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะเป็นใคร.. หากนักเรียนของตนเองสามารถทำคะแนนสอบเอนทรานซ์ได้สูงสุดเช่นนี้ คนเป็นครูใหญ่ย่อมต้องภูมิอกภูมิใจอย่างแน่นอน!
  หลังจากที่ครูใหญ่จางแนะนำตัวจบเสียงปรบมือก็ดังสนั่นหวั่นไปไปทั่วทั้งห้องอีกครั้ง และครูใหญ่จางก็พูดขึ้นว่า
  “ผมคิดว่าทุกท่านคงจะทราบแล้วว่าผมคงจะต้องแจ้งเรื่องการประกาศผลผู้ที่ได้คะแนนสอบเอนทรานซ์สูงสุดของเจียงหนานใหม่ เพราะนักเรียนคนนั้นก็คือหลิงหยุนแห่งโรงแรมมัธยิมจิงฉู!”
  เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างอบอุ่นอีกครั้งและระหว่างที่พูดนั้นครูใหญ่จางก็มองไปทางหลิงหยุนด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
  หลิงหยุนจึงต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับโค้งตัวหมุนไปรอบๆให้กับแขกทั้งหมดที่อยู่ในห้อง
  “แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น..น้องสาวของหลิงหยุน – หนิงหลิงยู่เองก็ได้คะแนนสูงสุดของสายวิทย์เช่นกัน!”
  เหตุใดครูใหญ่จางจึงมาในวันนี้น่ะหรือแน่นอนว่าเขาไม่ได้มาเพียงเพราะหลิงหยุนคนเดียว แต่ยังมีนักเรียนที่ได้คะแนนสูงสุดในสายวิทย์อีกคนซึ่งก็คือหนิงหลิงยู่!
  ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นครูใหญ่จางภาคภูมิใจในตัวหนิงหลิงยู่มากที่สุด เพราะตั้งแต่ที่หนิงหลิงยู่เข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมจิงฉูนั้น เธอก็ได้สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนมากมาย ครูใหญ่จางประกาศออกมาด้วยสีหน้าที่ภาคภูมิใจอย่างที่สุด!
  หากไม่มีหลิงหยุนในวันนี้โรงเรียนมัธยมจิงฉูก็ยังมีหนิงหลิงยู่ที่จะคอยสร้างชื่อเสียงให้ มีหรือที่จางไห่หยางจะลืมเธอได้! แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าสองพี่น้องได้ช่วยกันสร้าชื่อเสียงให้โรงเรียนด้วยกันทั้งคู่ ครูใหญ่จางจึงยิ่งมีความสุขมากขึ้นเป็นสองเท่า..
  แทบไม่ต้องรอให้ครูใหญ่จางพูดจบเสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีก็ดังขึ้นภายในห้องจัดเลี้ยงอีกครั้ง..
  ช่วงเวลานั้นเป็นจังหวะที่หนิงหลิงยู่ก็เพิ่งเดินออกมาจากห้องวีไอพีพอดีเธอจึงได้ยินครูใหญ่จางกล่าวชื่นชมตนเอง ก็ได้แต่หน้าแดงด้วยความเขินอาย
  การสอบนั้นจะได้คะแนนเท่าไหร่ไม่สำคัญสำหรับหนิงหลิงยู่แต่สิ่งสำคัญคือเธอสามารถแบ่งปันความสุขความสำเร็จกับพี่ชายของเธอได้!
  หลิงหยุนเห็นหนิงหลิงยู่เดินออกมาก็รีบยกมือขึ้นกวักเรียก..
  “พี่ใหญ่!”
  หนิงหลิงยู่ร้องเรียกหลิงหยุนหน้าแดงพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาทันที
  “โอ้โห..ที่แท้สาวน้อยหน้าตาสวยที่สุดในกลุ่ม ก็เป็นน้องสาวของหลิงหยุนเองเหรอนี่!”
  “ทั้งพี่ทั้งน้องยังทำคะแนนสอบเอนทรานซ์ได้ดีที่สุดอีกด้วย!”
  “นี่เท่ากับต้องยินดีเป็นสองเท่า!”
  “นี่ลูกๆดูพี่ชายกับพี่สาวสองคนนี้เป็นตัวอย่างนะ..”
  แขกหลายคนในห้องก็อาศัยโอกาสนี้อบรมสั่งสอนลูกตัวเองให้เอาแบบหลิงหยุนกับหนิงหลิงยู่
  ครูใหญ่จางจงใจนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงเดินไปหากงเสี่ยวลู่ที่ยืนอยู่ด้านล่างเวที เขากวักมือเรียกกงเสี่ยวลู่ให้เธอเดินขึ้นมาด้านบน
  ครูใหญ่จางยิ้มพร้อมกับเอ่ยแนะนำกงเสี่ยวลู่“ผมขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับครูสอนวิชาภาษาอังกฤษของโรงเรียนมัธยมจิงฉู และครูประจำชั้นของหลิงหยุน..”
  “ด้วยความทุ่มเทของครูกงโรงเรียนมัธยมจิงฉูของเราจึงสามารถประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้ และเป็นความสำเร็จที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับโรงเรียนของเรามาก่อน..”
  “ผมบอกได้เลยว่าจากวันนี้ไปจะมีนักเรียนแห่มาสมัครเรียนที่โรงเรียนมัธยมจิงฉูกันมืดฟ้ามัวดินเป็นประวัติการณ์!”
  “และความสำเร็จของโรงเรียนในครั้งนี้ก็ล้วนแล้วแต่มาจากความทุ่มเทตั้งใจของครูกง ขอให้ทุกท่านปรบมือให้กับเธอด้วยครับ!”
  และเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำของครูใหญ่จางก็ทำให้กงเสี่ยวลู่ตัวแทบลอยขึ้นฟ้า..
  เสียงปรบมือของแขกภายในห้องดังขึ้นจนกงเสี่ยวลู่ที่อยู่บนเวทีแทบจะยืนไม่อยู่ และจู่ๆเธอก็นิ่งไปและอยู่ในอาการตื่นเต้น ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปทางหลิงหยุน..
  แววตาของหลิงหยุนที่จ้องมองกลับไปนั้นนอกจากจะให้กำลังใจกงเสี่ยวลู่แล้ว ยังมีแววล้อเลียนเธอด้วย..
  กงเสี่ยวลู่รีบถอนสายตากลับอย่างรวดเร็วและนึกโมโหที่ถูกหลิงหยุนทำสายตาล้อเลียนใส่ จากนั้นจึงหันไปมองครูใหญ่จางที่เดินผละออกจากไมโครโฟน และกำลังส่งยิ้มให้เธอ..
  ความหมายของครูใหญ่จางก็คือต้องการให้กงเสี่ยวลู่ได้มากล่าวอะไรกับแขกในห้องจัดเลี้ยงสักสองสามคำ..
  กงเสี่ยวลู่ที่กำลังโมโหหลิงหยุนต้องรีบสงบจิตสงบใจและกระซิบกับครูใหญ่จางทันที
  “ครูใหญ่จางคะ..คุณเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน แล้วการที่โรงเรียนของเราประสบความสำเร็จได้ในวันนี้ ก็เป็นเพราะการนำพาของคุณต่างหากล่ะคะ! คุณควรเป็นผู้กล่าวจึงจะถูกต้อง..”
  เมื่อเห็นว่ากงเสี่ยวลู่ไม่ต้องการที่จะกล่าวอะไรครูใหญ่จางจึงเดินกลับไปที่ไมโครโฟนพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “เอาล่ะ..เพื่อเป็นเกียรติกับทางโรงเรียน ผมในฐานะครูใหญ่จะขอใช้โอกาสนี้ทำการยืนยันตัวตนเข้ามหาวิยาลัยให้กับพวกเขาทั้งสองคน!”
  ทุกคนในห้องจัดเลี้ยงต่างก็ปรบมือแสดงความเห็นด้วย..
  หนิงหลิงยู่ที่ยืนอยู่ข้างหลิงหยุนนั้นเขินอายจนต้องเกาะแขนหลิงหยุนไว้แน่นพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า
  “พี่ใหญ่คะ..พี่ตั้งใจจะเข้าเรียนที่ใหนคะ”
  หลิงหยุนยกมือขึ้นบีบจมูกหนิงหลิงยู่อย่างเอ็นดูพร้อมกับตอบไปว่า“พี่เคยบอกไปแล้วไงว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยหยานจิง!”
  หนิงหลิงยู่พูดขึ้นอย่างไม่ลังเล“งั้นฉันก็จะเข้ามหาวิทยาลัยหนานจิงด้วย!”
  หลิงหยุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า“เธออยากจะเรียนที่ใหนก็เรียนเลย ไม่จำเป็นต้องมาตามพี่..”
  และแน่นอนว่าการที่หลิงหยุนคิดที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยหยานจิงนั้นเป็นเพราะความคาดหวังของนางฉินจิวยื่อกับหนิงหลิงยู่ ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่คิดที่จะสอบด้วยซ้ำไป
  หลิงหยุนหันไปมองฉีเสี่ยวชิงที่ยังคงนั่งเงียบเขาส่งกระแสจิตบอกเธอว่า
  –ฉีเสี่ยวชิง..ขึ้นไปบนเวทีกับผม!-
  หลังจากที่ถังเมิ่งเข้าไปเรียกหนิงหลิงยู่ที่อยู่ในห้องวีไอพีแล้วเขาก็จัดการยกโน๊ตบุ๊คขึ้นไปตั้งบนเวทีอีกครั้ง และจัดการเข้าเวปไซต์ของมหาวิทยาลัยรอไว้
  เมื่อหลิงหยุนขึ้นมาบนเวทีแล้วเขาก็ประกาศต่อหน้าแขกทุกคนโดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน
  “สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน..คิดว่าทุกท่านคงจะได้พบกับเธอคนนี้ที่ด้านหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยงมาแล้ว เธอชื่อฉีเสี่ยวชิง และเป็นนักเรียนที่ทำคะแนนสอบเอนทรานซ์ได้สูงเป็นอันดับสองของเจียงหนาน คะแนนของเธอห่างจากผมเพียงแค่สองคะแนนเท่านั้น และตอนนี้พวกเราก็จได้ทำการยืนยันตัวตนเข้ามหาวิทยาลัยที่ต้องการแล้ว..”
  สิ้นเสียงพูดของหลิงหยุนเสียงร้องอุทานก็ดังขึ้น!
  “อะไรนะ!เธอก็คือนักเรียนที่ได้คะแนนสูงเป็นอันดับสองงั้นเหรอ?!”
  “โอ้โห..วันนี้คนเก่งทั้งสามคนมารวมตัวกันที่นี่หมดเลย!”
  “เป็นเรื่องน่ายินดีมากจริงๆฉันคิดว่าเธอเป็น..”
  แต่คนผู้นั้นก็หยุดพูดไว้เพียงแค่นั้นเพราะเวลานี้คนที่ยืนเคียงข้างเธอไม่ใช่หลี่เทียนแต่เป็นหลิงหยุน!
  “ฉีเสี่ยวชิง..คุณจะลงทะเบียนก่อนมั๊ย”
  ฉีเสี่ยวชิงพยักหน้าอย่างไม่ลังเลและหลังจากที่หนิงหลิงยู่กับฉีเสี่ยวชิงจัดการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงคราวของหลิงหยุน..
  และหลิงหยุนก็เลือกเรียนคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยหยานจิง!
  ส่วนหนิงหลิงยู่เลือกเรียนคณะธรณีฟิสิกส์มหาวิทยาลัยหยานจิง!
  และฉีเสี่ยวเชียงเลือกเรียนคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยหยานจิง!