เมื่อได้ยินเสียงของเขาแล้วเฉินเฉินยิ้มและพูดออกมาอย่างใจเย็น “ข้าจะกลับไปทำความสะอาดก่อนที่จะไป ข้าคงไปยังพระราชวังพร้อมกับเลือดติดตัวแบบนี้ใช่ไหม?”
เสียงไกลที่ดังออกมาไม่ได้ตอบกลับ เพื่อยืนยันสถานะของเฉินเฉิน
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว เฉินเฉินตัดสินใจที่จะไม่ยืนนิ่งอีกต่อไป เขารีบเดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลานพร้อมกับถือหัวฉีปู่ฝานไปด้วย
ตาของคนที่มองจากระยะไกลกระตุกกับสิ่งที่พวกเขาเห็น
มีเพียงแค่ตอนที่เฉินเฉินหายไปในความมืดเท่านั้นที่พวกเขาถึงกล้าพูดกัน
“โอ้ พระเจ้า! มันนานแค่ไหนแล้วนะที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองหลวง! มันน่าตื่นเต้นชะมัด!”
“ข้ากลัวแทบตายแหนะ ข้ากลัวมากเลย ข้าไม่กล้าที่จะหายใจเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นคนที่โหดเหี้ยมมากเลย”
นอกจากเสียงพูดคุยของคนที่ประหลาดใจกันแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่เหมือนกับรู้สึกว่าพึ่งจะหลบหนีเอาชีวิตรอดจากภัยพิบัติมาได้
ในตอนเย็น ผู้คนส่วนใหญ่ต่างพนันเงินทั้งหมดกับชัยชนะของฉีปู่ฝาน พวกเขาคิดว่าพวกเขาจะชนะอย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่ได้คาดคิดกับการกระทำของเฉินเฉินเลย
ในตอนนี้ฉีปู่ฝานตายไปแล้ว การพนันของพวกเขาก็เป็นโมฆะ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงหลบหนีโชคชะตาที่จะเสียเงินจนหมดตัวไป
“ผู้สืบทอดสำนักเทียนหยุนช่างอ่อนโยนเสียจริง”
“ข้าจะไม่ไปพนันอีกแล้ว มันโคตรน่ากลัวเลย”
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเหงื่อไหลพรากออกมา พวกเขาต่างมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
…
เฉินเฉินกลับไปยังโรงเตี๊ยมหยีหลานและเห็นผู้อาวุโสจ้าวยืนรออยู่หน้าประตู
เมื่อเห็นเฉินเฉิน ผู้อาวุโสจ้าวโล่งอก แต่เมื่อเขาเห็นหัวของฉีปู่ฝานแล้ว ตาของเขาก็ดูมืดหม่นลงอีกครั้งหนึ่ง
“ผู้สืบทอด…ท่าน!”
“มันไม่เป็นไรหรอก มอบหัวนี้ให้กับจางจีและบอกเขาว่าข้าล้างแค้นให้เขาแล้ว สำหรับคนที่ทำร้ายเขา เขาถูกเผาไหม้จนกลายเป็นจุลและไม่มีทางกลับมาได้อีกแล้ว”
เฉินเฉินยิ้มและโยนหัวให้กับผู้อาวุโสจ้าว ก่อนที่จะหยิบชุดไหมทองออกมาจากแหวนเก็บของ เขาเปลี่ยนชุดคลุมเปื้อนเลือดและสวมชุดไหมทองคำไป
“ข้าจะไปยังพระราชวังก่อน ฉงเย่ต้องการที่จะพบกับข้า” เฉินเฉินพูดอย่างสบายๆ หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ
ยังไงก็ตาม ผู้อาวุโสจ้าวกลับกังวลอย่างมาก
“มันจะมีอะไรดีหรอครับกับการไปยังที่แห่งนั้น? ผู้สืบทอด ท่านจะให้ข้าช่วยหลบหนีงั้นเหรอ?”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้วละ มันมีผู้ฝึกตนที่อยู่ขั้นก่อกำเนิดวิญญาณในเมืองหลวง ดังนั้นพวกเราจะหนีไปไหนได้กัน? แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าฉงเย่ต้องการฆ่าข้าจริง เขาคงทำมันไปแล้วละ เขาจะเชิญข้าไปยังเมืองหลวงอีกทำไม? ข้าไม่ได้เป็นคนดังใหญ่โตอะไร เขาไม่ได้พยายามที่จะหลอกข้าไปยังพระราชวังเพื่อฆ่าข้าหรอก”
หลังจากพูดจบ เฉินเฉินเมินสายตาที่ซับซ้อนของผู้อาวุโสจ้าวและซุนเทียนกังไป เขาหันหลังเดินออกจากโรงเตี๊ยมหยีหลานออกไปอีกครั้งหนึ่ง
…
ในพระราชวังรัฐจินมันมืดหม่นมาก มีเพียงแค่ไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สว่างสดใสและมันดูหม่นหมองเล็กน้อย
ราชาองค์ใหม่ ฉงเย่ได้ฝึกวิชาเต๋าหวังฉิงระดับสุดยอด ซึ่งมันทำให้เขาไร้อารมณ์และเมินเฉยต่อความต้องการทางเพศ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีนางสนมและคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในพระราชวังก็ไม่ค่อยจะได้ทำอะไรสักเท่าไหร่
ห้องโถงไร้หัวใจในใจกลางของพระราชวังเป็นที่ที่ฉงเย่ฝึกตน
ในจุดนี้นี่เอง เขาก็ยังคงฝึกตนอยู่ด้านใน แต่มันยังมีโต๊ะอีกแห่งหนึ่งอยู่ด้านหน้าเขาซึ่งมีถ้วยที่เปล่งพลังปราณออกมา
เสียงที่แหบแห้งดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู
“ฝ่าบาท เฉินเฉินผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุนอยู่ที่นี่แล้ว”
“ให้เขาเข้ามา” ฉงเย่สั่ง ในขณะที่เปิดตาออกกว้าง เขาดูไม่มีอารมณ์อะไรสักอย่างเลย
ชั่วขณะต่อมา เฉินเฉินเดินไปยังใจกลางของห้องโถงหลัก
“นั่ง” ฉงเย่สั่ง
เฉินเฉินไม่รีรอและนั่งลงไปตรงข้ามอีกฝั่งฉงเย่
บรรยากาศดูตึงเครียดมากขึ้น เมื่อห้องโถงมันเงียบสงัด
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ฉงเย่พูดขึ้น
“เจ้ารู้ไหมว่าฉีปู่ฝานมันคือคนของข้า?”
“ข้าไม่รู้ ข้ารู้แค่ว่าเขาโจมตีคนของข้า” เฉินเฉินเมินเฉยทันทีที่เขาพูด
ฉงเย่พูดไม่ออก เขาคิดต่อ ‘เจ้าไม่รู้หรือไง? เหมือนกับว่าข้าจะเชื่อเจ้านั่นละ!’
ยังไงก็ตามเขาไม่ได้เปิดเผยเฉินเฉิน เขากลับชี้ไปที่แก้วเหล้าสองแก้วบนโต๊ะ
“เหล้านี้ถูกผลิตขึ้นมาโดยสำนักอู๋ซิ่น เจ้ากล้าที่จะดื่มแก้วเหล้ากับข้าไหม?”
ฉงเย่หยิบแก้วเหล้าขึ้นและดื่มขึ้นรวดเดียว เขาวางแก้วเหล้าที่ว่างเปล่ากลับไว้บนโต๊ะ เขามองไปที่เฉินเฉินด้วยสายตาที่ดุดัน
“ทำไมจะไม่ละ?”
เฉินเฉินไม่ยอมเช่นกัน เขายกแก้วเหล้าขึ้นและดื่มมันลงไป
เมื่อเห็นดังนี้แล้ว สายตาของฉงเย่ดูซับซ้อนมากขึ้น
ตั้งแต่ที่เขาฝึกวิชาเต๋านี้แล้ว เขาก็สามารถสัมผัสถึงอารมณ์คนอื่นได้อย่างง่ายดาย
ผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน เฉินเฉินมัน…พิเศษมาก
เขาไม่ได้ละโมภ ไม่เย่อหยิ่ง ไม่หื่นกาม ไม่แค้น ไม่รังเกียจหรือหวาดกลัว
มันเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่เขาไม่เจอข้อผิดพลาดอะไรกับเฉินเฉินเลย
ใครก็ตามที่ฝึกวิชาเต๋าฉิงเต๋าขั้นสุดยอดได้ถึงขั้นสูงสูดแล้วก็สามารถที่จะตรวจสอบร่องรอยความรู้สึกของอีกฝ่ายได้ โชคร้ายที่เขายังไม่ถึงขั้นนั้น
‘ชายคนนี้เป็นศัตรูที่น่ากลัวมาก ถ้าเขาไม่สามารถให้เขารับใช้ข้าได้ เขาจะต้องถูกสังหารทิ้ง’ ฉงเย่ตัดสินใจอย่างเงียบงัน
หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างนุ่มนวล “ศิษย์น้องเฉิน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกตนชั้นยอดที่แท้จริงในรัฐจินไหม?”
“หลินจินสำนักมังกรมรกต เย่หวู่เชิงสำนักพยัคฆ์ขาว เซี่ยวฮวงสำนักวิหคสีชาดและท่าน ศิษย์พี่ฉงเย่ก็เป็นผู้ฝึกตนชั้นยอดใช่ไหม?” เฉินเฉินตอบกลับพร้อมกับรอยยิ้ม ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกเหมือนว่าเขาเคยเห็นภาพที่เกิดขึ้นแบบนี้มาก่อนแล้ว
เมื่อได้ยินดังนี้แล้วฉงเย่ส่ายหัวและตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “หลินจินอาจจะเป็นครึ่งอสูรและแข็งแกร่งมากก็จริง แต่เขาดูแตกต่างออกไปเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขามีอารมณ์ที่ไม่นิ่งสงบ ดังนั้นเขาจึงไม่นับว่าเป็นคนชั้นยอด”
“เย่หวู่เชิงซ่อนตัวเองอยู่ในเกราะอยู่ทุกวัน ดังนั้นเขาจะเป็นผู้เชี่ยวชาญได้ยังไงกัน? ถ้าเขาหลุดออกมาจากเกราะได้แล้ว ถ้าอย่างงั้นเขาก็จะเป็นผู้ฝึกตนชั้นยอด”
“สำหรับเซี่ยวฮวง…เธออ่อนแอเกินไปและไม่มีค่าให้พูดถึงหรอก แม้แต่ฉีปู่ฝานที่ตายไปแล้วก็ไม่ได้ดีไปกว่าเธอหรอก”
“ฮ่าๆ! ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่” เฉินเฉินยิ้ม ในตอนนี้เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเห็นฉากนี้มาที่ไหน มันกลับกลายเป็นว่ามันมาจาก “สามก๊ก” ที่เขาเคยดูมาก่อน
ฉงเย่กำลังทดสอบเขาอยู่
มันเป็นไปตามที่คาดคิด ตาของฉงเย่โฟกัสมากขึ้น มันแสดงให้เห็นถึงความเย่อหยิ่งและความมั่นใจของตัวเองในดวงตาของเขา
“ศิษย์น้องเฉิน เจ้าและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ฝึกตนชั้นยอดในรัฐจิน”
ทันทีที่เขาพูดคำเหล่านั้นออกมา ออร่าที่มองไม่เห็นก็ระเบิดออกมาจากฉงเย่และพุ่งตรงเข้าหาเฉินเฉิน
เฉินเฉินวางแก้วลง ในขณะที่ชุดไหมทองพริ้วไหวไปตามสายลม ออร่าทรงพลังในห้องโถงไร้หัวใจปะทะกันเอง โต๊ะเหล้าถูกวางอยู่ตรงใจกลางของห้องโถง
ไม่กี่วินาทีต่อมา
แรงกดดันหายไปและโต๊ะเหล้าก็แตกหายไปเป็นเศษซาก
ฉงเย่ยืนขึ้นและมองออกไปด้านนอกพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้น
“ศิษย์น้องเฉิน ข้าไม่สามารถที่จะสังหารผู้ฝึกตนชั้นยอดแบบเจ้าได้และสำนักเทียนหยุนไม่เคยฝ่าฝืนกฏมาก่อน ดังนั้นข้าจะให้โอกาสกับเจ้า”
“เย่หวู่เชิงและคนอื่นกำลังรอข้าให้เคลื่อนไหวก่อนที่จะเข้าไปในสังเวียนและพวกเขาจะต่อสู้อย่างสุดกำลังในการประลองจัดอันดับวันนี้”
“ถ้าเจ้าเข้าไปในสังเวียนและจัดการเขาได้จนสามารถไล่สำนักพยัคฆ์ขาวออกไปจาก 36 สำนักได้แล้ว ข้าจะยอมรับว่าสำนักเทียนหยุนภักดีต่อสำนักอู๋ซิ่นของข้าและทั่วทั้งรัฐจิน”
“ไม่อย่างงั้นแล้ว…ฮ่า! เจ้าและสำนักเทียนหยุนจะมีชะตากรรมเดียวกันกับโต๊ะนี้ละ”
หลังจากพูดจบ ฉงเย่สะบัดแขนเสื้อและเดินจากไปจากห้องโถง