ตอนที่ 1193 หวงเผยซานอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก / ตอนที่ 1194 รายงาน!

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1193 หวงเผยซานอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก

 

 

ทันใดนั้นซูหลีหมุนกายเดินออกไป ทั้งร่างของหวงเผยซานงุนงงไม่เป็นแล้ว!

 

 

“ตะ ใต้เท้าซู!” เขาได้ยินเสียงที่สั่นคลอนของตนเอง ทว่าคนผู้นั้นเสมือนกับผสานเป็นหนึ่งกับความมืดในยามราตรีมิปาน ราวกับไม่ได้ยินเสียงเรียกของเขาเลยแม้แต่น้อย และค่อยๆ เดินออกไปจากเส้นสายตาของเขาเช่นนี้

 

 

ประหนึ่งไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมิปาน

 

 

ทว่าเหล่าขันที่ที่คุ้นเคยกับหวงเผยซานที่อยู่โดยรอบกลับพบว่า สีหน้าของหวงกงกงผู้เป็นหัวหน้าผู้ดูแลท่านนี้ของพวกเขาเผยความรู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก

 

 

ท่าทางเช่นนั้น มีความสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

 

“กะ กงกง…นี่ท่านเป็นอะไรไปแล้วขอรับ” ขันทีผู้น้อยถูกอากัปกิริยาของหวงเผยซานทำให้ตกใจจนอดถามออกมาไม่ได้

 

 

หวงเผยซานหันศีรษะกลับมา ริมฝีปากขยับเล็กน้อยคล้ายกับต้องการพูดอะไรออกมา ทว่าเขาไม่พูดอะไรออกมาสักประโยค

 

 

ความกดดันของฉินเย่หานมีเพิ่มขึ้นทุกๆ วัน ไม่ง่ายเลยที่ในที่สุดจะสามารถพาซูหลีออกมาจากตำหนักได้ ทว่า ยังไม่ถึงประตูหอเก็บตำรา คนก็หมุนกายเดินออกไปเสียแล้ว

 

 

หวงเผยซานรู้สึกถึงความย่ำแย่ บัดนี้เขาไม่รู้แม้กระทั่งจะกลับไปพบหน้าฉินเย่หาน ต้องแสดงท่าทางอย่างไรถึงจะดี!?

 

 

“ไยใต้เท้าซูถึงเดินออกไปเช่นนี้ หวงกงกง ฝ่าบาทมีเรื่องให้ใต้เท้าซูเข้าพบหรือ” อู๋โยวหรานไม่คิดว่า ซูหลีพูดว่าไปก็เดินออกไปทันที ไม่มีความคลุมเครือเลยแม้แต่น้อย หลังจากตะลึงไปพักหนึ่ง เวลานี้ลองถามทางหวงเผยซานอย่างหยั่งเชิง

 

 

หวงเผยซานหันศีรษะกลับมา จากท่าทางเช่นนี้ของอู๋โยวหราน เขาขมวดคิ้วขึ้นทันใด ในใจรู้สึกรำคาญเป็นอย่างมาก

 

 

หากไม่ใช่เพราะอู๋โยวหรานปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ไยสถานการณ์ถึงแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ได้!?

 

 

ในเวลานี้เขาไม่มีอารมณ์รับมืออะไรกับอู๋โยวหรานทั้งสิ้น จึงเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็นว่า “เวลาไม่เช้าแล้ว รีบส่งแม่นางอู๋กลับไปเถิด!”

 

 

เหล่าข้ารับใช้ที่อยู่ข้างกายอู๋โยวหรานได้ยินดังนั้น จึงรีบขานรับทันที

 

 

อู๋โยวหรานตะลึงเล็กน้อย นางต้องการพูดอะไรบางอย่าง ทว่ากลับเห็นหวงเผยซานก้าวเท้าเดินไปทางหอเก็บตำราที่อยู่ด้านหลังของนาง

 

 

ท่าทางเช่นนี้ไม่เหมือนกับหวงเผยซาน ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ดูแลข้างพระวรกายของฮ่องเต้ที่รู้จักเอาตัวรอดที่สุดเลยสักนิด!

 

 

ในดวงตาของอู๋โยวหรานมีความลุ่มลึกพาดผ่าน ทว่ากลับไม่แสดงออกทางสีหน้า นางเพียงยิ้มให้กับข้ารับใช้ที่อยู่ด้านหลังของตนและเอ่ยว่า ‘รบกวนแล้ว’ จากนั้นเดินออกไปจากตรงนี้

 

 

 

 

“ฝ่าบาทเล่า ทรงเข้าบรรทมแล้วหรือ” หลังจากหวงเผยซานกลับมาถึงหอเก็บตำรา เขาเอ่ยถามข้ารับใช้ที่เฝ้าอยู่ที่ประตูเป็นอันดับแรก

 

 

สีหน้ากลัดกลุ้มใจของเขานี้ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเพราะไม่รู้ว่าจะรายงานฉินเย่หานอย่างไรดี

 

 

เมื่อถูกอู๋โยวหรานขัดจังหวะจนเรื่องกลายเป็นเช่นนี้ หวงเผยซานพลันฉุกคิดได้ว่า เรื่องก่อนหน้านี้ที่ฝ่าบาททรงรับสั่งให้เขาไปจัดการ ก็เป็นเพียงอุบายที่ล่อซูหลีออกมาเท่านั้น!

 

 

ซูหลีที่ถูกล่อลวงออกมาถึงครึ่งทางแล้ว กลับถูกอู๋โยวหรานทำให้โมโหจนหนีกลับไปแล้ว…

 

 

“เข้ามา!” ทหารที่เฝ้าเวรอยู่ที่ประตูผู้นี้ยังไม่ทันจะตอบคำถามของเขา ก็ได้ยินน้ำเสียงเย็นยะเยือกถึงกระดูกดังขึ้นมาจากภายในหอเก็บตำรา

 

 

ทันใดนั้นทั้งหวงเผยซานและทหารองครักษ์ต่างพากันหยุดชะงักไปในเวลาเดียวกัน

 

 

ทั้งสองสบตากัน บนใบหน้ายังเผยรอยยิ้มกลัดกลุ้มใจออกมา

 

 

คนที่คอยปรนนิบัติฉินเย่หานล้วนทราบดีว่าฉินเย่หานเป็นคนฝึกยุทธ์ คนที่ฝึกยุทธ์จักต้องโสตประสาทที่ว่องไว ทว่าฮ่องเต้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ในสถานการณ์ปกติฮ่องเต้ไม่มีทางที่จะรับรู้การเคลื่อนไหวจากภายนอก

 

 

ทว่าวันนี้หวงเผยซานเพียงถามขึ้นประโยคเดียว เขาก็เรียกหวงเผยซานเข้าไปแล้ว

 

 

หวงเผยซานหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ใบหน้าอดที่จะกระตุกไม่ได้

 

 

เขามีลางสังหรณ์ว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจะใช้ชีวิตลำบากยิ่งกว่าเดิม!

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขากลับไม่กล้าให้ฉินเย่หานรอต่อไปเช่นนี้ เขาเพียงชะงักไปวูบหนึ่ง จากนั้นจึงผลักประตูเดินเข้าไปภายในหอเก็บตำรา

 

 

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขากลับไม่กล้าให้ฉินเย่หานรอต่อไปเช่นนี้ เขาเพียงชะงักไปวูบหนึ่ง จากนั้นจึงผลักประตูเดินเข้าไปภายในหอเก็บตำรา

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1194 รายงาน!

 

 

ภายในหอเก็บตำรามีไข่มุกราตรีขนาดเท่ากับกำปั้นวางอยู่หลายเม็ด เปล่งประกายจนภายในหอเก็บตำราสว่างราวกับเวลากลางวัน

 

 

ทันทีที่หวงเผยซานเข้าไป จึงเห็นฉินเย่หานที่อยู่ที่นั่งหลักภายในห้อง เส้นสายตาที่ทำให้คนรู้สึกประหม่าจับจ้องอยู่ที่ร่างของเขาเช่นนี้

 

 

“เป็นอย่างไรบ้าง” เมื่อเห็นหวงเผยซานเข้ามาเพียงคนเดียว สีหน้าของฉินเย่หานพลันเย็นเยียบทันที

 

 

“ฝะ ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!” ทันทีที่หวงเผยซานเอ่ยขึ้นกลับพูดติดอ่างเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยว่า

 

 

“บ่าวมอบสิ่งของเหล่านั้นให้กับใต้เท้าซูหมดแล้ว ทว่าไม่เห็นเย่ว์ลั่วผู้นั้น หลังจากที่ใต้เท้าซูเห็นสิ่งของเหล่านั้นแล้ว ก็กล่าวว่าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบาท…”

 

 

“คนเล่า?” ทว่าในเวลานี้กลับไม่เห็นแม้แต่เงาคน ใบหน้าของฉินเย่หานมีความอึดอัดขึ้นมาให้พริบตา และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

 

 

“…เดิมใต้เท้าซูเดินมากับกระหม่อมถึงด้านนอกของหอเก็บตำราแล้ว ทะ ทว่าเมื่อครู่บังเอิญพบกับแม่นางอู๋ที่ด้านนอก!” หวงเผยซานพูดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง ดวงตาของเขาชำเลืองมองไปทางด้านหน้าอยู่ตลอดเวลา รอบสังเกตอารมณ์ของฉินเย่หาน

 

 

ทว่าใบหน้าของฉินเย่หานยังไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ดังเดิม หวงเผยซามองดูเพียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบดึงสายตาของตนกลับมา

 

 

“พูด!” น้ำเสียงของฉินเย่หานมีความรำคาญอยู่บ้าง

 

 

หวงเผยซานได้ยินดังนั้นร่างกายจึงสั่นเทิ้มในทันที เขาถือโอกาสกัดฟันและหลับตาลง ไม่สนใจอะไรมากมายขนาดนั้น อย่างไรเรื่องก็เปลี่ยนเป็นเช่นนี้แล้ว บัดนี้นอกจากซูหลีแล้ว ไม่มีใครสามารถทำให้ฉินเย่หานอารมณ์ดีขึ้นมาได้ เขาเป็นเพียงข้ารับใช้คนหนึ่ง จะจัดการเรื่องมากมายได้อย่างไรกัน!

 

 

“ใต้เท้าซูเห็นแม่นางอู๋ออกมาจากภายในหอเก็บตำรา สีหน้านางไม่ค่อยจะดีนัก หลังจากนางพูดกับแม่นางอู๋เพียงสองประโยค ก็ทิ้งทุกคนไว้ที่นี่และเดินกลับไปเลย…”

 

 

หวงเผยซานนำเรื่องทั้งหมดพูดออกมาภายในครั้งเดียว

 

 

ทว่าสิ่งที่โต้ตอบเขา กลับเป็นเพียงความเงียบงัน

 

 

นี่ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับสักนิด ช่างทำให้คนรู้สึกสับสนโดยแท้ สีหน้าของหวงเผยซานอดที่จะซีดเผือดไปครู่หนึ่งไม่ได้ ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาจึงลืมตาและมองไปทางฉินเย่หาน

 

 

ทว่าทันทีที่มองไป เขากลับต้องตะลึงพรึงเพริด

 

 

ฉินเย่หานไม่ได้มีโทสะเหมือนดังที่เขาจินตนาการไว้ อีกทั้ง…ดูเหมือนว่าจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย!?

 

 

หวงเผยซานตะลึงค้าง นี่ฝ่าบาททรงเป็นอะไรไปแล้ว

 

 

ซูหลีไม่มาพบเขา เขายังรู้สึกดีใจอีกหรือ

 

 

การกระทำของนายท่านทั้งสองคนนี้ นับวันยิ่งทำให้ขันทีอย่างเขาไม่สามารถเข้าใจเป็นอย่างมาก

 

 

คนหนึ่งอารมณ์รุนแรง พูดว่าไปก็ไปแล้ว ไม่สนใจใครเลยแม้แต่น้อย

 

 

อีกคนเป็นองค์จักรพรรคิผู้สูงศักดิ์ ถูกผู้อื่นปั้นหน้าบึ้งตึงใส่ อารมณ์กลับดีขึ้นถนัดตา

 

 

นี่มันเรื่องวุ่นวายอะไรกัน!

 

 

“พอแล้ว เราเข้าใจแล้ว” ฉินเย่หานปรายตามองหวงเผยซานอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นท่าทางระแวงนั้นของเขา จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและปัดมือไปมา

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!” หวงเผยซานอ้าปาก ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

 

 

ช่างเถอะ ประหลาดก็ประหลาดเถอะ อย่างไรโดยรวมก็ดีกว่าท่าทางก่อนหน้านั้น

 

 

หลายวันมานี้ เขารู้สึกว่าตนเองแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว!

 

 

“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง” ใครจะรู้ว่าขณะที่หวงเผยซานถอนหายใจออกมา ฉินเย่หานพลันเอ่ยขึ้น

 

 

หวงเผยซานชะงักค้าง จากนั้นจึงมองไปทางเขา กลับใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ในดวงตามีความกลัดกลุ้มใจพาดผ่าน

 

 

“หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ของที่อู๋โยวหรานส่งมาไม่อนุญาตให้รับไว้!”

 

 

หวงเผยซานตะลึงงัน เขาไม่คิดเลยว่าฉินเย่หานเรียกเขาไว้ ก็เพราะจะกล่าวประโยคเช่นนี้ออกมา!

 

 

ทว่าแม่นางอู๋ท่านนั้น…

 

 

หวงเผยซานฉุกคิดถึงท่าทางก่อนหน้านี้ของนาง ทั้งยังมีเสื้อคลุมหนังสุนัขจิ้งจอกตัวใหญ่บนร่างนาง เขายกมุมปากและเอ่ยว่า

 

 

“บ่าวน้อมรับบัญชา!”

 

 

“ฝ่าบาท ไทเฮาทรงมีความผูกพันลึกซึ้งต่อแม่นางอู๋ เมื่อครู่บ่าวยังเห็นบนร่างของแม่นางอู๋สวมเสื้อคลุมหนังสุนัขจิ้งจอกที่พระองค์ทรงพระราชทานให้ไทเฮาตัวนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”