บทที่ 223 เสี่ยวเข่อลี่ถูกปล่อยตัว

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 223 เสี่ยวเข่อลี่ถูกปล่อยตัว

“พรุ่งนี้เช้าฉันจะกลับเมืองหลวงแต่เช้า” มู่หรงเสวี่ยพูด

“คุณมู่หรง เรายังไม่ได้ไปดูที่จังหวัดเลยนะครับ พรุ่งนี้คุณอยากที่จะพยายามลองดูใหม่ไหมครับ?” หลงอี้ถามออกมา

มู่หรงเสวี่ยเหล่ไปที่หลงอี้ ตอนนี้เธอมั่นใจแล้วว่าหลงอี้ไม่อยากให้เธอกลับไปที่เมืองหลวง ต้องเป็นเพราะเกิดเรื่องอะไรที่เมืองหลวงแน่ๆ

เธอมีความรู้สึกไม่ดีและอยากที่จะกลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้เลย

หลงอี้ที่เห็นสายตาของมู่หรงเสวี่ยรู้สึกได้ถึงเหงื่อเย็นๆจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรต่อ

ดราก้อนมาสเตอร์​ เขาพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว

ในตอนเย็นระหว่างที่พัก หลงอี้รีบรายงานดราก้อนมาสเตอร์ทันทีถึงเรื่องที่มู่หรงเสวี่ยจะกลับไปที่เมืองหลวงพรุ่งนี้ อย่างที่คาดไว้ ดราก้อนมาสเตอร์ด่าเขาแล้ววางสายเสียงดัง “ปัง” ใส่เขา

หลงอี้เบะปาก ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมท่านถึงไม่อยากให้คุณมู่หรงกลับไปที่เมืองหลวง เขาเองก็พยายามอย่างที่สุดแล้วที่จะห้ามเธอ

เช้าตรู่วันต่อมา มู่หรงแทบรอไม่ไหวที่จะออกเดินทาง เมื่อวานเธอจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าไว้แล้ว หลงอี้เดินตามเธอไปอย่างใกล้ชิด สมาชิกของดราก้อนพาวิลเลี่ยนที่ก่อนหน้านี้มาช่วยคุ้มครองมู่หรงเสวี่ยในช่วงหลายวันที่ผ่านมากลับไปที่ทีมแล้ว ในเมืองหลวงก็มีทีมของเมืองหลวงดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นที่จะตามมาด้วย

หลงอี้ส่งข้อความไปหาดราก้อนมาสเตอร์ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบิน ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าทำไมดราก้อนมาสเตอร์ถึงไม่ยอมให้คุณมู่หรงกลับไปที่เมืองหลวงแต่เขาก็ยังแจ้งดราก้อนมาสเตอร์​ก่อนอยู่ดี

หลังจากที่ถึงเมืองหลวง มู่หรงเสวี่ยก็รีบตรงไปที่ฐานของดราก้อนพาวิลเลี่ยนในเมืองหลวงทันที มู่หรงเสวี่ยหยุดที่จุดตรวจแต่รอยนิ้วมือของเธอกลับใช้ไม่ได้ ประตูนี้จะนำไปสู่ห้องทำงานของฮวงฟูอี้ แต่ก่อนเธอสามารถผ่านไปได้อย่างง่ายๆแต่ตอนนี้กลับไม่ได้ สีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที ฮวงฟูอี้?

หลงอี้เองก็ยังแปลกใจอย่างมาก ที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?!!! ดราก้อนมาสเตอร์ห้ามไม่ให้คุณมู่หรงเข้าหรือออกที่นี่งั้นเหรอ?

มู่หรงเริ่มที่จะตัวสั่นเล็กน้อยและมองไปทางหลงอี้หนึ่ง “นี่…นี่คือการต้อนรับกลับงั้นเหรอ?”

หลงอี้ยิ้มอย่างเกร็งๆ “คุณมู่หรง ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน…”

มู่หรงเสวี่ยหยิบโทรศัพท์ออกมาและพยายามที่จะโทรหาฮวงฟูอี้ โทรซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่ก็ไม่มีใครรับสาย

ไม่นานนักประตูก็ถูกเปิดออกจากข้างใน

ร่างที่เดินออกมาทำให้โทรศัพท์ในมือของมู่หรงเลือนตกลงไปที่พื้นในทันที สายตาเธอจ้องตรงและร่างกายเริ่มที่จะสั่นอย่างรุนแรง เธอรีบพุ่งไปที่เสี่ยวเข่อลี่ที่อยู่ข้างหน้า “นังบ้า เธอมาอยู่ที่ไหนได้ยังไง?!!” เธอควรที่จะอยู่ในคุกไม่ใช่เหรอ?!! เธอออกมาจากห้องทำงานของฮวงฟูอี้ได้ยังไง? ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวจนทำให้เธอแทบจะทรุดลงไป

เสี่ยวเข่อลี่เผยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับว่าเธอกำลังหัวเราะใส่ความอับอายของมู่หรงเสวี่ย “ปล่อยนะ คงปวดใจสินะแต่ดราก้อนมาสเตอร์คงจะชอบเรื่องนี้…”

“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร? ฉันจะฆ่าเธอ!” มู่หรงเสวี่ยดึงมีดออกมาจากเอวและตั้งใจที่จะแทงไปที่เสี่ยวเข่อลี่อย่างไร้ความปราณี

แต่ก็มีอีกมือเข้ามาจับเธออย่างเร็วและผลักเธอไปด้านข้างจนมู่หรงถึงกับเซแทบจะยืนไม่ตรงและล้มลงไปกับพื้น

เธอมองไปที่มือตัวเองและเห็นว่าฮวงฟูอี้ เธอแปลกใจเล็กน้อยและร้องออกมา “อี้ ฉันกลับมาแล้ว…” ก่อนที่เธอจะได้พูดจบ เธอก็ต้องตกใจกับท่าทางต่อมาของฮวงฟูอี้ “เธอยังไม่ไปอีกเหรอ!” ฮวงฟูอี้เดินไปหาเสี่ยวเข่อลี่และพูดเสียงเบา
เสี่ยวเข่อลี่มองมาที่มู่หรงเสวี่ยด้วยความภูมิใจแล้วจึงพูดออกมาด้วยเสียงที่อ่อนหวาน “รู้แล้วค่ะที่รัก เดี๋ยวเจอกันตอนเย็นนะคะ!” เมื่อพูดจบก็ทำปากและจูบไปที่ฮวงฟูอี้

ในมุมที่มู่หรงเสวี่ยไม่เห็น ฮวงฟูอี้มองเสี่ยวเข่อลี่อย่างเย็นชา ความดำมืดในดวงตาของเขาทำให้เสี่ยวเข่อลี่สั่นจนไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก เธอเดินออกไปด้วยท่าทางทรงเสน่ห์ ก่อนที่จะไปเธอก็ยังหัวเราะออกมาเสียงดังราวกับเป็นการประกาศชัยชนะให้มู่หรงเสวี่ยได้รับรู้

มู่หรงเสวี่ยแทบจะยืนไม่ตรง เธอต้องพิงกำแพงเพื่อที่จะพยุงร่างกายตัวเองที่ราวกับเพิ่งโดนฟ้าผ่ามา เธอบังคับตัวเองให้สงบและถามออกไป “อี้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” ตราบใดที่เขาอธิบาย เธอก็จะเชื่อ

ฮวงฟูอี้ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พูดออกมาประโยคสั้นๆว่า “ก็เป็นอย่างที่เธอเห็น…” แล้วก็เดินเข้าไปข้างในโดยไม่หยุดหันมามอง ประตูปิดใส่หน้ามู่หรงเสวี่ย

ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อประตูปิดลง สีหน้าของฮวงฟูอี้ก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด

เป็นไปได้ยังไง! เธอรู้สึกช่างเหน็บหนาวเหลือเกิน!!!

มู่หรงเสวี่ยกอดร่างตัวเองไว้ด้วยมือทั้งสองแต่ก็ยังตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้อยู่ดี

หลงอี้ที่ตืนตกใจอยู่ ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น เขาถามมู่หรงเสวี่ยออกไปด้วยเสียงต่ำ “คุณมู่หรง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ…” ในน้ำเสียงมีความเป็นห่วงอยู่ด้วย แม้แต่เขาที่เห็นคุณมู่หรงก็ยังรู้สึกสงสารอยู่เล็กๆ

มู่หรงเสวี่ยที่กำลังตกใจแต่ก็ยืดหลังตรงแล้วพูดออกมาด้วยเสียงที่ยังสั่น “ฉันไม่เป็นไร ก่อนอื่นพาฉันไปหาคุณปู่คุณย่าก่อน…”

นี่ก็แค่ความเจ็บปวดที่อยู่ในหัวใจของเธอ

หลังจากที่ไปถึงห้องของคุณปู่คุณย่า มู่หรงเสวี่ยก็ปิดประตูอย่างไม่ปรานีใส่หลงอี้ “คุณปู่ คุณย่า” มู่หรงเสวี่ยกอดร่างท้วมของคุณย่าและพยายามที่จะกลั้นน้ำตาที่อยากจะไหลออกมา
“ปู่ไม่เจอหนูมาตั้งครึ่งเดือน หนูหายไปไหนมา? แล้วทำไมพ่อกับแม่หนูไม่มาเยี่ยมพวกเราเลยล่ะ…” คุณปู่บ่นออกมาอย่างกระปอดกระแปด

หลังจากนั้นสักพักมู่หรงก็จับมือคุณปู่คุณย่าและพูดออกมาว่า “คุณปู่ คุณย่าค่ะ เราอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว หนูพาไปอยู่ที่อื่นได้ไหมคะ?”

“มีเรื่องอะไรเหรอเปล่า?” คุณย่าถามอย่างเป็นกังวล

มู่หรงเสวี่ยส่ายหัว “ไม่หรอกค่ะ เพียงแค่ว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา มันคงไม่ดีเท่าไรที่จะรบกวนคนอื่นนานๆ…”

“งั้นไปกันเถอะ!” คุณปู่หยุดการถามของคุณย่า พยักหน้าแล้วพูดออกมา ท่าทางของเด็กสาวดูไม่ค่อยดีเท่าไร จะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าและเดินนำคุณปู่คุณย่าไป แล้วแทบจะในทันทีพวกเขาก็หายไปจากห้อง หลังจากที่เข้ามา คุณปู่คุณย่าก็มองไปรอบๆอย่างไม่อยากจะเชื่อ หลังจากเวลาผ่านไปนานพวกท่านก็เริ่มที่จะถามออกมา “นี่…นี่มันที่ไหนกันเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยเดินนำพวกท่านไปที่ห้องใต้หลังคา “คุณปู่ คุณย่าค่ะ นี่คือมิติลับของหนู ไม่มีใครเข้ามาที่นี่ได้…หนูเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณปู่คุณย่า งั้นช่วยพักอยู่ที่นี่ชั่วคราวได้ไหมคะ?!! หนูจะจัดการปัญหาบางอย่างให้เร็วที่สุดแล้วจะมาพาคุณปู่คุณย่าออกไปนะคะ…”

“หนูหมายความว่าไง ที่นี่มันที่ไหนกัน? เมื่อกี้เรายังอยู่ในห้องกันอยู่เลย” คุณย่าถาม ยังไม่อยากจะเชื่อในเรื่องทุกอย่างที่มู่หรงเสวี่ยพูดออกมา

หลังจากที่ทั้งสามเข้าไปในห้องใต้หลังคา มู่หรงเสวี่ยก็ขอให้คุณปู่คุณย่าพักอยู่ในห้องว่างๆ ซึ่งมีเพียงเตียงและผ้าห่มที่เธอเตรียมไว้นานแล้ว เพราะในมิติลับ จะไม่มีอะไรที่ต้องตายและเธอไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องที่คุณปู่คุณย่าจะแก่ตัวลงด้วย อีกอย่างการที่ได้อาบแสงออร่าของมิติลับทุกวันยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสุขภาพได้อีกด้วย

“คุณปู่ คุณย่าคะ นั่งลงก่อนนะคะแล้วเดี๋ยวหนูจะค่อยอธิบายให้ฟัง…” มู่หรงเสวี่ยเริ่มจากการเปิดกำไลแห่งมิติลับแล้วจึงบอกเรื่องที่พวกท่านควรจะรู้ให้ฟัง นอกจากนี้เธอก็ยังเตือนพวกท่านไม่ให้เข้าไปที่อีกด้านของน้ำตกด้วย
เธอเป็นห่วงว่าพวกท่านจะเป็นเหมือนพ่อกับแม่ของเธอ

หลังจากที่มู่หรงเสวี่ยเล่าเรื่องอยู่เป็นชั่วโมง สุดท้ายพวกท่านก็เข้าใจสิ่งที่เธอพูดแต่ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่

มู่หรงเสวี่ยรู้สึกผิดอย่างมากเพราะถึงแม้มิติลับจะดีแต่มันก็ถูกแยกออกจากโลกข้างนอกอย่างสิ้นเชิง พวกท่านคงจะเบื่อน่าดู

ในทางตรงกันข้าม พวกท่านกลับปลอบเธอว่าพวกท่านชอบมิติลับนี้ มู่หรงเสวี่ยย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีกกับพวกท่านว่าห้ามเดินเข้าไปใกล้น้ำตกจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วจึงแวบออกมาจากมิติลับ

เธอเปิดประตูและพบว่าหลงอี้ยังยืนรออยู่ด้านนอก เมื่อเธอเห็นเขา สายตาของเขาแสดงถึงความสงสาร มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเย็นยะเยือก นี่เขาสงสารเธองั้นเหรอ?!!! ไม่จำเป็นเลย เธอยังยืนอยู่ได้แม้ตัวเองจะต้องแตกเป็นเสี่ยงๆก็ตาม

“ฉันจะไปแล้ว…” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาเสียงเบา

หลงอี้หนึ่งถามพร้อมทั้งเดินตามเธอมาด้วย “คุณมู่หรงจะไปไหนเหรอครับ?!”

มู่หรงเสวี่ยหยุดและมองไปที่หลงอี้ “ฉันไม่จำเป็นต้องรายงานนายว่าฉันจะไปไหน นายไม่จำเป็นต้องมาตามฉันอีกแล้ว บางทีในอนาคตเราอาจจะกลายเป็นศัตรูกันด้วย บางที…” เสี่ยวเข่อลี่งั้นเหรอ?! ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยแวบประกายความดุดัน

ศัตรูงั้นเหรอ?! เมื่อหลงอี้มองมาที่มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ตรงหน้า เขายังอยากที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ยังไงซะดราก้อนมาสเตอร์​ก็เป็นครอบครัวเดียวของเขา

มู่หรงเสวี่ยหันหัวกลับไปและเดินออกไปโดยไม่ลังเล เธอไม่อยากที่จะเห็นความสงสารในสายตาของหลงอี้เลยสักนิด

ก่อนที่จะไปเธอก็เดินไปที่สถาบันวิจัยของดราก้อนพาวิลเลี่ยน​ พบกับหัวหน้าของหน่วยแพทย์และยื่นใบลาออก

หัวหน้าขมวดคิ้วและถามด้วยน้ำเสียงต่ำ “ทำไมถึงยื่นใบลาออก?! คิดว่าการเป็นหมอมันเป็นเรื่องตลกหรือไง?” พร้อมด้วยสายตาไม่พอใจ คิดว่ามู่หรงยังเด็กจึงหยิ่งผยองเกินไป!