เล่มที่ 17 เล่มที่ 17 ตอนที่ 509 ผู้โดดเดี่ยวข้างสะพาน

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้าย เป้าหมายที่น่าสงสัยที่สุดก็คือหลิงเซียวจวิ้นจู่

ทว่าซูจิ่นซียังคงไม่เข้าใจ หลิงเซียวจวิ้นจู่ทราบได้อย่างไรว่าใบหน้าของนางเหมือนกับสตรีผู้นั้น?

เรื่องหลายอย่างยังดูคลุมเครือ ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่ใบหน้าอย่างชัดเจน ทว่าใบหน้านั้นกลับปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก ทำให้มองได้ไม่ชัดนัก

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ไม่ใช่เวลามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ นางต้องคิดหาวิธีนำดอกไม้ปีศาจออกจากวังหลวงให้เร็วที่สุด

ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น นางกำนัลสี่คนที่สวมเครื่องแต่งกายประจำวังหลวงก็เดินถือของจำนวนมากเข้ามา ในมือของพวกนางมีเสื้อผ้าที่คัดสรรอย่างดี และเครื่องประดับหลากหลายชนิด

พวกนางเดินเข้าประตูมาอย่างนอบน้อม

“พระชายา ต่อไปกิจวัตรประจำวันของพระองค์ มีบ่าวและคนอื่นๆ คอยปรนนิบัติ นี่เป็นฉลองพระองค์ที่มหาอุปราชรับสั่งให้พวกบ่าวจัดเตรียมให้พระชายา เป็นสิ่งที่ต้องใช้ในพระราชพิธีอภิเษกสมรสของพระองค์กับมหาอุปราชในคืนนี้ พวกบ่าวจะคอยปรนนิบัติให้พระชายาสวมใส่เพคะ! ”

เอาจริงหรือ?

ซูจิ่นซีมุมปากกระตุกอย่างแรง

แม้จะเป็นการบังคับให้แต่งงาน ก็ไม่ต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้กระมัง?

มู่หรงเฟิงคิดจะทำสิ่งใด?

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซีเข้าใจดีว่าการพูดคุยกับนางกำนัลเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อันใด ผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดยังคงเป็นมู่หรงเฟิง

“มหาอุปราชของพวกเจ้าอยู่ที่ใด? ข้าต้องการพบเขา! ”

“ทูลพระชายา ยามนี้ มหาอุปราชอยู่ที่โถงด้านหน้า กำลังเตรียมงานอภิเษกเพคะ”

“ฮ่า! ”

ซูจิ่นซียกยิ้มเย็นชา “มหาอุปราชผู้สง่างาม หากมีพระประสงค์จะจัดงานอภิเษก เหตุใดจึงดำเนินการอย่างไร้ความรอบคอบเช่นนี้? ไม่ผ่านขั้นตอนการเลือกคู่ ไม่ดูฤกษ์มงคล ไม่มีการเตรียมการล่วงหน้าหรือ? เหตุใดจึงรีบเร่งเช่นนี้? ”

เหล่านางกำนัลล้วนเป็นสตรีที่ไม่เคยออกเรือน พวกนางจะทราบเรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร? เมื่อถูกซูจิ่นซีถามเช่นนี้ แก้มของพวกนางจึงแดงระเรื่อ แต่ละคนต่างก้มศีรษะลงต่ำและไม่พูดสิ่งใด

ทว่าแม่นมผู้หนึ่งกลับเดินเข้ามาทางด้านหลังพวกนาง “ทูลพระชายามหาอุปราช บ่าวอยู่ในวังนี้มาเกือบทั้งชีวิต นับว่าเป็นคนที่เข้าใจมหาอุปราชมากที่สุด บ่าวขอบังอาจเตือนพระองค์ พระองค์ควรยอมรับ และทำตามคำสั่งของมหาอุปราชเสียเถิด!

ท่านอ๋องของพวกเราไม่เกรงกลัวสิ่งใด ไม่ต้องถามถึงเรื่องขั้นตอนการเลือกคู่ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฤกษ์มงคล ต่อให้ถามสวรรค์ ดูฤกษ์มงคล ท่านอ๋องก็ไม่สนพระทัยในสิ่งเหล่านี้! ”

ริมฝีปากของซูจิ่นซีกระตุกอย่างแรง

แม่นมผู้นั้นพูดต่ออีกครั้ง “นอกจากนั้น เป็นพระชายามหาอุปราชของพวกเราไม่ดีตรงไหน? พระองค์อย่ามองว่าราชสำนักแคว้นหนานหลียังมีฉีอ๋องและท่านแม่ทัพใหญ่จง ทว่าในช่วงเวลาสำคัญ รับสั่งของท่านอ๋องเพียงหนึ่งประโยค ฉีอ๋องและท่านแม่ทัพใหญ่จงก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้ ยังคงเป็นท่านอ๋องของพวกเราที่เป็นผู้ตัดสินพระทัย

อีกทั้ง จวนมหาอุปราชยังไม่มีพระชายาหรือพระสนมอื่น ขอเพียงพระองค์อภิเษกเข้ามา ก็จะเป็นพระชายาเอกของตำหนักแห่งนี้ จากตำแหน่งของมหาอุปราชในราชสำนัก พระองค์ก็ไม่ต่างอันใดกับฮองเฮาแห่งวังหลัง ดังนั้น! พระชายา เกิดเป็นคนควรใช้ชีวิตให้เป็นนะเพคะ! ”

ซูจิ่นซีพูดไม่ออก ทำได้เพียงเงยหน้ามองท้องฟ้า นางไม่อาจปะทะคารมชนะเหล่าแม่นมแห่งวังหลังได้ ดั้งนั้นนางจึงไม่โต้เถียงอันใด

ซูจิ่นซีไม่พูดสิ่งใดอยู่ครู่หนึ่ง นางกลอกตาไปมา ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็เปล่งประกาย นางชี้ไปที่แม่นมผู้นั้น

“ท่านก็มาปรนนิบัติข้าหรือ? ”

แม่นมผู้นั้นแย้มยิ้มราวกับบุปผา “บ่าวปรนนิบัติอยู่ข้างพระวรกายของมหาอุปราช เป็นแม่นมผู้ดูแลตำหนักจื่อเฉิน ต่อไปนี้ เรื่องของพระชายามหาอุปราช บ่าวจะดูแลราวกับเรื่องของมหาอุปราช”

“ดีมาก” ซูจิ่นซีพยักหน้า และชี้ไปที่นางกำนัลคนอื่นๆ “พวกเจ้านำสิ่งของมาให้ข้าดูอย่างละเอียด”

“ยังไม่รีบนำมาถวายให้พระชายามหาอุปราชอีก! ”

แม่นมผู้นั้นสั่งให้เหล่านางกำนัลนำสิ่งของมาถวายเบื้องหน้าซูจิ่นซี

ซูจิ่นซีมีท่าทีเรียบเฉย นิ้วมือเรียวยาวเลื่อนผ่านลวดลายบนเสื้อผ้าที่ถักทออย่างวิจิตร ในขณะที่มืออีกข้างซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ

ผ่านไปไม่นานก็เกิดเสียงดัง ‘ปึง ปึง ปัง ปัง’ แม่นมผู้นั้นและเหล่านางกำนัลต่างล้มลงบนพื้น

ซูจิ่นซีมีท่าทีเรียบเฉย นางปรบมือให้ความสำเร็จ ก่อนจะเดินออกประตูไปโดนไม่เหลียวมองผู้ที่ล้มลงบนพื้น

ทว่าทันทีที่นางเปิดประตูออกไป ชายชุดดำหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นในความมืด พวกเขาเหาะลงมาขวางอยู่เบื้องหน้านาง

“พระชายามหาอุปราช ท่านอ๋องมีรับสั่งว่า พระองค์ไม่สามารถออกจากตำหนักนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ในเมื่อซูจิ่นซีกล้าลงมือกับแม่นมและนางกำนัลที่มู่หรงเฟิงส่งมา นางย่อมคิดไว้แล้วว่าด้านนอกตำหนักจื่อเฉินต้องมีองครักษ์คอยซุ่มอยู่ ดังนั้นนางจึงคิดวิธีรับมือไว้แล้ว

“ข้าไม่ได้ออกไปไหน เพียงต้องการไป… ต้องการไปสุขา”

องครักษ์เงาหลายคนต่างมีท่าทีลำบากใจ ทว่าหัวหน้าองครักษ์กลับชาญฉลาดอย่างมาก

“พระชายา สุขาด้านนอกตำหนักจื่อเฉินอยู่ไกลสักหน่อย ทั้งยังเป็นสุขาที่พวกกระหม่อมใช้ ในตำหนักมีห้องสุขาสำหรับเจ้านาย พระองค์ใช้ห้องสุขาที่นั่นเถิด! ”

ซูจิ่นซีครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว

“ห้องสุขานั้น ข้าใช้ไม่ค่อยสะดวก”

องครักษ์มองซูจิ่นซีด้วยแววตาเฉลียวฉลาดครู่หนึ่ง จากนั้นจึงโบกมือเรียกองครักษ์เงาข้างกาย

“ไป ไปหาสุขาเคลื่อนที่มาให้พระชายามหาอุปราช”

“ขอรับ! ”

องครักษ์เงารับคำและรีบจากไปทันที ซูจิ่นซีสบถอยู่ในใจ

“พระชายามหาอุปราช เชิญกลับไปเถิด! อย่าทำให้กระหม่อมต้องลำบากใจ”

ซูจิ่นซีกัดฟันกรอด และหันหลังเดินกลับไปเงียบๆ

ทว่า ขณะที่ซูจิ่นซีก้าวเท้าเข้าประตูตำหนัก นั่นคือเวลาที่เหล่าองครักษ์เงาผ่อนคลายการเฝ้าระวัง ซูจิ่นซีหันหลังกลับและสาดผงพิษออกไปทันที

“ให้ยาพิษเป็นรางวัลแก่พวกเจ้าสักหน่อย โทษฐานที่พวกเจ้าขวางทางข้า! ”

หลังสิ้นเสียงคำพูดของนาง เหล่าองครักษ์เงาต่างล้มลงกับพื้น

นั่นไม่ใช่ยาพิษธรรมดาทั่วไป ทว่าเป็นพิษระดับหนึ่งในระบบถอนพิษ เรียกว่าพิษครึ่งก้าว

ตราบใดที่ผู้ถูกพิษเคลื่อนที่เพียงครึ่งก้าว ก็จะล้มลงทันที

ไม่เช่นนั้น ซูจิ่นซีไม่มีทางนำออกมาจัดการกับคนของมู่หรงเฟิง!

“หึ ใครบอกให้พวกเจ้าขวางทางข้า ใครใช้ให้พวกเจ้าร่วมมือบีบบังคับให้ข้าแต่งงาน หากรีบนัก พวกเจ้าก็ไปแต่งเองแล้วกัน! ”

ซูจิ่นซีเตะองครักษ์เงาไปหลายครั้งด้วยความโกรธ จากนั้นก็ปัดมือและเดินข้ามร่างของพวกเขาไปยังด้านนอกตำหนักที่มืดสลัว

ขณะที่เดินออกไป ซูจิ่นซีได้เปิดอาคมกำไลปี่อั้นและระบบถอนพิษ

นางไม่อาจจากไปมือเปล่า นางต้องนำดอกไม้ปีศาจไปด้วย

ตอนนี้ห่างจากยามจื่อไม่มากแล้ว นางต้องตามหาดอกไม้ปีศาจให้พบโดยเร็ว เมื่อคำนวณระยะเวลากลับไปยังจวนฉีอ๋องและระยะเวลาในการเตรียมยา เหลือเวลาให้นางไปเอาดอกไม้ปีศาจไม่มากนัก

ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับดอกไม้ปีศาจอยู่ในระบบถอนพิษ ทั้งดอกไม้ปีศาจยังอยู่ที่ตำหนักจื่อเฉินของมู่หรงเฟิง ดังนั้นซูจิ่นซีจึงหาเจอได้ไม่ยาก

ไม่นานนัก ซูจิ่นซีก็พบเป้าหมายที่ห้องโถงด้านข้างของตำหนักจื่อเฉิน แววตาของนางเฉียบคม นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ด้วยท่าทางมุ่งมั่น

อย่างไรก็ตาม ขณะที่ซูจิ่นซีกำลังเดินเข้าใกล้ประตูตำหนัก ด้านในตำหนักก็มีเสียงพิณดังขึ้น

เสียงพิณนั้นแผ่วเบาไพเราะและโศกเศร้า บางครั้งก็มีเสียงสูง ทว่าไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงต่ำ

ราวกับผู้บรรเลงกำลังดิ้นรนอยู่ในห้วงแห่งความเจ็บปวด

ราวกับผู้บรรเลงกำลังมองคนรักที่พลัดพรากอยู่ริมสะพานอันทอดยาว เฝ้ามองดอกปี่อั้นบานสะพรั่ง

ราวกับใครบางคนที่ลอยอยู่กลางทะเล พยายามค้นหาความหวังของชีวิต ทว่าเหลือเพียงความอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวปราศจากความรัก อยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง