Chapter 101 การเนืองเลือดที่บ้านดอกไม้พระจันทร์

ข้าสามารถตรวจสอบได้ทุกสรรพสิ่ง I Can Track Everything

เมื่อเห็นหนึ่งในผู้สืบทอดถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาเขา ฉีปู่ฝานรู้สึกเย็นเยียบเหมือนกับว่าเขาถูกสาดน้ำเย็นไป

 

ทันทีหลังจากนั้นเขาเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

 

ผู้สืบทอดที่เป็นหนึ่งในสิบชั้นยอดถูกเขาฆ่าทิ้งไป ไม่ใช่แค่คนธรรมดาทั่วไป!

 

“เฉินเฉิน! แกกล้าดียังไงกัน?! ถ้าข้าฆ่าแกทิ้งตอนนี้ มันจะไม่มีใครในสามสิบหกสำนักจะพูดอะไรถึงเรื่องนี้!”

 

ฉีปู่ฝานลุกขึ้นยืน ก่อนที่แรงกดดันจิตวิญญาณจะออกมาจากร่างกายของเขาเขากระโดดขึ้นไปบนเพดานของบ้านดอกไม้พระจันทร์ แสงดาวที่ส่องประกายบนท้องฟ้าทอดลงมาในห้อง

 

ผู้สืบทอดอีกคนก็กระโดดถอยกลับไปพร้อมกับพลังปราณป้องกันที่มากมายจนล้นหลาม เขาจ้องไปที่เฉินเฉินด้วยความโกรธเคืองเหมือนกับว่าเขาเป็นศัตรูคู่อาฆาต

 

ไม่ว่ายังไงก็ตาม คนที่อยู่หน้าเขาสังหารผู้สืบทอดไปคนหนึ่ง ดังนั้นการกระทำของเขาก็ไม่ได้มากมายเกินไป

 

เมื่อเห็นดังนี้ เฉินเฉินยังคงยืนนิ่งอยู่และรอให้คนในบ้านดอกไม้พระจันทร์วิ่งหนีไป ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “ตั้งแต่ที่เจ้าโจมตีคนของข้า เจ้าควรที่จะเตรียมรับความตายไว้นะ อันดับสอง? ชื่อเสียงอันยอดเยี่ยมงั้นเหรอ? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นอันดับสองของคนวัยเยาว์ในรัฐจิน?”

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเฉินแล้ว มันมีร่องรอยของความจริงจังปรากฏขึ้นในดวงตาของฉีปู่ฝาน

 

เขาคิดว่าตัวเองเป็นอันดับสองของรัฐจินจริงๆ

 

หลังจากเงียบไปสักพัก ฉีปู่ฝานก็พูดแทรกขึ้นมา “เจ้าอยากตายมากสินะ!” ในเวลาเดียวกัน เปลวเพลิงดำพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งมันก็คือเปลวเพลิงความสงบดับสิ้นซึ่งจะเผาไหม้พลังปราณ

 

เฉินเฉินมองไปที่เปลวเพลิงอย่างเงียบงัน แสงจันทร์จากบนท้องฟ้าดูหม่นหมองลง ก่อนที่เมฆที่มืดครึ้มจะปกคลุมด้านบนของบ้านดอกไม้พระจันทร์

 

เมื่อเทียบกับท้องฟ้าที่มืดครึ้มที่จัดการจูตี่ไปก่อนหน้านี้ เมฆก้อนนี้ดูใหญ่กว่ามาก เมื่อคนที่อยู่ใกล้กับบ้านดอกไม้พระจันทร์เห็นมัน  พวกเขาต่างถอยหนีด้วยความหวาดกลัว

 

แม้แต่กู่ฉินเจิ้งก็รีบหนีไปเช่นกัน

 

บึ้ม!

 

เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น!

 

บ้านดอกไม้พระจันทร์ชั้นเจ็ดหายไปไร้ร่องรอยและก่อนที่คนจากระยะไกลจะตั้งตัวได้ สายฟ้าก็ฟาดลงมาอย่างกับเม็ดฝนที่ตกลง เมฆบนท้องฟ้าดูเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

 

ไม่กี่ชั่วครู่ต่อมา สายฟ้าฟาดลงมาเกือบหนึ่งร้อยครั้ง!

 

ฝูงชนอดที่จะหน้าซีดกับสิ่งที่พวกเขาเห็นไม่ได้ ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ชั้นเจ็ดของบ้านดอกไม้พระจันทร์ที่ดูหรูหราและงดงามก็กลายเป็นเศษซากปรักหักพัง

 

ด้านบนเศษซากตึก เฉินเฉินยืนอยู่อย่างเงียบงัน ในขณะที่ฉีปู่ฝานที่อยู่ข้างเขานั้นมีผมที่ยุ่งเหยิงรวมทั้งเสื้อผ้าที่ไหม้เกรียมของเขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

 

ในอีกด้านหนึ่ง ผู้สืบทอดอีกคนหนึ่งกลายเป็นศพไหม้เกรียมด้านใต้เศษซากปรักหักพัง

 

ฉีปู่ฝานตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง “เฉินเฉิน อย่ามากเกินไปและรังแกคนอื่น! ลูกน้องของเจ้าก็แค่คนที่อยู่ขั้นฝึกพลังปราณเท่านั้นเอง!”

 

เส้นเลือดปูดโปนขึ้นบนหน้าผากของเขา เขาถอยกลับด้วยใบหน้าที่ดูเกรี้ยวกราด

 

“เขาคือน้องชายของข้า”

 

เมื่อเฉินเฉินพูดจบ สายฟ้าบนท้องฟ้าก็ส่องประกายมากกว่าเดิม

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมากมายด้านบนหัวของเขาแล้ว ฉีปู่ฝานก็กระทืบลงไปบนพื้นและพื้นที่รอบเขาสิบเมตรก็เปลี่ยนกลายเป็นมังกรเพลิงก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เฉินเฉิน

 

เมื่อเห็นดังนี้แล้ว เฉินเฉินไม่ได้สู้กลับเลยสักนิด เพียงเวลาไม่นานเขาก็ถูกล้อมรอบโดยเพลิงดำแล้วพลังปราณในร่างของเขาก็ถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว

 

เห็นดังนี้แล้ว หัวใจของฉีปู่ฝานก็ใจเย็นลง

 

ยังไงก็ตามก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรต่อ เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังปราณในอากาศรอบตัวเขากำลังพุ่งเข้าหาเฉินเฉินราวกับคลื่นน้ำ

 

เขาพบว่ามันยากขึ้นเล็กน้อยในการควบคุมพลังปราณในอากาศ

 

ในอีกด้านหนึ่ง เฉินเฉินอาจจะถูกเปลี่ยนไปเป็นลูกบอลไฟ แต่แรงกดดันจิตวิญญาณของเขาก็ดูแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน

 

ฉีปู่ฝานตกใจ

 

ความเร็วที่เปลวเพลิงความสงบดับสิ้นเผาพลังปราณมันไม่ได้เร็วเท่ากับอีกฝ่ายที่ฟื้นพลังปราณไป มันมีตัวตนที่อยู่ขั้นกลางของขั้นสร้างรากฐานแบบนี้ได้ยังไงกันเนี่ย?

 

เพียงแค่เขากำลังตกใจอยู่นั้นเอง เฉินเฉินก็โบกมือที่ปกคลุมไปด้วยเพลิงดำและสายฟ้าฟาดก็ล่วงลงมาจากบนท้องฟ้า

 

กระแสพลังทำลายล้างที่อยู่ในสายฟ้ามันทำให้ฉีปู่ฝานหน้าซีดทันที

 

ฉีปู่ฝานหันหลังหนีอย่างสุดกำลัง

 

ยังไงก็ตามความเร็วของเขายังเทียบกับสายฟ้าไม่ได้ ก่อนที่เขาจะหนีไปได้หลายเมตร สายฟ้าก็ได้ฟาดลงไปบนหัวของเขาจนเขาแทบวิญญาณหลุด ก่อนที่เขาจะกระแทกลงไปในซากปรักหักพัง

 

ในเวลานี้เองเขาก็ได้รับประสบการณ์ที่จูตี่รู้สึกตอนนั้น

 

เขามองไปที่เกราะในที่ส่องประกายบนร่างกายของฉีปู่ฝาน เฉินเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

 

พูดตามจริงแล้ว การโจมตีนั้นน่าระเบิดฉีปู่ฝานกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว แต่เกราะในของเขามันพิเศษมากและป้องกันการโจมตีด้วยสายฟ้าส่วนใหญ่

 

ยังไงก็ตาม แม้ว่าจะเป็นแบบนั้นแล้ว ฉีปู่ฝานก็ยังไม่ตาย

 

หมอกที่มืดหม่นบนท้องฟ้าเริ่มสลายหายไปและเฉินเฉินก็ปล่อยพลังปราณในร่างกายของเขาไปจนหมด ก่อนที่เปลวเพลิงดำจะจางหายไป

 

ในเวลานี้เอง มีคนมากมายหลายคนกำลังจ้องมาที่เขา รวมทั้งเย่หวู่เชิง เซี่ยวฮวงและผู้สืบทอดจากสามสิบหกสำนักคนอื่น

 

บนถนนที่หรูหราในเมืองหลวงแห่งนี้ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างอาศัยอยู่กันบริเวณนี้

 

มันเกิดการต่อสู้ขึ้นครั้งใหญ่ขึ้น ดังนั้นมันไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้นี้

 

พวกเขาต่างมีสีหน้าที่ซับซ้อนกับสิ่งที่พวกเขาเห็น

 

พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าระดับสองของรัฐจินจะถูกทำร้ายเช่นนั้น

 

 

“เจ้า…เจ้าฆ่าข้าไมได้นะ ข้ามาจากสำนักอู๋ซิ่น ถ้าเจ้าสังหารข้าแบบนี้ สำนักอู๋ซิ่นจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”

 

ใบหน้าที่ซีดเซียวของฉีปู่ฝานจมลงอยู่กับพื้น เสียงของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย

 

ในคืนนี้มันควรที่จะเป็นจุดสูงสดของชีวิตของเขา แต่ใครจะคิดไปกันว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกัน? ก่อนที่เขาจะเพลิดเพลินกับชื่อเสียงที่เขาได้รับมา เขากลับตกลงสู่พื้นด้านล่างแล้วเสียนี่

 

ทันทีที่เขาพูดคำพูดเหล่านี้ออกมา แสงส่องประกายขึ้นจากระยะไกล

 

“ยามเมืองกำลังทำหน้าที่ของเขา คนที่อยู่ด้านหน้ารีบไปหยุดเร็วเข้า!”

 

ฉีปู่ฝานเพลิดเพลินกับเสียงที่เขาได้ยิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสุข เมื่อเขาคิดว่าเขาจะรอดชีวิตไปได้

 

‘ในที่สุดยามของเมืองก็มาแล้ว! ทำไมเจ้าพวกโง่นี่ถึงใช้เวลานานจริง?!’

 

ก่อนที่เขาจะได้บ่นต่อ ความสุขในดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก เมื่อเขาเห็นดาบยาวในมือของเฉินเฉิน

 

ดาบยาวของเขาเต็มไปด้วยความอมหิต เพียงแค่มองแวบเดียวก็บอกได้เลยว่ามันดื่มเลือดไปเยอะมาก

 

“ไม่นะ..” ฉีปู่ฝานพูดพึมพำออกมา เขาหน้าซีดเซียวและไม่สามารถที่จะใจเย็นได้อีกต่อไป

 

“มันไม่มีอะไรที่เป็นไปได้ ตายไปอย่างสงบซะเถอะ จำไว้ว่าชีวิตครั้งหน้าของเจ้าต้องเลิกทำตัวโอหังด้วยละ”

 

หลังจากพูดจบ ดาบสังหารมังกรก็ตัดลงและเลือดก็สาดกระจายไปทั่ว

 

ฉีปู่ฝานถูกตัดหัวไปและตายอยู่ตรงนั้น ในขณะที่วิญญาณของเขาถูกทำลายไปจนดับสิ้น

 

“เมตตา…”

 

เสียงดังขึ้นจากระยะไกลแต่ก็หยุดลง

 

‘อะไรกัน? เขาตายแล้วเนี่ยนะ..’

 

“ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุน เจ้า…”

 

กลุ่มของทหารสวมชุดเกราะล้อมรอบเศษซากปรักหักพังของบ้านดอกไม้พระจันทร์ คนที่นำหน้ากลุ่มมองมาที่เฉินเฉินอย่างตึงเครียด พวกเขาพูดอะไรไม่ออก

 

ทหารคนอื่นมองมาที่เฉินเฉินด้วยสายตาที่ซับซ้อน

 

เพียงแค่ชั่วครู่ก่อนหน้านี้ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างวางพนันว่าฉีปู่ฝานจะชนะในการประลองจัดอันดับวันพรุ่งนี้

 

แต่ผู้สืบทอดที่โด่งดังของสำนักหลัวโยวถูกสังหารไปโดยสำนักเทียนหยุนก่อนที่จะเริ่มการต่อสู้เสียอีก

 

เฉินเฉินเมินพวกยามไป เขาหยิบหัวของฉีปู่ฝานไปก่อนที่จะเดินไปหากู่ฉินเจิ้งที่ตกใจอยู่ เขาโยนกระเป๋าเก็บของให้กับเธอ

 

“หินวิญญาณที่อยู่ด้านในน่าจะพอที่ให้เจ้าสร้างบ้านดอกไม้พระจันทร์ขึ้นมาใหม่”

 

กู่ฉินเจิ้งรับกระเป๋าเก็บของไปอย่างตกตะลึง

 

ในตอนนี้เอง เธอสับสนอย่างมาก

 

ไม่เพียงแต่บ้านดอกไม้พระจันทร์จะพังพินาศเช่นนี้แล้ว ผู้สืบทอดของสำนักหลัวโยวที่เธอคาดหวังไว้มากก็ตายไปแล้ว

 

เขาตายโดยน้ำมือของสำนักเทียนหยุนที่ยินดีจะพักในหอโสเภณีด้วยราคาแค่ 300 หินวิญญาณ…

 

เธอมองไปที่หัวที่ไหม้เกรียมด้วยท่าทางที่มึนงง

 

กู่ฉินเจิ้งมีความรู้สึกซับซ้อนมาก

 

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันคาดการณ์ไม่ได้เลย

 

“พวกเจ้ามามุงดูอะไรกันอยู่? ยามเมืองไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งเกี่ยวกับ 36 สำนักได้!” เสียงของเซี่ยวฮวงดังออกมาจากระยะไกล

 

ยามเมืองตกอยู่ในความตึงเครียดหลังจากที่ได้ยิน พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี พูดตามปกติแล้วพวกเขาไม่ควรที่จะข้องเกี่ยวกับ 36 สำนัก แต่ว่า…

 

แต่เพียงแค่นายพลที่เป็นหัวหน้ากำลังจะคิดแก้ไขปัญหานี้ได้ เสียงก็ดังมาจากระยะไกล

 

“ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุน องค์ราชาต้องการพบเจ้าที่พระราชวัง!”