มันเป็นยามดึกในโรงเตี๊ยมหยานและเฉินเฉินยังคงมอบเลือดให้กับไข่เต่าดำ

 

เมื่อเปรียบเทียบกับวันก่อนหน้านี้แล้ว มันมีรอยแตกบนไข่เต่าดำและมันดูเหมือนว่าใช้เวลาอย่างน้อยสิบวันถึงสองสัปดาห์กว่าที่มันจะฟักตัว

 

“เจ้าดื่มเลือดข้าไปทุกวันแบบนี้แล้ว เจ้าจะต้องมีสายเลือดของข้าด้วยใช่ไหม? ข้าจะมอบชื่อเจ้าว่าอะไรกันดีนะ?”

 

“ลูกเต่าละเป็นไงบ้าง?”

 

ในขณะที่โดนหมางเมิน เฉินเฉินตระหนักได้ว่ามือของเขาเลิกเจ็บแล้ว เมื่อเขาเลือดแทบจะหมดตัวแล้ว เขาก็ดื่มน้ำซุปที่มาจากอันจิ่วเหนียงเพื่อเสริมสร้างร่างกายของเขา!

 

ติ๊ง ติ๊ง….

 

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เมื่อเห็นดังนี้แล้ว เฉินเฉินเก็บไข่เต่าดำไปและเดินไปเปิดประตู

 

“ศิษย์น้องซุน มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?”

 

ซุนเทียนกังที่ยืนอยู่หน้าประตูดูมีสีหน้าที่เป็นกังวล

 

“ผู้สืบทอดครับ จางจียังไม่กลับมาเลย”

 

เมื่อได้ยินมัน เฉินเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

เขาไปนานกว่าสองชั่วโมงแล้ว คนที่ฝึกตนจะเดินไปมาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจางจีน่าจะกลับมานานแล้ว

 

มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยสำหรับจางจีที่ออกไปเดินเล่นในตลาดมืด

 

จางจีเป็นคนที่ใสซื่อและงานอดิเรกหลักของเขาคือการอ่านหนังสือหรือการฝึกตน

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว เฉินเฉินอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้

 

จางจีมีหินวิญญาณถึงหนึ่งหมื่นก้อนติดตัวอยู่ ดังนั้นเขาไม่ได้โดนปล้นไปใช่ไหม?

 

“ศิษย์น้องซุน รอข้าที่นี่ก่อน ข้าจะเดินไปดูที่โรงพนัน”

 

“ครับ ข้าจะใช้เหรียญตราสื่อสาร ถ้าเขาเดินกลับมาแล้ว” ซุนเทียนกังตกลง

 

เฉินเฉินพยักหน้าและหันเดินออกไปจากโรงเตี๊ยมหยีหลาน

 

….

 

ในตอนกลางคืน เมืองหลวงคึกคักมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนถนนของโรงเตี๊ยมและโรงพนันที่ตั้งอยู่ พวกมันต่างส่องสว่างสดใสมาก ผู้คนมากมายต่างเดินเข้าออกกันอย่างพลุกพล่าน

 

เฉินเฉินขมวดคิ้วแล้วเขาก็ใช้ระบบ

 

ยังไงก็ตามเขาหาอะไรไม่เจอเลยสักนิด ระหว่างเดินไปยังโรงพนัน

 

โชคร้ายที่ระดับการฝึกตนของจางจีมันอ่อนแอเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีเหรียญตราสื่อสาร ไม่อย่างงั้นแล้วเขาคงจะหาตัวได้ง่ายกว่านี้

 

ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นไปเท่าไหร่ เฉินเฉินถอนหายใจออกมา

 

โชคดีที่จางจีเป็นที่ถูกรักของสวรรค์เบื้องบน เขาเกิดมาพร้อมกับการได้รับการอวยพร ไม่อย่างงั้นแล้วเขาคงไม่มีจิตใจที่มุ่งมั่นขนาดนั้น

 

เขาเข้าไปในโรงพนันและถามพนักงาน เมื่อได้ยินมาว่ามีคนเดินมาพนันหินวิญญาณหนึ่งหมื่นก้อน เขาก็โล่งใจ

 

‘มันเป็นเรื่องที่ดีที่เขาได้จ่ายหินวิญญาณไป อย่างน้อยเขาก็ไม่ถูกโจรปล้นไป’

 

เพียงแค่เฉินเฉินกำลังจะเดินกลับไปตามหาเขาต่อ เหรียญสื่อสารก็ส่องสว่างขึ้น

 

มันเป็นข้อความจากซุนเทียนกัง

 

“ศิษย์พี่ จางจีกลับมาแล้ว…แต่ว่า..”

 

คำพูดของเขาดูเบาบางและประโยคของเขาดูพูดออกมาอย่างยากลำบาก หัวใจเฉินเฉินจมดิ่งเลย เขาเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

 

‘มันเหมือนว่ามีเรื่องเกิดขึ้น คนร้ายอย่าให้ข้ารู้นะว่าเป็นใคร!’

 

เฉินเฉินบินกลับไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลานโดยไม่มีความลังเลใจ เขาเดินมาถึงทางเข้าโดยเพียงไม่กี่ชั่วขณะ

 

เมื่อเขามาถึง เขาได้ยินเสียงร้องไห้ของผู้หญิงในโรงเตี๊ยมหยีหลาน เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้แล้ว เฉินเฉินรู้สึกตึงเครียดและเขารีบเดินเข้าไปในด้านใน

 

ด้านในสวน ซุนเทียนกังกำลังส่งพลังปราณไปให้กับจางจีที่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ

 

ในตอนนี้ร่างของจางจีโชกไปด้วยเลือดและเขาดูไม่มีแรงขยับตัวเลยสักนิด เขาไม่ได้แตกต่างไปจากศพเลยด้วยซ้ำ!

 

เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น เฉินเฉินหายใจเข้าลึกและเก็บกักความโกรธเอาไว้ ก่อนเขาจะตะโกนออกมา “หลบไป!”

 

เมื่อซุนเทียนกังเห็นเฉินเฉิน เขารีบเดินหลบทางไปให้ มันเหมือนกับเฉินเฉินเป็นอาจารย์และเสาหลักที่คอยช่วยเหลือเขา

 

เมื่อเห็นว่าจางจีสภาพมันน่าสงสารขนาดไหน เฉินเฉินหยิบน้ำระฆังสวรรค์ในขวดเล็กออกมาจากแหวนเก็บของโดยไม่ลังเลใจ เขาส่งมอบไปให้กับจางจี

 

คลื่นกำลังชีวิตเข้าไปในร่างกายของจางจีอย่างมากมาย มันเหมือนกับอาการบาดเจ็บภายในของเขาฟื้นตัวขึ้นได้ด้วยตาเปล่า

 

เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างเลิกร้องไห้ พวกเธอมองไปที่เฉินเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกลัว

 

‘นี่มันคือการเป็นเซียนสินะ!’

 

ยังไงก็ตามเฉินเฉินเมินสายตาพวกเธอไปและถามออกมาอย่างเงียบงัน “เขากลับมาได้ยังไงกัน?”

 

เขาตรวจสอบร่างกายของจางจีและตระหนักได้ว่ามันมีรอยแตกหักของกระดูกหลายส่วนในร่างกาย มันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะกลับมาแบบมีชีวิตโดยอาการบาดเจ็บแบบนี้

 

“เขาถูกทิ้งไว้หน้าประตู คนร้ายก็หายไปแล้วเมื่อข้าพบกับเขา” ความโกรธในดวงตานั้นของซุนเทียนกังแทบจะระเบิดออกมา เขาก้มหัวลงและมีเสียงสะอึกสะอื้นออกมา

 

“ศิษย์พี่เฉินเฉิน ศิษย์ ศิษย์น้องจางจี….จุดตันเถียนของเขาถูกทำลายไป”

 

“อะไรนะ?!”

 

เมื่อได้ยินมัน เสียงของเฉินเฉินดูตื่นตระหนกและสูงขึ้น เขารีบสัมผัสไปที่ท้องของจางจี เขาตระหนักได้ว่ามันไม่มีพลังปราณในจุดตันเถียนของเขาเลย มันไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับเลยสักนิด

 

‘จุดตันเถียนของเขาถูกทำลายไปจริงด้วย!’

 

จุดตันเถียนไม่ได้เป็นอวัยวะที่จับต้องได้ แต่มันนั้นไม่สามารถจับต้องได้และมองไม่เห็น ซึ่งมันไม่สามารถถูกซ่อมแซมโดยพลังชีวิตหรือพลังปราณ

 

น้ำระฆังสวรรค์อาจจะช่วยรักษาหัวใจและแขนขาให้งอกกลับมาได้ แต่มันไม่สามารถซ่อมแซมจุดตันเถียนได้

 

บางทีมีเพียงสิ่งของบางอย่างที่คล้ายกับผลไม้บรรพกาลแห่งสวรรค์ที่สามารถซ่อมแซมจุดตันเถียน

 

เส้นทางการฝึกตนของจางจีอาจจะดำเนินต่อไปได้ ถ้าเขายกเลิกการฝึกเป็นเซียนและเปลี่ยนไปฝึกเส้นทางอื่น

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว หัวใจของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

 

จางจีเป็นที่รักของสรวงสวรรค์ ดังนั้นเฉินเฉินจึงคิดอยู่ตลอดว่ามันจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของจางจีเลยสักนิด ในความเป็นจริงแล้วเขาปล่อยให้เขาไปทำสิ่งที่อันตรายหลายต่อหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่นการพาเขามายังเมืองหลวงแบบนี้

 

ในตอนนี้ มันเหมือนกับว่า…

 

เขาล้มเหลวที่จะปกป้องจางจี

 

แค่ก แค่ก

 

เสียงไอดังขึ้นรบกวนความคิดของเฉินเฉิน จางจีเปิดตาอย่างเชื่องช้าและยิ้มกลับมาให้กับเขา เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและเย็นชาของเฉินเฉิน

 

“พี่ใหญ่…ข้าคงจะไม่ตายแล้วละ”

 

“เจ้ายังยิ้มอยู่ได้อีกนะ จุดตันเถียนเจ้าถูกทำลายไปเนี่ยนะ! บอกข้ามาว่าใครเป็นคนทำ?” เฉินเฉินตะโกนออกมา

 

“มันเหมือนกับเป็นผู้สืบทอดที่ติดตามฉีปู่ฝานไปครับ ข้ามองเขาไม่ชัดเจนเท่าไหร่ เขาโจมตีอย่างรวดเร็วมาก”

 

ในขณะที่พูดออกมา จางจีหยิบตั๋วพนันที่เปื้อนไปด้วยเลือดวางลงในมือของเฉินเฉิน

 

“พี่ใหญ่ โชคดีที่เขาไม่ได้เอามันไป มันมีค่าหินวิญญาณมากกว่าแสนก้อนอีกนะ…ข้ากลัวแทบตายแหนะ”

 

เมื่อเห็นตั๋วพนันที่เปื้อนเลือด เฉินเฉินก้มหัวลงและตาของเขาแดงขึ้นเล็กน้อย

 

“ฉีปู่ฝาน!”

 

เมื่อถึงจุดนี้เอง เขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมฉีปู่ฝานถึงไม่ได้ฆ่าจางจีและทิ้งเขาไว้ที่ทางเข้าโรงเตี๊ยมหยีหลาน หลังจากที่ทำลายจุดตันเถียนของเขาไปแล้ว!

 

‘นี่เป็นการยั่วยุอย่างเห็นได้ชัด!’

 

‘ฉีปู่ฝานทิ้งจางจีให้มีชีวิตรอดเพื่อที่จะให้ข้ารู้ว่าเขาเป็นคนทำ!’

 

‘โอหังยิ่งนัก!’

 

“พี่ใหญ่ ไปล้างแค้นให้ข้าในการประลองจัดอันดับพรุ่งนี้ด้วย ในอนาคต ข้าคงไม่สามารถฝึกตนได้แล้ว ข้าคงทำได้แต่เรื่องทั่วไปให้กับท่านแล้วละ”

 

ตาของจางจีดูหม่นหมองลงมาก

 

ประสิทธิภาพของน้ำระฆังสวรรค์มันดีมาก ในจุดนี้เอง อวัยวะภายในส่วนใหญ่ของเขาได้ฟื้นตัวและกระดูกที่แตกหักของเขาก็เริ่มเชื่อมต่อกันแล้ว

 

จางจีไม่ได้สนใจอาการบาดเจ็บ เขาตรวจพบว่าจุดตันเถียนของเขาถูกทำลายลงไปแล้ว

 

เมื่อเขาคิดว่าเขาไม่สามารถฝึกตนได้อีกแล้วในอนาคต เขาตกอยู่ในความเศร้าเสียใจ

 

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก มีข้าอยู่ทั้งคน จุดตันเถียนที่ถูกทำลายไปของเจ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ไม่นานข้าจะทำให้เจ้าได้ฝึกตนอีกครั้งหนึ่งเองละ”

 

หลังจากที่เขาพูดจบ เฉินเฉินปาดน้ำตาของเขา เขานั้นหงุดหงิดและอารมณ์เสียมาก ไม่เหมือนกับผู้สืบทอดที่ดูเย็นชาก่อนหน้านี้

 

เขาขาดหินวิญญาณหรือไง?

 

ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ขาดเลยสักนิด ไม่ว่าจะหนึ่งหมื่นก้อนหรือหนึ่งแสนก้อน ของที่ดีจริงก็จะใช้หินวิญญาณซื้อไม่ได้อยู่ดี

 

สำหรับเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแย่อะไรกับการได้เงิน ยังไงก็ตาม จุดตันเถียนของจางจีถูกทำลายไปแล้วแบบนี้

 

มันทำให้เขารู้สึกผิดมาก

 

เขาเอาของหลายอย่างไปจากจางจี ถ้าไม่ใช่เพราะเขาแล้ว ผลไม้บรรพกาลแห่งสวรรค์นั้นเป็นของจางจี ถ้าไม่อย่างงั้นแล้วจางจีคงจะไม่เข้ามาที่สำนักเทียนหยุนแบบนี้

 

ยังไงก็ตาม จางจีที่ใสซื่อก็ยังคอยมองตามแผ่นหลังของเขาและปฏิบัติกับเขาราวกับเป็นพี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าเขาจะหลอกเขาไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง

 

ในตอนนี้จุดตันเถียนของจางจีถูกทำลายไป เพราะว่าเขาไปทำงานให้กับเฉินเฉิน

 

เขาจะไม่มีวันยอมแม้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!

 

“จิ่วเหนียง ส่งคนพาจางจีกลับไปพักที่ห้องของเขาซะ”

 

เฉินเฉินหันกลับไปพูดกับอันจิ่วเหนียงด้วยใบหน้าที่จริงจัง

 

เมื่อได้ยินดังนี้แล้ว อันจิ่วเหนียงรีบเรียกสองสาวพาจางจีกลับไปที่ห้อง

 

“ศิษย์พี่ซุน ผู้อาวุโสจ้าวรู้เรื่องที่เกิดขึ้นไหม?”

 

เฉินเฉินหันกลับไปมองที่ซุนเทียนกังอีกครั้งหนึ่ง

 

“ข้ายังไม่ได้บอกเขาเลย” ซุนเทียนกังส่ายหัว

 

เขากลัวว่าจะถูกผู้อาวุโสจางแห่งสำนักโยวฉุยเข้าใจผิด ผู้อาวุโสจ้าวกำลังอยู่ในโรงเตี๊ยมที่ห่างออกไปอีกร้อยเมตร

 

ยังไงก็ตามเขาก็คุ้นชินกับการมีเฉินเฉินเป็นเจ้านายและเสาหลักแล้ว เขาจึงลืมผู้อาวุโสจ้าวไปเลย

 

“ดีมากที่เจ้าไม่ได้บอกเขา”

 

เฉินเฉินพ่นลมออกมาด้วยพลังปราณ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

 

การประลองจัดอันดับ 36 สำนักนั้นโหดเหี้ยมและทุกคนต่างสู้กันเอง เพื่อผลประโยชน์ของสำนัก เขาเข้าใจว่าทำไม แต่เขาไม่สามารถที่จะสู้กับคนอื่นอย่างจริงจังเพราะเรื่องนั้นได้

 

ยังไงก็ตามฉีปู่ฝานได้ทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักของเขาที่อยู่เพียงแค่ขั้นสร้างลมปราณเท่านั้น ซึ่งอยู่นอกเหนือการประลองจัดอันดับ

 

มันล้ำเส้นฟางเส้นสุดท้ายของเฉินเฉินเกินไป

 

“ศิษย์พี่ ท่านต้องการที่จะทำ…” ซุนเทียนกังอดที่จะถามออกมาไม่ได้ เมื่อเขาเห็นเฉินเฉินปลดปล่อยออร่าที่น่าหวาดกลัวและมืดหม่นออกมา

 

“ข้าจะไปล้างแค้นให้กับน้องชายของข้า เขายั่วยุข้างั้นเหรอ? เขาไม่ได้อยากให้ข้ารู้หรือว่าเขาเป็นคนร้ายแบบนี้? เขาทำสำเร็จแล้ว แต่ข้าเกรงว่าเขาจะจ่ายสิ่งที่เขาทำไปไหวหรือเปล่าเนี่ยสิ”

 

หลังจากพูดจบ เฉินเฉินจัดเสื้อของตัวเองและหยิบหนังสือออกมาจากแหวนเก็บของแล้วก็ส่งมันให้กับอันจิ่วเหนียง

 

“จิ่วเหนียง นี่คือหนังสือการจัดการธุรกิจที่ข้าเขียนไว้สักพักหนึ่ง ข้ากำลังจะมอบให้กับเจ้าตอนที่ข้าจากไป แต่มันเหมือนว่าข้าควรจะให้เจ้าตอนนี้เลยจะดีกว่า”

 

อันจิ่วเหนียงรับหนังสือไปและปิดปากของเธอไว้ สายตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจ

 

‘ผู้สืบทอดกำลังจะทำอะไรอยู่กัน!?’

 

ก่อนที่เธอจะเข้าใจ เฉินเฉินก็เดินไปทางประตูของโรงเตี๊ยมหยีหลานแล้ว

 

เมื่อเห็นดังนี้ อันจิ่วเหนียงไม่รู้ว่าเฉินเฉินจะทำอะไร เธอรีบตะโกนออกมา “ผู้สืบทอด ทำไมท่านถึงไม่จัดการฉีปู่ฝานในสังเวียนพรุ่งนี้ละกันคะ? ค่อยล้างแค้นเขาตอนนั้นก็ได้นี่!?”

 

เมื่อได้ยินดังนี้ เฉินเฉินหยุดเดิน

 

เขาพูดออกมาโดยไม่หันหลังกลับ “การฆ่ากันมันถูกห้ามบนสังเวียน”

 

คำพูดของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ร่างกายของอันจิ่วเหนียงเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก

 

ยังไงก็ตามเมื่อเธอตั้งสติได้ เฉินเฉินก็หายตัวไปเสียแล้ว