ชายผิวขาวคนนั้นไม่ได้สำนึกตัวเลยว่าเขาหาเรื่องผิดคนเสียแล้ว เขาจ้องหน้าเฉียวเหลียงอย่างประสงค์ร้าย รีบลุกขึ้นจากพื้น ตะโกนว่า “แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร! วันนี้พวกแกไม่มีใครหนีรอดไปได้แน่!”
เฉียวเหลียงไม่สนใจจะโต้ตอบคำพูดของเขา แค่ใช้เท้าถีบชายผู้นั้น แล้วจ้องหน้าชายที่ล้มลงไปนอนอยู่กับพื้น ตวาดลั่นว่า “พล่ามมากไปแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ถังซีก็ปิดปากหาว แล้วยื่นแขนออกไปหาเฉียวเหลียง ยิ้มมุมปากอย่างไม่ใส่ใจรอบข้าง บอกเขาว่า “อุ้มฉันหน่อยสิ เหนื่อยแล้ว”
คนพวกนี้อ่อนปวกเปียกมาก ไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่จะเทียบชั้นกับเฉียวเหลียง กล้ามาท้าทายเฉียวเหลียงได้อย่างไรกัน! รนหาที่ตายแท้ๆ! แต่ทำไมผู้ชายคนนั้นจึงเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นนักแสดง… เฉียวเหลียงอุ้มเธอขึ้นไว้ในอ้อมแขน ขณะเธอหันไปมองชายที่ยังนอนกองอยู่บนพื้น เธอขยับริมฝีปากกำลังจะเอ่ยถาม แต่เฉียวเหลียงออกคำสั่งขึ้นก่อนว่า “เอาตัวเขากลับไปสอบสวน”
ถังซีเหลือบสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามไปยังเฉียวเหลียง แต่ฝ่ายหลังไม่มองเธอเลย และไม่อธิบายใดๆ อีกด้วย ถังซีโอบแขนไปรอบคอเขา ถูไถใบหน้ากับอกเขาเบาๆ ยิ้มนิดๆ ราวจิ้งจอกน้อยแสนน่ารัก “คุณดูแข็งแกร่งมากเลยตอนที่ชกผู้ชายคนนั้น ฉันไม่เคยเห็นคุณแสดงท่าทางเท่ๆ แบบนี้มาก่อนเลย”
เฉียวเหลียงมองหน้าถังซี และกล่าวขึ้นอย่างเคร่งขรึมว่า “กลับถึงบ้านแล้ว เขียนจดหมายขอโทษผมด้วย”
ถังซีกะพริบตาถี่ๆ มองหน้าเฉียวเหลียงอย่างงุนงง เฉียวเหลียงอุ้มเธอไปขึ้นรถ ปิดประตูรถ แล้วอ้อมไปนั่งบนที่นั่งคนขับ เขาปรายตามองถังซีซึ่งนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ กล่าวว่า “ลืมแล้วเหรอ คุณสัญญากับผมไว้ว่า จะไม่ทำอะไรให้ตัวเองต้องเจ็บตัว ผมคิดวิธีอื่นที่จะทำโทษคุณไม่ได้ นอกจากจะให้เขียนจดหมายขอโทษผม!”
ถังซีเกือบจะร้องไห้โฮออกมา “… สิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการเขียนจดหมายขอโทษ และการเขียนเรียงความ! ทำไมคุณถึงทำกับฉันแบบนี้…”
“ผมอยากให้คุณจำบทเรียนนี้ไว้” เฉียวเหลียงสตาร์ตรถและขับออกไป
ถังซีส่งเสียงคำรามออกทางจมูก และมีสีหน้าบึ้งตึง แล้วทันใดนั้นเธอก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวออกมาจากเงามืด มายกร่างพวกผู้ชายที่นอนกองอยู่กับพื้นออกไป…
ถังซีรู้สึกประหลาดใจ “…” แสดงว่าคนของเฉียวเหลียงซ่อนตัวอยู่ในเงามืดอย่างนั้นหรือ แต่ทำไมพวกเขาถึงได้เพียงแค่ซุ่มดู ไม่ออกมาช่วยเฉียวเหลียง เป็นเพราะพวกเขารู้ดีว่าเฉียงเหลียงแข็งแกร่งพอจะจัดการกับชายเหล่านั้นได้ หรือว่า… เป็นเพราะพวกเขาเกลียดเฉียวเหลียงกันแน่ เลยไม่ต้องการออกมาช่วยเหลือเขา
ถังซีคิดว่าต้องเป็นเพราะเฉียวเหลียงกวนประสาทอย่างยิ่ง พวกเขาเลยไม่อยากจะช่วย ใช่แล้ว เธอต้องคิดถูกแน่นอน!
ถังซีตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้นพร้อมด้วยอาการปวดศีรษะอย่างแรง เธอกระเสือกกระสนลุกจากเตียง และเดินมึนตึ้บไปที่ระเบียงเพื่อเล่นโยคะ เฉียวเหลียงกลับมาจากข้างนอก เห็นถังซีกำลังเล่นโยคะอยู่บนระเบียงก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้า เดินเข้ามาหาและดุด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เข้าไปฝึกในห้อง ข้างนอกนี่หนาวเกินไป”
“ฉันต้องได้รับอากาศบริสุทธิ์บ้าง จะได้สร่างเมา” ถังซียังคงอยู่บนเสื่อโยคะ ไม่ได้หันมามองเขา เมื่อเห็นว่าเธอไม่สนใจคำสั่งของเขา เฉียวเหลียงก็เดินเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาหรี่ตาลงจ้องหน้าถังซี แล้วกล่าวว่า “คุณยังไม่ได้เขียนจดหมายขอโทษผมเลย”
ถังซีชะงักทันที หันกลับมามองเฉียวเหลียง เธอนิ่งขึงค้างอยู่ครู่หนึ่ง แล้วทันใดนั้นก็ลุกขึ้นยืน ร้องออกมาว่า “ก็ได้! ก็ได้! จดหมายขอโทษสองพันคำ ตกลงไหม ฉันเองก็ไม่ได้อยากเป็นคนที่มีเสน่ห์มากมายอย่างนี้หรอก คุณรู้ไหม ฉันเสียใจนะที่เกิดมามีเสน่ห์แบบนี้!”
เฉียวเหลียงถึงกับพูดไม่ออก “…” แล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ ถังซีจ้องเขาตาคว่ำ ถามว่า “คุณหัวเราะอะไร!”
เฉียวเหลียงเอื้อมมือมาลูบผมถังซี กล่าวว่า “ผมหัวเราะเพราะคุณน่าเอ็นดูมาก”
เมื่อโดนเฉียวเหลียงชมซึ่งๆ หน้าถังซีก็ถึงกับเขินจนแก้มแดง เธอยิ้ม แล้วเลิกคิ้วมองเฉียวเหลียง ถามเขาว่า “ถ้างั้นไม่ต้องให้ฉันเขียนจดหมายขอโทษได้ไหมล่ะ ยกประโยชน์ให้ความน่าเอ็นดูของฉันได้ไหม”
เฉียวเหลียงยิ้ม แล้วหยิกแก้มเธอเบาๆ สั่นศีรษะ “ไม่มีทาง”
สีหน้าถังซีเปลี่ยนเป็นบึ้งในทันที เธอสะบัดมือเฉียวเหลียงออก “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมาพูดกับคนน่ารัก เพราะเธอโกรธคุณมาก!”
เฉียวเหลียงส่ายศีรษะ ขณะเดินออกไปนอกห้อง และกล่าวว่า “ผมจะไม่ให้คุณทานอาหารเช้าจนกว่าจะเขียนจดหมายขอโทษเสร็จ รายการอาหารเช้าวันนี้คือกุ้งล็อบสเตอร์ เพิ่งส่งตรงมาจากชายทะเล จะต้องอร่อยมากแน่ๆ!”
“เฉียวเหลียง ฉันเกลียดคุณ!” ถังซียกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างขัดใจ เธอตั้งใจจะเขียนจดหมายขอโทษคืนนี้ แต่นี่เขาเอาอาหารทะเลมาล่อ กุ้งล็อบสเตอร์เชียวเหรอ! เธอเกลียดเขาจริงๆ!
ถังซีไปล้างหน้าล้างตา เข้าไปในห้องทำงานและปิดประตูดังปัง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เริ่มค้นหาตัวอย่างจดหมายขอโทษจากไป๋ตู้ แต่ตัวอย่างพวกนั้นล้วนแล้วแต่เขียนโดยนักเรียนนักศึกษา ไม่มีแบบไหนที่ตรงกับสิ่งที่เธอต้องเขียนเลย อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาถังซีจึงได้เริ่มลงมือเขียน เฉียวเหลียงอยากเข้าไปดูเธอในห้องทำงาน แต่ถังซีล็อกประตูไว้ เขาจึงเข้าไปไม่ได้ ถังซีขบปลายปากกา เขียนไปหยุดไปอย่างลังเลไม่มั่นใจ เธอใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงเต็ม จึงเขียนจดหมายขอโทษจำนวนสองพันคำได้สำเร็จ…
เฉียวเหลียงมองดูถังซีซึ่งหมดสภาพอย่างที่สุดแล้วหัวเราะ ถังซีส่งเสียงคำรามเบาๆ โยนกระดาษสองแผ่นที่ถืออยู่ในมือให้เฉียวเหลียง แล้ววิ่งออกไปที่ห้องทานอาหาร เธอไม่ยอมล้างมือก่อนด้วยซ้ำขณะวิ่งตรงเข้าใส่กุ้งล็อบสเตอร์ เมื่อเห็นเนื้อล็อบสเตอร์ที่แกะไว้แล้ววางอยู่ในจาน เธอก็หันไปมองเฉียวเหลียง เม้มริมฝีปากแล้วกล่าวว่า “คุณคิดว่าฉันจะยกโทษให้คุณเพราะคุณแกะล็อบสเตอร์ไว้ให้ฉันอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง! ถึงจะเป็นกุ้งล็อบเสตอร์ก็ไม่สามารถทดแทนสิ่งที่คุณทำกับฉันได้!”
“เนื้อกุ้งล็อบสเตอร์นั่นไม่ใช่สำหรับคุณ” เฉียวเหลียงซึ่งกำลังก้มหน้าอ่านจดหมายขอโทษอยู่ เงยหน้าขึ้นมองเธอแล้วกล่าวว่า “คุณไม่ได้ทำอะไรที่คู่ควรกับการได้รางวัลเป็นล็อบสเตอร์เลย”
“หมายความว่ายังไง” ถังซีกัดปลายตะเกียบด้วยความโกรธ ถามต่อไปว่า “คุณไม่ได้บอกหรือว่าให้ฉันกินล็อบสเตอร์ได้ หลังจากเขียนจดหมายขอโทษแล้ว”
“ก็ใช่ มีกุ้งล็อบสเตอร์ที่ยังไม่ได้แกะเปลือกอยู่ในหม้อ” เฉียวเหลียงยังคงอ่านจดหมายต่อไปโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองเธอ ขณะอ่านจดหมายขอโทษที่ถังซีเขียน เขารู้สึกได้ในทันทีว่าการเป็นครูสอนภาษาจีนให้กับถังซีนั้น คงเปรียบได้กับการถูกลงโทษสถานหนัก หากเขาเป็นครูสอนภาษาจีนของถังซี เขาก็อาจจะอยากฆ่าตัวตายไปเสียเลย!
จดหมายขอโทษ… ฉันคิดว่าฉันผิดไปแล้ว ฉันสวยเกินไปจึงทำให้ได้รับความสนใจมากมาย ทำให้เฉียวเหลียงเกิดความหึงหวง ฉันคิดว่าเป็นความผิดของฉัน ฉันไม่ควรจะสวยมากเช่นนี้ หากฉันไม่สวยขนาดนี้ ก็คงไม่มีผู้ชายมาให้ความสนใจมากมาย และเฉียวเหลียงก็จะได้ไม่เป็นทุกข์ ใช่แล้ว นี่เป็นความผิดของฉันทั้งหมด ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะเป็นตราบาปที่เกิดมาสวยเกินไป ทำไมฉันจึงต้องสวยขนาดนี้ จะมีประโยชน์อะไรกับชีวิตฉันที่สวยถึงขนาดนี้ ไม่มีเลย แล้วฉันยังต้องมานั่งเขียนจดหมายขอโทษที่เกิดมาเป็นคนสวยเกินไปอีก…
นี่คือจดหมายขอโทษหรืออะไร… เธอกำลังกล่าวโทษว่าเขาหึงหวงจนเกินเหตุ ทันใดนั้นเฉียวเหลียงก็รู้สึกว่าเป็นความผิดพลาดที่เตรียมกุ้งล็อบสเตอร์ไว้ให้เธอ!
แม่สาวคนนี้ไม่ได้สำนึกเลยว่า เธอตกอยู่ในอันตรายขนาดไหนเมื่อคืนนี้ หากเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย เธอจะต้องเจอกับอะไรบ้าง นี่เธอไม่รู้เลยหรือ