ตอนที่ 712 หลบหนี
หลังจัดการทำแผลให้นางเรียบร้อยแล้วมู่จวินฮานก็นั่งตริตรองเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง เรื่องวันนี้หาใช่อุบัติเหตุไม่และมิน่าเป็นคนของแคว้นชิงเยว่เพราะเห็นได้ชัดว่าต้องเป็นคนที่อยู่ในค่าย
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นเขาก็ยิ้มอย่างขมขื่น หลายปีมานี้ผู้ที่อยากเอาชีวิตเขามีมากมายนับมิถ้วน แต่ล้วนเป็นเพราะตระหนักถึงอำนาจของวังหลวงจึงล่าถอยไป ทว่าคนผู้นี้ร้อนใจจนรอมิไหวเสียแล้ว
จากนั้นเขาก็นึกถึงตอนที่อันหลิงเกอเอาตัวขวางกระบี่โดยมิห่วงชีวิต ภายในใจของเขาก็เกิดความสับสนขึ้นมา เดิมทีคิดว่าอันหลิงเกออยากสังหารเขา ดูท่าตอนนี้น่าจะมิใช่นาง
ทำให้เขาเอาแต่มองสตรีที่อยู่ในอ้อมแขน มิรู้ว่านางกำลังฝันถึงสิ่งใดอยู่ หัวคิ้วของนางจึงได้ขมวดราวกับเจ็บปวดอย่างมาก อีกทั้งลมหายใจก็หนักหน่วงและใบหน้าที่ดูอ่อนหวานก็ซีดเผือดมิน้อย
จนถึงตอนนี้มู่จวินฮานยังมิเข้าใจว่าเหตุใดนางต้องช่วยเขาด้วย ทั้งที่เขาทำร้ายนางมากมายเพียงนั้นและยังขับไล่นางอีกด้วย
สตรีคนนี้มักจะโง่เขลาเช่นนี้เสมอ
ทั้งที่เขาให้นางออกห่างไปแล้ว แต่นางก็ยังหวนกลับมา
มู่จวินฮานยิ่งคิดก็ยิ่งมิเข้าใจ มิหนำซ้ำเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้เขาหมดเรี่ยวแรงจึงได้เอนกายลงกับผนังถ้ำเพื่อพักผ่อน
กลางดึก มู่จวินฮานสะดุ้งตื่นเพราะการพลิกตัวของอันหลิงเกอ ดูเหมือนว่าในเวลานี้อันหลิงเกอเจ็บปวดที่บาดแผลมากจึงพลิกตัวไปมามิหยุด เห็นได้ชัดว่านางนอนไม่สบายเอาเสียเลย
“เกอเอ๋อ” มู่จวินฮานยังมีท่าทีเย็นชาต่อนางอยู่ แต่ความกังวลใจที่ผุดขึ้นมานั้นมิว่าคิดปิดบังเยี่ยงไรก็มิอาจจะปิดได้
“จวินฮาน จวินฮาน…” ระหว่างที่อันหลิงเกอกำลังฝันอยู่นั้นก็ได้เพ้อออกมา ท่าทางของนางดูตึงเครียดคล้ายกำลังหนีการตามล่าอยู่ มิรู้เพราะเหตุใดการได้ยินชื่อของตนออกมาจากปากของนาง มู่จวินฮานจึงมีความสุขยิ่งนัก
จากนั้นเขาก็เฝ้าอันหลิงเกอตลอดทั้งคืนมิได้ห่างจากนางแม้แต่น้อยและมิได้นอนหลับอีกเลย เขาจับมือทั้งสองข้างของอันหลิงเกอไว้แน่นพร้อมคอยปลอบนางมิหยุด
ส่วนอันหลิงเกอที่กำลังฝันอยู่คล้ายรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่มาจากมู่จวินฮาน นางจึงขยับเข้าไปซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วหลับไป เมื่อเห็นท่าทางน่ารักของนางเช่นนี้แล้ว มู่จวินฮานจึงรู้ว่าอาการบาดเจ็บของนางทุเลาลงบ้าง
โชคดีที่กระบี่มิได้โดนจุดสำคัญ เช่นนั้นเกรงว่าด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้คงมิอาจช่วยอันหลิงเกอเอาไว้ได้ เมื่อนึกถึงตรงนี้มู่จวินฮานก็ต้องขมวดคิ้วอีกครา
พลันเขาก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน เขาแค่บังเอิญไปหาทัวป๋าหลิวลี่ที่ภูเขาด้านหลังเท่านั้น หลังจากนั้นก็เห็นพวกนางสองคนกำลังโต้เถียงกันจนสุดท้ายก็เกิดเรื่องราวเหล่านี้ขึ้น
เห็นได้ชัดว่ามือสังหารเหล่านั้นซุ่มอยู่นานแล้ว อย่างน้อยต้องมารออยู่ในป่าก่อนหน้านี้แล้ว มิเช่นนั้นคงไล่ตามเขาและอันหลิงเกอมาถึงริมฝั่งแม่น้ำไม่ได้แน่
เมื่อนึกถึงตรงนี้มู่จวินฮานก็อดรู้สึกหวาดกลัวมิได้ คนที่มีความคิดรอบคอบเช่นนี้เป็นใครกันแน่
แต่มิว่ามู่จวินฮานจะคิดเช่นไรก็มิอาจหาเหตุผลและทราบถึงผู้บงการได้เลย
ใช่ว่าเขาจะมิสงสัยฟางหลิงซู่ เพียงแต่เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างฟางหลิงซู่และอันหลิงเกอในตอนนี้ มิว่าเยี่ยงไรก็คงไม่มีทางทำร้ายอันหลิงเกอแน่ ยิ่งไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ด้วยเหตุนี้เขาจึงมิได้สงสัยฟางหลิงซู่อีก แต่สิ่งที่ทำให้ภายในใจของมู่จวินฮานสับสนและความหวั่นไหวนั้นเกิดขึ้นตอนที่อันหลิงเกอช่วยเขาเอาไว้
เช้าวันต่อมา มู่จวินฮานก็พาอันหลิงเกอกลับมายังที่ตั้งค่าย
ขณะที่นั่งอยู่ข้างเตียง มู่จวินฮานก็อดตำหนิตนเองมิได้
“เกอเอ๋อ ข้าปกป้องเจ้ามิดีเอง” มู่จวินฮานเรียกนางอย่างสนิทสนมราวกับต้องการชดเชยให้นางบ้าง อันหลิงเกอเองก็มองออก
นางจึงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานแล้วก็อดขมวดคิ้วมิได้
สิ่งที่นางคิดหาใช่เรื่องที่ตนยอมสละชีวิตช่วยมู่จวินฮาน แต่นึกถึงการลอบสังหารต่างหาก
มิรู้เพราะเหตุใดทันทีที่ตื่นขึ้นมาอันหลิงเกอก็ปะติดปะต่อเรื่องราวในหัวและมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา
ในความคิดของนางมีคนผู้หนึ่งผุดขึ้นมาด้วย
ฟางหลิงซู่
หากเรื่องทั้งหมดนี้เขาเป็นคนทำก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้
แต่เมื่ออันหลิงเกอนึกถึงตอนที่มือสังหารลงมือกับตนเช่นนั้นแล้วภายในใจก็ค้านขึ้นมาทันที ไม่มีทางเป็นฟางหลิงซู่ได้หรอก เขาไม่มีทางทำร้ายนางเพราะฟางหลิงซู่ดีต่อนางเพียงนั้น
เมื่อคิดได้เช่นนี้อันหลิงเกอก็อดรู้สึกผิดต่อเขามิได้ นางกล้าสงสัยฟางหลิงซู่ได้เยี่ยงไร
ทั้งที่ฟางหลิงซู่ชัดเจนต่อนางมาโดยตลอด ฟางหลิงซู่เคยช่วยไว้อย่างไรบ้าง มิหนำซ้ำยังคอยช่วยให้นางกับมู่จวินฮานได้คืนดีกัน ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นความจริง
ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ฟางหลิงซู่จะบงการอย่างแน่นอน อันหลิงเกอครุ่นคิดจนตกอยู่ในภวังค์แล้วสะบัดศีรษะไปมาโดยมิรู้ตัว
มู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอทำเช่นนั้นก็รู้ว่านางกำลังทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอยู่ เขาจึงยิ้มออกมาก่อนจะกดหัวไหล่ของนางเบา ๆ เพื่อให้นางนอนพักผ่อน
“อย่าคิดมากเพราะมันไม่มีอันใดแล้ว” น้ำเสียงของมู่จวินฮานช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ทำให้อันหลิงเกออดมองเขาอย่างตกตะลึงมิได้
พลันหางตาของนางก็เปียกชื้นโดยมิรู้ตัว นางมองมู่จวินฮานทว่าในใจกลับมีความทุกข์มากมาย แต่มิรู้จะเริ่มกล่าวกับเขาเช่นไร
เมื่อเห็นอันหลิงเกอร้องไห้ออกมา มู่จวินฮานก็ทำอันใดมิถูก เดิมทีเขาก็มิใช่บุรุษที่ละเอียดอ่อนจึงมิเข้าใจความรู้สึกของสตรีเช่นนี้ บัดนี้พอเห็นอันหลิงเกอร้องไห้ออกมา นอกจากเขาจะร้อนรนรีบเช็ดน้ำตาให้นางจนวุ่นไปหมดแล้วก็มิรู้ว่าควรทำสิ่งใดอีกบ้าง
ผ่านไปพักหนึ่งน้ำตาของอันหลิงเกอก็หยุดไหล นางเหมือนร้องไห้จนเหนื่อยแล้วหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
มู่จวินฮานเห็นท่าทางของอันหลิงเกอก็อดยิ้มเอ็นดูมิได้
หลังกลับถึงค่ายมู่จวินฮานมิได้รีบร้อนตามสืบเรื่องการลอบสังหารในครั้งนี้ แต่เดินไปที่กระโจมของทัวป๋าหลิวลี่แทนเพราะกระโจมของนางกับอันหลิงเกออยู่มิไกลกันมากนัก พอมู่จวินฮานไปถึงหน้าประตูก็เกิดความลังเลว่าจะเข้าไปดีหรือไม่
ทว่าท่าทางเหมือนคนเสียสติของทัวป๋าหลิวลี่เมื่อวานยังติดตาเขาอยู่ หากมิใช่เพราะเรื่องนั้นก็เกรงว่าเขาและอันหลิงเกอคงมิตกมาอยู่ในจุดนี้
มู่จวินฮานมิได้สงสัยทัวป๋าหลิวลี่เพราะนางไร้อำนาจในต้าโจวจึงมิน่าจะมีความสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้
เรื่องเมื่อวานมองแล้วน่าจะมีการเตรียมการมานาน ทัวป๋าหลิวลี่อยู่แต่ในจวนทั้งวัน ไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นได้อย่างแน่นอน เมื่อนึกถึงตรงนี้มู่จวินฮานก็ลบความสงสัยในตัวนางออกไป
เขาเดินเข้าไปในกระโจม เมื่อเข้าไปด้านในแล้วมู่จวินฮานก็เห็นทัวป๋าหลิวลี่กำลังนั่งอยู่บนเตียง เวลานี้นางเองก็รู้เรื่องของอันหลิงเกอแล้วเช่นกัน มิต้องบอกว่าภายในใจนางมีความสุขมากเพียงใด แต่การที่มู่จวินฮานมาหาในเวลานี้มองแล้วคงมิใช่เรื่องดีสักเท่าไร