บทที่ 867 : เพื่อนนักเรียน!
และเรื่องที่จะสามารถสร้างความสุขและปลื้มปิติให้กับฉียวี่เจินนั้น คงจะไม่มีอะไรดีไปกว่าเรื่องที่ฉีเสี่ยวชิงสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ หลิงหยุนจึงเลือกที่จะบอกข่าวดีนี้กับฉียวี่เจินหลังจากที่ได้รักษาอาการป่วยให้กับเธอแล้ว..
“พ่อหนุ่ม..นี่เป็นเรื่องจริงใช่มั๊ย ขอบคุณพ่อหนุ่มมากเลยนะ!”
ฉียวี่เจินทั้งตื่นเต้นทั้งมีความสุขในเวลานั้นเธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้ดีไปกว่าการขอบคุณหลิงหยุน..
หลิงหยุนช่วยฉีเสี่ยวชิงไว้และยังรักษาอาการป่วยให้กับฉียวี่เจินทันทีที่ได้พบหน้ากัน ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยมากสำหรับหลิงหยุน แต่สำหรับครอบครัวของฉียวี่เจินแล้ว มันคือความซาบซึ้งใจที่ยิ่งใหญ่มาก!
“ท่านป้าครับ..อีกแล้วนะครับ! เมื่อครู่ผมเพิ่งจะบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ แล้วก็ไม่ต้องมีพิธีรีตรอง ขอบคุณผมบ่อยๆแบบนี้ ผมเขินแย่เลยนะครับ..”
ระหว่างที่มองฉียวี่เจินซึ่งกำลังตื่นเต้นดีใจอยู่นั้นจู่ๆหลิงหยุนก็นึกถึงนางฉินจิวยื่อขึ้นมา และได้แต่แอบคิดว่าหากนางได้รู้ว่าเขากับหนิงหลิงยู่สอบเอนทรานซ์ได้คะแนนดีเช่นนี้ นางเองก็คงจะปลื้มปิติไม่น้อยเช่นกัน!
และทันทีที่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวหลิงหยุนก็พบว่าตนเองอยากจะเดินทางไปยังสำนักกระบี่เทวะบนเขาเทียนซัน เพื่อไปพาแม่ของเขากลับมาด้วยตัวเอง!
หลิงหยุนตัดสินใจภายในเสี้ยววินาทีแต่ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆออกไป เขาเพียงแค่ยิ้มและพูดต่อว่า
“ท่านป้า..ผมเปิดห้องไว้ให้ท่านป้ากับเสี่ยวชิงไว้แล้ว ถ้ายังไงคืนนี้นอนค้างที่โรงแรมก่อน ส่วนผมจะไปรับตัวหงเอ๋อมาที่นี่ ครอบครัวจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง!”
ฉียวี่เจินได้ยินก็ถึงกับอึ้งไปเธอรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปียกหน้า และหันไปมองรอบๆตัวด้วยสีหน้าท่าทางที่ตื่นตระหนก ก่อนจะพูดออกมาอย่างเคอะเขิน
“นอน..นอนที่นี่เหรอ!”
ฉียวี่เจินได้แต่คิดในใจว่าเงินเดือนของเธอทั้งเดือนยังไม่พอจ่ายค่าห้องสำหรับโรงแรมหรูหราห้าดาวแบบนี้เลย!
หลิงหยุนเองก็เฉลียวฉลาดเพราะทันทีที่เห็นสีหน้าของฉียวี่เจิน เขาก็เข้าใจถึงความวิตกกังวลของเธอได้ในทันที จึงตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ท่านป้า..โรงแรมนี้เป็นโรงแรมของผมเอง! ท่านป้าไม่ต้องห่วงเรื่อง..”
“ห๊ะ..โรงแรมของเธองั้นเหรอ!”
ฉียวี่เจินถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจและถามออกมาอย่างตะกุกตะกักโดยไม่รอให้หลิงหยุนพูดจบด้วยซ้ำ..
“นะ..นี่เธอไม่ได้ล้อเล่นใช่มั๊ย!”
ระหว่างนั้นเองถังเมิ่งก็เดินออกมาจากลิฟท์อีกตัวพอดี เขาจึงยิ้มและตอบคำถามแทนหลิงหยุน
“ท่านป้าครับ..อย่าได้เกรงใจไปเลย! อยู่ที่นี่ให้สบายอกสบายใจก่อน อีกอย่างตอนนี้ข้างนอกฝนก็ตกหนักมากด้วย!”
และนับตั้งแต่ที่ตี้เสี่ยวอู่ฝึกวิชานั้นเขาก็ยิ่งพูดจาน้อยลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เดินตามหลิงหยุนกับฉียวี่เจินมาตลอดทางนั้น เขาก็ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งถังเมิ่งออกมา และช่วยพูดแทนหลิงหยุน..
หลิงหยุนหันไปพูดกับถังเมิ่งด้วยความโล่งใจ“นายไปเรียกพนักงานมาเปิดประตูห้องที!”
ระหว่างที่อยู่หน้าห้องจัดเลี้ยงชั้นห้านั้นคีย์การ์ดได้ถูกส่งให้กับฉีเสี่ยวชิงไปแล้ว แต่เขายังจำเบอร์ห้องได้ และตอนนี้พวกเขาก็อยู่บนชั้นนั้นแล้ว แต่ไม่สามารถเข้าห้องได้
“ได้พี่หยุน..ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้!”
ถังเมิ่งปลีกตัวออกไปส่วนหลิงหยุนก็พาฉียวี่เจินเดินตรงไปที่ห้องพัก..
และหลังจากที่พนักงานมาเปิดห้องให้แล้วเขาก็พาฉียวี่เจินเข้าไปในห้อง และได้สั่งให้พนักงานจัดเตรียมอาหารชั้นดีมาส่งให้เธอที่ห้องโดยเร็วที่สุด
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับฉียวี่เจินว่า“ท่านป้า.. ระหว่างที่รออาหารมาส่ง ท่านป้าก็พักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อน ไว้เสี่ยวชิงกินข้าวเสร็จแล้ว ผมจะพาเธอมาพบท่านป้าเอง..”
หลิงหยุนยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการหลังจากที่สั่งการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขอตัว และพาถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋เดินออกมาจากห้องทันที
ฉียวี่เจินยืนมองไปรอบๆห้องสูทหรูหราของโรงแรมแม้กระทั่งหลิงหยุนเดินออกจากห้องไปแล้ว เธอก็ยังไม่กล้านั่ง และได้แต่พึมพำออกมาเสียงเบา
“พ่อหนุ่ม..เธอช่างอ่อนโยนแล้วก็มีเมตตานัก! ครอบครัวของเราจะตอบแทนเธอได้ยังไง”
ระหว่างที่อยู่ในลิฟท์ถังเมิ่งก็ร้องถามหลิงหยุน..
“พี่หยุน..ข้างนอกฝนตกหนักมาก พี่จะออกไปรับน้องสาวของฉีเสี่ยวชิงตอนนี้จริงๆน่ะเหรอ!”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอาการของฉีเสี่ยวหงเป็นยังไงบ้าง แล้วก็กำลังอยู่ในอันตรายแค่ใหน? ฝนแค่นี้จะเป็นอะไรไป?!”
“เสี่ยวอู๋..นายขึ้นไปชั้นห้าดูว่าฉีเสี่ยวชิงกินข้าวอิ่มหรือยัง รอจนเธอกินข้าวอิ่ม แล้วค่อยพาเธอไปพบแม่ที่ห้องพัก!”
“ถังเมิ่ง..นายกลับไปที่ชั้นห้า ฉันต้องหายตัวไปจากงานเลี้ยงอีกนาน ถ้าหลิงยู่กับหนิงน้อยหาฉันไม่พบ ทั้งคู่อาจจะกังวลแล้วก็กระวนกระวายใจมาก นายอยู่จัดการดูแลงานเลี้ยงที่นี่!”
ถังเมิ่งพยักหน้าพร้อมกับร้องถามออกไป“แล้วพี่ล่ะพี่หยุน!”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ไม่ต้องห่วงฉัน!”
หลังจากที่ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ขึ้นไปชั้นห้าแล้วหลิงหยุนก็กดลิฟท์ไปที่ชั้นสี่ และเดินตรงไปที่ห้องพักของฉินตงเฉี่วยทันที
“เจ้าเด็กดื้อ..ดูเหมือนเวลาทั้งคืนคงยังไม่พอให้เจ้าใช้สินะ! แม้แต่ข้าวก็ยังไม่มีเวลาได้กิน!”
เมื่อเห็นหลิงหยุนเดินเข้ามาฉินตงเฉี่วยก็หันหลังกลับมา คิ้วของนางขมวดเข้าหากันพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทั้งเห็นใจแล้วก็ขุ่นเคืองใจ..
หลิงหยุนเองก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเช่นกัน“น้าหญิง.. ท่านเองก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลย เหตุใดจึงไม่ขึ้นไปข้างบนเล่า หรือเป็นเพราะชั้นห้ามีผู้คนมากมายจนเกินไป..”
ฉินตงเฉี่วยนั้นไม่ชอบความวุ่นวายและภายในงานเลี้ยงที่มีผู้คนพลุกพล่านเช่นนี้ แน่นอนว่านางคงจะไม่ลงไปร่วมรับประทานอาหารด้วยอย่างแน่นอน
หลิงหยุนรู้ว่าฉินตงเฉี่วยน่าจะรู้สึกหิวมากแล้วเขาจึงพูดขึ้นว่า “ถ้าเช่นนั้นคืนนี้ข้าจะลงมือทำอาหารให้น้าหญิงทานเอง!”
เมื่อเห็นหลิงหยุนยกเรื่องทำอาหารมาอ้างฉินตงเฉี่วยก็เดินเข้าไปหาหลิงหยุนทันที พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มที่หน้าผากของเขาเบาๆ
“นี่..เจ้ายังกล้ามายกเรื่องทำอาหารให้ข้ากินอีกมาอ้างอีกเหรอ เจ้าคงไม่เชื่อสินะว่าข้าจะลงโทษเจ้าจริงๆ!”
หลิงหยุนรู้ดีว่าเพราะเหตุใดฉินตงเฉี่วยจึงได้โกรธเขาจึงรีบทันที “น้าหญิง.. ท่านก็รู้ว่าข้าหยอกเย้าท่านเล่นเท่านั้น ข้าเองก็ยอมรับผิดแล้วนี่!”
ฉินตงเฉี่วยจ้องหน้าหลิงหยุนนิ่งนานแต่จู่ๆใบหน้างดงามนั้นก็เปลี่ยนเป็นแดง นางเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดขึ้นว่า
“เจ้าอย่าคิดว่าครั้งนี้จะรอด..ไว้กลับถึงบ้านข้าค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในใจว่าดูเหมือนครั้งนี้ฉินตงเฉี่วยจะโกรธจริง และไม่กล้าเอาเรื่องทำอาหารมาบ่ายเบี่ยงความผิดอีก..
“น้าหญิง..แล้วเหตุใดคืนนี้ป้าเม่ยจึงไม่มากับท่านด้วยล่ะ”
ฉินตงเฉี่วยรู้สึกว่าตนเองพุ่งเข้ามาประชิดตัวหลิงหยุนมากจนเกินไปจึงรีบก้าวถอยหลังออกไปสองก้าว และตอบไปว่า
“นางกลับไปตระกูลฉินแล้ว!”
จากนั้น..ฉินตงเฉี่วยปรับสีหน้าให้เรียบเฉย และพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงจริงจัง..
-เจ้าเด็กดื้อ..เจ้าไปพบตระกูลหลิงมาแล้ว ครั้งนี้เจ้าต้องไปเจียงหนานพบคนตระกูลฉินบ้าง!-
เรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมากฉินตงเฉี่วยจึงต้องสื่อสารกับหลิงหยุนด้วยกระแสจิต
ฉินตงเฉี่วยเชื่อว่าหลิงหยุนจะต้องเข้าใจความหมายดี!เพราะหลิงหยุนนั้นเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อแปดตระกูลใหญ่ในประเทศจีน ในเมื่อหลิงหยุนไปตระกูลหลิงและตระกูลเกามาแล้ว ครั้งนี้ก็ถึงคราวที่เขาจะต้องไปเจียงหนานเพื่อตระกูลฉินบ้าง!
หลิงหยุนเองก็ตอบกลับด้วยกระแสจิตเช่นเดียวกัน
–น้าหญิง..ท่านไม่ต้องกังวลใจเรื่องนี้ไป! ข้าต้องไปตระกูลฉินกับท่านเพื่อคาราวะท่านปู่แน่ แต่ขอข้าจัดการเรื่องยุ่งๆให้เรียบร้อยก่อน–
หลิงหยุนตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลทำให้ฉินตงเฉี่วยที่กำลังขุ่นเคืองใจนั้นถามกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน..
“เจ้ายังมีเรื่องยุ่งๆอะไรอีกงั้นรึ”
หลิงหยุนก้าวเท้าเข้าไปใกล้ฉินตงเฉี่วยพร้อมกับตอบไปว่า..
“ข้าต้องไปโรงพยาบาลรับคนคนหนึ่ง..!”
ฉินตงเฉี่วยได้ฟังก็ยกนิ้วชี้ขึ้นจิ้มหน้าผากของหลิงหยุนอีกครั้งและดุไปว่า “เจ้าเที่ยวยุ่งเรื่องของผู้อื่นไปทั่ว นี่ถึงกับจะฝ่าสายฝนที่ตกหนักไปช่วยเด็กสาวที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวเอง ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลยจริงๆ!”
“แต่เอาเถอะ..ข้าจะไปกับเจ้าด้วย!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดไปว่า“น้าหญิง.. ข้างนอกฝนตกหนักเช่นนี้ ท่านไม่ต้องไปกับข้าก็ได้ ข้าออกไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมา!”
ฉินตงเฉี่วยเพียงแค่ยิ้มให้หลิงหยุนแต่ไม่พูดอะไรแต่จากสายตาและท่าทางของนางนั้น ทำให้หลิงหยุนไม่มีทางเลือกอื่น และได้แต่พยักหน้ายอมให้นางตามไปด้วย..
ทั้งสองคนเดินออกจากห้องไม่นานก็มาถึงล็อบบี้ชั้นล่างของโรงแรมแต่เมื่อมองออกไปที่ด้านนอก หลิงหยุนก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ และกระทืบเท้าอย่างแรง!
ที่จอดรถด้านนอกของโรงแรมไคเฉวียนเวลานี้มีร่มหลากหลายสีสันกางอยู่เต็มพื้นที่สี่เหลี่ยมราวกับดอกเห็ด!
ภายใต้ร่มจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนนั้นล้วนเป็นเด็กหนุ่มสาวที่มีอายุราวสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ทั้งหมดต่างก็ยืนกางร่มตัวเปียกอยู่ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา..
หลิงหยุนเปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจทันทีและแล้วเลือดในกายของเขาก็พลุ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว เพราะเด็กสาวเหล่านั้นล้วนคุ้นหน้าคุ้นตาเขามาก..
ฉินตงเฉี่วยเองก็สังเกตเห็นเช่นกันนางจึงถามขึ้นมาด้วยความตกใจ “นี่.. เหตุใดจู่ๆจึงได้มีผู้คนมาอออยู่หน้าโรงแรมมากมายเช่นนี้!”
หลิงหยุนมองผ่านม่านสายฝนไปยังกลุ่มคนที่ออกันอยู่หน้าโรงแรมเขานิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นว่า
“พวกเขาเป็นเพื่อนนักเรียนของข้าเอง!”
“พวกเขาน่าจะได้ข่าวเรื่องคะแนนสอบเอนทรานซ์ของข้าจึงได้พากันมารวมตัวที่นี่เพื่อให้กำลังใจข้า..”
หลิงหยุนเห็นทั้งฉางตงไฉฮั่นหลิน กู่หยวนหลง แล้วก็ซาเกาจิ้ง รวมทั้งเจี่ยเมิ่งด้วย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนนักเรียนของเขาทั้งสิ้น!
แล้วก็ยังมีเพื่อนนักเรียนของหนิงหลิงยู่เพื่อนของถังเมิ่ง แล้วก็อีกมากมายหลายคน!
แต่ด้านหน้าดูเหมือนจะมีอยู่สองคนที่กำลังร้องบอกเพื่อนๆให้เข้าไปในล็อบบี้โรงแรม..
และหลิงหยุนก็เห็นแล้วว่าทั้งสองคนที่อยู่ด้านหน้านั้นคือฉางหลิงกับเฉิงเมี่ยน!
บทที่ 868 : ได้เวลาสังสรรค์!
พายุฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย!
สายฝนยังคงหลั่งไหลลงมาราวกับน้ำตกจนกระทั่งด้านนอกเกิดเป็นม่านสายฝนที่ขาวโพลนไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ถึงกระนั้น.. ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของหลิงหยุน
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่า..ครั้งนี้ใบหน้าของเฉิงเมี่ยนที่อยู่ท่ามกลางสายฝนนั้น ไม่มีร่องรอยของการแต่งหน้าเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ลิปสติกยังไม่มีให้เห็น แต่นั่นก็ทำให้เธอดูบริสุทธิ์สดใสอย่างที่ไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน..
ทุกวันนี้เฉิงเมี่ยนเองก็แทบจะไม่แต่งหน้าเช่นเคยอีกทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆ และทำตัวติดดินอีกด้วย คืนนี้เธอสวมเพียงเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงยีนส์รัดรูปสีฟ้าอ่อน และรองเท้าแตะธรรมดาๆเท่านั้น แต่เนื่องจากตอนนี้น้ำฝนได้เจิ่งนอนพื้นอยู่เต็มไปหมด เธอจึงต้องพับขาเกงเกงขึ้นมาจนเผยให้เห็นน่องสีขาวชวนมอง..
หลิงหยุนจ้องมองเฉิงเมี่ยนด้วยแววตาชื่นชมเพราะรู้ว่าเวลานี้เฉิงเมี่ยนได้เปลี่ยนไปแล้ว!
แต่เมื่อหลิงหยุนหันไปมองฉางหลิง..เขาก็สังเกตเห็นคิ้วทั้งสองข้างของเธอย่นเข้าหากันเล็กน้อย ดวงนั้นทั้งบวมและแดงก่ำ ฉางหลิงกำลังร้องตะโกนบอกเพื่อนๆด้วยเสียงที่แหบแห้ง!
“เพื่อนๆ!ยังมีรถจอดอยู่เต็มไปหมดเลย แสดงว่างานเลี้ยงยังไม่จบ แค๊ก.. แค๊ก.. แต่ตอนนี้ฝนตกหนักมาก พวกเรารีบเข้าไปหลบในโรงแรมกันดีกว่า ระวังจะเป็นหวัดด้วยล่ะ!”
ระหว่างที่ฉางหลิงร้องตะโกนบอกเพื่อนๆด้วยเสียงที่แหบแห้งนั้น เธอก็ไอออกมาเพราะความหนาวเย็น
เพื่อนนักเรียนของหลิงหยุนโดยเฉพาะฉางตงไฉฮั่นหลิน ซาเกาจิ้ง กู่หยวนหลง และอีกหลายคน ต่างก็ช่วยกันร้องตะโกนบอกคนอื่นๆ ให้รีบเข้าไปหลบในโรงแรม
“เจ้าเด็กดื้อ..ดูท่าเจ้าคงจะเป็นคนดีไม่เบาทีเดียว! เรื่องเล็กๆแค่นี้เพื่อนๆถึงได้มาช่วยกันมากมายถึงเพียงนี้!”
ภาพที่ได้เห็นเวลานี้แม้แต่ฉินตงเฉี่วยที่พบเจอเรื่องใหญ่โตกว่านี้มามากมายนัก ก็ยังอดที่จะประทับใจไม่ได้ และหลังจากที่จ้องมองภาพตรงหน้าครู่หนึ่งแล้ว นางก็หันไปมองหลิงหยุนด้วยแววตาชื่นชม..
หลิงหยุนร้อนใจมากและรีบโทรหาถังเมิ่งทันที “ถังเมิ่ง.. นายรีบโทรหาอาปิงให้เขาพาพี่น้องแก๊งมังกรเขียวลงมาข้างล่างด่วน! แล้วก็อย่าลืมเรียกเสี่ยวอู๋ หลิงยู่ แล้วก็หนิงน้อยลงมาด้วย..”
หลังจากที่สั่งการและบอกเล่าเรื่องให้ถังเมิ่งฟังคร่าวๆแล้วหลิงหยุนก็รีบวางสาย และหันไปบอกฉินตงเฉี่วยว่า
“น้าหญิง..ท่านไปนั่งรอข้าที่โซฟาก่อน ข้าจะออกไปพบเพื่อนๆสักครู่!”
หลิงหยุนพูดยังไม่ทันจบดี..ร่างของเขาก็พุ่งออกไปนอกประตูโรงแรมแล้ว และสัมผัสเข้ากับอากาศด้านนอกที่เย็นมาก..
ในเวลานั้นเอง..ทุกคนที่อยู่ด้านนอกต่างก็กำลังเตรียมตัวที่จะเข้ามาด้านในโรงแรม บ้างก็กำลังหุบร่ม บ้างก็กำลังปัดน้ำฝนที่ไหลอยู่เต็มหน้า บ้างก็กำลังบิดเสื้อผ้าที่เปียกโชก และบางคนก็กำลังถอดรองเท้าผ้าใบเพื่อเทน้ำออก..
“เห้ย..นั่นมันหลิงหยุนนี่!”
“หลิงหยุนมาแล้ว!”
และทันทีที่หลิงหยุนก้าวเท้าออกมานอกประตูเพื่อนนักเรียนสองสามคนที่เห็นเข้า ก็พากันร้องตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
และเสียงตะโกนต่อกันเป็นทอดๆนั้นก็ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นได้ยินกันหมด ทั้งหมดจึงพากันหันหน้ามองไปทางประตูโรงแรมทันที
ร่างสูงราวกับต้นไผ่ของฉางตงที่สูงโดดเด่นอยู่กลางฝูงเพื่อนนั้นรีบหันหลังกลับมามองทันที และเมื่อเห็นหลิงหยุนเข้า เขาก็ยิ้มกว้างออกมาทันที และรีบร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“หลิงหยุน..พวกเราได้ยินมาว่านายได้คะแนนสอบเอนทรานซ์สูงสุดของเจียงหนาน พวกเราก็เลยมาให้กำลังใจ แล้วก็มาร่วมแสดงความยินดีกับนายด้วย! แต่ไม่รู้ว่านายจะยินดีจะต้อนรับพวกเรารึเปล่าน่ะสิ”
ในสถานการณ์แบบนี้ฉางตงยังคงมีอารมณ์ขันที่จะหยอกเย้าหลิงหยุนเช่นเคย หลิงหยุนจึงตอบกลับไปทันที
“แน่นอน..ฉันต้องต้อนรับพวกนายอยู่แล้ว!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงใช้มังกรคำรามร้องบอกทุกคนว่า“เพื่อนๆทุกคน.. อย่ายืนตากฝนอยู่ข้างนอกเลย เดี๋ยวจะเป็นหวัด รีบเข้าไปในโรงแรมก่อนจะดีกว่า!”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังยืนฟังหลิงหยุนพูดอยู่นั้นร่างที่แท้จริงของเขาก็ได้ไปยืนอยู่ข้างฉางหลิงกับเฉิงเมี่ยนแล้ว..
แน่นอนว่าหลิงหยุนใช้วิชาเงาลวงตา!
จากนั้นหลิงหยุนก็ใช้มือข้างหนึ่งโอบร่างของฉางหลิงไว้ส่วนอีกข้างโอบร่างของเฉิงเมี่ยนไว้ และเพียงแค่กระโดดเบาๆ ร่างของหลิงหยุน ฉางหลิง และเฉิงเมี่ยน ก็ไปยืนอยู่หน้าบันไดโรงแรมที่ห่างไปไกลนับสิบเมตร..
หลิงหยุนเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วและท่ามกลางฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงนั้น จึงไม่มีใครมองเห็นได้ทัน และเมื่อร่างของหลิงหยุนหยุดลง เพื่อนๆของเขาต่างก็พากันวิ่งกรูขึ้นบันไดมาแล้วเช่นกัน
เวลานี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว..พวกเขาไม่ใช่เด็กนักเรียนมัธยมกันอีกต่อไป ทุกคนต่างก็เรียนจบหมดแล้ว ความกดดันจากากรสอบเอนทรานซ์ก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนจึงสามารถพูดคุยกันได้อย่างสบายอกสบายใจ
ฉางหลิงถูกหลิงหยุนโอไว้ต่อหน้าเพื่อนนักเรียนเช่นนี้ก็รู้สึกมีความสุขและอบอุ่นอย่างมาก
ฉางหลิงถูกหลิงหยุนโอบไว้ต่อหน้าเพื่อนมากมายเช่นนี้ก็รู้สึกเขินอาย แต่ในใจก็รู้สึกอบอุ่นและเพลิดเพลิน เธออดที่จะนึกถึงเมื่อครั้งที่อยู่ในห้องนอนบนเครื่องบินส่วนตัวสองต่อสองกับหลิงหยุนไม่ได้ แล้วร่างกายที่อ่อนนุ่มก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที และหัวใจก็เริ่มเต้นระรัว..
สองสามวันก่อนหน้านี้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในครอบครัวของเธอ และตราบใดที่ยังมีหลิงหยุนอยู่ข้างๆ เธอก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดจากการที่พ่อแม่หย่าร้างกัน..
ตึ้ก..ตึ้ก.. ตึ้ก..
เสียงหัวใจของเฉิงเมี่ยนเต้นแรงกว่าฉางหลิงเสียอีกเสียงหัวใจเต้นของเฉิงเมี่ยนนั้นดังราวกับเสียงม้าวิ่ง และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้อยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุนเช่นนี้!
เฉิงเมี่ยนรู้สึกอบอุ่นและมีเรี่ยวมีแรงขึ้นมาทันที แต่ถึงกระนั้นก็รู้สึกใจหวิวและเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างบอกไม่ถูก เธอได้แต่แอบคิดอยู่ในใจว่าหากหลิงหยุนโอบกอดเธอไว้เช่นนี้อีกสักพักก็คงจะดีไม่น้อย
“ทุกคน.. รีบเข้าไปในโรงแรมได้แล้ว!”
หลิงหยุนร้องบอกเพื่อนๆทุกคนให้รีบเข้าไปในโรงแรมอีกครั้ง..
ในเวลาเดียวกันนั้นเองหลิงหยุนก็ได้ใช้วิชาหยางพิสุทธิ์ถ่ายเทพลังหยางบริสุทธิ์จากร่างกายของตนเองออกมาให้กับฉางหลิงและเฉิงเมียน เสื้อผ้าของพวกเธอจึงแห้งสนิทในทันที..
“แต่..นี่เป็นโรงแรมห้าดาวนะ!”
เมื่อเห็นว่าโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมห้าดาวเพื่อนนักเรียนหญิงสองสามคนที่มาด้วยต่างก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปข้างใน เพราะเกรงว่าทั้งโคลนและน้ำตามเนื้อตามตัวจะทำให้โรงแรมเลอะเทอะสกปรก และเจ้าหน้าที่โรงแรมจะไม่พอใจ..
หลิงหยุนหัวเราะเล็กน้อยแล้วจึงพูดขึ้นว่า “ทุกคนไม่ต้องกังวล.. นี่เป็นโรงแรมของผมเอง! ขอเชิญทุกคนเข้ามาได้เลย!”
“ห๊ะ!โรงแรมของเธอเหรอหลิงหยุน?!”
คำตอบของหลิงหยุนทำให้เพื่อนนักเรียนจำนวนมากถึงกับอึ้งไปในทันที…
ฉางตงและเพื่อนคนอื่นๆยืนอยู่ด้านข้างของประตูหมุนขนาดใหญ่ของโรงแรมไคเฉวียน แล้วฉางตงก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
“หลิงหยุน..อย่าบอกนะว่านายซื้อโรงแรมนี้ไปแล้ว! ฉันได้ยินมาว่ามีมูลค่าหลายร้อยล้านเลยทีเดียว!”
หลังจากผ่านการสอบเอนทรานซ์ไปแล้วหลิงหยุนก็ไม่เคยได้ติดต่อเพื่อนๆในห้องอีกเลย ตอนนี้เห็นทุกคนมีน้ำใจยอมฝ่าสายฝนที่ตกหนักมาให้กำลังใจตนเองเช่นนี้ หลิงหยุนก็รู้สึกซาบซึ้งใจและมีความสุขอย่างมาก เขาจึงตอบฉางตงไปว่า
“ถูกต้อง!ฉันซื้อกิจการของที่นี่แล้ว! พวกนายรีบเข้าไปข้างในเร็วเข้า ดูสิ.. เปียกปอนกันหมดแล้ว!”
“ฉันเพิ่งจะซื้อมา!– นี่หลิงหยุนนายพูดอย่างกับว่าโรงแรมห้าดาวเป็นอะไรก็ไม่รู้!”
ฉางตงถึงกับถอนหายใจออกมาแต่ก็ยกนิ้วโป้งให้กับหลิงหยุนพร้อมกับหันไปมองเพื่อนๆ
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานั้นเพื่อนๆทุกคนต่างก็รู้สึกดีกับหลิงหยุน พวกเขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อจะพูดอะไรบางอย่างกับหลิงหยุนเพียงแค่สองสามคำเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าฟ้าฝน และเวลาจะไม่เป็นใจ จึงล้มเลิก..
หลังจากผ่านไปราวสองสามนาทีเพื่อนๆของหลิงหยุนก็เข้ามาในล็อบบี้ของโรงแรมที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรากันครบหมดทุกคนแล้ว..
เมื่อทุกคนเข้าไปข้างในกันหมดแล้วหลิงหยุนก็มองหญิงสาวสองคนที่ขดเป็นลูกแมวอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง พร้อมกับถามออกไปว่า
“พวกคุณสองคนรู้สึกอุ่นขึ้นบ้างหรือยังจะให้ผมอุ้มเข้าไปข้างในมั๊ย?”
และเวลานี้เสื้อผ้าของฉางหลิงกับเฉิงเมี่ยนที่ได้รับความร้อนจากพลังหยางบริสุทธิ์นั้นก็อบอุ่นยิ่งกว่าผ่านการเผาผลาญด้วยแสงอาทิตย์เสียอีก
หญิงสาวทั้งสองคนต่างก็รีบผละออกจากอ้อมแขนของหลิงหยุนและเดินเข้าไปในโรงแรมทันที..
“ว้าว..นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงได้มีคนมากมายขนาดนี้!?”
ถังเมิ่งที่เพิ่งจะลงมาถึงชั้นล่างก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจพร้อมกับตะโกนถามว่า“เห้ย.. พวกนายมาได้ยังไงกันนี่!”
ถังเมิ่งเห็นเพื่อนในห้องก็จำได้ทันทีจึงร้องตะโกนถามออกไปอย่างมีความสุข!
หลิงหยุนเห็นถังเมิ่งเดินลงมาพอดีจึงร้องสั่งทั้งที่ยังยืนอยู่ด้านนอก “ถังเมิ่ง.. นายจัดการเปิดห้องพักให้กับทุกคน แล้วจัดการเปิดห้องวีไอพีให้สักสิบห้อง และให้ห้องครัวจัดเตรียมอาหารที่ดีที่สุดขึ้นมาเสริฟ วันนี้พวกเราจะฉลองใหญ่พร้อมๆกัน!”
หลังจากร้องสั่งถังเมิ่งแล้วหลิงหยุนก็หันไปพูดกับเพื่อนๆทุกคน “ทุกคน.. ถังเมิ่งจะจัดห้องพักให้กับทุกคนขึ้นไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้แห้งก่อน จะได้ไม่เป็นหวัด ฉันมีเรื่องด่วนต้องไปทำ แล้วจะรีบกลับมา!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปบอกฉินตงเฉี่วย“น้าหญิง.. พวกเราไปกันได้แล้ว!”