ตอนที่ 1201 สารภาพรักอย่างกะทันหัน
ทว่าเมื่อมองเห็นใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มที่ดื้อรั้นของนางแล้ว เขากลับไม่ได้พูดตำหนิอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว
นางช่างเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมโดยแท้ พอยอมรับได้นี่ต้องการตีตัวออกหากจากเขา
ทว่าเขาทำไม่ได้ จึงต้องพยายามใช้ทุกกลอุบายเพื่อหยุดนางไว้!
“นี่เจ้าพูดอะไรออกมา” เขาทำสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยด้วยน้ำเสียงตำหนิว่า “อ่านหนังสือมาตั้งมากมาย อ่านไปถึงท้องสุนัขหรืออย่างไร”
ทันทีที่ซูหลีได้ยินคำพูดประโยคนี้จึงแค่นยิ้มเย็นออกมา นางมองไปทางเขา ในดวงตาของนางนั้นไม่มีความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า
“ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท หนังสือที่กระหม่อมอ่านมาทั้งหมดนั้นเป็นหนังสือการปกครองแว่นแคว้น ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่สอนกระหม่อมว่า บุรุษจักต้องมีสามภรรยาสี่อนุ ทว่าสตรีจักต้องยอมรับได้ กระหม่อมเคยกล่าวว่าแล้ว กระหม่อมยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้!”
“เรื่องนี้ใครยอมรับได้ ฝ่าบาทจะไปหาผู้นั้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ!”
ใบหน้าของฉินเย่หานดำคล้ำ ดูสินางพูดอะไรออกมากัน!
เขาอยากที่จะโยนมือของนางทิ้งไป ตำหนินางสักหนึ่งคำรบ ทว่ามือเล็กในที่อยู่กำมือของเขานี้ ช่างอ่อนนิ่ม เมื่อบีบคั้นอยู่ในกำมือ กลับทำให้หัวใจของเขาอดไม่ได้จะโอนอ่อนตามไปด้วย
ในเวลานี้ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้ตัดใจปล่อยมือออกจากนางมิได้
หากหวงเผยซานเห็นภาพเหตุการณ์นี้ เกรงว่าลูกตาคงถลนจนแทบร่วงหล่นไปที่พื้น ฮ่องเต้ผู้มีพระพักตร์เยียบเย็น เย็นชาไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ พูดจากับผู้อื่นอย่างไร้อารมณ์ในอดีตพระองค์นั้นเล่า?
ไปอยู่ที่ใดเสียแล้ว
ฉินเย่หานมีความใจอ่อนก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าซูหลีเท่านั้น!
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากโดยแท้!
“เราพูดตั้งแต่เมื่อไหร่กันว่าต้องการมีสามภรรยาสี่อนุ!? เรื่องนี้เป็นอย่างไรกันแน่ เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ” เขาขมวดคิ้วและจ้องมองนาง ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดอธิบายเช่นนี้
ซูหลีสะอึกไป เขานั้นสะอาดปราศจากราคีอย่างแท้จริง
คำพูดนี้นางไม่อาจคัดค้านได้
ฉินเย่หานชำเลืองมองเห็นนางไม่พูดอะไรออกมา เขาจึงส่งเสียงไม่พอใจออกมาแล้วเอ่ยว่า “โทสะของเจ้านับวันยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ เราแค่ต้องการนำสาวใช้ข้างกายเจ้ามอบให้คนอื่น เจ้าก็ก่อความวุ่นวายและจะหนีเราไป!”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเขาพลันฉายแววเยียบเย็นขึ้นมาในทันที ดวงตาที่จ้องมองซูหลีอยู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา
“…ฝ่าบาททรงไม่มีเหตุผล!” เมื่อซูหลีถูกเขาจ้องมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงมีความรู้สึกหวาดหวั่นผุดขึ้นมาในใจ
จะว่าไปแล้วเรื่องของพวกเขาทั้งสองคน ฉินเย่หานไม่เคยกระทำเรื่องไม่ดีต่อนางเลยสักครั้ง แม้แต่สตรีที่อยู่ข้างกายเขา เขาล้วนปฏิบัติต่อสตรีเหล่านั้นอย่างเถรตรงและเด็ดขาด
ทว่านางกลับทะเลาะกับเขาเพราะเรื่องของเย่ว์ลั่ว…
ทว่านางรับท่าทางที่ไม่ตกเป็นที่สงสัยนั่นของเขาไม่ได้
อีกทั้งมีเรื่องที่เขาต้องเลือกระหว่างนางกับจี้เหิงหราน เมื่อคิดถึงตรงนี้ เอวของนางก็เหยียดตรงขึ้นมาอีกครั้ง
“ทูลฝ่าบาท ข้าจำได้ว่าข้าพูดอย่างชัดเจนแล้วว่า ข้าคนนี้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น จี้เหิงหรานเคยหมายจะเอาชีวิตข้า บัดนี้ข้าไม่จัดการกับเขาก็ถือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว นี่ท่านยังต้องการให้ข้ายกเย่ว์ลั่วให้แต่งไปเป็นอนุของเขาอีกหรือ นี่เป็นเรื่องที่ข้าทนไม่ได้!”
นางไม่แม้แต่จะแทนตนเองว่า ‘กระหม่อม’ และแทนตนเองว่าข้าเสียเลย
ทว่าเรื่องนี้ฉินเย่หานกลับไม่ใส่ใจ มีเพียงแค่ยามที่นางเอ่ยถึงจี้เหิงหรานเท่านั้น ที่ดวงตาของเขาพลันเข้มขึ้นทันใด
“ซูหลี เจ้าเห็นเราเป็นสิ่งใดกัน”เขามองนางด้วยสายตาเย็นยะเยียบ และถามออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา
ซูหลีไม่คิดว่าเขาจะถามประโยคเช่นนี้ออกมา สีหน้าของนางชะงักค้างไปเล็กน้อย จากนั้นขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ยังไม่ทันได้รับคำตอบจากนาง ฉินเย่หานมองนางตาไม่กะพริบ พลันเอ่นขึ้นว่า “เราชอบเจ้า”
ตุบ!
ในชั่วขณะนี้จังหวะการเต้นของหัวใจซูหลีพลันเต้นผิดปกติไปหมด
นางเงยหน้าขึ้นทันที มองไปทางเขาด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
เรื่องของพวกเขาทั้งสองคนตั้งแต่แรกกระทั่งพัวพันจนถึงบัดนี้ เขาไม่เคยเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมา แม้ในใจของซูหลีจะรับรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง
ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับการสารภาพรักอย่างกะทันหันของเขาแล้ว นางก็อดหวั่นไหวไม่ได้
นางไม่กล้าแม้กระทั่งจะเงยหน้าขึ้นมองเขา
ตอนที่ 1202 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
“เจ้าเป็นสตรีของข้า” เขาก็ละทิ้งคำแทนตนเองว่า ‘เรา’ เช่นกัน เขาเพียงจ้องมองที่ดวงตาของนาง ทำให้ไม่อาจหลบสายตาได้
“เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุด” เขาชะงักไปวูบหนึ่ง ในดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นพลันทอประกายออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้าเล่า เป็นเช่นนี้หรือไม่”
ซูหลี…
พวกเขาไม่ใช่กำลังทะเลาะกันอยู่หรือ อยู่ดีๆไยเปลี่ยนเป็นการสารภาพรักซึ่งกันและกันเช่นนี้ได้
ทว่าหัวใจของนางกลับถูกคำพูดง่ายๆไม่กี่ประโยคของเขาทำให้สับสนไปหมด สมองที่มีสติสัมปชัญญะและปลอดโปร่งมาโดยตลอด ในเวลานี้ประหนึ่งกำลังผูกเป็นปมมิปาน ทำให้นางไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจนได้
“ในเมื่อชอบข้า ก็ควรจะเชื่อใจข้า” ท่าทีของนางล้วนอยู่ในสายตาของฉินเย่หาน เขาไม่ต้องการบีบบังคับให้นางพูดเช่นนี้ออกมา ทว่าในวันนี้มีบางเรื่องที่ต้องพูดออกมาให้ชัดเจน
“เจ้าบอกข้ามาเถิดว่า สาเหตุที่ทำให้เจ้าไม่ชอบจี้เหิงหรานคืออะไรกันแน่” ฉินเย่หานมองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นจึงเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมา
ซูหลีอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย นางเหลือบตาขึ้นมองทางเขา ทว่าเมื่อพบกับนัยน์ตาราวกับมีหมึกสีดำที่เข้มข้นอยู่มิปาน สายตาของเขานี้คล้ายดั่งจะโอบล้อมนางไว้ทั้งร่าง
ติ๊งๆ!
ติ๊งๆ!
โดยรอบตกอยู่ในความเงียบงัน ซูหลีประสานตาเข้ากับฉินเย่หานเช่นนี้ สีหน้านางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าท้ายที่สุดนางก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรออกมา
ฉินเย่หานเห็นท่าทางของนางเช่นนี้ ความเย็นยะเยียบที่มลายหายไปจากใบหน้าเมื่อครู่ ในชั่วขณะนี้พลันแผ่ซ่านบนใบหน้าเขาอีกครา
เขาปล่อยมือซูหลีออกโดยทันที
เมื่อครู่มือข้างนี้ถูกเขาจับกุมตามอำเภอใจ บัดนี้จู่ๆเขาก็ปล่อยมือเช่นนี้ กลับทำให้ซูหลีรู้สึกไม่ชินเท่าไหร่นัก
ซูหลีหยุดชะงักไปวูบหนึ่ง จากนั้นก้มศีรษะลงไม่สบตาเขาอีก
“ซูหลี เจ้าไม่เชื่อใจข้า” นี่เป็นประโยคยืนยัน ซูหลีรู้สึกได้ว่าสายตาที่เย็นยะเยียบของเขานั้นจ้องมองตามนางอย่างกระชั้นชิด
นางหลับตาลง ในใจนางอยากที่จะพูดอธิบายออกมา ทว่าไม่รู้ว่าควรเริ่มตั้งแต่ตรงไหนดี
เรื่องสกุลหลี่ หากนางพูดออกไปแล้ว เขาจะเชื่อหรือ
อีกทั้งนางยิ่งไม่แน่ใจว่า ความชื่นชอบของเขานั้นจะสามารถทำให้เขาเลือกระหว่างสกุลจี้กับนางได้หรือไม่
เพราะความไม่แน่ใจจึงทำให้นางเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมา
“ฝ่า…” หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง บรรยากาศกดดันกว่าเดิม ซูหลีจึงอ้าปากต้องการจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
ทว่าในเวลานี้สถานการณ์กลับเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด!
“ขวับ!” เสียงดังที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ซูหลีที่เผชิญหน้ากับฉินเย่หานจึงเห็นเพียงแค่สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา หลังจากนั้นเขายื่นมือดึงนางมาปกป้องไว้ด้านหลังโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น
ในขณะที่นางยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ร่างของนางก็แนบสนิทกับแผ่นอกของเขาแล้ว ทว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ซูหลีจึงไม่มีกะจิตกะใจจะคิดถึงภาพที่งดงามตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย นางแหงนศีรษะขึ้นอย่างรีบร้อน กลับพบว่าบริเวณที่นางนั่งอยู่เมื่อครู่นี้พลันปรากฏชายชุดดำผู้หนึ่งอย่างไม่มีที่มาที่ไป
ในมือของคนผู้นี้กำดาบยาวเล่มหนึ่งเอาไว้ ดาบเล่มนั้นปลายเรียวแหลม ปรากฏใบหน้าที่ตื่นตระหนกของซูหลีเป็นเงาสะท้อนที่บนดาบ
“นะ นี่คือ?” ซูหลีเบิกตากว้าง สีหน้าไม่น่าดูสักเท่าไร
“อย่าขยับ” สีหน้าของฉินเย่หานเยียบเย็นมาก เขาเพียงคุ้มกันนางเอาไว้อย่างแน่นหนาที่ด้านหลังของตนเอง
“ทหาร มีมือสัง…” แม้ซูหลีโง่เขลาถึงเพียง ก็เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้านี้ดี นางตะลึงงันไปครู่หนึ่งก่อน จากนั้นต้องการที่จะส่งเสียงเรียกคนที่อยู่ภายนอกให้เข้ามา
คิดไม่ถึงว่า นางยังไม่ทันจะพูดจบก็ได้ยินเสียงหลายเสียงดังขึ้นโดยแท้ ทันทีที่ซูหลีหันศีรษะกลับไปก็พบกลับชายชุดดำจำนวนมาก! อีกทั้งยังถือดาบเล่มยาวเอาไว้เหมือนกับชายชุดดำที่ปรากฏตัวคนแรก!
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเป็นอย่าง ทว่าคนเหล่านั้นกลับไม่ให้โอกาสพวกเขาไหวตัวเลยแม้แต่น้อย เพียงกระโจนเข้ามาในบ่อน้ำพุร้อนในชั่วพริบตา!