ตอนที่ 1195 จดหมายฉบับหนึ่ง
หวงเผยซานเจตนาเอ่ยเช่นนี้ออกมา!
เดิมเขาไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรต่ออู๋โยวหรานผู้นี้อยู่แล้ว อย่างไรก็เป็นแค่หลานสาวคนหนึ่งในครอบครัวของไทเฮาก็เท่านั้น
ใครจะรู้ว่าวันนี้ถูกอู๋โยวหรานจะทำให้เรื่องวุ่นวายเช่นนี้ออกมา จนเขาแทบจะได้รับโทษ หากเขาสามารถมีท่าทีที่ดีต่ออู๋โยวหรานผู้นั้นได้ นั่นถึงเป็นเรื่องประหลาด
หลังจากฉินเย่หานได้ยินคำพูดของหวงเผยซาน สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันใด จากนั้นเอ่ยว่า “ส่งคนไปที่แจ้งกับคนตำหนักชิงหนิง หากไม่มีธุระ อย่าให้นางออกมาเดินเพ่นพ่าน!”
“บ่าวน้อมรับบัญชา!” ทันทีที่หวงเผยซานได้ยิน ก็ขานตอบอย่างรวดเร็ว
นางผู้นั้นยังคิดว่าตนมีความพิเศษต่อฉินเย่หานเป็นอย่างมาก ไฉนจะรู้ว่าหากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ตำแหน่งของไทเฮา ฉินเย่หานนั้นไม่อยากจะชายตามองนางแม้แต่ปราดเดียว
ทว่ามักมีบางคนชอบสร้างเรื่องลำบากใจให้กับตนเอง ยังต้องการจะเปรียบเทียบความสำคัญระหว่างตัวเองกับซูหลี
จนถึงบัดนี้หวงเผยซานยังไม่เคยเห็นฉินเย่หานปฏิบัติต่อใครอย่างดีและไม่ห้ามปรามขนาดนี้เท่ากับซูหลี!
…
ทว่าในความเป็นจริงพิสูจน์แล้วว่า คำพูดนี้ไม่อาจพูดได้อย่างเต็มที่
เมื่อวานหวงเผยซานที่สัญญาไว้อย่างหนักแน่นว่ารอให้นายท่านทั้งสองคืนดีกัน วันนี้กลับได้รับจดหมายที่ข้ารับใช้ส่งมาให้
“นี่คืออะไร”
“นี่คือจดหมายที่ใต้เท้าซูสั่งให้คนในตำหนักนำมาส่งขอรับ อีกทั้งยังกำชับว่าจักต้องส่งให้ถึงมือท่าน ให้ท่านถวายให้แด่ฝ่าบาทขอรับ!” ขันทีผู้น้อยที่มาส่งจดหมาย ก็ไม่เข้าใจว่าของสิ่งนี้หมายความว่าเช่นไร ได้ยินคำพูดนี้แล้วจึงได้แต่เกาศีรษะ
หวงเผยซานขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อวานซูหลีเดินกลับเช่นนี้ ทว่าวันนี้กลับให้คนมาส่งจดหมายฉบับหนึ่ง…
เขาจ้องมองกระดาษบางในมือ อดไม่ได้ที่จะสังเกตอย่างละเอียดอยู่หลายต่อหลายครั้ง
เขาก็ไม่รู้ว่าภายในเขียนเรื่องอะไรไว้บ้าง อีกยั้งไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ภายในใจเขากลับมีความกระวนกระวายใจอยู่เล็กน้อย
“กงกง ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ท่านเข้าไปขอรับ” ขณะที่หวงเผยกำลังลังเล ก็ได้ยินเสียงเรียกจากภายใน
ในเวลานี้เขาไม่อาจกังวลอะไรได้มากมาย ไม่แน่หลังจากที่ซูหลีกลับตำหนักไป อาจรู้สึกว่าความประพฤติของตนไม่เหมาะสม ถึงได้ส่งจดหมายแสดงการขอโทษถวายแด่ฮ่องเต้โดยเฉพาะก็ได้!
เขามีความคิดเห็นเช่นนี้ หวงเผยซานจัดการกับความคิดของตน จากนั้นนำจดหมายที่เพิ่งจะได้มาสดๆ ร้อนๆ มอบให้แก่เขา
ฉินเย่หานได้ยินว่าซูหลีสั่งให้คนส่งจดหมายฉบับนี้ให้แก่เขา เขาจึงชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงคลี่กระดาษจดหมายนั้นออก และหยิบของภายในออกมา
“ปัง!” หวงเผยซานเตรียมจะไปยืนด้านหลังของฉินเย่หาน ชะเง้อดูว่าซูหลีผู้นี้เขียนอะไรบ้าง ทว่ากลับได้ยินเสียงดังสนั่นเช่นนี้ขึ้น
ทันทีที่หันกลับไปมองก็พบว่าฉินเย่หานทำแท่นฝนหมึกที่ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานให้แตกหมดแล้ว!
ในเวลานี้หวงเผยซานรู้สึกตกใจจนสูญเสียการควบคุม เขาทรุดตัวคุกเข่าลงไปที่พื้นและรีบเอ่ยว่า
“ฝ่าบาททรงพระทัยเย็นลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
จดหมายที่ถวายขึ้นไปเมื่อครู่สามารถทำให้ฉินเย่หานมีท่าทีตอบสนองถึงขนาดนี้ แค่คิดดูก็รู้ว่าซูหลีผู้นั้นจะต้องสร้างเรื่องวุ่นวายอะไรอีกแน่นอน!
โดยรอบตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศภายในห้องคล้ายกับกำลังแข็งตัวมิปาน หวงเผยซานก้มศีรษะ ถึงกับร้องโอดครวญอยู่ในใจ!
“เราตามใจนางมากเกินไปใช่หรือไม่!” ใบหน้าของฉินเย่หานเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำ พูดเน้นทีละคำ
ทว่าคำถามประโยคนี้ หวงเผยซานไม่กล้าเอ่ยตอบอะไร
เขาไม่ต้องการให้หวงเผยซานตอบอะไรเช่นกัน เขาเพียงมองไปทางด้านหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว อีกทั้งยังมีกลิ่นอายความอันตรายเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจ!
“ฝ่าบาททรงพระทัยเย็นลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาททรงพระทัยเย็นลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” หวงเผยซานไม่เห็นเนื้อความในจดหมายฉบับนั้นเลยแม้แต่น้อย ทว่าทันทีที่เห็นอากัปกิริยาของฉินเย่หาน เขาจึงโขกศีรษะลงที่พื้นอย่างสุดชีวิต หวังว่าฉินเย่หานจะสามารถคลี่คลายความโกรธลง
“ไปตำหนักของนาง!”
ตอนที่ 1196 เตรียมตัวหลบหนี
อย่างไรก็ตามเรื่องในวันนี้ดูเหมือนจะไม่สามารถเปิดเผยได้ ฉินเย่หานลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงก้าวเท้าเตรียมจะเดินออกไป
“พ่ะย่ะค่ะ!” หวงเผยซานช้าไปเล็กน้อย จากนั้นเขาค่อยๆ ลุกขึ้นและเดินตามไปอย่างโซเซ
ตั้งแต่ต้นจนจบเขายังไม่ทราบว่า ในเนื้อความของจดหมายนั้นซูหลีเขียนอะไรกัน!
เพียงเห็นฝ่าบาททรงโกรธกริ้วขึ้นมาในชั่วพริบตา เขาอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาทมาเป็นเวลาหลายปียังไม่เคยเห็นฝ่าบาทมีโทสะเช่นนี้มาก่อน
หวงเผยซานอยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าฝ่าบาทของพวกเขาประหนึ่งเซียนไม่เสวยอาหารของมนุษย์มิปาน เขาไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึกใดๆ เลยแม้แต่น้อย หวงเผยซานนั้นรอคอยมาโดยตลอดว่าจะมีคนที่สามารถดึงดูดความรู้สึกของฉินเย่หานได้ปรากฏตัวขึ้น
ในเวลานี้ซูหลีปรากฏตัวขึ้นแล้ว กลับแทบจะทำให้อากัปกิริยาของฝ่าบาทเปลี่ยนไปไม่เหมือนดังแต่ก่อน!
จะว่าไป ซูหลีช่างเป็นคนที่ร้ายกาจโดยแท้!
นางกระทำสิ่งใดกันแน่ถึงทำให้ฝ่าบาททรงกริ้วจนกลายเป็นเช่นนี้…
…
กระทำสิ่งใด?
ที่จริงแล้วซูหลีไม่ได้กระทำสิ่งใด นางก็แค่เขียนจดหมายยาวสมบูรณ์ฉบับหนึ่ง เนื้อความบนจดหมายเขียนไว้ว่า นางไม่มีความสุขเป็นอย่างมากที่อาศัยอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ต่อไป
คาดว่าฝ่าบาททรงมิอยากเจอนาง ดังนั้นทางที่ดีนางควรเดินทางกลับเมืองหลวง
มิผิด นางเขียนไว้เช่นนี้จริงๆ !
“คะ คุณหนู ท่านพูดอะไรกัน” ทั้งไป๋ฉินและเย่ว์ลั่วยืนอยู่ตรงหน้าซูหลี ทั้งสองคนเบิกตากว้างจ้องไปที่ซูหลีเช่นนี้
ซูหลีจิบน้ำชาในมือ สีหน้ายังคงเรียบเฉย นางกวาดตามองทั้งสองคนนี้ จากนั้นจึงกล่าวว่า
“เก็บของสิ! เร็วเข้า พวกเราคงจะสามารถออกไปจากพระราชวังแห่งนี่ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืด!”
“เอ๋!?” ไป๋ฉินมึนงงไปหมดแล้ว ไยนางถึงได้ไม่เคยได้ยินเรื่องซูหลีจะเดินทางกลับมาก่อน
“ฝะ ฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้หรือไม่เจ้าคะ” นางถามประโยคนี้ออกมาอย่างอึ้งๆ
“ข้าเขียนจดหมายบอกฝ่าบาทแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ รีบไปเก็บข้าวของเร็วเข้าสิ!” ซูหลีวางจอกชาในมือลง จากนั้นจึงพูดเร่งประโยคหนึ่ง
“คุณหนู…” เย่ว์ลั่วที่นิ่งสุขุมมาโดยตลอด ในเวลานี้นางไม่สามารถทนนิ่งเฉยต่อไปได้
ซูหลีพูดขึ้นว่าตนจะเดินทางออกจากพระราชวังแห่งนี้อย่างไม่ทันตั้งตัว
การกระทำเช่นนี้…
สีหน้าของเย่ว์ลั่วดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรีบเอ่ยขึ้นว่า “เพราะเรื่องของบ่าว คุณหนูไม่ควรปะทะกับฝ่าบาทอย่างดุเดือดเช่นนี้จริงๆ บ่าวก็เป็นเพียงสาวใช้เท่านั้น จะว่าไปได้แต่งเป็นอนุของใต้เท้าจี้ ยังถือเป็นการยกย่องบ่าวด้วยซ้ำเจ้าคะ!”
“มีอะไรเป็นเรื่องที่น่ายกย่องกัน!” สีหน้าของซูหลีเย็นชาขึ้นทันใด นางเอ่ยด้วยวาจาถากถางว่า “บุรุษที่ต้องการมีภรรยามากมาย นี่เป็นผู้ที่ไม่ควรฝากชีวิตบั้นปลายไว้ด้วยมากที่สุด! ไป ฟังคำสั่งของข้า ไปเก็บข้าวของซะ!”
“คุณหนู!” เย่ว์ลั่วเหมือนต้องการพูดอะไรบางอย่างออกมา นอกตำหนักล้วนมีทหารเฝ้าเวรอยู่ แม้จะฟังคำพูดของซูหลี เข้าไปเก็บข้าวของแล้ว ทว่าคนเหล่านี้จะยอมปล่อยออกพวกเขาออกไปหรือ
เย่ว์ลั่วรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
“ฮ่องเต้เสด็จแล้ว…”
ทว่าไม่รอให้นางพูดอะไรบางอย่างออก ทางด้านนอกตำหนักพลันมีเสียงเช่นนี้ดังขึ้น
เล่ว์ยั่วรู้สึกตะลึงงันเป็นอันดับแรก นางมองไปทางซูหลีที่อยู่ด้านข้าง ทว่ากลับเห็นซูหลีที่กำลังยื่นมือหยิบอาหารว่างหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงเคลื่อนมือกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ และละเลียดอาหารในมืออย่างเอร็ดอร่อย
เย่ว์ลั่ว…
ไม่รู้จริงๆ ว่าภายในใจของนายท่านผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่กัน!
“นี่? ยังต้องเก็บข้าวของอีกหรือไม่” ไป๋ฉินที่อยู่ด้านข้างไม่เข้าใจสาเหตุของเรื่องนี้เท่าไหร่นัก จึงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ฝ่าบาททรงเสด็จมาแล้ว พวกเราจะมีสิทธิ์พูดอะไรเสียที่ไหนกัน ไป พวกเราออกไปก่อนเถอะ!” เย่ว์ลั่วกวาดตามองนางอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นจึงรีบพากันออกจากภายในห้องนี้
ที่สำคัญก็คือ นางกลัวว่าเมื่อฉินเย่หานเห็นหน้านางแล้วจะทะเลาะกับซูหลีอีก
นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ตลอดหลายวันมานี้นายท่านทั้งสองจะเจอหน้ากันสักครั้ง อย่างไรก็ไม่ควรถูกนางทำลายโอกาสอันดีเช่นนี้!