บทที่ 871 : ลางสังหรณ์!
  “พี่หลิงหยุน!”
  เมื่อเห็นหลิงหยุนเดินเข้ามาในห้องร่างของไป๋เซียนเอ๋อก็พุ่งเข้าใส่อ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็ว จนเห็นเป็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้าไปเท่านั้น
  คืนนี้ไป๋เซียนเอ๋อรู้สึกไม่ดีนักจึงรับประทานอาหารได้น้อยมาก นั่นเพราะหลิงหยุนวิ่งไปโน่นมานี่อยู่ตลอด ไม่มีเวลาได้อยู่ใกล้นาง อีกทั้งยังไม่ให้นางติดตามไปใหนต่อใหนด้วย
  แต่โชคดีที่หนิงหลิงยู่กับเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นคอยประกบไป๋เซียนเอ๋อไว้เพราะรู้ว่าหลิงหยุนนั้นยุ่งมากในวันนี้ ไม่เช่นนั้นนางคงจะไม่ยอมอยู่ห่างจากหลิงหยุนแน่
  เมื่อเห็นไป๋เซียเอ๋อซุกเข้าไปในอ้อมแขนของหลิงหยุนเช่นนั้นทั้งหลินเมิ่งหาน เหยาลู่ และมู่หลงเฟยจื่อ ต่างก็มองด้วยแววตาความหึงหวง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
  สาวงามคนอื่นๆต่างก็รู้สึกอิจฉาที่ไป๋เซียนเอ๋อสามารถโอบกอดหลิงหยุนได้ทุกที่ทุกโอกาสโดยไม่มีปัญหาใดๆ
  และสำหรับหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่ที่ต่างก็ฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-9แล้วนั้น ทั้งคู่จึงสามารถมองออกว่ากำลังภายในของไป๋เซียนเอ๋อนั้นไม่ธรรมดา และหากเทียบกับไป๋เซียนเอ๋อแล้ว ทั้งสองคนก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของไป๋เซียนเอ๋อด้วยซ้ำไป!
  หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่จึงทำได้เพียงแค่เหลือบมองทั้งคู่เก็บซ่อนความรู้สึกที่ต้องการจะโผเข้าหาอ้อมกอดของหลิงหยุนไว้ จากนั้นหลินเมิ่งหานจึงตอบหลิงหยุนไปว่า
  “คนอื่นๆออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆรวมทั้งครูกงด้วย!”
  “อ่อ..”
  หลิงหยุนฟังแล้วจึงค่อยรู้สึกโล่งใจเพราะทั้งหนิงหลิงยู่ เสี่ยวเม่ยหนิง เกาเฉินเฉิน หลงหวู่ และเหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้น ทุกคนก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนดังของโรงเรียนมัธยมจิงฉูทั้งสิ้น ในเมื่อเพื่อนๆมาถึงที่นี่ทั้งที พวกเธอก็คงต้องลงไปร่วมสนุกด้วย!
  “ถ้างั้นก็ดี..ผมคิดว่ามีปัญหาอะไรกันซะอีก!” หลิงหยุนตอบกลับไป
  “หลิงหยุน..น้องสาวของฉีเสี่ยวชิงเป็นยังไงบ้าง”
  หลังจากนั้นเหยาลู่ก็เอ่ยปากถามถึงฉีเสี่ยวหงขึ้นมาใบหน้างดงามของเธอนั้นแสดงออกถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างชัดเจน ความจริงแล้วเหยาลู่อยากจะเรียกหลิงหยุนว่าสามี แต่เพราะที่นี่มีมู่หลงเฟยจื่อกับไป๋เซียนเอ๋ออยู่ด้วย เธอจึงคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะเรียกหลิงหยุนเช่นนั้น
  หากมีเพียงหลินเมิ่งหานอยู่ในห้องเหยาลู่ก็คงจะเรียกหลิงหยุนไปตามที่ใจต้องการ อีกทั้งเหยาลู่กับหลินเมิ่งหานก็มักจะไปมาหาสู่กันบ่อยๆ และทั้คู่ก็คุ้นเคยสนิทสนมกันดี จึงแทบไม่ต้องพูดหรืออธิบายอะไรให้มากความ
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“เธอดีขึ้นแล้ว! ผมกับน้าหญิงเพิ่งไปรับเธอมาจากโรงพยาบาล และได้พาเธอไปส่งให้แม่แล้ว”
  “ดีจังเลย..”
  เหยาลู่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแต่แล้วก็พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าโกรธเกรี้ยว
  “พูดแล้วก็อดโมโหไม่ได้!ระหว่างที่กินอาหารกันอยู่ ฉันเองก็เพิ่งจะได้ยินเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับฉีเสี่ยวชิง ฉันเองยังแทบทนไม่ได้ อยากจะไปจัดการกับเจ้าคนชั่วหลี่เทียนด้วยตัวเองด้วยซ้ำไป!”
  หลิงหยุนพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไรและได้แต่คิดว่าเหยาลู่กับฉีเสี่ยวชิงนั้นเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนเหมือนกัน เธอจึงเข้าใจความยากลำบากของการเกิดมาในครอบครัวที่ยากจนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่น่าเศร้าของฉีเสี่ยวชิง เธอจึงรู้สึกแค้นใจแทน และต้องการไปแก้แค้นให้กับฉีเสี่ยวชิง
  “ผมจัดการทำให้มันหมดสภาพไปแล้ว!”
  หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยขณะที่เดินเข้าไปนั่งจากนั้นจึงหันไปมองมู่หลงเฟยจื่อที่ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา แต่ปากก็ถามออกไปว่า..
  “นี่ทุกคนกินอิ่มกันหมดแล้วหรือยัง”
  มู่หลงเฟยจื่อถึงกับตื่นเต้นดีใจจนใบหน้าเป็นสีแดงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสายตาของหลิงหยุนนั้นจับจ้องมาที่ตนเองในขณะที่ปากก็เอ่ยถามทุกคน เธอจึงพยักหน้าพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนกลับไป แต่ก็ไม่พูดอะไรเช่นเคย..
  หลินเมิ่งหานยิ้มและตอบกลับมาว่า“พวกเราทุกคนอิ่มกันหมดแล้วล่ะ มีแต่นายที่ยุ่งจนไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าว..”
  แต่หลิงหยุนตอบกลับไปว่า“ผมกินอาหารแค่สองมื้อต่อวันก็เพียงพอแล้ว! เอาล่ะ.. ถ้าพวกคุณสองคนกินอิ่มแล้ว ก็รีบกลับบ้านไปก่อนได้เลย!”
  หลิงหยุนตัดสินใจกัดฟันบอกออกไปเช่นนั้นทั้งที่หลินเมิ่งหานกับเหยาลู่นั้นเป็นผู้หญิงเพียงสองคนที่เขามีอะไรด้วย และต่อให้หลิงหยุนใกล้จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้ทุกเมื่อ แต่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรหากหลิงหยุนจะตามสองสาวกลับไปเล่นจ้ำจี้ในห้องนอน
  แต่ด้วยสาเหตุที่ตั้งแต่หลิงหยุนกลับมาจากปักกิ่งนั้นเขายังไม่ได้กลับเข้าไปหาฉินตงเฉี่วยที่บ้านในอ่าวจิงฉูเลย และนั่นทำให้นางไม่พอใจอย่างมาก เวลานี้ฉินตงเฉี่วยเองก็อยู่ที่โรงแรมด้วย หากหลิงหยุนยังไม่กลับไปอีก นางก็คงจะต้องอารมณ์เสียมากอย่างแน่นอน!
  อีกทั้งเขาเองก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องปรึกษาหารือและขอคำแนะนำจากฉินตงเฉี่วยด้วย..
  ยิ่งไปกว่านั้นเวลานี้ก็ยังมีเพื่อนนักเรียนของเขาอีกมากมายรออยู่ในโรงแรม หากหลิงหยุนไม่เข้าไปร่วมสังสรรด้วย ก็คงจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
  ทันทีที่หลิงหยุนบอกออกไปว่าให้หญิงสาวทั้งสองกลับบ้านไปก่อนนั้นสีหน้าของเหยาลู่กับหลินเมิ่งหานก็เปลี่ยนไปทันที แววตาของทั้งสองคนบ่งบอกว่ารู้สึกผิดหวังอย่างมาก แม้แต่หลิงหยุนเองก็ยังไม่กล้าสบตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อยผิดหวังนั้นของพวกเธอ..
  หลินเมิ่งกับเหยาลู่นั้น..หญิงสาวทั้งสองคนมาที่งานเลี้ยงในคืนนี้ เพราะมีจุดประสงค์เพื่อจะมารับประทานอาหารที่นี่อย่างนั้นหรือ!
  เหยาลู่นั้นเป็นหญิงสาวหัวอ่อนและมีมารยาทเรียบร้อย แต่หลินเมิ่งหานกลับลุกขึ้นพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจมาก
  “กลับก็กลับสิ!เหยาลู่พวกเรากลับกันเถอะ!” น้ำเสียงของหลินเมิ่งหานนั้นบ่งบอกว่าโกรธหลิงหยุนมากจริงๆ
  “ห๊ะ!”
  เหยาลู่ถึงกับงุนงงและตกตะลึงเธอมองหน้าหลินเมิ่งหานที แล้วจึงหันไปมองหลิงหยุน..
  “ยังจะนั่งมองอะไรอยู่อีกไปกันได้แล้ว! ตอนนี้เขากลายเป็นคนใหญ่คนโตไปแล้ว ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะไม่มีที่ไปหรอกน่า?!”
  หลินเมิ่งหานร้องบอกเหยาลู่ที่ยังคงตกตะลึงใบหน้าของเหยาลู่เปลี่ยนเป็นซีดขาว และหายใจถี่ เพราะเวลานี้เธอเองก็รู้สึกราวกับคนกำลังอกหัก!
  “พี่หลิน..คือ..”
  เหยาลู่ลุกขึ้นยืน..แต่ท่าทางของเธอคล้ายกับคนที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ หลินเมิ่งหานนั้นเฝ้าคิดถึงแต่หลิงหยุนทุกวัน เธอจึงสามารถเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดหลินเมิ่งหานจึงต้องโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้ แต่จะให้เธอลุกตามหลินเมิ่งหานไปเช่นนี้ ก็ไม่ใช่วิสัยที่เธอจะทำได้!
  “นี่เหยาลู่..เธอไม่ไปกับฉันงั้นเหรอ!”
  หลินเมิ่งหานร้องถามพร้อมกับกระแทกเท้าลงพื้นอย่างไม่พอใจเธอทั้งโกรธทั้งอาย และด้วยความไม่พอใจหลิงหยุน ร่างสะโอดสะองของหลินเมิ่งหานจึงพุ่งออกไปจากห้องวีไอพีอย่างรวดเร็ว
  “พี่หลิน..”
  เหยาลู่ร้องตะโกนเรียกทันทีและอยากจะวิ่งตามไป แต่ก็หันไปมองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “หลิงหยุน..คุณอย่าโกรธที่หลินเลยนะ!” เหยาลู่ไม่ลืมที่จะแก้ตัวแทนหลินเมิ่งหาน..
  แต่หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มและได้แต่คิดว่าเขาเองก็ผิดหวังเช่นกันที่พลาดโอกาสจะได้อยู่กับนางฟ้าทั้งสอง มีหรือที่เขาจะรู้สึกโกรธ!
  ผู้หญิงก็เป็นเช่นนี้กันทุกคน!หากไม่มีอารมณ์กระเง้ากระงอดเช่นนี้ ก็คงจะไม่ใช่ผู้หญิง!
  –คุณรีบตามเธอไปเถอะ.. อย่าปล่อยให้เธอกลับไปคนเดียว-
  หลิงหยุนเห็นเหยาลู่ยังคงยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกจึงส่งกระแสจิตบอกเธอให้รีบตามหลินเมิ่งหานไป
  ถึงแม้ว่าหลินเมิ่งหานจะเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นโฮ่วเทียน-9แล้ว และได้ฝึกวิชาฝ่ามือน้ำแข็งจนมีความสามารถในการปกป้องตัวเองได้ในระดับหนึ่ง แต่หลิงหยุนก็ยังไม่วางใจนัก เพราะเวลานี้เขาเองก็มีศัตรูที่ยังจ้องจะเอาชีวิตอยู่มากมาย และคนเหล่านั้นเมื่อเล่นงานเขาโดยตรงไม่ได้ ก็คงจ้องที่จะเล่นงานคนรอบตัวแทน
  ตอนนี้เหยาลู่เองก็อยู่ในระดับกลางขั้นโฮ่วเทียน-9แม้ว่าจะยังไม่ได้เรียนวรยุทธการต่อสู้ แต่อย่างน้อยหากทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ก็ยังพอที่จะช่วยเหลือดูแลกันและกันได้
  “อืมม!”
  เมื่อเหยาลู่เห็นว่าหลิงหยุนไม่ได้โกรธอะไรเธอก็รู้สึกโล่งใจ และรีบตามหลินเมิ่งหานออกไปทันที..
  มู่หลงเฟยจื่อที่นั่งนิ่งมาโดยตลอดเมื่อเห็นมู่หลงเฟยจื่อโกรธมากจนหนีกลับไปแบบนั้น เธอก็ถึงกับเลียริมฝีปากและถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้นว่า
  “นี่..นายพูดอะไรออกไปรู้ตัวบ้างมั๊ย นายไม่ควรพูดจาตรงไปตรงมาแบบนั้น เพราะเป็นใครก็ตามที่ได้ฟังคำพูดแบบนั้น ก็คงต้องโกรธทุกคนนั่นล่ะ..”
  แม้ว่ามู่หลงเฟยจื่อจะไม่ได้ตำหนิหลิงหยุนออกไปตรงๆแต่น้ำเสียงก็บ่งบอกว่าในกรณีนี้หลิงหยุนเป็นฝ่ายผิดเต็มๆ
  หลิงหยุนยังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ภายในห้องคิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขายกมือขึ้นลูบหลังศรีษะของตนเองพร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ
  “มันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดเลยแม้แต่น้อย!จู่ๆผมก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาว่าคืนนี้จะมีเรื่องไม่สู้ดีเกิดขึ้น! ผมก็เลยอยากให้ทุกคนกลับไปให้เร็วที่สุด..”
  จู่ๆหลิงหยุนก็รู้สึกว่าเรื่องราวทุกอย่างในคืนนี้นั้นมันจัดการได้ราบรื่นจนเกินไปยิ่งคิดเขาก็ยิ่งกระวนกระวายใจจนไม่อาจสงบจิตสงบใจได้อีก
  และลางสังหรณ์ของเขานั้นก็มักจะแม่นยำอย่างมาก!
  สิ่งที่หลิงหยุนรู้สึกกังวลกับสังคมของคนยุคสมัยนี้มีเพียงสองเรื่อง..
  เรื่องแรก..คือเรื่องของระบบการสื่อสารที่รวดเร็ว ข้อมูลในยุคนี้สามารถส่งต่อ และแลกเปลี่ยนกันได้อย่างสะดวก รวดเร็ว แล้วก็ง่ายจนเกินไป!
  เรื่องที่สอง..คือเรื่องของการเดินทางที่ระยะทางเป็นพันกิโลเมตร แต่กลับสามารถเดินทางโดยเครื่องบิน และใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
  เรื่องแรกทำให้จากนี้ต่อไปจะไม่มีความลับใดๆอีกและเรื่องที่สองนั้นจะทำให้ใครก็ตามที่คิดจะจัดการกับใครสักคน ก็สามารถเดินทางไปถึงตัวคนผู้นั้นได้อย่างรวดเร็ว!
  ครั้งนี้หลิงหยุนกลับมาถึงจิงฉูได้หนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วหากศัตรูคิดที่จะจัดการกับเขาแล้วล่ะก็ ป่านนี้พวกมันก็คงจะมาถึงจิงฉูเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าศัตรูเหล่านี้จะยังไม่ลงมือ แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกมันลงมือ.. ทุกอย่างจะถาโถมเข้ามาราวกับพายุเลยทีเดียว!
  เมื่อครั้งที่อยู่ในปักกิ่งนั้นหลิงหยุนมีเพียงตัวคนเดียว หากเขาไม่ต้องการจะเล่นด้วย เขาก็แค่หลบหนีไป! แต่ที่นี่คือจิงฉู หากศัตรูบุกมาถึงที่นี่ เขาคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากต้องสู้!
  แต่ปัญหาก็คือ..หลิงหยุนมีคนรอบตัวมากเกินไป และเขาก็ไม่สามารถคุ้มครองดูแลทุกคนได้หมด!
  มู่หลงเฟยจื่อเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของหลิงหยุนก็ได้แต่รู้สึกสงสารเห็นใจ แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้!
  “หลิงหยุน..นี่นายเหนื่อยมากเลยใช่มั๊ย ถ้าเหนื่อย.. ก็กลับไปบ้านพักผ่อนดีกว่า อย่าไปคิดอะไรมากเลย กลับไปนอนหลับพักผ่อนให้สบาย”
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใยของมู่หลงเฟยจื่อเขาก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันทีพร้อมกับยิ้มสดใสให้กับเธอ
  “ผมไม่เป็นอะไร!”
บทที่ 872 : ห้าแสนหยวน!
  “ผมไม่เป็นอะไร..ไม่ต้องห่วง!”
  และเวลานั้นแววตาของหลิงหยุนก็เปลี่ยนเป็นกระจ่างใสและเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ รอยยิ้มก็สดใสราวกับแสงอาทิตย์แรกแย้ม มู่หลงเฟยจื่อเห็นแล้วก็ได้แต่ใจเต้น..
  เด็กหนุ่มผู้เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างผู้นี้ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีคำว่าเหน็ดเหนื่อย และย่อท้อออกจากปากเขาเลยสักครั้ง!
  มู่หลงเฟยจื่ออยากจะลุกเข้าไปกอดหลิงหยุนเพื่อช่วยให้เขารู้สึกผ่อนคลาย และแสดงความห่วงใยและความรักที่เธอมีต่อเขาออกมา แต่มู่หลงเฟยจื่อกลับยืนนิ่งไม่แม้แต่จะก้าวเท้าออกไป
  เธอจ้องมองหลิงหยุนด้วยใจที่เต้นแรงใบหน้าแดงก่ำนั้นค่อยๆเบือนหนีจากสายตาของหลิงหยุนไปมองทางหน้าต่างอย่างเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยปากถามหลิงหยุนออกไป
  “ดูเหมือนฝนจะเบาลงมากแล้วล่ะ..ว่าแต่ภารกิจที่นายไปจัดการที่ปักกิ่งนั้น ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั๊ย”
  ช่วงที่หลิงหยุนเล่าเรื่องต่างๆระหวางที่อยู่ปักกิ่งให้ทุกคนฟังในตอนบ่ายนั้นมู่หลงเฟยจื่อไม่ได้อยู่ด้วย..
  แต่หลิงหยุนก็รู้ว่าที่มู่หลงเฟยจื่อถามขึ้นมานั้นเธอคงจะหมายถึงสาเหตุที่เขาต้องเดินทางไปปักกิ่งในครั้งนี้ เพราะเขาเองได้เคยบอกเล่าความลับในชีวิตเรื่องนี้ให้กับเธอได้รู้ก่อนออกเดินทาง!
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ทุกอย่างราบรื่นดี และผมก็ได้พบกับทุกคนแล้ว!”
  ร่างบอบบางของมู่ลหลงเฟยจื่อสั่นเทิ้มเธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลิงหยุน.. ฉันยินดีกับนายด้วยนะ!”
  หลิงหยุนแอบกลับไปพบตระกูลผู้ให้กำเนิดตนเองอย่างเงียบๆแต่เมื่อไปถึง.. ที่ปักกิ่งกลับมีเรื่องราวมากมายรอให้เขาไปสะสาง และมีถ้ำเสืออีกหลายแห่งที่เขาจะต้องบุกเข้าไป ยังมีอะไรต้องยินดีอีกหรือ!
  จากนั้นมู่หลงเฟยจื่อก็พึมพำเสียงเบาราวกับกำลังพูดอยู่กับตัวเอง“พรุ่งนี้ฉันต้องกลับไปฮ่องกงเพื่อร่วมงานจิวเวลรี่ระดับนานาชาติ จะออกเดินทางตั้งแต่แปดโมงเช้า..”
  “งั้นเหรอ!ไปกี่วันล่ะ?”
  มู่หลงเฟยจื่อตอบกลับมาว่า“ก็น่าจะอยู่ฮ่องกงราวหนึ่งเดือน.. เพราะยังไงธุรกิจที่หอเทียนสี่ก็ยังรอให้ฉันกลับมาดูแล..”
  แม้ว่ามู่หลงเฟยจื่อจะพูดด้วยท่าทางที่สงบนิ่งแต่แม้กระทั่งไป๋เซียนเอ๋อก็ฟังออกว่าน้ำเสียงของมู่หลงเฟยจื่อนั้นฟังดูเศร้าสร้อยยิ่งนัก
  “ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรหาผมล่ะ..ผมจะไปช่วยคุณอย่างแน่นอน!”
  แล้วหลิงหยุนก็พูดต่อ“ถ้าอย่างนั้นคุณก็รีบกลับไปพักผ่อนจะดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะตื่นไม่ทันเครื่องออก”
  เวลานั้นก็ห้าทุ่มตรงแล้วหลิงหยุนจึงร้องบอกให้มู่หลงเฟยจื่อรีบกลับไปพักผ่อน
  มู่หลงเฟยจื่ออยากจะให้หลิงหยุนไปส่งเธอที่สนามบินหรือแม้กระทั่งไปฮ่องกงเป็นเพื่อนเธอ แต่ก็รู้ดีว่าสิ่งที่คาดหวังคงไม่มีทางเป็นไปได้!
  แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินหลิงหยุนพูดขึ้นว่า“ถ้าคืนนี้ไม่มีอะไรมาก พรุ่งนี้ผมจะไปส่งคุณที่สนามบิน!”
  รอบกายของหลิงหยุนนั้นมีสาวงามอยู่มากมายเมื่อได้รับโอกาสเพียงแค่นี้ มู่หลงเฟยจื่อก็พอใจอย่างมากแล้ว!
  มู่หลงเฟยจื่อรีบร้องออกมาอย่างตื่นเต้น“รับปากแล้วนะ! ท่านปู่กลับไปแล้ว ฉันเองก็คงต้องกลับเหมือนกัน!”
  หลิงหยุนได้แต่แอบดีใจว่าในที่สุดเขาก็ส่งกลับบ้านได้อีกหนึ่งคนแล้ว!
  “เอาล่ะ..เดี๋ยวผมจะสั่งให้คนไปส่งคุณเอง!”
  มู่หลงเฟยจื่อหันมาตอบเสียงเบา“ไม่ต้องหรอก.. ฉันขับรถมาเอง!”
  หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“ให้คนของผมไปส่งดีกว่าผมจะได้สบายใจ! อีกอย่างนี่ก็ดึกมากแล้ว ฝนก็ตกด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นผมจะทำยังไง!”
  จากนั้นหลิงหยุนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาตี้เสี่ยวอู๋และสั่งให้เขาไปส่งมู่หลงเฟยจื่อกลับบ้านด้วยตัวเอง
  หลังจากที่มู่หลงเฟยจื่อกลับออกไปอย่างไม่เต็มใจนักหลิงหยุนก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึก
  ไป๋เซียนเอ๋อโผออกจากอ้อมแขนของหลิงหยุนแล้วขึ้นไปยืนด้านหลัง และทำการนวดไหล่ให้กับเขา
  หลิงหยุนพอใจกับการนวดของไป๋เซียนเอ๋อมากจากนั้นจึงพูดออกไปว่า “เซียนเอ๋อ.. เจ้าต้องเตรียมตัวไว้ให้พร้อมล่ะ ข้าว่าพวกเรากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ครั้งใหญ่แล้ว!”
  ไป๋เซียนเอ๋อยังคงนวดต่อไปดวงตางดงามมีเสน่ห์ในแบบสุนัขจิ้งจอกหรี่เข้าหากันเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “พี่หลิงหยุน..เซียนเอ๋อทราบค่ะ.. และหากศัตรูกล้ามาที่นี่จิรง ข้าจะจับพวกมันโยนลงไปใต้หลุมยักษ์ให้เป็นอาหารของปลาประหลาดพวกนั้นให้หมดเลย!”
  หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดัง“ฮ่า.. ฮ่า.. เช่นนั้นก็เยี่ยมเลย! งั้นพวกเราก็มาสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ดูสิว่าเจ้ากับข้า.. ใครจะสังหารศัตรูได้มากกว่ากัน!”
  หลิงหยุนได้ฟังคำพูดที่ไม่เกรงกลัวของไป๋เซียนเอ๋อก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วยกมือขึ้นลูบไล้หลังมืออ่อนนุ่มของนางซึ่งวางอยู่บนไหล่ของตนเองด้วยความรู้สึกอบอุ่น และผ่อนคลาย..
  หลังจากพักผ่อนไปได้เพียงครู่เดียวถังเมิ่งก็โทรเข้ามา “พี่หยุน.. เพื่อนๆอยากจะพบพี่ เมื่อไหร่พี่จะมาสักที!”
  หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ“ตอนนี้พวกนายอยู่ที่ใหน ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แล้ว!”
  หลังจากกดวางสายไปแล้วหลิงหยุนก็ลุกขึ้นหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่ให้ไป๋เซียนเอ๋อด้วยตัวเอง หลิงหยุนสำรวจดูภายในห้องอีกครั้ง และเมื่อพบว่าไม่มีอะไรตกหล่น เขาก็จูงมือไป๋เซียนเอ๋อเดินออกจากห้องวีไอพีไป
  เวลานี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้วแขกในห้องจัดเลี้ยงก็กลับกันเกือบหมดแล้ว และบางส่วนที่เหลือก็กำลังเตรียมตัวที่จะกลับบ้าน หลิงหยุนรีบจูงมือไป๋เซียนเอ๋อผ่านห้องจัดเลี้ยงไปที่ลิฟท์โดยไม่สนใจผู้ใด
  ทั้งคู่กดลิฟท์ลงมาที่ชั้นสี่หลิงหยุนจัดการพาไป๋เซียนเอ๋อไปที่ห้องพักของฉินตงเฉี่วย และให้นางรออยู่ที่นั่น เพราะหากไป๋เซียนเอ๋อไปปรากฏตัวก็คงจะมีแต่เรื่องวุ่นวายตามมา หลิงหยุนจึงไม่ต้องการให้นางไปปรากฏตัวต่อหน้าเพื่อนๆของเขา
  ไม่เช่นนั้นทุกคนก็คงเอาแต่นั่งจ้องหน้านางไม่เป็นอันทำอะไร..
  และตั้งแต่ที่ไป๋เซียนเอ๋อกลายร่างมาจนถึงตอนนี้นางก็ได้เรียนรู้อะไรไปมากมาย และสามารถปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตแบบมนุษย์โลกได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถเข้าใจอะไรได้มากขึ้น จึงรับปากที่จะคอยหลิงหยุนอยู่ที่ห้อง
  หลังจากจัดการกับไป๋เซียนเอ๋อแล้วหลิงหยุนก็เดินออกจากห้องของฉินตงเฉี่วยไปที่ลิฟท์อีกครั้ง จากนั้นจึงกดลิฟท์ลงไปที่ชั้นสามของโรงแรม
  ชั้นสามของโรงแรมไคเฉวียนนั้นไม่เพียงมีห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัวมากมายหลายห้อง แต่ยังมีห้องสำหรับจัดงานเลี้ยงใหญ่อีกด้วย ในเมื่อเพื่อนๆของหลิงหยุนมากันมากกว่าร้อยคน ถังเมิ่งจึงต้องรับรองเพื่อนๆในห้องจัดเลี้ยงใหญ่นี้..
  “ดูสิพวกเราคนที่ได้คะแนนสอบสูงสุดมานั่นแล้ว!”
  “โอ้โห..ให้พวกเรารอตั้งนาน!”
  ทันทีที่หลิงหยุนปรากฏตัวเพื่อนๆที่นั่งโต๊ะติดกับประตูทางเข้าก็ร้องตะโกนออกมาทันที ราวกับว่าภายในห้องจัดเลี้ยงยังวุ่นวายโกลาหลไม่พอ เพราะเมื่อทุกคนได้ยินว่าหลิงหยุนมาแล้ว ต่างก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น บ้างก็ลุกขึ้นยืนมองไปทางประตูห้องจัดเลี้ยง
  และทันทีที่เดินเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงหลิงหยุนก็ได้แต่ตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น และได้แต่คิดในใจว่า
  ‘ห๊ะ..นี่พวกเจ้าจะมาร่วมแสดงความยินดีกับข้า หรือว่ามาทำอะไรข้ากันแน่! พวกเจ้าใส่ชุดบ้าบออะไรมา?!’
  ภายในห้องจัดเลี้ยงมีโต๊ะขนาดใหญ่ทั้งหมดสิบสองโต๊ะแต่ละโต๊ะก็มีคนนั่งอยู่ราวสิบคน ขวดเครื่องดื่มบางส่วนไม่ว่าจะเป็นเหล้าชนิดต่างๆ หรือว่าเบียร์ ก็ล้วนเหลือแต่ขวดเปล่า ดูเหมือนว่าเพื่อนๆบางคนคงจะอดทนรอไม่ไหว และได้ดื่มล่วงหน้าไปแล้ว!
  แต่เรื่องที่ทำให้หลิงหยุนตกใจจนแทบช็อคนั้นไม่ใช่เรื่องที่พูดมาทั้งหมดแต่เป็นการแต่งตัวมาร่วมฉลองของเพื่อนๆเขานั่นเอง!
  มีไม่กี่คนที่ลงมาในชุดที่เปียกและสวมรองเท้าแตะของโรงแรม..
  แต่ที่น่าตกใจคือหลังจากอาบน้ำอุ่นเสร็จแล้ว ส่วนใหญ่ก็สวมชุดเสื้อคลุมสีขาวของโรงแรมลงมาแทนชุดราตรี เพียงแค่มัดให้แน่นหน่อยเท่านั้น..
  แต่ปัญหาคือไม่ใช่เฉพาะเด็กผู้ชายเท่านั้นที่แต่งตัวแบบนั้นลงมาแม้แต่เด็กสาวเองก็ยังกล้าใส่เสื้อคลุมลงมาด้วย บางคนที่ผมยังไม่แห้งก็โพกผ้าขนหนูสีขาวไว้ที่ศรีษะด้วย แต่บางคนปล่อยผมสยายเต็มแผ่นหลัง
  หลิงหยุนเห็นภาพเช่นนั้นแล้วกลับไม่กล้าที่จะมองแต่ในใจก็นึกอยากใช้เนตรหยินหยางมองทะลุเสื้อคลุมดูว่าพวกเธอสวมเสื้อ และกางเกงชั้นในมาด้วยหรือไม่!
  หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออกและได้แต่คิดในใจว่าการจะสวมชุดแบบนี้ลงมาปรากฏตัวต่อหน้าคนเป็นร้อย จะต้องใช้ความหาญมากเพียงใดกัน!
  แน่นอนว่าหลิงหยุนเองก็ยังหนุ่มยังแน่นร่างกายก็แข็งแรงดี เขาจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะเข้าไปใกล้เพื่อนๆทีอยู่ในสภาพเช่นนี้!
  ฉางตงที่นั่งอยู่โต๊ะด้านหน้าซ้ายมือรีบโบกมือให้หลิงหยุน “หลิงหยุน.. เข้ามาเร็ว! พวกเรากำลังรอฟังว่านายมีความลับอะไรในการทำข้อสอบเอนทรานซ์ให้ได้คะแนนสูงสุดแบบนี้!”
  หลิงหยุนเดินตรงไปพร้อมกับหัวเราะเสียงดังแล้วพูดออกไปว่า “เวลานี้ยังจะพูดเรื่องสอบเอนทรานซ์อะไรกันอีก! คืนนี้มันต้องดื่ม.. มาดื่มกันให้เมาไปเลย!”
  น่าขัน..หลิงหยุนยื่นยืนยันตัวตนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยไปแล้ว ยังจะต้องมาพูดถึงเรื่องเคล็ดลับการทำข้อสอบเอนทรานซ์อะไรกันอีก
  แต่จู่ๆถังเมิ่งโผล่มาจากใหนก็ไม่รู้ “พี่หยุน.. ฉันให้เพื่อนๆ แชร์ห้องกันอยู่ โชคดีที่มีห้องว่างมากถึงห้าสิบกว่าห้องพอดี!”
  หลิงหยุนมองใบหน้าแดงก่ำของถังเมิ่งก็รู้ว่าเขาน่าจะเมามากแล้วจึงเพียงแค่พยักหน้ายิ้มๆ “อืมม.. ก็ดี!”
  แต่จู่ๆถังเมิ่งก็ถามขึ้นว่า“พี่หยุน.. คืนนี้พี่ไม่มีธุระที่ใหนจริงๆเหรอ!”
  หลิงหยุนมองถังเมิ่งพร้อมกับตอบไปว่า“ไม่มี.. นานๆทีจะได้ดื่มกับเพื่อนๆ! แต่ก่อนที่จะดื่มต่อ นายรีบโทรไปบอกลุงถังให้เตรียมตัวไว้ให้พร้อม ฉันรู้สึกว่าคืนนี้จะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ!”
  ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุนถังเมิ่งก็สร่างเมาทันที และรีบถามอย่างตกใจ “จะมีเรื่องจริงๆงั้นเหรอพี่หยุน!”
  หลิงหยุนตอบกลับถังเมิ่งเสียงเบาพร้อมกับเอามือตบบ่า“อาจจะเท่านั้น! แต่ฉันก็อยากเตรียมตัวไว้ให้พร้อม ก็เลยให้นายโทรไปบอกลุงถังให้เตรียมตัวไว้ก่อน เผื่อว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น..”
  “ได้ๆฉันจะรีบโทรบอกพ่อเดี๋ยวนี้ล่ะ!” ถังเมิ่งตอบพร้อมกับล้วงโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรออกทันที
  ส่วนหลิงหยุนก็เดินขึ้นไปบนเวทีและทำมือส่งสัญญาณให้ทุกคนในห้องอยู่ในความสงบ จากนั้นหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นประสานกันพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “เพื่อนๆที่รัก!ชุดที่ทุกคนแต่งมาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ ทำให้ฉันได้เปิดหูเปิดตามาก ฉันขอชื่นชมและขอคาราวะจากใจจริง! ฮ่า.. ฮ่า..”
  จากนั้นหลิงหยุนก็ใช้มังกรคำรามพูดต่อหน้าทุกคนด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า“ฉันขอขอบคุณทุกคนจากใจจริงที่มาร่วมให้กำลังใจฉัน – หลิงหยุนในวันนี้ ”
  “ฉันหลิงหยุนไม่รู้ว่าจะตอบแทนน้ำใจของทุกคนได้อย่างไรจึงขอมอบเงินสดห้าแสนหยวนให้กับเพื่อนๆทุกคนที่มาในวันนี้ และขอให้ทุกคนได้โปรดรับไว้ด้วย!”
  “เอาล่ะ..ฉันมีเรื่องที่จะพูดแค่นี้ จากนี้ไปพวกเราก็ดื่มให้เมาไปเลย!”