ตอนที่ 512 เซียวเย่ว์ปรากฏตัว / ตอนที่ 513 แอบจูบเขาแล้ว

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 512 เซียวเย่ว์ปรากฏตัว

 

 

           ไป๋จิ่งชะงักฝีเท้า รีบเลี้ยวออกจากโรงพยาบาล ขับรถไปหาร้านเค้กให้มั่วไป๋

 

 

           วนดูมาหลายรอบ ในที่สุดไป๋จิ่งก็เห็นร้านเค้กที่ประดับประดาอย่างสวยงามร้านหนึ่ง

 

 

           ไป๋จิ่งเดินเข้าไปซื้อเค้กชิ้นเล็กหนึ่งชิ้น แล้วซื้อของหวานอีกสองอย่าง เอากลับไปให้มั่วไป๋

 

 

           ยังจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งลูกค้าเขาส่งเค้กชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งมาให้ เดิมทีเขาเตรียมจะทิ้ง ผลสุดท้ายไม่รู้ว่าคิดถึงหลินฝานขึ้นมาได้ยังไง เพราะอย่างนี้เขาจึงเอากลับไปให้หลินฝานด้วย

 

 

           หลังจากหลินฝานเห็นเค้กนั้นแล้วก็ดีใจสุดขีด เขากินอย่างมีความสุขไม่น้อย

 

 

           ตอนนี้ไป๋จิ่งยังจำความสุขแบบนั้นของหลินฝานได้ หลินฝานคนเดิมมีความสุขแบบนั้นได้เสมอ

 

 

            แต่กลับเป็นเพราะเขา เพราะเขาขี้ขลาด ถึงได้พรากโอกาสที่หลินฝานจะมีความสุขไปจากหลินฝาน

 

 

           ไป๋จิ่งถือเค้กที่บรรจุใส่กล่องเรียบร้อยแล้ว ขับรถกลับไปยังโรงพยาบาล

 

 

           เขาจอดรถที่หน้าทางเข้าโรงพยาบาล หลังจากนั้นก็ถือเค้กลงจากรถ เตรียมจะเอาไปให้มั่วไป๋

 

 

           เดินเข้ามาในโถงใหญ่ได้ไม่ทันไหร่ ไป๋จิ่งก็ถูกเสียงแห่งความตื่นเต้นดีใจเรียกเอาไว้กะทันหัน

 

 

           เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางหันกลับไปมอง ยามที่ได้เห็นคนที่อยู่ข้างหลัง เพียงชั่วพริบตาเดียวอุณหภูมิในแววตากลับลดฮวบลงเป็นศูนย์

 

 

           ‘เซียวเย่ว์!’

 

 

           ‘คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้’

 

 

           เซียวเย่ว์ยังไม่รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของไป๋จิ่ง ดูเหมือนเธอจะดีใจมากได้เจอไป๋จิ่งที่นี่ เธอรีบเดินเข้าไปหาไป๋จิ่ง ไปอยู่ต่อหน้าเขา “เป็นคุณจริงๆ ด้วย ฉันคิดว่าฉันมองผิดไปแล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่งเก็บกดความโกรธแค้นลงไป เขามองเซียวเย่ว์ด้วยท่าทีเรียบเฉย แล้วเอ่ยขานรับ “อืม คุณอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

 

 

           เซียวเย่ว์ยิ้มพร้อมเอ่ย “พ่อฉันไม่ค่อยสบาย ท่านพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ค่ะ”

 

 

           ไป๋จิ่งหรี่ตาลง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรมากมาย

 

 

           “คุณล่ะคะ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” สายตาเซียวเย่ว์จดจ่ออยู่ที่เค้กในมือของไป๋จิ่ง

 

 

           “มีเพื่อนอยู่ที่นี่ เลยแวะเข้ามาเยี่ยมสักหน่อย” เขาถือโอกาสยกเค้กในมือขึ้นมา “มีเด็กอยู่เลยซื้อเค้กมาด้วย”

 

 

           “อย่างงี้นี่เอง ฉันยังคิดว่า…”

 

 

           ไป๋จิ่งรู้ว่าเธออยากถามอะไร จึงบอกออกไปอย่างไม่ปิดบัง “โสด”

 

 

           นัยน์ตาเซียวเย่ว์เปล่งประกายความดีใจแทบคลั่ง เธอชอบไป๋จิ่งมานานหลายปีแล้ว เพียงแต่ว่าไป๋จิ่งวางตัวกลางๆ กับเธอมาตลอด

 

 

           คิดไม่ถึงว่าจนถึงตอนนี้เขาจะยังโสดอยู่ ถ้าอย่างนั้นจะพูดได้หรือเปล่า ว่าเธอยังมีโอกาสกับไป๋จิ่งอยู่

 

 

           “คุณพอมีเวลาบ้างไหมคะ พวกเราออกไปนั่งเล่นด้วยกัน” เซียวเย่ว์ลองเอ่ยเสนอ

 

 

           ไป๋จิ่งยกมือชูเค้กขึ้นมา เอ่ยเสียงเรียบ “ตอนนี้ไม่สะดวก”

 

 

           เซียวเย่ว์ครุ่นคิดแล้วเอ่ยต่อ “เบอร์มือถือคุณยังเป็นเบอร์เดิมหรือเปล่าคะ”

 

 

           ไป๋จิ่งพยักหน้ารับ “อืม”

 

 

           “งั้นคุณรีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะติดต่อคุณมาใหม่ โอเคไหมคะ”

 

 

           “อืม” ไป๋จิ่งขานรับแล้วเอ่ยต่อ “งั้นผมขอตัวไปก่อน ให้คนรอนานเกินไปไม่ดี”

 

 

           ครั้งนี้เซียวเย่ว์ไม่ได้ขว้างเขา ปล่อยให้ไป๋จิ่งเดินออกไปเอง

 

 

           เธอยืนอยู่ที่เดิม ตอนนั้นเธอพยายามตั้งมากมาย ก็ไม่ได้ทำให้ไป๋จิ่งยอมรับในตัวเธอ เธอคิดมาเสมอว่าตัวเองกับไป๋จิ่งไม่มีวาสนาต่อกัน

 

 

           แต่คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านมานานขนาดนี้ พวกเขาจะยังมาเจอกันที่นี่ได้

 

 

           ในใจเซียวเย่ว์คิด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ต้องคว้าไป๋จิ่งมาครองให้ได้

 

 

           เธอรู้จักไป๋จิ่งมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ไป๋จิ่งไม่เคยตกหลุมรักใครที่ไหนมาก่อน มีคนเดียวเท่านั้นที่เกือบพลาดไป ซึ่งก็คือหลินฝาน

 

 

           แต่ตอนนี้หลินฝานตายไปแล้ว อีกอย่างเธอเคยจับตาดูเขามาตลอด สองปีมานี้ข้างกายไป๋จิ่งไม่เคยมีใครอื่น

 

 

           ดังนั้นขอเพียงแต่เธอพยายามขึ้นอีก บางทีไป๋จิ่งก็จะเป็นของเธอได้

 

 

           คิดได้เช่นนี้ ความอยากจะเอาชนะเปล่งประกายในแววตาของเธอ

 

 

           เดิมทีเธอใกล้จะตัดใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะได้พบไป๋จิ่งอีก

 

 

           ฟ้าเบื้องบนกำลังช่วยเธอทั้งนั้น

 

 

           ไป๋จิ่งกลับมาห้องพักผู้ป่วยของมั่วไป๋ มั่วไป๋นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ เหมือนจะผล็อยหลับไปแล้ว

 

 

           เขาลงฝีเท้าย่างเก้าอย่างช้าๆ ค่อยๆ เดินไปทีละนิดๆ แล้วมาหยุดอยู่ต่อหน้ามั่วไป๋

 

 

           

 

 

ตอนที่ 513 แอบจูบเขาแล้ว

 

 

           มั่วไป๋หลับสนิทอย่างเงียบๆ สีหน้าสงบนิ่ง ไม่รู้ว่าไป๋จิ่งเป็นอะไรไป เขายืนต่อหน้ามั่วไป๋ อดที่จะก้มตัวลงมองคนตรงหน้าไม่ได้

 

 

           เรือนผมสีดำขลับบดบังคิ้วและตาของมั่วไป๋

 

 

           ไป๋จิ่งยื่นมือไปเกลี่ยผมที่ปกหน้าผากเขาเบาๆ ออกไป

 

 

           เขามองดูมั่วไป๋ที่หลับตาแน่นสนิท อดจะก้มตัวโน้มเข้าไปใกล้ไม่ได้ เขาอยากจะจูบคนตรงหน้า

 

 

           ไป๋จิ่งคิดอย่างนี้ เขาก็จะทำอย่างนี้เช่นกัน

 

 

           เขาก้มตัวลงเล็กน้อย ประทับรอยจูบบนเปลือกตามั่วไป๋อย่างแผ่วเบา

 

 

           หัวใจไป๋จิ่งอดจะบีบคั้นไม่ได้ ริมฝีปากของเขาสั่นสะท้าน ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกห่างทีละนิดๆ

 

 

           มั่วไป๋ยังคงหลับสนิท ราวกับไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เขาทำเลยสักนิด

 

 

           แอบจูบครั้งแรกไปแล้ว ไป๋จิ่งอดใจอยากจะแอบจูบเป็นครั้งที่สองไม่ไหว ครั้งนี้สายตาของเขามาจดจ่อที่ริมฝีปากสีจางๆ ของมั่วไป๋

 

 

           ไป๋จิ่งตื่นเต้นอย่างไรชอบกล กลืนน้ำลายโดยไม่ตั้งใจ

 

 

           เขามองดูริมฝีปากของมั่วไป๋ นิ้วมือก็ชาเล็กน้อย เวลาผ่านไปนานแล้ว เขากำมือแน่น ก้มหน้าโน้มเข้าใกล้ริมฝีปากของมั่วไป๋

 

 

           เขาก้มหน้าลงสัมผัสเพียงเล็กน้อย รู้สึกว่าข้างหลังมีความรู้สึกเต็มอิ่มที่พูดไม่ออกขึ้นมา

 

 

           ไป๋จิ่งรู้สึกว่าตัวเองช่างน่าขำขันเสียจริง ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งมีความรักเป็นครั้งแรกไม่มีผิด

 

 

           คิดถึงตรงนี้ เชิดมุมปากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

 

 

           แต่เพียงครู่เดียวก็ยิ้มไม่ออกแล้ว

 

 

           ไม่รู้ว่าดวงตามั่วไป๋ที่ปิดสนิทเปิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นัยน์ตาสีจางของเขาจ้องไป๋จิ่งเขม็ง

 

 

           หัวใจไป๋จิ่งกระตุกวูบ รีบยืดตัวตรง ยืนถอยหลังไปอย่างระมัดระวัง แววตาหลบหนีโดยไม่ตั้งใจ มองมั่วไป๋ด้วยความรู้สึกที่ละอายใจอยู่ไม่น้อย

 

 

           แต่ตรงข้าม สีหน้ามั่วไป๋กลับดูสงบนิ่งอย่างยิ่ง

 

 

           เขามองไป๋จิ่งด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่พูดแม้สักคำ

 

 

           ความอึดอัดที่ทำให้คนแทบหายใจไม่ออกคุกรุ่นอยู่ระหว่างคนสองคน ไป๋จิ่งสูดหายใจเข้าลึกๆ ทำให้ตัวเองสงบลงได้โดยเร็ว

 

 

           ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนเขาไม่เคยจูบมั่วไป๋ แต่ครั้งนี้กลับทั้งนานทั้งตื่นตระหนกได้ถึงขนาดนี้

 

 

           เขาบีบมือแล้วเอ่ยปากขึ้น “ขอโทษ ผม…”

 

 

           มั่วไป๋ก็เอ่ยปากขึ้นพอดีเช่นกัน “ทำไมนายแอบจูบฉัน”

 

 

           ไป๋จิ่งเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด ทั้งเนื้อทั้งตัวหาความรู้สึกนึกคิดออกมาไม่ได้แล้ว

 

 

           เขาอ้าปากจะพูด แต่พอได้สบตามั่วไป๋ คำพูดอะไรเขาก็พูดไม่ออกแล้ว

 

 

           “ฉันต้องการคำตอบ” มั่วไป๋เอ่ยถามอีกครั้ง

 

 

           เขากดดันทุกทาง ไป๋จิ่งกัดฟัน เทหมดหน้าตักแล้วพร้อมเอ่ยเสียงดัง “เพราะว่าชอบคุณ ชอบคุณก็ต้องอยากจูบคุณเป็นธรรมดา”

 

 

           เขาร้องตะโกนจบ ทั้งห้องก็เงียบลง รู้สึกอับอายอย่างไรชอบกล

 

 

           ไป๋จิ่งพูดจบ ถึงได้ค้นพบว่าเมื่อครู่นี้ตัวเองพูดอะไรออกไป เขาแอบจูบมั่วไป๋ก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงว่าจะยังกล้าพูดคำพูดน่าขายหน้าแบบนั้นได้

 

 

           ‘น่าขายหน้าจนไปถึงบ้านยายแล้วจริงๆ’

 

 

           คำพูดดันพูดออกไปแล้ว อย่างไรก็เก็บกลับคืนมาไม่ได้อยู่ดี

 

 

           ถ้าอย่างนั้นก็ถือโอกาสมองดูมั่วไป๋เสียเลย อยากจะเห็นว่าเขาคิดจะพูดอะไร

 

 

           ถ้าเมื่อครู่ไป๋จิ่งไม่รู้สึกอายจนก้มหน้าลง ต้องความฉงนใจที่ปรากฏในแววตาสีอ่อนของมั่วไป๋อย่างแน่นอน

 

 

           มั่วไป๋ได้ยินคำพูดของไป๋จิ่ง ก็รู้สึกเพียงแค่หัวใจที่บีบคั้น ไม่ค่อยจะรู้ว่าจะแสดงท่าทีตอบสนองอย่างไร

 

 

           “ถ้าคุณรู้สึกว่าผมแอบจูบคุณ มันไม่ดี ถ้างั้น…” ไป๋จิ่งเอ่ยอย่างตื่นตระหนกลุกลี้ลุกลน “ถ้างั้นคุณจูบผมกลับก็ได้นะ”

 

 

           พูดประโยคนี้จบ ไป๋จิ่งแทบจะอดกลั้นไม่อยู่ตบหน้าตัวเองสักฉาดหนึ่งแล้ว

 

 

           ‘นี่เขากำลังพูดอะไรเรื่อยเปื่อยไปมั่วซั่วอยู่เหรอ’

 

 

           มั่วไป๋คงจะโดนความไร้สาระของไป๋จิ่งทำให้ตกใจแล้ว ตะลึงงันจนวิญญาณหลุดออกจากร่าง สุดท้ายจึงพูดออกมาคำพูดหนึ่ง “ไร้สาระ”

 

 

           ไป๋จิ่งรู้สึกว่าตัวเองเมื่อครู่นี้ เส้นประสาทในสมองต้องไม่ได้เชื่อมกันดีอย่างแน่นอน

 

 

           เขามองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็เห็นเค้กที่ตัวเองวางอยู่ด้านข้าง

 

 

           ไป๋จิ่งกลืนน้ำลาย เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “เมื่อกี้ผมไปซื้อเค้กมาให้คุณ นายอยากจะกินหน่อยไหม”