ตอนที่ 315 ถ้าเป็นลูกสาวของเราก็คงดี+ตอนที่ 316 การเกลี้ยกล่อมของอู่เยวี่ย โดย Ink Stone_Romance
ตอนที่ 315 ถ้าเป็นลูกสาวของเราก็คงดี
จ้าวอิงหนานโกรธมาก การที่เธอรับอู่เหมยเป็นลูกบุญธรรม แม้ว่าจะรู้สึกพอใจอยู่บ้าง แต่ในใจกลับรู้สึกรักเด็กคนนี้เหมือนลูกแท้ๆ แม้ว่าจะไม่สามารถปฏิบัติได้เหมือนกับมู่มู่ แต่ก็รักและเอ็นดูจริงๆ ถึงขั้นเธอก็เริ่มเป็นห่วงเรื่องสินสอดแทนอู่เหมยแล้วละสิ!
ดังนั้นลักษณะท่าทางชั่วร้ายของเหอปี้อวิ๋นที่มีต่ออู่เหมย เธอไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ ลูกที่สายเลือดสัมพันธ์กับตัวเอง แต่อย่างไรก็ควรมอบความรักและทะนุถนอมปกป้องกันบ้าง ถึงแม้จะมีความลำเอียงอยู่บ้าง แต่จะถึงขั้นโหดร้ายทารุณเหมือนกับเหอปี้อวิ๋นก็คงไม่ได้หรอกมั้ง?
จ้าวอิงหนานก่นด่าอย่างแค้นเคือง “ผู้หญิงคนนี้โหดเหี้ยมยิ่งกว่าแม่เลี้ยงอีก เหมยเหมยมีแม่แบบนี้ ช่างโชคร้ายจริงๆ!”
พ่อสยงพูดจากจิตใต้สำนึก “เหมยเหมยอาจจะไม่ใช่ลูกที่เหอปี้อวิ๋นคลอดมาละมั้ง ผมเห็นเหมยเหมยไม่เหมือนกับอู่เจิ้งซือ สองสามีภรรยานั่น แต่กลับเหมือนหลานสาวของเรามากกว่า!”
จ้าวอิงหนานสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย มีความคิดสับสนอยู่ในใจ แต่ไม่นานก็เลิกคิด เธอรู้สึกว่าตัวเองบ้าเกินไป จะเป็นไปได้อย่างไร?
เป็นไปไม่ได้แน่นอน!
หลานสาวตัวน้อยของเธอตายไปแล้ว เธอเกิดมาก็ตายทันที และน้องสะใภ้ยังเป็นคนฝังเอง หากไม่ใช่เพราะว่าปีนั้นน้องสะใภ้ได้รับความเจ็บปวดที่สูญเสียลูกเพียงลำพัง น้องสะใภ้ก็คงไม่จมอยู่กับความทุกข์ทรมานและโทษตัวเองมาสิบสองปีหรอกเป็น
“หากเป็นหลานสาวของเราจริงๆ ก็ดีสิ แต่เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ หลานสาวตัวน้อยของฉันไปเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์แล้ว!”
จ้าวอิงหนานถอนใจอย่างแผ่วเบา สีหน้าเหงาหงอย ไม่เพียงแต่ทุกข์ใจกับน้องสะใภ้เท่านั้น แต่ก็เพราะตัวเธอเอง
อย่าได้อิจฉาที่เธอมีครอบครัวที่มีชื่อเสียงเลย ถ้าหากสามารถเลือกได้ เธอยอมให้ตัวเองไปเกิดในครอบครัวธรรมดา ใช้ชีวิตเรียบง่ายจะดีกว่า
ชีวิตครอบครัวที่มีชื่อเสียงทำให้เธอทุกข์มากกว่าหวานชื่น ตอนเด็กๆ ใช้ชีวิตสงบสุขเกินไป พอครอบครัวเธอบ้านแตกสาแหรกขาดเมื่อเธอเพิ่งจะเป็นผู้ใหญ่ ถูกส่งไปอยู่คนละทิศละทาง แม้กระทั่งไม่รู้ว่าอีกฝั่งจะเป็นมีชีวิตหรือว่าตายไปแล้ว
ตอนที่ไปใช้ชีวิตที่ชนบทที่เป่ยต้าหวง ทุกวันเธอน้ำตานองหน้า รู้สึกว่าทั่วทั้งท้องฟ้าจะพังลงมา โดยปกติพ่อแม่ของเธอกับพี่น้องไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอ มีเพียงเธอคนเดียวที่ทนทุกข์ทรมานหนาวเหน็บอยู่ที่นั่น และยังมีหลายคนที่รังแกเธอ แม้กระทั่งเกือบจะ…
จ้าวอิงหนานไม่อยากหวนคิดถึงเรื่องราวที่เจ็บปวดในอดีต แต่ในช่วงเวลานั้นติดแน่นอยู่ในใจของเธอแล้ว จนกระทั่งตายไปก็ลืมไม่ได้
แม้ว่าตอนนี้ทุกคนในครอบครัวจะได้การรวมตัวกันใหม่และมีชื่อเสียงกว่าแต่ก่อน แต่จ้าวอิงหนานกลับไม่มีความสุข เกียรติยศเหล่านี้ล้วนแลกมาด้วยน้ำตาและเลือด และก็เป็นความโชคดีของครอบครัวพวกเขา ที่ผ่านช่วงลำบากมาได้
หากผ่านมาไม่ได้…
ทุกคนล้วนอิจฉาความเฟื่องฟูของเจ้าหญิง
แต่กลับไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเจ้าหญิงได้รับความเจ็บปวด แม้กระทั่งเกือบจะสูญเสียชีวิต
ก็เหมือนกับครอบครัวเธอ บนร่างกายของพ่อเธอเต็มไปด้วยเศษกระสุน เป็นของขวัญที่สงครามให้แก่เขา ปีนั้นเขาถูกกักขังไว้ กระดูกในร่างกายหักไม่รู้กี่ครั้ง จนถึงวันนี้ขาขวาก็ยังไม่งอไม่ได้ พอถึงหน้าฝนก็จะปวดมาก
และยังมีแม่เธออีกคน ร่างกายอ่อนแอ สมัยนั้นจะมีผู้หญิงแกร่งที่ไหน?
ยังมีพี่ชายสามคนของเธอและตัวเธอเอง อาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ สุดแต่ว่าจะถูกช่วงเวลานั้นทิ้งภาพสุดท้ายของพวกเขาให้โผล่เข้ามาในห้วงความคิดเป็นบ่อยครั้งแค่ไหน ราวกับเป็นของขวัญที่ช่วงเวลานั้นมอบให้ในบั้นปลายชีวิต เพื่อคอยย้ำเตือนว่ามันยังคงอยู่
เพราะเหตุนี้ ในตอนนั้นเธอถึงได้แต่งงานกับพ่อสยงผู้ชายธรรมดา และออกมาห่างไกลจากเมืองหลวงที่มีชื่อเสียง มาใช้ชีวิตธรรมดา
พ่อสยงรู้ว่าภรรยาคิดเรื่องราวที่ไม่ดีขึ้นมาอีกแล้ว รีบพูดเรื่องตลกเพื่อปลอบใจเธอทันที ไม่ง่ายเลยที่จะหยอกให้จ้าวอิงหนานหัวเราะได้ เขาเองก็โล่งใจ
แต่เขาก็ยังรู้สึกแปลกใจ อู่เหมยกับน้องเมียเขา หน้าตาเหมือนกันจริง ๆ!
………………………………………………………………………………
ตอนที่ 316 การเกลี้ยกล่อมของอู่เยวี่ย
อู่เหมยนอนบนโซฟาบ้านตระกูลสยงหนึ่งคืน เธอรู้สึกปวดคอนิดหน่อย เหมือนกับนอนตกหมอน เธออดกลั้นที่จะไม่บ่นออกมา ขณะที่กินอาหารเช้า จ้าวอิงหนานบอกให้อู่เหมยอยู่บ้านเธอต่อไป เธอให้พ่อสยงไปซื้อเตียงเหล็กอันหนึ่ง เพื่ออู่เหมยจะได้นอนที่ห้องรับแขกได้
หลังจากกินอาหารเช้าที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นเสร็จ อู่เหมยกับสยงมู่มู่ก็ไปโรงเรียนด้วยกัน เธอกลับบ้านเพื่อไปเอากระเป๋านักเรียนก่อน เธอเจอกับอู่เยวี่ย เพราะอู่เยวี่ยก็กลับมาเอากระเป๋านักเรียนเช่นกัน
อู่เยวี่ยพูดเสียงเบากับเหอปี้อวิ๋น พอเห็นเธอเดินเข้ามาก็หยุดพูด อู่เหมยเดินตรงไปที่ห้องของเธอ หยิบกระเป๋านักเรียนออกมา แล้วก็หันหน้าไปมองสองแม่ลูกอีกครั้ง
เหอปี้อวิ๋นสีหน้าไม่สู้ดีนัก หน้าขาวซีด ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้เธอนอนหลับไม่สนิท แต่อู่เยวี่ยกลับดูท่าทางไม่เลว ดูเหมือนอยู่ที่บ้านปู่ย่าอย่างเป็นสุข คุณย่าคงจะรักยายสารเลวนี่อย่างกับแก้วตาดวงใจ
“แกกลับมาทำไม? ถ้ากล้าออกไปแล้ว ชาตินี้ก็อย่ากลับมา!”
พอเห็นอู่เหมย แววตาของเหอปี้อวิ๋นก็ร้อนผ่าว เมื่อครู่อู่เยวี่ยบอกแล้วว่าอู่เจิ้งซือไม่เคยบอกให้อู่เหมยไปอยู่ที่บ้านตระกูลสยง ทั้งหมดเป็นเพราะยายตัวดีกับเหยียนหมิงซุ่นร่วมมือกันโกหกเธอ เหยียนหมิงซุ่น เด็กคนนั้นเมื่อก่อนก็ยังดูดีอยู่ แต่ตอนนี้ก็หลงยายตัวดีนี่เข้าแล้ว
อู่เหมยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “บ้านหลังนี้เป็นของคุณพ่อ ทำไมหนูจะกลับมาไม่ได้!”
เหอปิ้อวิ๋นโกรธ เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาอีกแล้ว อู่เยวี่ยรีบดึงเธอเอาไว้ ส่ายหน้าเบาๆ เหอปี้อวิ๋นถึงจำคำพูดที่อู่เยวี่ยเตือนเธอก่อนหน้านี้ เธอข่มความโกรธไว้ อู่เจิ้งซือสำคัญที่สุด ยายตัวดีนี่ค่อยจัดการทีหลัง
หลังจากอู่เหมยออกไปแล้ว อู่เยวี่ยบ่น “แม่ ทำไมแม่ถึงจำคำพูดของหนูไม่ได้? ตอนนี้ทำไมยังคิดที่จะทะเลาะกับอู่เหมย แม่ควรไปคิดให้ดีๆ ว่าจะเกลี้ยกล่อมคุณพ่อและคุณปู่คุณย่ายังไงจะดีกว่านะ!”
เหอปี้อวิ๋นใจสั่นรัวขึ้นมาทันทีพลางเอ่ย “เยวี่ยเยวี่ย พ่อของลูก เล่าทุกอย่างเลยเหรอ?”
อู่เยวี่ยพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “จะไม่พูดได้ยังไงล่ะ? พูดออกมาหมดตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว ลุงกับป้าสะใภ้ก็รู้”
“งั้น ปู่ของลูก พวกเขาว่ายังไง?” เหอปี้อวิ๋นใจคอไม่ดี
อู่เยวี่ยเล่าน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อคืนคุณย่าเป็นห่วงอู่เจิ้งซือ ไม่ค่อยเอ็นดูเธอเหมือนกับเมื่อก่อน สีหน้าเย็นชา อาหารเช้าก็ไม่ทำ หยิบเงินให้เธอไปซื้อกินเอง เทียบกับเมื่อก่อนไม่ได้เลย คุณย่าต้องไม่พอใจเหอปี้อวิ๋นแน่ๆ ถึงได้พาลโกรธเธอไปด้วย
เหอปี้อวิ๋นสำนึกผิดตั้งนานแล้ว แต่อยู่ต่อหน้าลูกสาวกลับไม่ยอมรับ
เธอพูดอย่างไม่ยอมรับ “ใครบอกให้พ่อของลูกปกป้องยายเหมยเหมยล่ะ และยังพูดแบบนั้นยั่วให้แม่โมโห ก็เลยโมโหขึ้นมาไง!”
อู่เหมยขมวดคิ้วไม่พอใจกับทัศนคติของเหอปี้อวิ๋นอย่างมาก จนถึงตอนนี้แม่ของเธอก็ยังไม่ตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ ช่างโง่สิ้นดี!
“แม่ ต่อไปนี้อยู่ต่อหน้าพ่อ แม่ห้ามด่าเหมยเหมย เวลาพ่ออยู่บ้าน แม่ก็ทำดีกับอู่เหมยหน่อยนะ เหมยเหมยตอนนี้เจ้าอารมณ์มาก พ่อก็ชอบมัน แม่ด่ามันก็จะเป็นการไม่ไว้หน้าพ่อ พ่อจะไม่โกรธได้เหรอ?” อู่เยวี่ยเกลี้ยกล่อมอย่างฝืนความรู้สึก
เหอปี้อวิ๋นสีหน้าดูไม่ดีมาก พูดอย่างไม่พอใจ “พ่อของลูก ไม่ใช่เพราะเห็นน้องสาวของลูกหน้าตาเหมือน…”
พูดได้ครึ่งเดียว เหอปี้อวิ๋นก็ไม่พูดต่อ เธอรู้สึกว่าต่อหน้าลูกสาวพูดเรื่องสมัยก่อนไม่ค่อยเหมาะสมนัก จึงไล่ให้อู่เยวี่ยไปโรงเรียน
อู่เยวี่ยกลับรู้สึกสนใจมาก เมื่อคืนนี้ตอนที่พ่อแม่ทะเลาะกัน เธอจำคำพูดเหล่านั้นได้หมด เหยียนซินหย่ากับซั่งกวนอิงหวาอะไรนั่น รู้สึกเหมือนกับว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อแม่อย่างลึกซึ้ง
“แม่ เหมยเหมยหน้าตาคล้ายเหยียนซินหย่าใช่ไหม? เธอเป็นใคร?” อู่เยวี่ยถาม
………………………………………………………………………………..