บทที่ 43 ราคาสูง โดย Ink Stone_Fantasy
เวร่าเริ้มสังเกตบริเวณรอบๆ ห้องนี้อย่างละเอียด
ด้วยเป็นเวลากลางวัน แสงส่องกำลังดี เธอจึงมองเห็นทุกรายละเอียดของห้องนี้ได้ชัดเจน…แล้วฉับพลันนั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงของคนลึกลับที่อยู่ตรงหน้านี้
“คุณเวร่า ถ้าออกจากหน้าต่างทางซ้ายมือไปแล้วเป็นสนามหญ้า พอหมุนตัวกลับไปก็เป็นถนน ตอนนี้ไม่มีคนพอดี น่าจะเหมาะให้หนีจากคฤหาสน์มากที่สุดแล้ว”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร เวร่า? เวร่าคือใคร?”
เสียงที่ดังออกมาจากหน้ากากตัวตลกสุขุมเรียบเฉย เพราะว่านี่เป็นเสียงที่ผ่านเครื่องแปลงเสียงในหน้ากาก
เหมือนกับคืนนั้นเป๊ะ
วันนี้คนลึกลับคนนี้ยังคงพูดเปิดเผยตัวตนของเธอตรงๆ ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมให้ร่างกายของเธอเอียงไปทางซ้าย แต่กลับขยับไปทางขวาเล็กน้อย
“ออกไปทางขวาจะเป็นที่เลี้ยงหมาป่าของคฤหาสน์ คุณเวร่าคงคิดว่าผมกำลังหลอกคุณ?” เจ้าของสมาคมส่ายหน้าพูด “ผมไม่จำเป็นต้องหลอกคุณ”
“น่าตลกจริงๆ จะมีคนเชื่อคำพูดของคนประหลาดด้วยหรือ?”
“ก็ถูกครับ”
ลั่วชิวพยักหน้า “ตอนนี้ระหว่างเรายังไม่ถึงขั้นไว้ใจกันได้ งั้นแบบนี้เป็นไงครับ? ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันในงานประมูลครั้งนี้ เลยอยากเชิญคุณเวร่าออกไปจากที่นี่ หรือกลับไปที่ที่นั่งของคุณ และเป็นเพียงแขกธรรมดาคนหนึ่ง”
“ในเมื่อคุณพูดแล้วว่าพวกเราไม่ได้อยู่ในขั้นที่เชื่อใจกัน …” เวร่าหัวเราะเยาะ
เธอก้าวเท้าไปทางขวาทีละก้าว พร้อมกับพูดว่า “ทำไมฉันต้องทำตามความปรารถนาของคุณด้วย ทำไมคุณถึงอยากให้งานประมูลจะจัดได้ตามปกติ? คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าของคฤหาสน์นี้กันแน่? เรื่องที่พวกคุณอยากทำคืออะไรกันแน่?”
“ขอโทษครับผมบอกเรื่องพวกนี้กับคุณไม่ได้”
ลั่วชิวพูดอย่างเฉยเมยว่า “คุณเวร่าถือซะว่าผมกำลังทำบริการหลังการขายแล้วกันครับ ดังนั้นหวังว่าคุณเวร่าจะไม่ทำให้ผมต้องลำบากใจนะครับ”
“อ้อ? งั้นเหรอ? แต่ว่าฉันน่ะ เอาแต่สร้างความลำบากใจให้คนอื่นมาตั้งแต่เด็กจนโต ดังนั้น…ขอโทษนะ!”
เวร่าพูดเร็วขึ้น ในขณะที่วิ่งพุ่งไปทางหน้าต่าง สองมือผลักบานหน้าต่างออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กระโดดข้ามออกไป
ท่าทางคล่องแคล่วราวกับนักกีฬากระโดดน้ำ กระโดดลงมาจากกระดานสปริงบอร์ด
ลั่วชิวส่ายหน้ามองสาวใช้ของตัวเอง แล้วพูดอย่างแปลกใจว่า “ถ้าเมื่อกี้ฉันบอกให้เวร่าวิ่งไปทางขวา เธอว่าเวร่าจะวิ่งไปทางซ้ายหรือเปล่า?”
โยวเย่ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ฉันว่าคุณผู้หญิงคนนี้คงไม่มีอารมณ์คิดเรื่องแบบนี้แล้วมั้งคะ”
ลั่วชิวเดินไปที่ริมหน้าต่างมองลงไปแล้วพูดเสียงเบาว่า “ฉันว่าก็จริง”
…
สมควรตาย ไอ้ชั่ว ทุเรศ…ห่วย**แตก!!
เวร่าด่าสาปแช่งซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ได้
เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
เห็นชัดๆ ว่าเลือกด้านขวา อย่างนั้นก็ควรจะต้องลงพื้นอย่างสวยงาม และออกไปได้สบายๆ สิ
แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?
ทำไมที่นี่ถึงเลี้ยงหมาป่าไว้จริงๆ ล่ะ
อีกทั้งไม่ใช่ตัวเดียว…แต่เป็นฝูงหมาป่าตัวใหญ่แปดตัว
ทั้งข้างหน้าข้างหลังทั้งซ้ายและขวา เห็นได้ชัดว่าพวกหมาป่าตัวใหญ่ที่ถูกฝึกมาเข้มงวดกำลังล้อมเธอไว้แล้ว!
พอเผชิญหน้ากับหมาป่าแปดตัว เวร่าก็เหงื่อแตก ใต้หน้ากากที่ร้อนอยู่แล้วก็เริ่มเปียกชื้น บางทีการต่อกรกับหมาป่าพวกนี้อาจเป็นการรนหาที่ตายไปพร้อมกัน และยังเป็นการเปิดโปงตัวเธอเองด้วย
เธอจำต้องเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างชั้นสองที่ถูกเธอผลักออก…มองดูเจ้าทุเรศนั่นทำท่าทางเหมือนดูเรื่องสนุก เธอยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันว่าพวกเราควรจะแก้ไขความไม่เชื่อใจกันสักหน่อยไหม?”
“กลับไปเถอะ” ลั่วชิวพูดเสียงเบา
หมาป่าดุร้ายทั้งแปดตัวเปลี่ยนเป็นแมวเชื่องทันที อีกทั้งไม่เห่าสักนิด ก่อนหันตัววิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว น่าอัศจรรย์จนเวร่าเผลอหลุดพูดไปว่า “คุณเป็นคนฝึกสัตว์ในคณะละครสัตว์เหรอ?”
เจ้าของร้านลั่วกลับพูดขึ้นทันที “งานประมูลจะเริ่มแล้ว ถ้าคุณเวร่าไม่คิดจะออกไป งั้นไปร่วมงานเป็นเพื่อนผมเป็นไง?”
“ฉันมีทางเลือกด้วยเหรอ?” เวร่ายักไหล่
เธอถอดหน้ากากออกรับลม แล้วพูดว่า “ทำไมคุณถึงรู้ตัวตนของฉัน?”
“ผมว่า ถ้าเรื่องแค่นี้ยังไม่รู้ล่ะก็…”ลั่วชิวพูดเบาๆ ว่า “พวกเราก็ไม่มีคุณสมบัติรับใช้คุณเวร่าได้ ไปกันเถอะครับ ผมว่าก่อนเข้างานคุณเวร่าต้องเปลี่ยนกลับเป็นชุดเดิมเสียก่อน”
จากนั้นหน้าต่างชั้นสองฝั่งเดียวกันก็เปิดออก ตอนที่หน้าต่างเปิดออก เวร่าก็เห็นวิคก้าทำหน้าตาตื่นตกใจ
“นายกลับมาแล้ว? ไวขนาดนี้เลย?”
พอเห็นสีหน้าตกใจของวิคก้า เวร่าก็แหงนหน้ามองไปด้านบนทันที…ตอนนี้หน้าต่างชั้นบนปิดไปแล้ว
เกิดอะไรขึ้น?
เส้นทางที่เธอเพิ่งสำรวจมาก่อนหน้านี้หนึ่งวันเหมือนสับสนวุ่นวายไปหมด วกไปวนมาจนคาดไม่ถึงว่าเธอจะกลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกแล้ว?
“ข้างบนมีอะไรเหรอ?”วิคก้ายื่นหน้ามามองไปบนอาคารพร้อมกัน
เวร่าสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “กลับห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเราจะไปร่วมงานประมูลกัน”
“…”
จะว่าไป เธอออกไปทำอะไรกันแน่??
สีหน้าวิคก้าดูสับสน
เวร่าปีนเข้าหน้าต่างไป แล้วก็เดินเข้าไปในห้อง เธอเปลี่ยนเป็นชุดเดิมอย่างรวดเร็ว รูดซิปด้านหลังชุดกระโปรงไปพลาง มองดูตัวเองในกระจกไปพลาง แล้วเส้นทางในคฤหาสน์ทั้งหมดเริ่มจากทางห้องนี้ก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธออีกครั้ง
เธอคิดว่าความจำของเธอดีมาก ถึงแม้คฤหาสน์หลังนี้จะใหญ่ แต่เธอก็มั่นใจการปะติดปะต่อภาพในหัวของเธอ
เวร่าเอามือทั้งสองยันอ่างล้างมือเอาไว้ ยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ๆ กระจก
จู่ๆ ดวงตาทั้งสองของเธอก็กลายเป็นทรงกรวย…สีฟ้า
“ฉันไม่ได้เดินผิดทางสักหน่อย…แต่ทำไมสถานที่จริงกับภาพที่นึกในหัวถึงต่างกันมากขนาดนี้”
ลึกลับมากเลย…เหมือนเป็นปริศนาที่ยากที่จะแก้ได้!
โอ้! สวรรค์ในฐานะที่เป็นนักมายากล เวร่าสาบานว่าตัวเองจะต้องไขความลี้ลับในสถานที่นี้ให้ได้
ฉับพลันนั้น เธอก็รู้สึกหน้ามืด สุดท้ายก็ฟุบอยู่บนอ่างล้างมือ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ล้างหน้าล้างตา ให้จิตใจสงบลง
เธอรู้จักตัวเองดี เกรงว่าคงใช้สมองหนักเกินไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องเลิกใช้งานสมองหนักแบบนี้
แต่ตอนนี้ เธอกลับมีความคิดแปลกๆ ‘เทียบกับตัวเธอแล้ว หมอนั่นเหมือนนักมายากลมากกว่าเธออีก’
…
…
ณ ห้องที่ตกแต่งคล้ายกับวัง รูปแบบคล้ายงานเลี้ยงน้ำชา
“ขอโทษครับ ขอโทษ ผมมีเรื่องนิดหน่อย ทำให้ทุกท่านต้องรอนานเสียแล้ว”
ยูริเปิดเผยหน้าตาของตัวเองในโรงแรมไปเมื่อครั้งก่อนแล้ว แต่วันนี้ เขาก็ยังคงใส่หน้ากากครึ่งหน้าปกปิดใบหน้าเอาไว้อยู่ดี
ทว่าไม่มีคนสนใจการกระทำแบบนี้ของเขา เพราะว่ามีชายสองคนกำลังเคลื่อนสิ่งของที่คลุมด้วยผ้าสีขาวตามหลังยูริมา
หัวใจหลักของงานวันนี้…ของสิ่งนี้คืออะไรกัน เหมือนกับมีชีวิตจริงๆ เลย!
“เชื่อว่าทุกท่านจะต้องสงสัยแน่ๆ ว่าทำไมในมือผมถึงมีภาพ ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ อยู่อีกภาพหนึ่ง” ยูริมองคนในงานอยู่ครู่หนึ่ง
เขามองเห็นเจ้าของสมาคมนั่งเงียบๆ อยู่ที่มุมหนึ่ง และยังมีคนเพิ่มมาอีกสองคน แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น
เขาไม่มีเวลาครุ่นคิดเรื่องพวกนี้
วินาทีที่ผ้าขาวเปิดออก คนในงานแทบจะตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
“ไม่อยากเชื่อเลย”
ผู้ชายที่ดูมีอายุคนหนึ่งเดิมมาอยู่ด้านหน้ารูป กำลังสังเกตภาพอย่างลืมตัวด้วยแว่นขยายขนาดเล็กที่ถือไว้ในมือ
ถ้าด้านหน้านี้ไม่มีคนเฝ้าอยู่ เกรงว่าเขาคงคิดจะยื่นมือไปลูบผิวสัมผัสของมันแล้ว
“อะไรก็ปลอมกันได้ แต่มีแค่เทคนิคเดียวที่ไม่อาจหลอกคนได้…นี่คือภาพของแท้ของอีวาน นิโคล่าเยวิช’ ไม่ผิดแน่! ผมตามผลงานของเขามาเกือบจะครึ่งค่อนโลกแล้ว!! ผมดูไม่ผิดแน่นอน!”
“นี่ถึงจะเป็น ‘สุภาพสตรีนิรนาม’ ของจริง?”
“งั้นภาพที่โรงแรมเมื่อครั้งก่อน…”
“ไม่ใช่อยู่ในมือ F&C เหรอ? ทำไมตอนนี้มาปรากฏที่คฤหาสถ์ดีคาปี้? หรือว่า F&C เป็นคนของตระกูลดีคาปี้? แต่…คนที่อยู่ในโรงแรมคืนนั้น เป็นใครกันแน่?”
“สิ่งที่ผมสนใจมากกว่าก็คือ ราคาเริ่มต้นของภาพนี้คือเท่าไรกันแน่! พูดพล่ามให้น้อยๆ หน่อย วันนี้พวกเรามาเพื่อภาพนี้! ขอแค่มันเป็นของจริง เท่าไรผมก็ยินดีจ่าย!”
เอดการ์เห็นบรรยากาศในงานพอได้ที่แล้ว คราวนี้จึงลุกขึ้นยืนแล้วพูดเนิบๆ ว่า “ทุกคงทราบดีว่าภาพนี้ไม่อาจประเมินราคาได้ ดังนั้นมันมีค่าเท่าไรก็ไม่มีการกำหนดตายตัว ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้ตั้งราคาให้ หลังจากแขกคนแรกขานราคาก็จะเริ่มต้นงานประมูลอย่างเป็นทางการครับ”
คุณพ่อบ้านยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “แน่นอน คนที่ให้ราคาเหนือกว่าทุกคนได้ จะเป็นเจ้าของใหม่ของภาพล้ำค่ามีชื่อที่ตกทอดมาหลายรุ่นภาพนี้ ทุกท่านยังลังเลอะไรกันครับ?”
“ผมให้หนึ่งล้าน!”
แขกค่อนข้างอ้วนท้วนซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางก็เสนอราคามาตรงๆ ทุกสายตาหันไปหาเขาเป็นทางเดียวกัน ก่อนพูดเสริมอีกหนึ่งคำ “ยูโร…”
“คุณผู้ชายท่านนี้ให้หนึ่งล้านยูโรครับ” เอดการ์พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดอย่างเฉยเมย “ครั้งที่หนึ่ง”
“ไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก”
จู่ๆ ผู้ชายร่างใหญ่ที่อีกมุมหนึ่งก็ยืนขึ้นแล้วพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “สองร้อยห้าสิบล้านยูโร ใครให้ราคาสูงกว่านี้ก็เอาภาพไปเลย!”
คนที่ใส่หน้ากากค้างคาวสีดำ…เยฟิมนั่นเอง