ตอนที่ 1203 กระโจนเข้าหาฉินเย่หาน / ตอนที่ 1204 ได้รับบาดเจ็บ

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 1203 กระโจนเข้าหาฉินเย่หาน

 

 

“อั้นอี!” สีหน้าของฉินเย่หานเข้มขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ส่งเสียงก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าเขากับซูหลีอย่างรวดเร็ว

 

 

นั่นก็คืออั้นอีที่ซูหลีมีวาสนาเคยพบหน้าครั้งหนึ่ง

 

 

“นายท่าน!” อั้นอีหันศีรษะกลับมาเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบา

 

 

ทว่าในชั่วขณะนี้ดาบในมือของชายชุดดำเหล่านั้นก็พุ่งเป้ามาทางพวกเขาแล้ว!

 

 

“คุ้มกันนางให้ดี!” ฉินเย่หานที่มีสีหน้าเยียบเย็นผลักซูหลีไปไว้ข้างกายอั้นอี!

 

 

“ฝ่าบาท!” สีหน้าของซูหลีดูย่ำแย่เป็นอย่างมาก ในใจนางยังตื่นตระหนก ทว่ากลับหยิกตนเองครั้งหนึ่ง เพื่อควบคุมในตนเองต้องตื่นตัวเอาไว้!

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ!” อั้นอีขานรับ เขาดึงซูหลีขึ้นมาจากบ่อน้ำพุร้อนและนำร่างของนางปกป้องไว้ที่ด้านหลังของตนเอง

 

 

ส่วนซูหลีก็ได้แต่เบิกตามองดาบของชายชุดดำสิบกว่าคนที่พุ่งเป้าไปที่ฉินเย่หานที่อยู่ในบ่อ…สีเลือดบนใบหน้าซีดเผือด เป้าหมายของคนเหล่านี้ไม่ใช่นาง แต่เป็นฉินเย่หาน!

 

 

“นายท่าน รับดาบ!” สุดท้ายแล้วก็เป็นอั้นอีที่มีปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไว เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ส่งดาบคู่กายของตนให้ฉินเย่หานอย่างรวดเร็ว

 

 

“เคร้ง!” เพียงได้ยินเสียงดังขึ้นกลางอากาศ ร่างของฉินเย่หานลุกขึ้นจากบ่อน้ำพุร้อน ยื่นมือรับดาบที่อั้นอีส่งมาให้ จากนั้นจึงต่อสู้อยู่กับกลุ่มชายชุดดำเหล่านั้น

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหลีพบว่า พลังยุทธ์ของฉินเย่หานไม่อ่อนแอเลยสักนิด อีกทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับคนจำนวนมากแล้ว ดูเหมือนจะดีกว่าผู้อื่นอีก

 

 

ทว่าไม่ว่าจะเก่งกาจอย่างไร เมื่อต่อสู้กับคนสิบกว่าคน นั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้พละกำลังมหาศาล!

 

 

แม้ซูหลีจะไม่เข้าใจเรื่องพลังยุทธ์ ทว่านางก็พอจะทราบว่าชายชุดดำเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ฝึกฝนมาเป็นเวลานาน

 

 

“อั้นอี! เจ้าไม่ต้องสนใจข้า! ไปช่วยฝ่าบาทก่อน!” นางไม่ใส่ใจอะไรให้มากความ เพียงหันศีรษะไปอย่างรนรานและเอ่ยกับอั้นอี

 

 

ในดวงตาของอั้นอีมีความลังเลอยู่บ้าง ในเวลานี้มองสถานการณ์นี้แล้วฉินเย่หานไม่น่าจะเสียเปรียบ ทว่าอีกฝ่ายมีคนจำนวนมาก หากมีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นกับฝ่าบาทสักนิดแล้วละก็…

 

 

“เร็วเข้า! หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง!” ซูหลีกลับไม่ครุ่นคิดอะไรมากนัก นางเพียงผลักเขาออกไป

 

 

“เช่นนั้นใต้เท้าซู ท่านหาที่หลบด้วยเถิด!” ท้ายที่สุดอั้นอีก็ผงกศีรษะ หันไปตอบซูหลีเสียงเบา

 

 

ซูหลีผงกศีรษะติดต่อกัน นางช่วยอะไรพวกเขาไม่ได้ จึงต้องหลบซ่อนให้ดี สร้างความลำบากให้น้อย ก็ถือว่าเป็นการช่วยเหลือแล้ว!

 

 

ทันทีที่นางเห็นอั้นอีกระโดดออกไป ซูหลีก็รีบเข้าไปหลบที่ด้านข้าง นางหดตัวหลบอยู่ข้างโต๊ะไม้สีแดงที่อยู่ข้างบ่อน้ำพุร้อน อาศัยโต๊ะในการอำพรางร่างของตนไว้

 

 

ทว่าหัวใจของนางยังคงเต้นตึกตักตลอดเวลา เมื่อได้ยินเสียงปะทะกันจากภายนอก ยิ่งทำให้ยากที่จะสงบนิ่งได้

 

 

นางอยากจะแหงนศีรษะขึ้นมองสภาพการต่อสู้เบื้องหน้า ทว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็พบชายชุดดำคนหนึ่งที่ค่อยๆเข้ามาหานาง ดาบเล่มยาวในมือชี้มาที่ลำคอของนาง จากนั้นเขาใช้แรงวาดดาบ…

 

 

“ซูหลี!” ในขณะนี้ซูหลียังตอบสนองไม่ทัน นางได้ยินเพียงเสียงของฉินเย่หานที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นภาพตรงหน้าก็ลายตาไปหมด ทั้งร่างของนางถูกดึงเข้ามาในอ้อมกอด

 

 

“สวบ!” เสียงดาบที่ฟันเข้าไปในผิวหนังดังขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินถึงกับขนลุกซู่!

 

 

“ฝ่าบาท!” สีหน้าของซูหลีปลี่ยนไปถนัดตา นางเหลือบตาขึ้นมองฉินเย่หานกอดนางเอาไว้แน่น ในดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

 

 

ทันทีที่เห็นเลือดสีแดงซึมออกมาจากแขนของฉินเย่หาน ก็ปรากฏบาดแผลลึกเป็นอย่างมาก!

 

 

“ซ่อนตัวเอาไว้ให้ดี อย่าออกมา!” ฉินเย่หานเพียงตรวจสอบดูว่าร่างของนางไม่มีบาดแผลก็ปล่อยมือนางออก สั่งให้นางซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะไม้สีแดงตัวนั้น จากนั้นจึงปะทะกับชายชุดดำจากทางด้านหลังของตนอีกครั้ง

 

 

ซูหลีซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง นางอยากออกไปดูบาดแผลของเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทว่าก็กลัวว่าหากตนโผล่ศีรษะออกไปมอง จะกลายเป็นภาระให้กับเขาอีกครั้ง!

 

 

นางจึงทำได้เพียงซ่อนตัวหลบอยู่ใต้โต๊ะตัวนี้ รอคอยเขาด้วยร่างกายสั่นเทิ้ม

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 1204 ได้รับบาดเจ็บ

 

 

การรอคอยเช่นนี้ยิ่งเป็นเหมือนความทรมานอย่างหนึ่ง ความอดกลั้นของนางค่อยๆถูกแผดเผาไปทีละนิด!

 

 

ในชั่วขณะนี้เดิมซูหลีควรกำลังครุ่นคิดเรื่องมากมายอยู่ ทว่าในสมองนางพลันขาวโพลนว่างเปล่า

 

 

นางทำได้เพียงดึงอาภรณ์ที่เปียกชื้นบนร่างของตนและหลับตาลง พยายามทำให้ตนเองสงบสติลง

 

 

จะไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรเกิดขึ้น!

 

 

ข้างกายฉินเย่หานมีบุคคลที่มีฝีมือโดดเด่นกว่าใครมากเสียขนาดนั้น เพียงแค่องครักษ์ลับที่เคยอยู่ข้างกายนางก็เก่งกาจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีอั้นอี พลังยุทธ์ของฉินเย่หานเองก็ไม่เลวนัก

 

 

ชายชุดดำเหล่านี้ต้องการทำร้ายฉินเย่หาน เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ยากมาก

 

 

ทว่าเมื่อคิดถึงตรงนี้ ทันทีที่หลับตาก็ปรากฏภาพบาดแผลที่มีเลือดไหลชุ่มของฉินเย่หาน

 

 

นางกัดริมฝีปากล่าง ในเวลานั้นเดิมคนผู้นั้นพุ่งเป้ามาที่ลำคอของนาง…

 

 

“เคร้ง!”

 

 

“ปัง!” ด้านนอกพลันมีเสียงดังมากดังขึ้นระลอกหนึ่ง จากนั้นก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดอย่างประหลาด

 

 

ซูหลีพลันลืมตาขึ้น นี่จบเรื่องแล้วหรือ หรือว่า…

 

 

นางหยุดชะงักไปวูบหนึ่ง ขณะที่นางรวบรวมความกล้าทั้งหมดเตรียมกัดฟันถลันออกไป ทันใดนั้นกลับเห็นมือข้างหนึ่งปรากฏต่อหน้านาง

 

 

“ตุบ” ซูหลีขดตัวลง ดวงตาของนางสั่นระริกอย่างรุนแรง ขณะที่กำลังคิดจะพูดอะไรบางอย่างออกมา กลับได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยถามขึ้นว่า

 

 

“ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

 

 

เป็นฉินเย่หาน!

 

 

ลมหายใจซูหลีที่กลั้นอยู่ในลำคอพลันระบายออกไปเช่นนี้ นางถลันตัวออกมาจากใต้โต๊ะ ทันทีที่ออกมาก็เห็นศพของชายชุดดำตายเกลื่อนกลาดไปหมด

 

 

สีหน้าของซูหลีเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทว่าก็เพียงชั่วพริบตาเดียวความสนใจทั้งหมดของนางก็แล่นไปหยุดที่บุรุษที่อยู่ด้านข้างคนนี้!

 

 

“ฝ่าบาท! ทะ ท่านทรงเป็นอย่างไรบ้าง” ซูหลีเห็นฉินเย่หานที่กุมแขนขวาของเขาเอาไว้ บาดแผลนั้นมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด

 

 

หน้าอกที่เปลือยเปล่าของเขากระเพื่อมยามหายใจเล็กน้อย หลังจากได้ยินคำพูดของนาง เขาก็เงยศีรษะขึ้นมองนางด้วยสายตาลุ่มลึก

 

 

เป็นประจวบที่นางเดินเข้ามาดูพอดี สายตาของทั้งสองคนจึงประสานกัน ซูหลีตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง

 

 

“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เขามองนางและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

 

“ฝ่าบาท!” ซูหลีนั้นถือว่าเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว ทว่าเมื่อได้ยินเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางถึงมีความรู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา

 

 

นางกลั้นน้ำตาเอาไว้อยู่นาน ต้องการจะกลั้นน้ำตาในดวงตาของตนเองไว้

 

 

“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท!” และเป็นประจวบที่หวงเผยซานนำคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างทุลักทุเล

 

 

เมื่อเห็นบาดแผลที่ยังมีเลือดไหลของฉินเย่หาน ร่างกายของเขาคล้ายดังถูกบีบที่ลำคอมิปาน เขาเอ่ยอย่างสูญเสียการควบคุมว่า

 

 

“ฝ่าบาท! พระองค์ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่!? เร็วเข้า! ทหาร ไปเรียกหมอหลวงมาเร็วเข้า!”

 

 

ซูหลีถูกเสียงที่พูดติดต่อกันเป็นพรวนของหวงเผยซานเรียกสติกลับคืนมาก นางถึงฉุกคิดถึงยาที่นางพกติดตัวมาด้วย

 

 

ขณะที่เตรียมยื่นมือหยิบขวด ก็พบว่าทั้งร่างของตนเองนั้นเปียกชื้น ในสภาพนี้ไม่ว่ายาขวดนั้นจะเก็บไว้ดีขนาดไหน ทว่ามีน้ำเข้าไปแล้วก็ไม่สามารถใช้ได้อีก

 

 

ขณะที่นางกำลังลังเลใจ ก็รู้สึกว่าร่างของตนอบอุ่นขึ้น

 

 

นางเหลือบตาขึ้นมองตามจิตใต้สำนึก กลับเห็นฉินเย่หานรับเสื้อคลุมตัวใหญ่จากมือของข้ารับใช้ คลุมลงบนร่างซูหลี

 

 

“ฝ่าบาท…” ซูหลีเอ่ยปาก ทว่าไม่รู้ว่าในเวลานี้ตนควรจะพูดอะไรออกมา

 

 

“ข้าไม่หนาว! เจ้าใส่เสื้อเอาไว้ซะ!” นางยื่นมืออยากจะถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่ออก คาดไม่ถึงว่าเมื่อยื่นมือออกมาก็ถูกเขายื้อเอาไว้

 

 

“ใส่ซะ” น้ำเสียงของเขายังคงเยียบเย็นดังเดิม ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ซูหลีกลับได้ยินความเอาใจใส่ในน้ำเสียงนั้นของเขา

 

 

“ฝ่าบาท!” มีคนอีกคนที่วิ่งเข้ามาภายในอย่างรีบร้อน