ตอนที่ 1769 วิหารเงาจันทรา (3)
หลังจากที่แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติพวกเขาก็ปล่อยให้รถม้าผ่านเข้าไปทันที
เมื่อรู้ว่าทีมที่ส่งไปร่วมงานฉลองวันเกิดกลับมาประมุขวิหารหยกวิญญาณและเหล่าผู้อาวุโสก็ออกมาที่ห้องโถงของวิหาร แต่เมื่อพวกเขาเห็นเยว่อี้และจวินอู๋เสียยืนอยู่ในห้องโถง สีหน้าของพวกเขาก็แปลกไปเล็กน้อย
สำหรับการเดินทางไปวิหารจิงหงเพื่อร่วมอวยพรวันเกิดครั้งนี้วิหารเงาจันทราได้ส่งคนออกไปไม่น้อย คิดไม่ถึงว่าตอนกลับมาจะเหลือคนอยู่แค่ 2 คน และยังกลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้สองสามวันด้วย
“เยว่อี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ชายชราที่มีหนวดเคราสีขาวคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านล่างขวาของประมุขถามขึ้น เขาขมวดคิ้วมองใบหน้าซีดขาวของเยว่อี้
เยว่อี้คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นและก้มหน้าพูดว่า “เรียนท่านประมุข เกิดเรื่องขึ้นที่วิหารจิงหงทำให้งานฉลองวันเกิดต้องหยุดกลางคัน นอกจากนั้นความโกลาหลวุ่นวายที่เกิดขึ้นได้ทำให้ศิษย์จำนวนมากบาดเจ็บ ตอนนี้มีเพียงข้าและฉางฮวนเท่านั้นที่กลับมาได้อย่างปลอดภัย”
“เกิดเรื่องที่วิหารจิงหงงั้นหรือ?เรื่องอะไร?” เหล่าผู้อาวุโสในวิหารมีสีหน้าประหลาดใจ
[งานฉลองวันเกิดกลายเป็นความหายนะได้ยังไง?]
[ไม่เพียงงานเลี้ยงวันเกิดจะจบลงก่อนเวลาเท่านั้นแต่กระทั่งศิษย์ของวิหารเงาจันทราก็ติดร่างแหไปด้วยงั้นหรือ?]
สถานการณ์ตรงหน้าทำให้ทุกคนรู้สึกสงสัยอย่างมาก
เยว่อี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวิหารจิงหงให้ทุกคนในวิหารเงาจันทราฟัง
เมื่อได้ฟังสีหน้าของทุกคนก็บิดเบี้ยวด้วยความตกใจ
“ประมุขน้อยวิหารมารโลหิตฆ่าจูเก๋ออินจริงๆหรือ?”ผู้อาวุโสเยว่ขมวดคิ้วถาม เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในสิบสองวิหาร วิหารมารโลหิตและวิหารมังกรต่างก็มีพลังที่แข็งแกร่ง ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าทั้งสองวิหารอาจจะร่วมมือกัน แต่ไม่มีใครคิดว่าหลังจากงานฉลองวันเกิดที่วิหารจิงหง เรื่องจะกลับตาลปัตรแบบนี้
“จากที่เจ้าพูดมาศิษย์ของวิหารมารโลหิตและวิหารมังกรได้วิวาทต่อสู้กันแล้วทำให้ศิษย์ของเราโดนลูกหลงไปหลายคนงั้นหรือ?” ชายชราอีกคนขมวดคิ้วมองเยว่อี้
“ขอรับ”เยว่อี้พยักหน้า
ชายชราคนนั้นหันไปมองจวินอู๋เสียที่อยู่ข้างๆ
“ฉางฮวนเจ้าพูดมาซิ”
จวินอู๋เสียรู้ทันทีว่าชายชราคนนี้อาจจะเป็นผู้อาวุโสอิ่งที่เยว่อี้เล่าให้ฟัง
“ที่ศิษย์พี่เยว่อี้เล่ามาเป็นความจริงขอรับสถานการณ์ตอนนั้นวุ่นวายโกลาหลมาก วิหารจิงหงไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่พวกเขาขอให้ทุกคนจากวิหารต่างๆกลับไปก่อน” จวินอู๋เสียตอบผู้อาวุโสอิ่งให้สอดคล้องกัน
ในใจของผู้อาวุโสอิ่งยังมีข้อสงสัยอยู่แต่ผู้อาวุโสเยว่ก็พูดขึ้นว่า “เรื่องความขัดแย้งระหว่างวิหารมารโลหิตและวิหารมังกรเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรา ในเมื่อเกิดเหตุขึ้นในพื้นที่ของวิหารจิงหง ตามหลักเหตุผลแล้ววิหารจิงหงต้องให้คำตอบแก่ทุกวิหาร ทำไมศิษย์ที่เราส่งไปร่วมอวยพรวันเกิดที่นั่นถึงได้เสียชีวิตในวิหารโดยไม่มีเหตุผลที่ดี? ข้าเห็นว่าเยว่อี้ทำดีที่สุดแล้ว และยังได้รับบาดเจ็บกลับมาด้วย ขอท่านประมุขอนุญาตให้เขาไปรักษาตัวก่อนได้หรือไม่?”
ประมุขวิหารหยกวิญญาณที่นั่งอยู่ในห้องโถงพยักหน้าเขามองจวินอู๋เสียและเยว่อี้ จากนั้นก็พูดว่า “เอาล่ะ ทางวิหารจะจัดการเรื่องต่อจากนี้เอง เจ้าสองคนไปพักผ่อนเถอะ”
จวินอู๋เสียกับเยว่อี้พยักหน้าและเดินออกไปจากห้องโถง
เยว่อี้พาจวินอู๋เสียไปที่ห้องของฉางฮวนพวกเขาพบศิษย์ของวิหารเงาจันทราระหว่างทางจำนวนมาก ตอนแรกศิษย์พวกนั้นก็เดินหัวเราะกันอยู่ แต่พอเห็นเยว่อี้กับฉางฮวน รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็จางหายไป และหลีกทางให้ราวกับพยายามหลีกเลี่ยง
เยว่อี้กับ“ฉางฮวน” ไม่ได้สนิทสนมกัน ดังนั้น หลังจากพาจวินอู๋เสียไปที่ห้องของฉางฮวนแล้ว เยว่อี้ก็จากไปทันที
ตอนที่ 1770 เยว่เย่ (1)
ภายในห้องจวินอู๋เสียกวาดตามองสำรวจห้องของฉางฮวนอย่างรวดเร็ว มันสะอาดและเป็นระเบียบมาก นางนั่งลงที่โต๊ะและเจ้าแมวดำก็กระโดดลงบนโต๊ะอย่างเงียบๆ
“ข้ารู้สึกได้ว่าท่านราชาปีศาจนั่นอยู่ใกล้ๆ”เจ้าแมวดำทำจมูกฟุดฟิด พวกจวินอู๋เหยาถูกจวินอู๋เสีย “ทอดทิ้ง” และไม่อนุญาตให้เข้ามาในวิหารเงาจันทราด้วยกัน แต่วิหารแห่งนี้ก็เหมือนกับสวนในบ้านของจวินอู๋เหยา แม้ว่าจะไม่มีใครเห็นว่าจวินอู๋เหยาอยู่ที่ไหน แต่เจ้าแมวดำก็แน่ใจอย่างที่สุดว่าจวินอู๋เหยาอยู่ไม่ไกลจากที่นี่
จวินอู๋เสียพยักหน้าแต่ในใจคิดอย่างอื่นอยู่
ก่อนมาที่วิหารเงาจันทราเยว่อี้เคยบอกว่าสุขภาพของประมุขวิหารเงาจันทราไม่ค่อยดี เมื่อกี้ที่จวินอู๋เสียอยู่ในห้องโถงของวิหาร นางได้แอบสังเกตอาการของประมุขวิหารเงาจันทราแล้ว ประมุขวิหารเงาจันทรายังไม่ถือว่าแก่มากนัก เทียบกับผู้อาวุโสหลายคนที่นั่นแล้ว เขายังถือว่าหนุ่มอยู่ แต่สีหน้าของเขาซีดขาวมาก ริมฝีปากแห้งกรัง ถุงใต้ตาดำคล้ำ แววตาว่างเปล่า ดูเหมือนจะมีอาการของโรคชี่และเลือดพร่อง ดูท่าทางไม่ค่อยสบาย
แต่จวินอู๋เสียสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติจากประสบการณ์ของนาง อาการของประมุขวิหารเงาจันทราไม่ใช่แค่สุขภาพไม่ดี แต่เหมือน……โดนวางยาพิษมากกว่า
“ชักน่าสนใจขึ้นมาแล้ววางยาพิษประมุข ผู้อาวุโสสองคนที่ภายนอกดูสงบแต่แอบสู้กันอยู่ลับๆ……วิหารเงาจันทรานี่น่าสนุกจริงๆ……” จวินอู๋เสียลูบคาง ท่าทางวิหารเงาจันทราจะไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เยว่อี้บอกนาง สิ่งที่เยว่อี้รู้ก็คงเป็นแค่สิ่งที่ผู้อาวุโสเยว่บอกเขา ถ้าผู้อาวุโสเยว่ไม่ได้บอก เยว่อี้ก็คงไม่รู้
ขณะที่จวินอู๋เสียกำลังครุ่นคิดถึงปัจจัยต่างๆที่ซ่อนอยู่ในวิหารเงาจันทราเยว่อี้ก็กลับมาถึงห้องของเขาแล้ว มองดูห้องที่คุ้นเคยอีกครั้ง สีหน้าของเยว่อี้ไม่ได้ผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย เขายืนอยู่ในห้องและไม่ได้นั่งลง หลังจากรออยู่พักหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูที่ด้านนอก
เมื่อเดินไปเปิดประตูก็เห็นศิษย์ของวิหารเงาจันทราคนหนึ่งยืนอยู่
“ศิษย์พี่เยว่อี้ผู้อาวุโสเยว่เรียกให้ไปพบ”
เยว่อี้พยักหน้าเขาชินกับเรื่องนี้แล้ว เด็กหนุ่มรีบไปที่ห้องของผู้อาวุโสเยว่โดยที่ยังไม่ได้พักผ่อนเลย
เยว่อี้ยืนอยู่นอกห้องของผู้อาวุโสเยว่มือของเขาเหงื่อออกไม่หยุด ฝันร้ายแบบไหนที่ซ่อนอยู่หลังประตูบานนี้ เขาเท่านั้นที่รู้ดี
“เย่เอ๋อร์นี่เป็นเด็กดีจริงๆ”เสียงทุ้มของผู้อาวุโสเยว่ดังมาจากด้านหลังประตู
“ท่านปู่แบบนี้สบายไหมคะ?” เสียงอ่อนโยนของเด็กผู้หญิงดังขึ้น เมื่อได้ยินเสียงนั้น เยว่อี้ก็เย็นวาบไปทั้งตัว!
เยว่อี้ผลักประตูเข้าไปทันทีและเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่มัดผมทรงซาลาเปาสองข้างนั่งอยู่บนม้านั่งเตี้ยๆ นางกำลังนวดขาให้ผู้อาวุโสเยว่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าหัวใจของเยว่อี้ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านพี่!”เมื่อเห็นเยว่อี้ปรากฏตัว ใบหน้าเล็กๆก็สดใสขึ้นทันทีพร้อมด้วยรอยยิ้มแสนหวาน นางวิ่งไปหาเยว่อี้อย่างดีอกดีใจและกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของเยว่อี้
“ท่านพี่กลับมาแล้ว!เย่เอ๋อร์คิดถึงท่านพี่ม๊ากมาก” เยว่เย่เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตกระพริบปริบๆมองเยว่อี้
เยว่เย่หน้าเหมือนเยว่อี้มากแค่ไม่มีความหล่อแบบเด็กหนุ่ม แต่กลับมีความไร้เดียงสาและสดใสของเด็กผู้หญิงแทน เมื่อร่างนั้นกระโจนเข้าสู่อ้อมแขนของเยว่อี้ เยว่อี้ก็รู้สึกเหมือนเขาได้กอดโลกทั้งใบไว้ในอ้อมแขน