ตอนที่ 313 ความโกรธแค้นของเหอปี้อวิ๋น+ตอนที่ 314 หนูไม่ควรยั่วโมโหแม่ โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 313 ความโกรธแค้นของเหอปี้อวิ๋น
หากพ่อแม่สามีรู้ว่าเธอทำให้อู่เจิ้งซือบาดเจ็บ จากเดิมที่พ่อแม่สามีก็ไม่จะค่อยพอใจเธออยู่แล้ว นี่ต่อไปจะไม่ปั่นหัวอู่เจิ้งซือให้หย่าขาดกับเธอหรือ?
แต่เธอไม่อยากหย่าสักนิดเดียว อู่เจิ้งซือดูดี หน้าที่การงานก็มีเกียรติ ครอบครัวก็มีฐานะอยู่บ้าง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ อู่เจิ้งซือหลอกง่าย ขอเพียงทำให้เขามีความสุข เขาไม่สนใจเงินเลย ไม่เหมือนพี่เขยของเธอ ผู้ชายที่เห็นเงินสำคัญยิ่งกว่าชีวิต ทุกวันนี้ป้องกันพี่สาวของเธออย่างกับป้องกันขโมย
อีกอย่างพี่เขยเธอคนนั้นรูปร่างคล้ายกับคนแคระ และยังเป็นแค่ครูโรงเรียนประถม เทียบกับอู่เจิ้งซือไม่ได้เลย
เหอปี้อวิ๋นยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ เธออยากจะตัดมือตัวเอง ทั้งหมดเป็นเพราะนังสารเลวเหยียนซินหย่านั่น ถ้าไม่ใช่เพราะเอาแต่พูดถึงนังสารเลวนี่ เธอจะโมโหขนาดนี้ได้อย่างไร?
และก็เป็นไม่ได้ที่จะเอาแท่นทับกระดาษทุบหัวอู่เจิ้งซือด้วยความใจร้อน!
เธอเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็ก ขอเพียงทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหยียนซินหย่า ไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ไม่ราบรื่น เหยียนซินหย่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเหอปี้อวิ๋น เป็นศัตรูคู่พยาบาทโดยธรรมชาติ
คนอย่างเหอปี้อวิ๋นก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าทำผิดเรื่องอะไร เธอมักจะผลักความรับผิดชอบทุกอย่างให้คนอื่นเสมอ ทั้งยังคิดว่าตัวเองบริสุทธิ์ ถูกใส่ร้ายแน่นอน และเธอยังโมโหใส่คนอื่นได้ง่ายมาก และเพราะเธอมีนิสัยอย่างนี้ ตอนเล็กๆ อู่เหมยถึงได้ทุกข์ทรมานมากมายขนาดนั้น
แต่จะตามหาเหยียนซินหย่าอย่างไรก็ไม่เจอ แม้ว่าเหอปี้อวิ๋นอยากจะฆ่าเธอ แต่เธอก็ไร้เรี่ยวแรง ทว่าไม่นานเธอก็พบเป้าหมายไว้ระบายความแค้น คืนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะยายตัวดีก่อเรื่องขึ้นมา และไม่นึกเลยว่ายายตัวดีจะยังกล้าตีอู่เยวี่ย?
ก็ไม่รู้ว่าเยวี่ยเยวี่ยจะเจ็บแผลที่อยู่ตามตัวหรือไม่?
พอเหยียนหมิงซุ่นเห็นสีหน้าของเหอปี้อวิ๋นเปลี่ยนไป และยังมองไปทางอู่เหมย เขาก็รู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องระบายความโกรธแค้นกับอู่เหมยแน่นอน ตอนเขาอยู่ต่อหน้า เธอไม่กล้าระบายความแค้นแน่นอน แต่หากเขากลับไปก็ไม่แน่
ในหัวของเขาก็ผุดภาพเหอปี้อวิ๋นเอาผ้าอุดปากอู่เหมยไว้ และใช้ไม้ขนไก่ฟาดเธอ เขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย จะปล่อยให้อู่เหมยอยู่กับเหอปี้อวิ๋นคนบ้านี้ในห้องคนเดียวไม่ได้
“ขอบคุณหมิงซุ่นมากที่มาส่งเหมยเหมย ลำบากเธอแย่ เธอรีบกลับบ้านไปนอนเถอะ!” เหอปี้อวิ๋นพูดพลางยิ้ม
“ไม่ลำบากเลยครับครูเหอ เรื่องแค่นี้เอง เพราะครูอู่เป็นห่วงเหมยเหมย มอบหมายให้ผมพาเหมยเหมยไปส่งที่บ้านแม่บุญธรรม ผมเลยมาเก็บเสื้อผ้าเป็นเพื่อนเธอ” เหยียนหมิงซุ่นพูดอย่างน้อบนอมและรอบคอบ
อู่เหมยมองเหยียนหมิงซุ่นด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องพูดโกหก รู้ทั้งรู้ว่าอู่เจิ้งซือไม่เคยพูดแบบนี้
เหอปี้อวิ๋นสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ครูอู่หมายความว่าอะไร?
ไม่คิดเลยว่ายังให้ยายตัวดีไปอยู่ที่บ้านจ้าวอิงหนาน
เห็นชัดๆ ว่าปกป้องเธอ!
เธอรู้สึกว่าตัวเองทำเกินไปหน่อย แต่หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเหยียนหมิงซุ่น ความรู้สึกสำนึกในบาปของเธอในใจก็ค่อยๆ หายไปทันที
เป็นเพราะอู่เจิ้งซือรังแกเธอก่อน จนแต่งงานมีลูกกับเธอแล้ว ยังไม่ลืมนังสารเลวเหยียนซินหย่า และยังเอาความคิดสกปรกนี้ย้ายไปอยู่ในตัวยายตัวดีนี่
เชอะ!
เหม็นขี้หน้าจริงๆ เมื่อตะกี้เธอน่าจะทุบให้แรงกว่านี้!
ยายตัวดีอู่เหมยก็อีกคน ไม่ได้มีดีอะไร ไม่เหมือนใครในบ้าน เห็นชัดๆ ว่าเหมือนนังสารเลวนั่น!
เหอปี้อวิ๋นกล่าวโทษทุกคน แต่ตัวเองกลับเพิกเฉย เธอเองไม่สามารถพูดความคิดของเธอกับคนอื่นได้ พระเอกในฤดูใบผลิอยู่แต่ในฝัน ไม่ใช่อู่เจิ้งซือ แต่เป็นซั่งกวนอิงหวาที่ไม่ต้องการเธอ!
เหยียนหมิงซุ่นเห็นสีหน้าเหอปี้อวิ๋นเปลี่ยนไปอย่างคาดคิดไม่ถึง ดูท่าทางไม่ค่อยปกติ เขาจึงไปเก็บเสื้อผ้าเป็นเพื่อนอู่เหมยที่ห้องนอน จากนั้นก็กล่าวลากับเหอปี้อวิ๋น แล้วก็ขึ้นไปชั้นสาม
………………………………………………………………
ตอนที่ 314 หนูไม่ควรยั่วโมโหแม่
“พี่หมิงซุ่นคะ ทำไมพี่ถึงให้ฉันไปอยู่บ้านแม่บุญธรรม?” ระหว่างทาง อู่เหมยถามอย่างสงสัย
จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ค่อยยอมไปอยู่บ้านคนอื่น อันที่จริงจ้าวอิงหนานสองสามีภรรยาดีกับเธอมาก แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ ของเธอ เป็นแค่คนนอก เธอไม่ค่อยอยากไปรบกวนคนอื่น อีกอย่างอยู่ในบ้านคนอื่น เธอรู้สึกไม่อิสระ
“แม่ของเธอ ตอนนี้สภาพจิตใจไม่ค่อยปกติ ในบ้านก็มีแค่เธอกับแม่ พี่เป็นห่วงว่าครูเหอจะตีเธออีก เธอไปอยู่บ้านครูจ้าวดีกว่านะ พรุ่งนี้ค่อยดูอีกที” เหยียนหมิงซุ่นอธิบาย
อู่เหมยพยักหน้า รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ เธอเงยหน้ายิ้มหวานให้เขา พลางกล่าว “ขอบคุณค่ะ พี่หมิงซุ่น”
เหยียนหมิงซุ่นยิ้มแย้ม ตีหัวเธอเบาๆ เขาส่งอู่เหมยถึงบ้านตระกูลสยง ไม่นึกเลยว่าบ้านตระกูลสยงยังไม่นอน ไฟในห้องรับแขกยังคงสว่าง จ้าวอิงหนานพอเห็นเธอก็รีบมาต้อนรับ ถามด้วยความร้อนใจ “เหมเหมยเธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ที่แท้เรื่องที่อู่เจิ้งซือโดนภรรยาทุบหัวแตก หลังจากเขาถูกส่งไปโรงพยาบาลก็แพร่สะพัดไปทั่ว คนตระกูลสยงที่ชั้นสามก็ได้ยินเองโดยปริยาย จ้าวอิงหนานรีบวิ่งไปที่บ้านตระกูลอู่ เห็นแค่รอยเลือดบนพื้น แต่ไม่พบทั้งอู่เหมยกับอู่เจิ้งซือ คนที่อยู่รอบๆ ก็ไม่รู้ เธอยังเข้าใจว่าอู่เหมยก็ได้รับบาดเจ็บ จนรู้สึกเป็นกังวลตลอดทั้งค่ำทีเดียว
กระทั่งสองพ่อลูกครูจางกลับมา เธอถึงได้รู้ว่าเป็นอู่เจิ้งซือที่ได้รับบาดเจ็บ อู่เหมยไม่ได้เป็นอะไร เธอถึงได้สบายใจ แต่ไม่เห็นอู่เหมย เธอก็ยังเป็นกังวล จะมีใจไปหลับลงได้ที่ไหนกัน
อู่เหมยรู้สึกถึงความเป็นห่วงของจ้าวอิงหนาน เธอรู้สึกอบอุ่นใจ แม้ว่าเธอไม่เคยได้รับความรักของพ่อแม่ของเธอ แต่เธอมีเพื่อน มีจ้าวอิงหนานที่ห่วงใย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“แม่บุญธรรมคะ หนูไม่เป็นอะไรค่ะ คืนนี้หนูขอรบกวนพวกคุณนะคะ” อู่เหมยรู้สึกเกรงใจนิดหน่อย
จ้าวอิงหนานยิ้มด้วยความเบิกบานใจ “รบกวนอะไรกัน? แม่ให้มู่มู่นอนโซฟา เหมยเหมย เธอก็ไปนอนห้องเขา”
อู่เหมยรีบปฏิเสธ อยู่บ้านคนอื่นลำบากใจมากพอแล้ว ถ้าหากไล่สยงมู่มู่ไปนอนโซฟา เธอยิ่งรู้สึกเกรงใจ
จ้าวอิงหนานเห็นเธอยืนกรานที่จะนอนโซฟา และยังคิดว่าอู่เหมยรังเกียจเตียงของสยงมู่มู่ เธอยิ้มกริ่มอย่างเข้าใจ พลางกล่าว “งั้นเหมยเหมยก็นอนโซฟา ไม่ต้องนอนเตียงเหม็นๆ ของมู่มู่ก็ได้นะ!”
สยงมู่มู่โกรธจนจมูกย่น จ้องอู่เหมยเขม็ง ยายตัวดีที่ไม่มีความเมตตา เสียแรงเปล่าที่เป็นห่วงเธอตลอดทั้งคืน ไม่คิดเลยว่ายังกล้ารังเกียจที่นอนเหม็นของเขา!
เขาอาบน้ำแล้ว ครึ่งเดือนเปลี่ยนผ้าปูที่นอนหนึ่งครั้ง เปลี่ยนผ้าห่มเดือนละครั้ง หอมฟุ้ง แล้วจะเหม็นได้อย่างไร?
อู่เหมยพอเห็นสีหน้าของสยงมู่มู่ ก็รู้ว่าเจ้าคนนี้อึดอัดใจ ก็อดหัวเราะปนร้องไห้ไม่ได้ จ้าวอิงหนานรังเกียจลูกชายตัวเองจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเธอก็ไม่ได้สนใจเลย
เหยียนหมิงซุ่นเห็นท่าทางของจ้าวอิงหนาน ก็ดีใจแทนอู่เหมย เขาจึงขอลากลับ
จ้าวอิงหนานถามอู่เหมยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนค่ำ อู่เหมยไม่ได้ปิดบัง อยู่ที่บ้านจ้าวอิงหนานเธอรู้สึกสบายใจมาก เธอหงุดหงิดโดยไม่รู้ตัวพลางกล่าว “หนูไม่ควรยั่วโมโหแม่ของหนู ถ้าไม่อย่างนั้นพ่อกับแม่ก็คงไม่ทะเลาะกัน พ่อก็คงไม่ได้รับบาดเจ็บ”
“พ่อของเธอได้รับบาดเจ็บไม่เกี่ยวกับเธอ แม่ของเธอเป็นโรคประสาท โถ่! เด็กน้อยคิดมากทำไม รีบไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องไปโรงเรียนนะ!”
จ้าวอิงหนานรู้สึกว่าคำพูดแย่ๆ จะพูดต่อหน้าเด็กคงไม่ค่อยดี ก็รีบถอนคำพูดทันที ปล่อยให้อู่เหมยนอนหลับ เธอเองก็กลับห้องไปกับพ่อสยง
ทันทีที่เข้าไปในห้อง จ้าวอิงหนานก็คำรามเสียงต่ำด้วยความโกรธ “เหอปี้อวิ๋น ผู้หญิงคนนี้เป็นโรคประสาทจริงๆ เธอเป็นคนคลอดลูกสาวทั้งสองคน แต่เห็นคนหนึ่งเป็นแก้วตาดวงใจ อีกคนเป็นเศษหญ้า เธอนี่สมองไม่มีหัวคิดหรือเปล่า?”
………………………………………………….