ตอนที่ 1199 น้ำพุร้อนอันอบอุ่น
“จัดเตรียมเรียบร้อยแล้วขอรับ” ข้ารับใช้ตอบเขาอย่างนอบน้อม
“เช่นนี้ก็ออกไปเถอะ ที่นี่มีคนของเราอยู่!” หวงเผยซานผงกศีรษะไปมา เขากำลังครุ่นคิดว่านายท่านทั้งสองคนทะเลาะกันมาหลายวันแล้ว คนจำนวนมากอยู่ที่นี่รบกวนพวกเขาคงจะไม่ดี หวงเผยซานจึงถ่ายทอดคำสั่งออกไปเช่นนี้
“ขอรับ!” หวงเผยซานเป็นหัวหน้าผู้ดูแล สำหรับเรื่องเหล่านี้ แน่นอนว่าเขาว่าอย่างไรก็ต้องทำตามนั้น หลังจากเหล่าข้ารับใช้เหล่านั้นขานตอบประโยคหนึ่งก็พากันออกไปจากบ่ออวี้ทัง เหลือเพียงหวงเผยซานคนเดียวที่รออยู่ภายนอก
…
ภายในบ่ออวี้ทัง
ชื่อเสียงของน้ำพุร้อนในพระราชวังแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ทันทีที่เข้ามาภายในก็สามารถมองเห็นหมอกหนาทึบที่ปกคลุมอยู่ตรงหน้าซูหลี ดูเหมือนแดนสวรรค์มิปาน
อากาศภายในอุณหภูมิสูงเกินไปแล้ว เมื่อซูหลีเข้ามาก็รับสั่งให้ข้ารับใช้ถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่ออกจากร่างของนาง
เหลือเพียงแค่ชุดกระโปรงด้านในเท่านั้น
มีเรื่องที่พบได้ยากมากที่วันนี้นางกลับสวมชุดกระโปรงสีดำ ไม่ใช่สีแดงสดอันงดงาม
ซึ่งเข้ากลับชุดสีดำที่อยู่บนร่างของฉินเย่หาน ทั้งสองคนใจตรงกันอย่างบอกไม่ถูก
ทว่าหลังจากนางถูกฉินเย่หานลากเข้ามาในบ่ออวี้ทังนี้แล้ว ก็ทำหน้าเคร่งขรึมไม่พูดไม่จา ไม่เคลื่อนไหวกระทำสิ่งใดทั้งสิ้น ไม่รู้ว่านางกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“ทำไมรึ หรือยังคิดว่าตีตัวออกจากเราอีก?” ฉินเย่หานก็ไม่สนใจนางเช่นกัน เพราะข้ารับใช้ที่อยู่โดยรอบถูกไล่ให้ออกไปหมดแล้ว เหลือเพียงพวกเขาทั้งสองที่อยู่ภายในนี้ ดังนั้นหลังจากเขาหยุดชะงักไปวูบหนึ่ง จึงยื่นมือของตนออกมาจากนั้นปลดอาภรณ์ต่อหน้าซูหลี
ซูหลี…
ขณะพูดประโยคนี้ออกมา อย่าใช้การเคลื่อนไหวเช่นนี้ประกอบจะได้หรือไม่
หากนางจำไม่ผิด พวกเขาทั้งสองคนยังไม่คืนดีกันมิใช่หรือ!?
“กระหม่อมมิบังอาจ” ซูหลีชะงักไปวูบหนึ่ง หันศีรษะของตนไปทางอื่นในทันที อีกทั้งยังไม่มองเขา
เมื่อเห็นนางทำท่าทางหลบหลีกเขาอย่างชัดเจนเช่นนี้ ฉินเย่หานกลับไม่มีท่าทีโต้ตอบอะไรมาก เพียงครู่เดียวก็ปลดอาภรณ์บนร่างออกจนหมด จากนั้นเดินไปหยุดที่ข้างกายนาง
ซูหลีรู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ ทันทีที่เงยหน้าก็พบกับหน้าอกของเขา
หน้าอกจริงๆ!
เปลือยเปล่าไม่มีอะไรปกคลุมไว้!
ซูหลี…
รสนิยมของฮ่องเต้ผู้มีพระทัยคับแคบท่านนี้นับวันยิ่งประหลาดกว่าเดิม ตอนนี้เขาต้องการจะทำอะไร ผ่านไปนานขนาดนี้ก็ไม่พูดอะไรอะไร ทันทีที่พบหน้ากันก็จะทำเรื่องพรรค์นั้นกับนางก่อนหรือ?
ซูหลีไม่มีอารมณ์ทำเรื่องพรรค์นั้นจริงๆ!
“ฝ่าบาท…” นางอยากที่ปฏิเสธต่อต้านเขา ทว่ากลับถูกฉินเย่หานจูงมือนางเดินไปที่ข้างบ่อน้ำพุร้อนที่แผ่ไอร้อนขึ้นมา
น้ำพุร้อนแห่งนี้มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นน้ำพุร้อนจากธรรมชาติ น้ำในบ่อผุดออกมาเป็นฟองสีขาว ไอร้อนพลิกตัวขึ้นมาบนผิวน้ำ
อาภรณ์บนร่างซูหลีนั้นบางมาก ทว่าหลังจากเดินเข้ามาก็มีความรู้สึกอดใจไม่ไหวอยู่บ้าง
บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ทว่าด้านข้างถูกสร้างด้วยหยกสีขาวอ่อน สร้างออกมาได้อย่างหรูหราเป็นอย่างมาก แม้แต่พื้นที่เท้าซูหลีกำลังเหยียบย่ำอยู่นั้น ล้วนทำจากหยกสีขาวอ่อน
“ฝ่าบาท!” เมื่อชำเลืองเห็นว่าตนอยู่ใกล้น้ำพุร้อนนั้นมากขึ้นทุกที ซูหลีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว อยากที่จะสลัดมือของฉินเย่หานออก
ทว่ากำลังเพียงน้อยนิดของนาง จะเป็นคู่ต่อสู้กับฉินเย่หานได้อย่างไรกัน
หากฉินเย่หานไม่ต้องการปล่อยมือ นางก็ไม่มีสลัดออกจากเขาได้ตลอดไป
“ซ่า!” ฉินเย่หานจูงมือของนางจนร่างของเขาอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน เขานั่งตัวตรงในบ่อน้ำพุร้อน ดูท่าทางของเขาแล้วประหนึ่งเซียนจากที่ใดก็มิปาน
ใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างยิ่งยวด อีกทั้งยังมีรูปร่างที่กำยำสง่างาม รวมถึงผมยาวที่เปียกชื้นอยู่เล็กน้อย
ทั้งหมดนี้มีความเย้ายวนใจจนถึงขีดสุด
ถึงแม้ว่าบัดนี้ซูหลีไม่พอใจเขาเป็นอย่างมาก ทว่าก็ยังถูกรูปโฉมเช่นนี้ทำให้หวั่นไหวในระยะประชิด!
นางแต่ก่นด่าฉินเย่หานในใจว่าปีศาจตัวร้าย!
ตอนที่ 1200 เปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็จะกลับไป!
ความเย็นชาบนใบหน้านี้ กลับหลุดไปชั้นหนึ่งโดยไม่รู้สึกตัว
หากฉินเย่หานยินยอมแล้วละก็ รูปลักษณ์ของเขานี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือสังหารอันร้ายกาจที่ไม่มีใครสู้ได้ชิ้นหนึ่ง!
“นี่ฝ่าบาททรงกระทำสิ่งใด รีบปล่อยข้านะ!” ผ่านไปพักใหญ่กว่าซูหลีจะดึงสติกลับมา นางถูกรูปลักษณ์ของเขาดึงดูดจนสูญเสียสติสัมปชัญญะไปช่วงเวลาหนึ่ง ใบหน้าของนางเห่อร้อน อยากที่ดิ้นหลุดออกจากมือของเขา
ที่สำคัญก็คือการกระทำของพวกเขาทั้งสองคนในเวลานี้ประหลาดเกินไปแล้ว!
เขาอยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ส่วนนางอยู่ที่นอกบ่อ
เขานั่งลง นางก็จำเป็นต้องนั่งลงเช่นกัน
เขายังคงดึงแขนขวาของนางอย่างรัดกุม ทำให้ร่างของนางโอนเอนไปด้านหน้าอย่างห้ามไม่ได้ ดูแล้วเกือบจะตกลงไปในบ่อน้ำพุร้อนนั่นแล้ว
ซูหลีเห็นไอร้อนที่ลอยขึ้นมาตรงหน้าจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้จะต้องแช่น้ำพุร้อน นางก็ไม่ความยินดีที่จะแช่น้ำพุร้อนทั้งที่ยังสวมอาภรณ์อยู่เช่นนี้!
คิดไม่ถึงว่า หลังจากนางพูดประโยคนี้ออกมา ฉินเย่หานจะเหลือบตาขึ้นมองนางครู่หนึ่ง เพียงแต่สายตานั้นมีความสบายใจไม่ทุกข์ร้อนอย่างบอกไม่ถูก หลังจากกวาดตามองนางอยู่หลายปราด เขาพลันเอ่ยขึ้นว่า
“ทุกคนออกไปกันหมดแล้ว เจ้าก็มาอาบน้ำให้เราซะ”
ซูหลี…
เห็นได้ชัดว่าคนที่ไล่ข้ารับใช้ทั้งหมดออกไปเมื่อครู่ก็คือเขา!
บัดนี้กลับต้องการให้นางปรนนิบัติเขาอีก!
หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่ค่อยจะถูกต้องสักเท่าไร ซูหลีอยากที่จะเหลือบตามองอย่างเอือมระอาออกมา
การเป็นฮ่องเต้ช่างดีโดยแท้ สามารถทำอะไรตามอำเภอใจโดยแท้!
“กระหม่อมไปเรียกหวงกงกงเข้ามาจะดีกว่า กระหม่อมเป็นคนเขลา กลัวว่าจะทำให้ฮ่องเต้ทรงไม่พอพระทัย!” หลังจากนางชะงักไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา จากนั้นหมุนกายเตรียมจะเดินออกไป
ใครจะรู้ว่านางยังไม่ทันยื้อฉินเย่หานขึ้นมา ก็กลับถูกเขาฉุดดึงจนล้มลงไป
“ว้าย!” ซูหลีอดไม่ได้ที่ร้องออกมาเบาๆ ทางนี้ล้วนเป็นพื้นที่ทำจากหยกสีขาวอ่อน! ไม่ใช่สิ่งที่อ่อนนุ่มอะไร ในเวลานี้กระแทกตัวลงบนพื้นจนรู้สึกเจ็บปวดไปหมดแล้ว!
นางสูดลมเย็นเข้าไปเฮือกหนึ่ง โทสะที่เดิมถูกนางควบคุมไว้ได้ ในชั่วขณะนี้พลันปะทุขึ้นมา นางเอ่ยด้วยโทสะว่า
“เจ้าทำอะไร ปล่อยข้านะ!”
ฉินเย่หานเลิกคิ้วเล็กน้อย คำพูดที่ ‘อุกอาจ’ ทั้งยังมีความอารมณ์ร้ายของนาง นี่เป็นครั้งแรกที่เปิดเผยออกมาต่อหน้าเขา
ในชั่วขณะนี้แม้ในใจของจะมีโทสะมากถึงเพียงใด ทว่ากลับถูกสภาพจิตใจของสตรีร่างเล็กผู้นี้ที่เผยออกมาอย่างเผลอไผล ทำให้โทสะทั้งหมดของเขาอันตรธานหายไป
เขาจ้องมองนาง จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้าไม่ให้ไป”
ซูหลีได้ยินเช่นนั้น จึงเลิกคิ้วมองไปทางเขา
ในสายตาของนางในเวลานี้ เขาเป็นทรราชที่คุ้มดีคุ้มร้าย!
ไม่ใช่กล่าวว่าฉินเย่หานเป็นฮ่องเต้ที่ดีที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์ต้าโจวมาหรือ ไยคนที่อยู่กับนางที่นี่กลับเป็นบุรุษที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ไม่พูดด้วยเหตุผลเช่นนี้!
“กระหม่อมไม่ได้พูดว่าจะไป” น้ำเสียงของนางเลวร้ายมาก
“เจ้าตั้งใจยั่วโมโหข้าหรือ” ฉินเย่หานเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง จึงเอ่ยถามประโยคนี้ออกมา
ซูหลีถูกพูดตอกหน้า นางอยากจะอ้าปากอธิบายบางอย่างออกมา ทว่าไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่ประโยคเดียว
“ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร หากเจ้าต้องการตีตัวออกหากจากข้า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” เมื่อเห็นว่านางไม่พูดอะไร เขาจึงก้มหน้าลงไปจับมือที่งามดุจหยกของนางขึ้นมา
“หึ!” หลังจากซูหลีได้ยินเขาเอ่ยคำพูดประโยคนั้นออกมา จึงอดที่จะหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ นางเหลือบตาตวัดสายตามองเขา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า
“ฝ่าบาททรงตรัสว่า บุรุษมากภรรยาเป็นเรื่องปกติ เป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่ยาวนานมิใช่หรือ กระหม่อมยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ ในเมื่อรับรองเรื่องนี้ไม่ได้ อีกทั้งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงฝ่าบาทได้ เช่นนั้นกระหม่อมควรถอยออกไปก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว!”
ทว่ากลับไม่เห็นการหลบหลีกในสายตาของนางเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังจ้องเขาตาเขม็ง
คำพูดอะไรนางก็กล้าพูดออกมาทั้งนั้น!
คำพูดในวันนี้ หากมีคนภายนอกได้ยิน เกรงว่าคนจะยิ่งด่าประณามนาง
หลักศีลธรรมจรรยานี้เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาหลายร้อยปี นางยังกล้าคัดค้าน อีกทั้งยังกล้าเอ่ยออกมา!