บทที่ 225
ชายหนุ่มผู้ฝึกตน
ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ แต่ฐานการเกษตรอยู่ในชนบทห่างไกล เธอจะพาเขาไปดูตอนนี้ได้ยังไงล่ะ?” มู่หรงเสวี่ยกระซิบ
“เธอตายแน่ถ้าไม่ไป!” น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม
มู่หรงนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เธอพยายามปลูกผักในวิลล่า งั้นให้เขาดูที่นั่นแล้วกัน “ตกลง ไปกันเถอะ!” จากนั้นเธอก็ให้ที่อยู่ของวิลล่า
ชายหนุ่มที่กำลังจะเริ่มลงมือ ตกตะลึงกับคำตอบของมู่หรงเสวี่ย จากนั้นก็ขับรถออกไปอีกครั้ง
หลังจากมาถึงบ้านพักของมู่หรงเสวี่ย เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นทหารยามสิบคนที่พี่ชูส่งมาซึ่งยังเฝ้าที่ประตูอยู่ เธอคิดว่าพวกเขาจะกลับไปอยู่กับพี่ชูแล้วหลังจากหลายวันที่เธอไม่อยู่
เนื่องจากพวกเขาไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่หรงเสวี่ย ปกติแล้วพวกเขาก็จะเหมือนกับล่องหน พวกเขามีหน้าที่ดูแลวิลล่า ความปลอดภัยของ มู่หรงเสวี่ยในวิลล่าและรายงานทุกเรื่องของมู่หรงเสวี่ยให้ชูอี้เสิ้นทราบในทันที โดยปกติแล้วพวกเขาจะไม่กล่าวทักทายมู่หรงเสวี่ย เหตุผลหลักก็เพราะชูอี้เสิ้นรู้ว่าเธอไม่ชอบดังนั้นเขาจึงสั่งมาเป็นพิเศษ
มู่หรงเสวี่ยเปิดประตูแล้วจึงกดเปิดไฟทั้งหมด ถึงแม้มันจะดูเหมือนเธอสบายๆแต่เธอก็กำลังพยายามเตรียมตัว ถ้าเขากล้าที่จะทำอะไร เธอก็จะแวบเข้าไปในมิติลับทันทีและการ์ดที่อยู่ข้างนอกก็ช่วยให้เธออุ่นใจขึ้นมาได้หน่อย
“แสงออร่าล่ะ?! มันอยู่ที่ไหน?” น้ำเสียงเย็นชาของชายหนุ่มดังขึ้นมา
มู่หรงเสวี่ยกลอกตาในจังหวะที่เขาไม่ทันได้มอง เธอเพิ่งจะข้ามเข้าประตูมาเอง เธอไม่ใช้พระเจ้านะที่จะทำทุกอย่างได้ในครั้งเดียว เธอยังรักษาท่าทางและพูดออกไปว่า “มันอยู่ที่ระเบียง…” เธอเองก็รีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น พระเจ้ารู้ดีว่าถ้าชายคนนี้ไม่พอใจเขาจะต้องบีบคอเธออีกแน่ๆ ตอนนี้คอเธอก็ยังเจ็บอยู่เลยด้วย
เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าต่างฝรั่งเศส มู่หรงเสวี่ยก็เอื้อมมือออกไปและดึง พวกเขาจะเห็นว่าผักที่มีคุณค่าพวกนั้นกำลังส่องแสง ถึงแม้แสงออร่าจะไม่มาก แต่ก็ยังพอมีอยู่นิดหน่อย เพราะมู่หรงเสวี่ยรดพวกมันด้วยน้ำที่เจือจางน้ำแห่งจิตวิญญาณ พวกเขาเกือบจะรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้กับผักและแม้กระทั่งรูขุมขนของพวกเขาก็ขยายออกมาก
ชายคนนั้นไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจของเขาได้ หลังจากนั่งยองๆแล้วเขาก็ยื่นมือออกไปลูบใบผักเบา ๆ ร่างกายของเขาตกตะลึงไปทั้งตัว มันเป็นแสงออร่าจริงๆ
“เธอปลูกผักพวกนี้ได้ยังไง?” ชายหนุ่มถาม
“เปล่า…” มู่หรงเสวี่ยตอบอย่างลืมตัว
ชายคนนั้นยืนขึ้นและมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างเย็นชาราวกับจะมองทะลุผ่านคำโกหกของมู่หรงเสวี่ย “ผักพวกนี้มาจากไหน?”
“ฉันซื้อมาจากตลาดข้างนอก…” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเสียใจที่ไปยั่วยุปีศาจอีกแล้ว
ชายหนุ่มพูดประชดประชัน “ซื้อมาแต่ไม่กินกลับเอามาปลูกเนี่ยนะ?! เธอรู้ได้ยังไงว่าผักพวกนี้มีแสงออร่า?!! เธอเป็นคนที่ฝึกมาหรือไง?!” ชายหนุ่มถามออกมาทีละคำถาม
มุมปากของมู่หรงยกขึ้นเล็กน้อย “นี่คุณกำลังสอบถามสำมะโนครัวอยู่หรือไง?!!! ฉันสัญญาแค่ว่าจะบอกว่าผักอยู่ที่ไหนไม่ใช่เหรอ?! ฉันไม่ได้บอกว่าจะต้องตอบคำถามอื่นของคุณด้วย อีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นประโยชน์หรือเปล่าด้วย ฉันถามคุณไปแล้วด้วยแล้วเมื่อไรคุณจะตอบฉันบ้างล่ะ?”
สายตาของชายหนุ่มเข้มขึ้นแล้วเขาก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่เป็นไรถ้าเธอจะไม่ตอบ…”
จู่ๆรังสีอำมหิตก็แรงขึ้น มู่หรงเสวี่ยรู้สึกราวกับมีภูเขามากดร่างของเธอไว้ และเท้าของเธอก็แทบจะยืนไม่ตรง เธอกัดริมฝีปากและเธอจะยอมคุกเข่าลงไปได้ยังไง…เหงื่อค่อยๆผุดขึ้นมาอย่างช้าๆ หลังจากนั้นสักพักเธอก็รู้สึกราวกับเป็นปลาที่อยู่พ้นน้ำ เพราะฟันของเธอกัดไปที่ริมฝีปากอย่างแรง เลือดจึงไหลออกมาอย่างรวดเร็ว
ประกายพอใจแวบขึ้นมาในสายตาของชายหนุ่มแล้วเขาก็ดึงแรงกดดันกลับไป มู่หรงเสวี่ยรู้สึกร่างกายสูญเสียการควบคุมและขาของเธอก็อ่อนลงในทันที
“พูดมา” เมื่อเห็นท่าทางที่เจ็บปวดของมู่หรงเสวี่ยในตอนนี้แต่ชายหนุ่มก็ไม่มีร่องรอยของความสงสารเลย มู่หรงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะยืนพิงไปที่กำแพง ในตอนนี้เห็นได้ชัดเจนว่าเธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจแห่งความตายเลย ตอนนี้เธอเข้าไปในมิติลับไม่ได้
ตอนนี้เธอรู้อย่างชัดเจนแล้วว่ามิติลับไม่ใช่ทุกอย่าง
“ฉันไม่รู้ว่าคุณหมายความว่าไงเรื่องผู้ฝึกตนงั้นเหรอ ฉันไม่ใช่ผู้ฝึกตน…เหตุผลที่ฉันรู้ว่ามันมีแสงออร่าก็เพราะฉันมองเห็น…” มู่หรงเสวี่ยไม่ได้โกหก เธอมองเห็นจริงๆและเธอคิดว่าทุกคนก็เห็นเหมือนกับเธอ มีเพียงพระเจ้าที่รู้ว่ามันเป็นเรื่องร้ายแค่ไหนที่ได้เห็นแสงออร่า
“เธอบอกว่าเธอมองเห็นงั้นเหรอ?!” แม้แต่ชายหนุ่มที่มีสีหน้าเย้นชาก็ยังแปลกใจอยู่เล็กน้อย
หลังจากที่ได้เห็นท่าทางของชายหนุ่ม มู่หรงเสวี่ยก็รู้เลยว่าเธอกำลังฆ่าตัวตายที่พูดเรื่องที่ไม่ควรออกไปแต่ในเมื่อเรื่องมันถูกเปิดเผยไปแล้วงั้นเธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับไป “ใช่!” หลังจากที่ตอบออกไป เธอก็มองชายหนุ่มอย่างระวัง
ชายหนุ่มก้มหัวและไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร แต่แสงในตาเขาก็แวบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาซึ่งทำให้มู่หรงเสวี่ยตัวสั่น เขาเงียบไปนาน ถ้าเขาลงมืออีกครั้งเธอก็คงจะไม่รอดแน่ๆ
“ผักพวกนี้…” ชายหนุ่มค่อยๆอ้าปากพูด
มู่หรงไม่รอให้เขาพูดจบแต่รีบชิงพูดไปทันที “ยกให้เลย คุณเอาไปให้หมดเลย…” เธอหวังให้ชายหนุ่มรีบเอาผักออกไปให้หมด
ชายหนุ่มมองไปที่มู่หรงเสวี่ยอย่างเย็นชา “ฉันบอกหรือไงว่าอยากได้ผักพวกนี้?” ถึงแม้ผักพวกนี้จะมีแสงออร่า แต่มันก็น้อยมากจนไม่มีผลอะไรกับเขา
ก็เห็นอยู่ชัดๆว่ามาเพราะผักพวกนี้ แล้วจู่ๆตอนนี้จะไม่เอา ในหัวใจมู่หรงเสวี่ยรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที
“เธอกำลังพูดเรื่องอะไร?” ชายหนุ่มถามออกมาด้วยสีหน้าเย็นชา
มู่หรงเสวี่ยรีบยืนตัวตรงทันที มองขึ้นไปที่ท้องฟ้าแต่ไม่มองไปที่เขาและแกล้งทำเป็นถามออกมา “ฉันพูดอะไร? ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย…”
มือของชายหนุ่มแวบแสงพุ่งตรงเข้ามาที่ร่างของ มู่หรงเสวี่ยแล้วจึงพูดว่า “ครั้งหน้าที่เธอเจอแสงออร่ามากกว่าในผักพวกนี้ บอกให้ฉันรู้ด้วย ฉันจะแวะมาหาเธอเป็นครั้งคราว…”
“คุณ…เมื่อกี้คุณทำอะไร?” ดวงตาของมู่หรงเสวี่ยเบิกกว้าง ถึงแม้เธอจะไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร แต่ก็เห็นว่ามีบางอย่างพุ่งเข้ามาที่ร่างกายของเธอ มันน่ารังเกียจมาก
“มันก็แค่กันไม่ให้เธอหนี ไม่ต้องห่วงหรอก มันไม่เป็นอันตรายกับเธอ…” หลังจากที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาก็เดินอย่างมีความสุขไปที่ขอบหน้าต่างแล้วก็บินออกไป
เหลือไว้แต่พื้นที่ว่างเปล่า มู่หรงขยี้ตาตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เธอเจอเข้ากับการเปลี่ยนแปลงอะไรเนี่ย? ผู้ฝึกตนงั้นเหรอ?!
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หรงเสวี่ยได้สัมผัสกับโลกที่แตกต่างจากของตัวเอง เธอนึกถึงยาที่ชายหนุ่มพูด มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปในห้องและล็อกประตู เพียงเสี่ยววินาทีเธอก้หายแวบไป
“คุณปู่ คุณย่า…” มู่หรงเสวี่ยยิ้มและเดินเข้าไปหาคนทั้งสองที่กำลังนั่งอยู่ในสนามมองดูดอกไม้และต้นไม้
“หลานรัก ในที่สุดก็เข้ามาแล้วนะ! ย่าคิดถึงแทบตาย…” คุณย่ารีบลุกขึ้นและเดินมาหามู่หรงเสวี่ยทันที
ถึงแม้ข้างนอกจะผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่ในมิติลับก็ผ่านไปนานหลายปีแล้ว โชคดีที่มู่หรงเสวี่ยเตรียมอะไรหลายอย่างไว้ในมิติลับแล้ว ในนี้มีของจำเป็นในชีวิตประจำวันทุกอย่างแล้ว อีกอย่างของที่อยู่ในมิติลับก็จะคงสภาพอยู่เหมือนเดิมและไม่เสื่อมสภาพ
“คุณปู่ คุณย่า หนูขอโทษนะคะ ถ้าเบื่อหนูจะพาออกไปจากนี่ที่เลยค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมกับความรู้สึกผิด
คุณปู่รีบโบกมือทันที “ไม่ ปู่ไม่อยากออกไป ไม่รู้หรือไงว่าในนี้สบายแค่ไหน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปู่แก่แล้วหรือเปล่า แต่ที่นี่ปู่ได้ปลูกดอกไม้ทุกวันเลย”
“อีกอย่างซื้อนก, ปลา, เต่าแล้วก็อื่นๆมาด้วยสิ ย่าอยากจะเอามาเลี้ยงหน่อย…” คุณย่าเองก็พูดพร้อมรอยยิ้ม
มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าและคิดว่าจะเอาพวกสัตว์เข้ามาที่นี่ด้วยจะได้มีชีวิตชีวาขึ้น ในนี้จะมีแค่ไก่อย่างเดียวไม่ได้ ยังไงซะไก่ก็มีไว้กิน
“โอเคค่ะ เดี่ยวออกไปแล้วหนูจะไปซื้อมาให้นะคะ”
มู่หรงเสวี่ยปล่อยมือคุณย่าและพูดออกมา “คุณย่า คุณปู่ค่ะ คุยกันไปก่อนนะคะ หนูจะเข้าไปหาหนังสือในห้องสมุดหน่อย…” เธอโบกมือให้คุณปู่คุณย่าและเดินเข้าไปข้างใน เธอแทบรอไม่ไหวที่จะได้อ่านหนังสือพวกนั้น ดูเหมือนว่าหนังสือพวกนั้นจะไม่ไร้ประโยชน์แล้ว เพราะแค่เพราะความรู้ของเธอยังไม่มากพอ เธอก็เลยไม่เข้าใจมัน
เธอเจอหนังสืออีกหลายเล่ม เลือกหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มแล้วเปิดอ่านอย่างตั้งใจ เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะชายหนุ่มที่เปิดรถรับเธอวันนี้หรือเปล่า ตอนนี้หลังจากที่ได้อ่านเธอก็เข้าใจหนังสือขึ้นมาได้บ้างแล้ว
เพียงแค่ว่าหากเธอต้องการที่จะปรับแต่งยา เธอก็ต้องไปให้ถึงระดับสีเหลืองก่อน
แต่เธอไม่รู้ว่าระดับสีเหลืองคืออะไร แต่เธอเดาว่ามันต้องเหมือนกับผู้ชายที่เธอเห็นในวันนี้ มีบางอย่างในร่างกายของเธอที่ได้รับการปลูกฝังและสิ่งเหล่านี้ได้รับการจำแนกตามระดับต่างๆ
ถึงแม้มันอาจจะไม่ถูกทั้งหมดแต่มู่หรงเสวี่ยก็เดาได้เกือบทั้งหมด