ตอนที่ 510 ชอบเขาขนาดนี้ / ตอนที่ 511 ไม่ได้พูดจูงใจนาย

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 510 ชอบเขาขนาดนี้

 

 

           มั่วไป๋ถอนหายใจอย่างจนใจ เพียงหวังว่าไป๋จิ่งจะคิดได้ในเร็ววัน อย่ามายุ่งเกี่ยวกันต่อไปอีก แบบนี้จะดีกับพวกเขาทั้งคู่

 

 

           เขาพยายามกดเก็บอารมณ์ที่ไม่เป็นสุขนี้ลงไปอย่างสุดความสามารถ ผ่านค่ำคืนอันยาวนานไปเช่นนี้

 

 

           ……

 

 

           ตอนเช้าเหยียนอวีมาเยี่ยมดูมั่วไป๋ ขณะที่เดินผ่านห้องพักผู้ป่วย ก็ได้ยินเสียงไอที่พยายามกดอาการเอาไว้พอดี

 

 

           เดิมทีเขาไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่าเสียงนี้คุ้นหูอยู่ไม่เบา เหมือนตัวเองเคยได้ยินที่ไหนมาอย่างไรอย่างนั้น

 

 

           เขาชะงักฝีเท้าครู่หนึ่ง แล้วเดินไปตามเสียง

 

 

           ก็เห็นตรงทางขึ้นลงบันไดด้านข้าง ไป๋จิ่งเอามือปิดปากไออย่างหนักหน่วง

 

 

           คิดดูแล้วคือไป๋จิ่งกลัวเสียงไอตัวเองจะไปกระทบมั่วไป๋ ดังนั้นถึงได้มาหลบตรงนี้

 

 

           เหยียนอวี้ไม่ได้ไปไหน แต่ยืนพิงรออยู่ด้างข้าง

 

 

           ไป๋จิ่งไออยู่ตั้งนานสองนาน ในที่สุดก็มีอาการดีขึ้นบ้างแล้ว เขาเห็นว่าพอประมาณหนึ่งแล้ว ถึงได้หมุนตัวหันมาเตรียมเดินกลับไป

 

 

           พอหันมาก็เห็นเหยียนอวี้ยืนอยู่ข้างๆ

 

 

           เหยียนอวี้กอดอก พินิจมองเขา “เป็นหวัดจนเป็นแบบนี้แล้ว ยังจะมาทนอยู่ที่นี่อีกเหรอครับ”

 

 

           “ผมไม่เป็นไร แค่หวัดนิดหน่อยเองครับ”

 

 

           เสียงไป๋จิ่งเจือความแหบแห้ง ดูแวบแรกก็รู้ว่าปวัดเป็นเหตุ

 

 

           “คุณกลับไปพักผ่อนก่อนสักสองวันดีไหมครับ รอสองวันหายดีแล้ว ค่อยมาใหม่”        

 

 

           ไป๋จิ่งส่ายหัวโดยไม่คิดสักนิด “ไม่ต้องหรอกครับ ผมไม่เป็นอะไร ไม่จำเป็นต้องพัก”

 

 

           เหยียนอวี้เห็นนิสัยหัวแข็งแบบนั้นของเขาเหมือนมั่วไป๋ไม่มีผิด

 

 

           ทั้งสองคนหัวแข็งดื้อรั้นเหมือนวัวไม่มีผิด คนหนึ่งหนักข้อยิ่งกว่าอีกคน ดูท่าว่าถ้าพวกเขาสองคนคิดคืนดีกัน คาดว่าจะหัวแข็งใส่กันจนตายกันไปข้าง

 

 

           เขาถอนหายใจเงียบๆ “คุณชอบมั่วไป๋ขนาดนี้เชียว”

 

 

           “ครับ” ไป๋จิ่งเอ่ยขานรับ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก

 

 

           เหยียนอวี้หรี่ตาลง เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นเขาไม่พูดอะไร ก็อยากเดินผ่านเขาออกไป จู่ๆ เหยียนอวี้ก็เอ่ยปากขึ้นมา “คุณช่วยไปหยิบรายงานที่ชั้นสามหน่อยได้ไหมครับ ของมั่วไป๋”

 

 

           ไป๋จิ่งชะงักฝีเท้าพลางพยักหน้ารับ “ได้ครับ”

 

 

           เหยียนอวี้บอกตำแหน่งที่ตั้งกับเขา เขาก็เดินไปจากตรงนั้นทันที

 

 

           เขายืนอยู่ที่เดิม มองตามแผ่นหลังของไป๋จิ่งที่เดินจากไป พร้อมจะยกมุมปากขึ้นเงียบๆ

 

 

           ‘ในฐานะหมอและเพื่อนของมั่วไป๋นี่ยากจัง ไม่ใช่แค่ต้องรักษาอาการป่วย ยังต้องช่วยแก้ปัญหาเรื่องความรักอีก’

 

 

           เหยียนอวี้ส่ายหัวพลางถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะเดินตามเดินออกไป

 

 

           เขากลับไปยังห้องพักผู้ป่วย มั่วไป๋กำลังวาดรูปอยู่ เขาเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ มั่วไป๋ เห็นเขาวาดรูปด้วยท่าทางจริงจัง สีหน้าสงบนิ่งราวกับเด็กคนหนึ่ง

 

 

           เหยียนอวี้รู้ว่ามั่วไป๋ชอบไป๋จิ่ง

 

 

           ถ้าตั้งแต่เริ่มต้น เขาไม่รู้ว่าไป๋จิ่งเป็นใคร ในช่วงเวลานี้ต่อให้เขาคาดเดา เขาก็คาดเดาได้

 

 

           ไป๋จิ่งคนนี้คงจะเป็นคนคนนั้นที่มั่วไป๋กลับมาบอกเล่ากับเขา

 

 

           คนที่เดิมทีมั่วไป๋อยากแก้แค้น แต่กลับควบคุมหัวใจไม่อยู่เป็นครั้งที่สอง แล้วตกหลุมรักอีกครั้ง

 

 

           ในช่วงเวลานี้เหยียนอวี้ก็แอบสังเกตพฤติกรรมของทั้งสองคนไปด้วย

 

 

           ถ้าเป็นก่อนหน้านี้เขามีความคิดไม่เห็นด้วยกับไป๋จิ่ง แต่ตอนนี้เขากลับมีความคิดต่อไป๋จิ่งที่เปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้ว

 

 

           ถึงอย่างไรถ้าไม่ได้ชอบจริงๆ แล้วจะมาหน้าด้านหน้าทนอยู่เคียงข้างมั่วไป๋แบบไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ ทั้งสิ้นอย่างนี้ได้อย่างไรกัน

 

 

           แต่มั่วไป๋ถึงแม้ว่าปากจะบอกว่าเกลียดไป๋จิ่ง แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้นที่ไป๋จิ่งปรากฏตัวขึ้น หัวใจของเขาก็ไม่เชื่อฟังกันตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

 

 

           ไม่กี่วันมานี้เขายิ่งเห็นได้ชัดเจน มั่วไป๋กำลังดิ้นรนอยู่ในห้วงความรู้สึกที่มีต่อไป๋จิ่งด้วยตัวเขาเอง

 

 

           ใจหนึ่งต่อต้าน แต่อีกใจกลับฝืนการดึงดูดของไป๋จิ่งไม่ได้ สะกิดใจเขาจนสั่นสะท้าน

 

 

           เหยียนอวี้ไม่พูดไม่จายืนอยู่ข้างๆ มั่วไป๋ตั้งนานสองนาน มั่วไป๋เงยหน้ามองเขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ “เป็นไรไป หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ”

 

 

           เหยียนอวี้พยักหน้า “มีอะไรติดนิดหน่อย”

 

 

           มั่วไป๋ลังเลแต่กลับยังยกมือขึ้นมาลูบไปมา ใบหน้าเรียบเนียนสิวสักเม็ดก็ลูบไม่เจอ

 

 

           “หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ”

 

 

 

 

ตอนที่ 511 ไม่ได้พูดจูงใจนาย

 

 

           เหยียนอวี้นั่งลงข้างมั่วไป๋ เอ่ยอย่างจริงจัง “มีคำว่า ‘ดิ้นรน’ ติดอยู่นิดหน่อย”

 

 

         มั่วไป๋ตะลึงงัน เขาเข้าใจว่าที่เหยียนอวี้พูดคืออะไรในทันที

 

 

           “นาย นายอยากจะพูดอะไร…”

 

 

           เหยียนอวี้ถอนหายใจ “นายชอบเขาไม่ใช่เหรอ”

 

 

           มั่วไป๋กำพู่กันในมือแน่น อีกนิดจะบีบพู่กันหักคามือแล้ว

 

 

           “ไม่ใช่” มั่วไป๋เอ่ยแย้งทันควัน

 

 

           เหยียนอวี้เองก็ไม่ได้รีบร้อนจะเปิดโปงเขา แต่เอ่ยเสียงเรียบๆ แทน “เมื่อกี้ฉันผ่านทางขึ้นลงบันไดมา เจอเข้ากับไป๋จิ่งด้วย”

 

 

           มือมั่วไป๋เกร็งตัวขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ

 

 

           “อาการหวัดของเขาสาหัสมาก ถ้าฉันดูไม่ผิด คงจะไข้ขึ้นแล้ว”

 

 

           มั่วไป๋กำพู่กันอย่างหนักหน่วง ไม่พูดสักประโยค

 

 

           “ฉันให้เขากลับไปพักผ่อน เขาก็ไม่ยอมไป”

 

 

           มั่วไป๋บีบมือพยายามทำให้ตัวเองยังคงรักษาท่าทีเรียบเฉยได้ “นั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”

 

 

           เหยียนอวี้จ้องมองดู ก็ได้เห็นดวงตาที่เขาหลุบต่ำลง เจือความอยากหลบหนีอยู่ในนั้น

 

 

           “มั่วไป๋ บางครั้งการยอมรับและเข้าใจตัวเองก็ไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น…

 

 

           …จะไม่ยอมเดินต่อไปข้างหน้าอีกครั้ง เพราะก้าวพลาดครั้งหนึ่งไม่ได้”

 

 

           “นี่ ตอนนี้นายกำลังพูดจูงใจฉันอยู่เหรอ” จู่ๆ มั่วไป๋ก็เงยหน้ามองเหยียนอวี้ เสียงต่ำเอ่ยถามขึ้น

 

 

           เหยียนส่ายหัว “ฉันไม่ได้พูดจูงใจนาย ฉันก็แค่อยากให้นายปลดล็อคตัวเอง มั่วไป๋ คนเราเวลาชีวิตตกอยู่ในความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ก็มักจะไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้ยังมีความสวยงามอยู่”

 

 

           ที่ประตูมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ไป๋จิ่งยืนอยู่หน้าประตู ในมือเขาถือรายงานผลการตรวจที่เหยียนอวี้ต้องการมาด้วย

 

 

           เหยียนอวี้เห็นแบบนี้ก็ลุกขึ้นยืน เดินออกจากมั่วไป๋ ไปรับเอารายงานผลการตรวจจากไป๋จิ่ง

 

 

           ตอนที่หยิบรายงานมา เขาได้สัมผัสโดนแขนของไป๋จิ่งโดยไม่ทันระวัง ก่อนจะเดินต่อ

 

 

           เดินไปสองก้าวก็หยุดอีกครั้ง กลับไปพูดกับไป๋จิ่ง “ตอนนี้คุณไข้ขึ้นแล้ว ถ้ายังยืนยันจะไม่กลับไปพักผ่อน ก็ลงไปสั่งยาที่ชั้นหนึ่งนะครับ”

 

 

           พูดจบ เขาถึงค่อยเดินจากไป

 

 

           ไป๋จิ่งยืนอยู่หน้าประตู คิดไม่ถึงว่าจะลนลานขนาดนี้เป็นครั้งแรก เขามองมั่วไป๋แวบหนึ่ง แล้วยิ้มหัวเราะสักพัก ก่อนจะเอ่ยต่อ “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปก่อนนะ”

 

 

           มั่วไป๋จ้องมองใบหน้าเขาที่ค่อนข้างจะแดงพอสมควร คิดดูแล้วไข้ขึ้นจริงๆ

 

 

           เขาครุ่นคิด แต่กลับถูกตัวเองกดเก็บอารมณ์ ไม่ได้พูดออกไป

 

 

           “อืม” สุดท้ายเขาทำแค่เพียงเอ่ยขานรับเสียงเรียบๆ แล้วก้มหน้าวาดรูปต่อ ไม่ได้มองไป๋จิ่ง

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นท่าทีเย็นชาของเขา จิตใจก็หดหู่ลงอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ถึงหนึ่งนาที ไป๋จิ่งก็จัดการปรับอารมณ์ตัวเองได้

 

 

           เขามองมั่วไป๋อีกหลายครั้ง กว่าจะออกจากห้องพักผู้ป่วยไป

 

 

           ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินไปไกล มั่วไป๋จึงหยุดการกระทำที่แสร้งทำในมือลง

 

 

           คำพูดเมื่อครู่นี้ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา ที่จริงเขาเข้าใจทุกอย่างที่เหยียนอวี้พูดมา

 

 

           แต่ว่าบางเรื่องก็ฝังลงในใจลึกเกินไป เขาลืมได้ไม่ลงเลยสักนิด

 

 

           ต่อให้รู้ว่าตอนนี้ไป๋จิ่งชอบเขาจริงๆ เขาก็ทำเหมือนว่าเรื่องในตอนนั้นไม่เคยเกิดขึ้นแล้วมาคืนดีกับไป๋จิ่งไม่ได้

 

 

           มั่วไป๋หลับตาลง ขับไล่เงาของไป๋จิ่งที่สับสนวุ่นวายในหัวออกไปอย่างเงียบๆ

 

 

           ไป๋จิ่งรออยู่ข้างนอกสักพักหนึ่ง รู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายค่อนข้างจะผิดปกติแล้วจริงๆ เขาครุ่นคิดแล้วหันหลังเดินลงไปยังชั้นหนึ่ง

 

 

           เตรียมจะไปสั่งยาตามที่เหยียนอวี้บอก

 

 

           ไป๋จิ่งลงหลักปักฐานอยู่ที่โรงพยาบาลมานานขนาดนี้ ทั้งวันนอกจากอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยของมั่วไป๋ ก็ไปอยู่ที่สวนดอกไม้ด้านหลังโรงพยาบาลกับเขา

 

 

           เขาเดินเตร็ดเตร่วนไปทั่วชั้นหนึ่งอยู่ตั้งนาน ก็จะหาห้องจ่ายยาพบ เขาได้ยาลดไช้กับยาแก้หวัดมา

 

 

           ไป๋จิ่งซื้อน้ำขวดหนึ่ง เอายาเข้าปากแล้วดื่มน้ำตามเข้าไป

 

 

           ทำทุกอย่างนี้เสร็จ ขณะที่ไป๋จิ่งเก็บยาใส่กระเป๋ากางเกง เขาก็เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังกินเค้กอยู่ข้างๆ

 

 

           จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ เหมือนเมื่อก่อนมั่วไป๋จะชอบกินเค้กมาก