บทที่ 355 คุณรู้ตัวไหมว่าคุณเหมือนตัวอะไร

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ณ คอนโด หัสดินกำลังสูบบุหรี่ม้วนแล้วม้วนเล่า ส่งผลให้ห้องรับแขกอบอวลไปด้วยควัน ชวนให้อดสำลักไม่ได้

แม่บ้านทนไม่ไหว สำลักควันบุหรี่ไม่หยุด ตอนที่ยู่ยี่ผลักประตูเข้ามา อากาศที่สูดเข้าไปคำแรกคือควันบุหรี่

“เริ่มตั้งแต่ตอนไหน?”ยู่ยี่มองหัสดินอย่างเย็นเยียบ มือที่ข้างลำตัวเธอสั่นเทาและอดกลั้น กลัวว่าหากตัวเองข่มอารมณ์ไม่อยู่ แล้วเอาหัวบุหรี่จี้ใส่ใบหน้าเขา

หัสดินไม่พูดจา ยังคงสูบบุหรี่ต่อ เขากลัดกลุ้มและหดหู่ใจ ไม่มีอารมณ์ชิลๆเฉกเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป

“ฉันถามว่าเริ่มตอนไหน หูหนวกหรือว่าเป็นใบ้?สี่ปีก่อนเคยนอนกับเธอครั้งหนึ่งก็อาลัยอาวรณ์มากเลยใช่ไหม?”

หัสดินดับบุหรี่ สองมือลูบจับเส้นผม

“ไม่พูดเหรอ?หัสดิน คุณทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงมาก”หัวใจยู่ยี่ดุจโดนมีดเฉือนแรง ๆ และเลือดไหลพลั่กไม่หยุด

เขานึกไม่ถึงว่าจะถูกเปิดโปงเร็วขนาดนี้ นอกจากยอมรับชะตากรรมแล้ว ตอนนี้เขายังจะทำอะไรได้อีก?

“ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าหัสดินเป็นใบ้ อยู่กับเธอแล้วมีความสุขมากใช่ไหม?อารมณ์ดีมากใช่ไหม?”ทุกคำถาม ล้วนทำให้เธอเพิ่มบาดแผลในใจ และเมื่อยิ่งเจ็บก็ยิ่งมีสติ เธอจะให้ตัวเองเจ็บ ให้ตัวเองเจ็บจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

ระหว่างนี้ เกิดเสียงเรียกเข้าดังขึ้น ซึ่งต้นเสียงมาจากมือถือของหัสดิน แต่เขาไม่รับสาย นั่งไม่ไหวติง

ยู่ยี่กลับเหยียดยิ้มเย้ยหยัน เขาไม่รับสาย งั้นเธอช่วยรับแทนก็ได้ “ใคร?”

“โทรมาจากโรงพยาบาลนะคะ เบอร์ติดต่อของผู้ป่วยเรนนี่คือเบอร์นี้ ฉันเลยโทรมาแจ้งค่านอนโรงพยาบาลค่ะ คุณมาได้ไหมคะ?”

“เรนนี่เหรอ?ไม่จ่ายค่ารักษาพยาบาลหรอก เธอตายอยู่ตรงนั้นจะดีมากเลย”เธอกดวางสายโดยพลัน

หัสดินเงยหน้า“ผมไปโรงพยาบาลก่อน”

ประโยคง่าย ๆ ทว่ากลับทำร้ายยู่ยี่อีกครั้งจนไม่เหลือชิ้นดี เธอมองเขาราวกับเป็นคนแปลกหน้า

“ผมจำเป็นต้องไปโรงพยาบาล”หัสดินพูดแล้วหยิบเสื้อกันหนาวบนโซฟาขึ้นมา“ตอนนี้เธอนอนโรงพยาบาลเพราะคุณ หากพวกเราจัดการไม่ดี ไม่แน่ว่าคุณอาจโดนฟ้องร้องภายหลัง”

ยู่ยี่ยิ้มเย็น ความหนาวเหน็บจู่โจมเข้าที่หัวจรดเท้า มุมปากเธอเจือความแดกดัน ขวางทางเดินเขา กล่าวทีละคำช้า ๆ “ฉันไม่สน”

หัสดินจ้องมองเธอด้วยคิ้วขมวด

“ไม่ว่าจะฟ้องหรือจะลากฉันเข้าคุก ฉันก็ไม่สนใจ ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล”

หัสดินหลับตา เอ่ยขึ้นว่า“ได้ งั้นผมไม่ไป”

“ตอนนี้ตอบคำถามฉัน คุณกับมันเป็นชู้กันตอนไหน?”ยู่ยี่ยังคงรั้งอยู่กับคำถามเดิมไม่ปล่อย

หัสดินไม่ตอบ หรือจะบอกว่าเขาไม่รู้ควรพูดเช่นไร จึงได้แต่นิ่งเงียบ

“แม่งโว๊ย ฉันคงมีสิทธิ์รู้ว่าโดนหลอกเหมือนลิงนานแค่ไหนมั้ง แล้วคนที่คุณมีชู้ก็เป็นเรนนี่ด้วย คิก คิก”

รู้คำตอบนี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด แต่ยู่ยี่ก็อยากรู้ว่าตัวเองโง่โดนหลอกมานานแค่ไหน

ตั้งแต่ต้นยังจบ หัสดินเหมือนประติมากรรมชิ้นหนึ่ง ไม่ว่าเธอจะถามอย่างไร เขาก็ทำตัวเหมือนเป็นใบ้ทุกครั้ง

บรรยากาศในห้องเงียบกริบ ชวนให้กลัดกลุ้มใจและหายใจไม่สะดวก ศีรษะตึงแน่นจนทรมาน คล้ายกับเกิดระเบิดอย่างวุ่นวายขึ้น และนี่คือความรู้สึก ณ ขณะนี้ของหัสดิน

ยู่ยี่มองอย่างเย็นเยียบเขาสองปราด ก่อนจะหมุนกายเดินเข้าห้อง แล้วขดตัว

ชีวิตแบบนี้ ชีวิตแต่งงานแบบนี้ เธอสานต่อไปอย่างไร?

เธอนั่งแบบนี้ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มือถือเธอสั่น เธอลุกไปรับสาย แล้วได้ยินเชอร์รีนโทรมาบอกให้ออกไป

เธอไม่มีอารมณ์ จึงบอกปฏิเสธไป วินาทีต่อมา มือถืออีกฝั่งถูกแย่งไป จากนั้นก็มีเสียงดุดันของนาโนส่งมา “ถ้าพูดดี ๆ ไม่ฟัง ไม่ยอมออกมา ฉันจะไปลากตัวเธอออกมาเอง”

ยู่ยี่ไม่ได้ตอบสนองมากนัก กดวางสายทิ้งเลย ตอนนี้เธอไม่เห็นการข่มขู่ของนาโนอยู่ในสายตา และไม่มีอารมณ์แยแส

เกิดเสียงเคาะประตู แม่บ้านจึงไปเปิดประตู แต่กลับมีผู้ชายสวมสูทเข้ามาสองคน แม่บ้านยังไม่ทันเอ่ยถาม ผู้ชายทั้งสองก็พุ่งเข้าห้องนอน จากนั้นก็จับตัวยู่ยี่ไว้แล้วลากตัวออกไปด้านนอก

แม่บ้านตกใจกลัวหนักมาก รีบยกหูโทรศัพท์เตรียมจะแจ้งความ แต่ยู่ยี่ห้ามไว้ เธอรู้ว่านาโนเป็นคนส่งสองคนนี้มา

“หัสดินล่ะ?”ยู่ยี่กวาดสายตามองห้องรับแขก

“เมื่อกี้คุณผู้ชายออกไปแล้วค่ะ……”

ออกไปแล้ว?

เข็มแหลมคมแทงหัวใจยู่ยี่อีกครั้ง แล้วเลือดไหลดั่งสายน้ำ ไหลสู่ด้านนอกอย่างไม่หยุดยั้ง

“ปล่อย”น้ำเสียงเธอเย็นยะเยือกขึ้นกะทันหัน

ผู้ชายทั้งสองคนไม่ขยับ ยู่ยี่เพิ่มระดับเสียงสูงขึ้น“ฉันบอกให้พวกคุณปล่อย”

เมื่อทั้งสองสบตากัน จากนั้นก็ปล่อยออก ยู่ยี่ก้าวเท้าออกจากคอนโด แล้วขึ้นรถ “ไปโรงพยาบาล”

ผู้ชายคนหนึ่งขับรถ ส่วนอีกคนโทรหานาโน และรถก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางโรงพยาบาล

ประมาณยี่สิบนาที รถก็จอดหน้าตึกโรงพยาบาล ยู่ยี่ลงจากรถแล้วเห็นรถสีดำที่คุ้นตาก็จอดลง

หัสดินเดินลงจากรถ……

ทั้งสองคนสบตากัน ยู่ยี่ขวางทางอยู่ด้านหน้า“ลืมเธอไม่ลงขนาดนี้เลยหรือ?”

หัสดินไม่ตอบ แต่ในใจก็ลืมไม่ลงจริง ๆ

“ถ้าวันนี้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ คุณคิดว่าคุณจะก้าวเข้าโรงพยาบาลได้เหรอ?”ยู่ยี่เจ็บปวดจนหายใจไม่สะดวก แต่กลับชอบความเจ็บปวดนี้เหมือนกันโรคจิตคนหนึ่ง“สามีตัวเองมาเยี่ยมผู้หญิงอื่นที่โรงพยาบาล หรือว่าในฐานะเมียยังไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง?”

เธอพูดเสียงดังมาก คนรอบข้างจึงพากันมองมาด้วยอารมณ์อยากดูสีสัน

หัสดินไม่เคยเสียหน้าเท่านี้มาก่อน พูดเสียงเคร่งขรึมว่า“ยู่ยี่”

“ทำลงไปแล้วทำไมต้องรู้สึกอายด้วย?”

“ผมแค่มาจ่ายค่ารักษาพยาบาล เท่านั้นเอง ไม่ได้มีความคิดอื่น”หัสดินเลิกคิ้ว เบื่อหน่ายกับสายตาผู้คนที่ส่งมา

ยู่ยี่รู้สึกตลกสิ้นดี“เมียน้อยอย่างมันไม่มีเงินหรือว่าไม่มีบัตรประชาชน ถ้าไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษาจริงๆ ฉันช่วยจ่ายก็ได้ แต่คุณมาจ่ายแล้วมันหมายความว่ายังไง?”

คนรอบข้างตำหนิติเตียนหัสดินไม่หยุด โดยบอกว่าดูเป็นผู้มีการศึกษาและคุณธรรม แต่กลับทำเรื่องไร้ยางอายขึ้นมา

หัสดินเป็นผู้มีชื่อเสียงในเมืองS ทนฟังคำวิจารณ์เช่นนี้ได้อย่างไร เขาเลิกคิ้วสูงขึ้น รู้สึกขายหน้ากันหมดแล้ว

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เป้าหมายที่เขามาโรงพยาบาลเพราะต้องการช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลของเรนนี่ จากนั้นก็ตัดความสัมพันธ์กับอีกฝ่าย

ทว่าการทำตัวของยู่ยี่ทำให้เขารู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า นอกจากนั้นยังรู้สึกเป็นคนขี้โวยวาย ซึ่งเมื่อก่อนเธอไม่ใช่คนแบบนี้ ……

“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณเหมือนอะไร?”เขาพูดกับยู่ยี่ สายตาที่ต่างจากปกติของคนรอบข้างทำให้เขาสูญเสียการควบคุม“เหมือนผู้หญิงปากร้าย……”

ผู้หญิงปากร้าย……