บทที่ 1967+1968

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1967 กำไลวงนี้เจ้าก็ถอดไม่ออกเหมือนกันสินะ

กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง “กำไลวงนี้ถอดไม่ออกหรือ?”

“ของของเจ้าเองเจ้าไม่รู้หรือไง?” เสินเนี่ยนโม่ถามกลับ

กู้ซีจิ่วกระแอมคราหนึ่ง “นี่…นี่ไม่ใช่ของข้าจริงๆ เสียหน่อย ข้าเพียงได้รับคำสั่งให้ตามหาเจ้านายของมัน”

รับคำสั่ง…

“เมื่อก่อนเจ้าตามติดข้าถึงเพียงนั้น เป็นคำสั่งงั้นหรือ? คำสั่งของผู้ใด?”

กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง “ไม่อาจบอกได้”

เรื่องของลิขิตสวรรค็ไม่อาจพูดส่งเดชได้ มิเช่นนั้นจะเป็นการเปิดเผยลิขิตสวรรค์

แววตาของเสินเนี่ยนโม่เยียบเย็นเล็กน้อย “เจ้ารู้ได้ยังไงว่าเจ้านายของมันคือข้า?”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ สัมผัสที่หกนี่นับไหมนะ? เธออาศัยความรู้สึกในการตามหาเขา…

เพียงแต่ วาจาเช่นนี้ดูค่อนข้างเลื่อนลอย พูดออกไปแล้วก็ยังไม่แน่ว่าจะเชื่อ กู้ซีจิ่วหยักมุมปากแวบหนึ่ง “นี่ไม่สำคัญหรอก ที่สำคัญคือเจ้าเป็นเจ้านายของมันจริงๆ กล่องใบนั้น…มีเพียงเจ้านายของมันเท่านั้นถึงจะเปิดได้ ต่อให้เป็นข้า ในปีนั้นก็เปิดไม่ออกเช่นกัน ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีอะไรอยู่ข้างใน”

สายตาของเสินเนี่ยนโม่จ้องเขม็งอยู่ที่ดวงหน้าของเธอตลอด สายตาลุ่มลึกยิ่ง ทำให้ผู้อื่นคาดเดาอารมณ์ของเขาไม่ออก

เขากอดอกทันที “ความหมายของเจ้าก็คือ กำไลวงนี้เจ้าก็ถอดไม่ออกเหมือนกันสินะ?”

กู้ซีจิ่วนิ่งไปแวบหนึ่ง “ให้ข้าลองได้ไหม?”

“ได้!” เสินเนี่ยนโม่ยื่นมือมาหาอีกครั้ง

ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของกำไลวงนั้นชัดๆ แล้ว สีสันของกำไลวงนั้นคล้ายจะเข้มขึ้นกว่าตอนที่เขาใส่ครั้งแรก แสงเจ็ดสีบนกำลังไหลเวียนอยู่รางๆ ผุดผาดงามตา งดงามยิ่งกว่ากำไลใดๆ ที่กู้ซีจิ่วเคยพบเห็นมา กำไลวงนั้นคล้องอยู่บนข้อมือของเสินเนี่ยนโม่ ขนาดกำลังพอดี ดูเหมาะสมยิ่งนัก ราวกับเกิดมาเผื่อให้เขาสวมใส่ “กำไลวงนี้ดูดีเหลือเกิน ทำไมต้องการถอดเล่า?”

“มิใช่สิ่งที่ข้าพึงใจ ต่อให้ดูดีสักเพียงใดข้าผู้เป็นนายน้อยก็ไม่ปรารถนา!” เสินเนี่ยนโม่เม้มปากนิดๆ เขารักอิสระ ทว่าถูกผูกมัดไว้กับกำไลวงนี้อย่างไร้เหตุผล ซ้ำยังเจิดจ้าแยงตาผู้คนถึงเพียงนี้อีก เขารู้สึกไม่ชอบรสนิยมเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นคือกำไลวงนี้เขาถูกคนที่เป็นดั่งฝันร้ายของเขาหลอกให้เขาสวม เขาจึงอึดอัดยิ่งกว่าเดิม

หลายปีมานี้เขาเคยใช้ไปมากมายหลายวิธีแล้ว ต้องการถอดมันออก แต่ก็ไม่เป็นผลมาโดยตลอด

ตอนนี้ในที่สุดก็พบตัวคนร้าย เขาย่อมไม่ปล่อยผ่านไป

หลังจากเขาสวมกำไลวงนี้ ก็คิดอยู่เสมอว่าตัวอัปลักษณ์หน้ากากผีผู้นั้นต้องการจะควบคุมเขา หลังจากกลายเป็นผู้ใหญ่ เขาก็คิดไปอีกว่าบางทีตัวอัปลักษณ์หน้ากากผีผู้นั้นอาจจะเป็นคนวิปริตที่ชมชอบเด็กน้อยอย่างเขา…

เขาคิดว่านางจะต้องโผล่หน้ามาแสดงความมีตัวตนต่อหน้าเขาในไม่ช้านี้ กลับนึกไม่ถึงเลยว่าหลังจากนางมอบกำไลวงนี้ให้เขาแล้ว ตัวคนก็หายไปเลย ไม่ปรากฏร่องรอยเป็นเวลาหลายปี…

ต่อมาเขาได้ทราบจากปากผู้อื่นว่า คนชุดดำหน้ากากผีจืดจางไร้ตัวยิ่งนักในทวีปนี้ ไม่ว่าจะไปที่ใดล้วนราวกับพลุไฟที่วาบขึ้นมาแล้วเลือนหายไป ไม่ชมชอบคบค้าสมาคมกับผู้คน

เขาสอบถามผู้คนมากมาย ไม่มีสักคนเลยที่รู้จักประวัติของนาง…

คดีเด็กหายในครั้งนี้ เขายังนึกสงสัยอยู่เลยว่าตัวการก็คือนาง ดังนั้นเขาจึงสอดมือเข้ามาตรวจสอบ คิดเพียงว่าจะควานหาตัวนางออกมา

กลับนึกไม่ถึงเลยว่านางจะปรากฏตัวขึ้นในรูปแบบนี้

ก่อนหน้านี้ตอนที่เพิ่งทราบฐานะของนาง ในใจเขาจึงไม่ทราบว่าควรรู้สึกอย่างไรดี ด้วยเหตุนี้ถึงได้เหม่อลอยไปครู่หนึ่ง

และในระยะเวลาชั่วครู่นี้ นางก็ถูกงูฉก!

เมื่อเห็นนางพิษกำเริบ เขาจึงเข้าไปพยุงนางตามสัญชาตญาณ ในใจมีความคิดที่เลือนรางอย่างหนึ่ง ว่าไม่อาจปล่อยให้นางสิ้นชีพไปเช่นนี้ได้!

ยากนักกว่าเขาจะเสาะหาตัวนางพบ แล้วจะปล่อยให้นางจากไปง่ายๆ เช่นนี้ได้อย่างไรเล่า?

สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ นางคือ ‘พี่สาว’ ที่เคยไปส่งเขากลับบ้านในปีนั้นด้วย!

ทันทีที่ปลดหน้ากากออกจากใบหน้านาง เขาก็ทึ่มทื่อไปอีกชั่วขณะ!

——————————————————————

บทที่ 1968 ขออภัย ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ…

ทันทีที่ปลดหน้ากากบนใบหน้านางออก เขาก็ทึ่มทื่อไปชั่วขณะ!

เขารู้สึกว่านางทำให้เขา ‘ประหลาดใจ’ มากเกินไปแล้ว เขาแทบจะรับไม่ไหวแล้ว!

เขาแอบกัดฟัน หากไม่ใช่เพราะตอนนั้นชีวิตนางเข้าใกล้ประตูปรโลก เขาแทบอยากจะไม่สนใจไยดีทิ้งนางไว้ตรงนั้น!

สตรีนางนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่ถึงได้ปรากฏกายต่อหน้าเขาด้วยหลากหลายตัวตน?

อีกทั้งยังปรากฏกายอย่างคนไม่รู้ผีไม่เห็น!

ตอนเขาต้องการตามหานาง นางกลับหายตัวไป

ตอนเขาไม่ต้องการตามหานาง จู่ๆ นางก็โผล่ออกมา…

รูปลักษณ์ของนางไม่เปลี่ยนแปลง จิตใจของเขาปั่นป่วนไปหมด

เขาไม่รู้ว่าที่จริงแล้วเขารู้สึกอย่างไรกับนางกันแน่ คล้ายขุ่นเคือง คล้ายเปรมปรีดิ์ คล้ายตระหนก คล้ายเกลียดชัง…

อารมณ์หลากหลายซับซ้อนเกินไป เขาก็แยกแยะไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง รู้เพียงว่าเขาไม่อาจปล่อยให้นางตายได้ ช่วยชีวิตนางก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

เขาเป็นพวกรักความสะอาด ไม่ชอบให้ผู้ใดเข้าใกล้ ทว่าเขากลับไม่ต่อต้านนาง ถึงขั้นที่ยังอยากดึงนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ปกป้องนาง และถึงขั้นที่ยังก้มศีรษะลงไป ‘จูบ’ นางเพื่อให้นางกลืนยาแก้พิษลงไป…

ตอนนั้นเขาเพียงแค่คิดจะช่วยชีวิตคน ไม่ได้คิดเป็นอื่นเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งช่วยนางไว้ได้ หลังจากที่นางลุกขึ้นนั่งเข้าฌานด้วยตัวเองได้แล้ว เขาจึงค่อยๆ รู้สึกตัว!

เขาสละจูบแรกของตัวเองเพื่อช่วยชีวิตคน!

อีกทั้งคนผู้นั้นยังเป็นคนที่เขาเคยรังเกียจมากที่สุด…

มารดาของเขาบอกว่าจูบแรกควรเก็บไว้ให้คนที่ชมชอบมากที่สุด นั่นถึงจะเป็นความงดงามที่แท้จริง

การจูบกันของบิดามารดาของเขาต่างเป็นจูบแรกของกันและกัน

ส่วนจูบแรกของเขากลับเสียไปเช่นนี้แล้ว!

นี่ตัวเขาถูกผีสิงแล้วหรือเปล่า?! หรือว่าเจอผีเข้าแล้วจริงๆ!

เสินเนี่ยนโม่รู้สึกหดหู่ยิ่งนัก เขาจึงรู้สึกขัดตากับงูพิษเหล่านั้นเป็นพิเศษ ถึงได้ไปหาเรื่องงูพิษเหล่านั้น

เขารู้ดีว่ากู้ซีจิ่วต้องการงูเป็นๆ ทว่าเขาก็ไม่ต้องการให้นางสมหวังดังตั้งใจ…

กู้ซีจิ่วย่อมไม่รู้ถึงความคิดที่วนเวียนในใจเขายามนี้ เธอกำลังวิเคราะห์กำไลวงนั้น

เธอจำได้ว่ากำไลข้อมือวงนั้นเป็นรูปร่างหัวและหางมังกรชนกัน บางทีมันอาจจะเป็นรูปร่างของกลไกการเปิดปิด ขอเพียงเธอหากลไกนั้นพบก็จะช่วยเขาถอดกำไลได้

กู้ซีจิ่วไม่ชอบติดหนี้บุญคุณใคร เสินเนี่ยนโม่ช่วยชีวิตเธอไว้ ในเมื่อเขายื่นข้อเรียกร้องนี้มา เธอก็จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเขาให้ได้

ทว่าเธอวิเคราะห์กำไลวงนั้นอยู่นาน ใช้วิธีการปลดกลไกมากมาย กำไลวงนั้นก็ยังคงรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว แม้แต่รอยต่อก็หาไม่พบ

เธอจับกำไลข้อมือวงนั้นแล้วลองรูดลงดู ผลคือเมื่อรูดมาถึงข้อมือเขาก็ถอดไม่ออกแล้ว

ถอดไม่ออกจริงๆ ด้วย

อีกทั้งมันยังขยายใหญ่ขึ้นตามการเจริญเติบโตของเขาได้ด้วย สมใจนึกยิ่งกว่ากระบองกายสิทธิ์เสียอีก

เธอพยายามอยู่หลายวิธีหลายครั้งติดต่อกัน แต่ทั้งหมดล้วนไม่ประสบความสำเร็จ และยังเกือบทำให้ข้อมือเสินเนี่ยนโม่มีหยาดเหงื่อรินไหล

เธอพรูลมหายใจแล้วเงยหน้าขึ้น

“ขออภัย ไม่มีวิธีแล้วจริงๆ…”

เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักเล็กน้อย เนื่องจากเธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขาพอดี

ดวงตาดำขลับคู่นั้นของเขาจดจ้องใบหน้าเธอ…

กู้ซีจิ่วผละถอยไปก้าวหนึ่ง ลูบไล้ใบหน้าตัวเองโดยสัญชาตญาณ ในที่สุดก็นึกขึ้นได้ว่าหน้ากากบนใบหน้าถูกเขาถอดออกแล้ว เธอในตอนนี้เป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง

เธอรู้ว่ารูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอเองงดงามยิ่ง ทว่าสายตาจดจ้องของเขาเช่นนี้ดูไม่เหมือนตื่นตะลึง…

เธอถูกเขาจ้องมองจนรู้สึกกลัวเกรงจึงล่าถอยไปก้าวหนึ่ง

“มองข้าเช่นนี้ทำไม?”

“เจ้ามีกี่ตัวตนกันแน่? เคยปรากฏตัวเบื้องหน้าข้ามากี่ครั้งแล้ว?”

เสินเนี่ยนโม่ยังคงจ้องมองนาง

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว

“ก็สองแบบนี่ไง กี่ตัวตนอะไรกัน?”

“สองแบบ? ที่ข้ารู้มีสามแบบแล้ว!”

กู้ซีจิ่วนึกไม่ออกไปชั่วขณะ “สามแบบ? อีกแบบหนึ่งคืออะไร?”

—————————