“ผลไม้ชำระวิญญาณครึ่งเมตรทางซ้ายของท่านสามารถปัดเป่าเวทมนตร์คำสาปได้ ดอกบัวศักดิ์สิทธิ์สามารถทำลายคำสาปศพตายโหงอายุ 10,000 ปีได้ เลือดของท่านเจ้าของ สมุนไพรวิญญาณที่อยู่สองเมตรตรงหน้าท่าน และน้ำระฆังสวรรค์สามารถรักษาพิษพันปีได้”

 

คำตอบของระบบดังอยู่ในหัวของเขา และเฉินเฉินก็รีบหยิบสมบัติสวรรค์ตามคำแนะนำและกลืนพวกมันเข้าไปหลังจากที่ได้ฟังแต่ละประโยค

 

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้กระนั้น เขาก็ยังรู้สึกเวียนหัวในขณะที่พลังปราณในร่างกายของเขาเริ่มหยุดนิ่งเพราะเขาไม่รู้สึกถึงการไหลเวียนของมันเลย

 

“พิษที่เรียกว่าความพิโรธของมนุษย์นี่มันน่ากลัวจริงๆ!”

 

เฉินเฉินตกใจ

 

ความพิโรธของมนุษย์คือการรวมกันของพิษพันปีและศพตายโหง 10,000 ปีกับเวทมนตร์คำสาป

 

พิษจะโจมตีร่างเนื้อของเป้าหมายในขณะที่คำสาปจะทำลายวิญญาณ ส่วนศพจะยับยั้งพลังปราณและขัดขวางไม่ให้คนที่ได้รับพิษช่วยเหลือตัวเองได้ แค่ตัวพิษที่น่ากลัวทั้งสามนี้ก็ถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากๆแล้ว

 

‘ไม่แปลกใจที่ฉงเย่ซึ่งใกล้จะถึงขั้นแก่นทองคำแล้วถึงกลายเป็นขี้เถ้าในเวลาแค่ 20 วินาทีแม้จะได้รับความช่วยเหลือจากเซียนทั้งสามที่อยู่ขั้นก่อกำเนิดวิญญาณก็ตาม’

 

จิตใจของเฉินเฉินเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน

 

โชคดีที่เมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์แม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างนั้นพลังปราณของเขาคงจะถูกยับยั้งและจบลงที่การไม่สามารถเปิดแหวนเก็บของได้ ต่อให้เขาจะมีระบบอยู่ในร่างกาย เขาก็น่าจะยังไม่รอดอยู่ดี

 

เขาจะไปถามหาเหตุผลกับใครได้หล่ะในตอนที่เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น?

 

“เวรเอ๊ย! โคตรน่ากลัวเลย!”

 

เฉินเฉินสบถอย่างโกรธเคืองอยู่ในใจ หลังจากที่กินผลไม้ชำระวิญญาณเข้าไป เสียงโหยหวนจากบาดแผลก็เริ่มเลือนหายไปในที่สุด และเขาก็มีสติมากขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม เสื้อคลุมผ้าไหมทองคำได้ถูกกัดกร่อนเป็นขี้เถ้าไปแล้ว

 

ในอีกด้านนึง คำสาปศพตายโหง 10,000 ปีเองก็ถูกพลังรักษาที่แข็งแกร่งของดอกบัวศักดิ์สิทธิ์ยับยั้งเอาไว้ได้และร่องรอยของพลังปราณก็ค่อยๆกลับเข้ามาในร่างกาย

 

อย่างไรก็ตาม พิษแปลกประหลาดยังคงมีอำนาจอยู่และกัดกร่อนบาดแผลของเขา

 

ร่างกายของเฉินเฉินนั้นพิเศษ และบาดแผลของเขาก็ถูกรักษาในทันทีด้วยพลังชีวิตอันแข็งแกร่ง

 

ความเปลี่ยนแปลงและการฟื้นฟูนี้เหมือนกับสงครามเลย

 

ในขณะที่กำลังดิ้นรนอยู่นี้ เฉินเฉินก็กินสมุนไพรวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไป ตามด้วยน้ำระฆังสวรรค์หนึ่งขวด ตอนนี้มันไม่ใช่เวลามาประหยัดแล้ว

 

ขอแค่เขามีชีวิตรอดต่อไปได้ เขาก็จะมีสมบัติอื่นๆที่เขาต้องการอีกในอนาคต

 

พิษสามชนิดและพลังรักษาทั้งสามกำลังต่อสู้กันในร่างกายของเขาและนี่คงไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเฉินเฉินรู้สึกเลวร้ายแค่ไหน ไม่นานนัก เขาก็หน้าซีดและดูเหมือนว่าพลังงานของเขาจะถูกผลาญไป

 

ในตอนนี้เอง ก็มีเส้นแสงมากมายปรากฎขึ้นบนทองฟ้าไกลๆ

 

เมื่อเห็นเส้นแสงพวกนี้ ม่านตาของเฉินเฉินก็บีบตัวลงเล็กน้อย และเขาก็ใช้พลังปราณที่เขาพึ่งจะฟื้นฟูกลับมาเพียงเล็กน้อยเพื่อเก็บสมบัติสวรรค์ทั้งหมดเข้าไปในแหวนเก็บของ

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็เอาหน้ากากพิเศษออกมาจากแหวนเก็บของและนำมาสวมที่หน้า ไม่นานนัก ใบหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปและเขาก็ดูหล่อเหลายิ่งขึ้น

 

หน้ากากนี้คือสิ่งที่เขาได้รับมาจากภรรยาของท่านอาจารย์ และมันก็ทำมาจากหนังของสัตว์อสูรที่พิเศษมากๆ ซึ่งสามารถหลอมรวมเข้ากับผิวหนังมนุษย์ได้ แม้กระทั่งสุดยอดฝีมือก็คงจะไม่ได้มองออกง่ายๆ

 

หลังจากที่ทำเช่นนี้ เฉินเฉินก็นั่งลงกับพื้นและซ่อนแหวนเก็บของเอาไว้ในช่องเสื้อของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มหายใจหอบ

 

เมื่อเห็นว่าเส้นแสงกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เฉินเฉินก็ยื่นนิ้วออกไปด้วยความยากลำบากและชี้ไปยังหยวนฉิงเทียนที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร

 

“ไอ้สารเลว แกไม่มีทางรอดไปง่ายๆหรอก”

 

ในจังหวะต่อมา เส้นสายฟ้าบางๆก็ถูกยิงออกไป มันถูกปกคลุมด้วยพลังปราณที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเฉินเฉินก่อนที่จะไประเบิดเหนือหัวของหยวนฉิงเทียน

 

 

ไม่นานนัก คนสองคนก็ลงมาที่พื้นและรีบเข้าไปหาหยวนฉิงเทียนในทันที

 

“นายน้อย!”

 

เมื่อเห็นสภาพที่น่าสังเวชของหยวนฉิงเทียน ทั้งสองคนก็ตะโกนออกมาพร้อมกัน

 

เมื่อได้ยินเสียงของพวกเขา เฉินเฉินก็รู้สึกหวั่นใจ

 

‘บ้าชะมัด ข้านี่ซวยจริงๆ ให้ตายเถอะ มันเป็นคนจากสำนักอสูร โชคดีที่ข้าฉลาดพอก็เลยรีบเปลี่ยนหน้าตาของตัวเอง’

 

เฉินเฉินหันหัวไปเล็กน้อยและเย้ยหยันในตอนที่เขาเห็นพวกเขากำลังป้อนสมบัติสวรรค์ให้หยวนฉิงเทียน

 

ต่อให้หยวนฉิงเทียนไม่ตาย เขาก็เหมือนตายไปแล้ว 99% เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมีน้ำระฆังสวรรค์ ไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในระยะเวลาอันสั้น

 

และมันก็เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ ครู่ต่อมา เสียงของทั้งสองก็เริ่มหดหู่

 

“นายน้อย… ฟื้นสิ!”

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเขา?”

 

“ถ้าเส้นเอ็นหรือเส้นเลือดของเขาถูกทำลาย มันก็ยังสามารถฟื้นฟูได้ แต่ว่าเขา…จิตสำนึกของเขาได้รับความเสียหายรุนแรงและเขาก็โดนระเบิดใหญ่จนทำให้หมดสติไป”

 

เมื่อได้ฟังคำตอบ อีกคนที่นั่งอยู่บนพื้นก็ดูสิ้นหวัง

 

“สติของเขาถูกทำลาย… ถ้างั้นเขาก็จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนน่ะสิ?”

 

อีกคนเงียบ เหมือนกับจุดตันเถียน ทะเลแห่งจิตสำนึกนั้นจับต้องไม่ได้และยากที่จะรักษา

 

ซึ่งถ้ารักษาไม่ได้ คนที่ได้รับบาดเจ็บก็ไม่ต่างอะไรจากซอมบี้

 

อย่างไรก็ตาม ถ้ารักษาได้ มันก็จะเป็นความทรงจำใหม่ ไม่เพียงแค่ความทรงจำเก่าของเขาจะหายไป แต่สติปัญญาของเขาจะกลับไปอยู่ระดับเด็กแรกเกิดด้วย

 

แล้วแบบนั้นมันจะต่างจากคนพิการตรงไหนกันหล่ะ?

 

“เป็นฝีมือใคร!?! ใครมันทำแบบนี้กับนายน้อย!”

 

“มีคนอื่นอยู่ที่นี่!”

 

ในที่สุดทั้งสองคนจากสำนักอสูรก็สังเกตเห็นเฉินเฉิน และเข้ามาหาเขาในทันที

 

เฉินเฉินพูดไม่ออกในตอนที่เขาเห็นเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมอยู่

 

พวกเขาทั้งคู่เป็นระดับผู้อาวุโสของสำนักอสูรและมีการฝึกตนอยู่เหนือกว่าแก่นทองคำ

 

“เจ้าหนู เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”

 

ผู้อาวุโสคนนึงถามในขณะที่จับแขนของเฉินเฉิน และหลังจากที่ดูดีๆแล้ว ก็มีความประหลาดใจแสดงอยู่บนหน้าของเขา

 

เฉินเฉินไม่มีจุดตันเถียนแต่เขาก็ดูไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดาสำหรับพวกเขาดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่าจุดตันเถียนของเขาถูกทำให้พิการไปแล้ว

 

“คือว่า…ข้าบังเอิญผ่านทางมาและได้รับบาดเจ็บจากแรงกระแทกครับ” เฉินเฉินพูดอย่างสิ้นหวัง

 

“เจ้ารู้รึเปล่าว่าใครเป็นคนทำร้ายนายน้อยของพวกข้า?” ผู้อาวุโสอีกคนถาม

 

“ครับ… ยอดฝีมืออันดับสองของรัฐจิน เฉินเฉิน ที่เป็นผู้สืบทอดของสำนักเทียนหยุน เขาทำมันโดยใช้วิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนครับ”

 

วิชาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เทียนหยุนก่อให้เกิดความปั่นป่วนระดับใหญ่โตและเฉินเฉินก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเห็นเห็นมันรึเปล่า ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะพูดความจริง

 

“ทำไมมันถึงโหดร้ายได้ขนาดนี้?”

 

“เขาบอกว่าคนๆนี้ฆ่าพระราชาองค์ใหม่ของรัฐจินแต่ความตายคงเป็นทางออกที่ง่ายเกินไปสำหรับเขาครับ เขาอยากให้คนๆนี้ใช้ชีวิตต่อด้วยความเจ็บปวดและความน่าสมเพชไปตลอดชีวิตที่เหลือ” เฉินเฉินโกหก

 

ผู้อาวุโสสำนักอสูรเศร้าโศกมากจนพวกเขาอดร้องไห้ออกมาอย่างคับแค้นใจไม่ได้

 

“เฉินเฉิน! ข้าจะจัดการเจ้า!”

 

“พวกเรายอมรับการดูถูกนี้ไม่ได้! เฉินเฉิน เจ้ากล้ามาเหยียดหยามนายน้อยของพวกเราแบบนี้ได้ยังไง!”

 

เฉินเฉินรู้สึกหนาวสันหลังวาบในตอนที่เขาได้ยิน

 

ถ้าพวกเขาสองคนรู้ว่าเขาคือเฉินเฉินเขาก็น่าจะไม่รอด

 

หลังจากที่ผู้อาวุโสสำนักอสูรทั้งสองคนสบถออกมาจนพอใจ พวกเขาก็กลับมามองเฉินเฉิน

 

“พวกเราจะฆ่าเขาหรือไว้ชีวิต?”

 

“ชาวรัฐจินทุกคนสมควรตาย ฆ่าเขาซะ”

 

เมื่อได้ฟังบทสนทนาระหว่างสองคนนี้ เฉินเฉินก็พยายามฝืนลุกขึ้นมา

 

“ข้ามีเรื่องบางอย่างจะพูดครับ!”

 

สายตาของผู้อาวุโสทั้งสองหยุดนิ่งและพวกเขาก็รอฟังสิ่งที่เฉินเฉินจะพูด

 

ในตอนนี้เอง เฉินเฉินก็เอาเหรียญสำนักอสูรออกมาจากกระเป๋าของเขาและวางลงบนพื้นด้วยสีหน้าขมขื่น

 

“ข้าใช้ชีวิตอยู่ที่ชานเมือง ข้ามีร้านกับสวนอยู่ที่บ้าน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ว่า ในวันหนึ่ง ผู้อาวุโสในชุดดำคนนึงก็มาเคาะประตูบ้านของข้า แล้วบอกว่าคุณสมบัติของข้าน่าเหลือเชื่อด้วย ดังนั้น เขาก็เลยมอบเหรียญนี้ให้ข้าและบอกให้ข้าเก็บมันเอาไว้กับตัวตลอดเวลาครับ”

 

“แต่ใครจะไปรู้กัน? สำนักอู๋ซินนั้นกลับเป็นพวกเจ้าเล่ห์และมีนิสัยโหดร้าย พวกมันเข้ามาหาเรื่องพวกเราและผู้อาวุโสก็พยายามจะต่อต้าน แต่ก็ถูกอัดเละ หลังจากที่พวกอู๋ซินมันเจอเหรียญของข้า พวกมันก็ทำลายจุดตันเถียนของข้าครับ”

 

“ด้วยเหตุนี้เอง ตอนนี้พอเมืองตกอยู่ในความวุ่นวายข้าก็สามารถหนีออกมาได้แต่ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะมาเจอกับความโชคร้ายอีกครั้งนึงเพราะข้าถูกซัดกระเด็นมาไกลถึงข้างถนน! ชีวิตนั้นคาดเดาไม่ได้จริงๆ แค่คำพูดคงไม่สามารถบรรยายความเสียใจของข้าได้ ข้าขอแค่ท่านทั้งสองไว้ชีวิตของข้าก็พอครับ!”

 

ผู้อาวุโสของสำนักอสูรทั้งสองคนตกตะลึงและสายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความสับสน

 

หลังจากนั้นซักพัก หนึ่งในพวกเขาก็ได้สติ เขาหยิบเหรียญขึ้นมาและพูดด้วยความเห็นใจ “เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักอสูรเหรอ?”

 

เมื่อได้ฟังเช่นนี้ เฉินเฉินก็พูดอย่างนุ่มนวลด้วยสีหน้าน่าสงสาร “ผู้อาวุโสชุดดำบอกว่าข้าจะถูกพิจารณาให้เป็นศิษย์สำนักอสูรหลังจากที่เขาพาข้ากลับไปได้ครับ”

 

ผู้อาวุโสทั้งสองมองหน้ากัน พวกเขาเชื่อไป 80% แล้วว่าเฉินเฉินกำลังพูดความจริง

 

พวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของพวกเขาน่าจะเป็นเซียนที่มีศักยภาพดีซึ่งเพื่อนร่วมสำนักอสูรในรัฐจินของพวกเขาเป็นคนพบเข้า อย่างไรก็ตาม เรื่องก็ถูกเปิดโปงและเพื่อนคนนั้นก็น่าจะตายไปแล้วในขณะที่เด็กหนุ่มเฉินเฉินถูกทำลายจุดตันเถียนและทำได้แค่หนีในระหว่างความวุ่นวาย

 

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เอง สีหน้าของหนึ่งในผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันและเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ศิษย์ที่ถูกเกณฑ์เข้าสำนักอสูรในรัฐจินจะได้รับยาเผาร่างก่อนที่พวกเขาจะไปรัฐโจว ข้าขอดูสภาพร่างกายของเจ้าอีกครั้งนึงนะ”

 

หลังจากที่พูดแบบนั้น เขาก็ไม่ปล่อยโอกาสให้เฉินเฉินได้เคลื่อนไหวและพยายามจับข้อมือของเฉินเฉินอีกครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สัมผัสข้อมือของเฉินเฉิน เขาก็ตัวแข็งทื่ออีกครั้ง

 

ครั้งแรกที่เขาตรวจสอบสภาพร่างกายของเฉินเฉิน เขาได้ออกแรงอย่างมาก และจุดที่เขากดข้อมือของเฉินเฉินก็เป็นจ้ำแดงแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ข้อมือของเขาดีเหมือนใหม่

 

“เกิดอะไรขึ้นกับเด็กคนนี้เนี่ย?”

 

เขาตกตะลึงในขณะที่ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างเขาดูหวาดหวั่น โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาก็ตัดแขนของเฉินเฉิน

 

แต่ในท้ายที่สุด แขนที่ถูกตัดไปนั้นก็เริ่มฟื้นฟูด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าต่อหน้าพวกเขา

 

เมื่อเห็นฉากนี้ สายตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความหวั่นเกรงและพวกเขาก็ตัวสั่นพร้อมกัน!

 

“นี่มัน… นี่มันคือร่างกายไร้เทียมทานของหลวงหวง!”