ตอนที่ 591 ความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง / ตอนที่ 592 ร่วมมือชั่วครู่

เช่าท่านประธานมาปิ๊งรัก

ตอนที่ 591 ความปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริง

 

 

“เอ๋?” เสี่ยวฝูเอ๋อร์รู้สึกว่ามีคนจัดหมวกให้จากทางด้านหลัง หันไปมองอย่างงงๆก็เห็นสวีอิ๋งอิ๋งที่แม้จะใส่เสื้อบางกว่าเธอแต่ตัวดูพองกว่า

 

 

“ขอบคุณค่ะพี่สาว” เสี่ยวฝูเอ๋อร์เอ่ยขอบคุณอย่างมีมารยาท จากนั้นก็หมุนตัวกลับเว้นระยะห่างจากสวีอิ๋งอิ๋ง

 

 

ฉินจานยืนมองด้วยสายตาเยือกเย็นอยู่ข้างๆ

 

 

สวีอิ๋งอิ๋งยังคงยิ้มอยู่ พยักหน้ารับ “ทำไมไม่ไปเล่นกับพวกนั้นล่ะ”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์มองหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆกัน รูปร่างสูงโปร่งหน้าตาก็ดี น่าจะเป็นคู่ควงที่พี่เหยียนเฟิงพามา

 

 

“พวกเขาเล่นสนุกกันเกินไป ฉันกับพี่จานดูอยู่ข้างๆจะดีกว่า” เสี่ยวฝูเอ๋อร์ไม่อยากคุยกับพวกหล่อนต่อ

 

 

“พี่ตามสบายนะคะ พวกเราจะอยู่ตรงนี้กันอีกสักพัก”

 

 

สิ่งเสี่ยวฝูเอ๋อร์พูดมันชัดเจนมากว่าให้ทั้งสองฝ่ายแยกย้ายกันไปได้แล้ว สวีอิ๋งอิ๋งยังต้องทำดีกับเสี่ยวฝูเอ๋อร์ไว้ ดังนั้นจึงไม่อาจหน้าหนาแกล้งอยู่ได้ต่อ “โอเค”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์ไล่นางฟ้าอย่างหล่อนไปได้ก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “น่าเห็นใจพี่เหยียนจริงๆ”

 

 

ฉินจานกระชับเสื้อให้แน่นขึ้น สองมือกอดหน้าอก “นี่เป็นสิ่งที่เหยียนเค่อเลือกเอง ไม่ว่าใครก็ไปยุ่งไม่ได้หรอก” จากนั้นก็เอ่ยเสริมขึ้นอีกอย่างจริงจัง “ถ้าเกิดเขาเลือกเมียหน้าตาน่าเกลียดแบบนี้จริงๆล่ะก็ พี่จะแอบไปหว่านเสน่ห์ใส่ให้นายนั่นรู้สึกเสียดายไปเลย” จากนั้นก็หัวเราะอย่างสนุก

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์กระตุกแขนเสื้อของฉินจาน แล้วก็กระตุกอีกรอบ แต่ฉินจานที่กำลังหัวเราะสนุกอยู่ไม่ได้สังเกต หัวเราะส่ายหน้าไปมา

 

 

“…” เสียงของฉินจานทำให้กลุ่มที่เล่นสนุกกันอยู่ต้องหยุดลง

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อรมองฉินจานที่เหลือบไปเห็นซูอี้แต่ยังไม่ทันได้ตั้งสติก็หล่อนถูกพี่ซูอุ้มท่าเจ้าหญิงกลับไปแล้ว

 

 

เหยียนเค่อถือดอกไม้ฟังอยู่ในมือเอ่ยถามฉินซื่อหลานอย่างไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้น”

 

 

สวีอันหรานอมยิ้มอย่างมีเลศนัย “ซูอี้น่าจะอยากมีลูกเร็วขึ้นแล้ว”

 

 

เซ่าหมิงฟ่านยืนอยู่ข้างๆไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร ยืนถือดอกไม้ไฟสองอันโบกไปมาอย่างเบาๆ

 

 

ฉินซื่อหลานก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จึงกวักมือเรียกเสี่ยวฝูเอ๋อร์เข้ามาหา “พี่จานของเราก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว”

 

 

“เอ่อ” เสี่ยวฝูเอ๋อร์รู้สึกปากหนักๆ มองไปยังกลุ่มผู้ชายที่ดูกระหายใคร่อยากจะรู้จากนั้นก็ค่อยๆเรียบเรียงคำพูด

 

 

“พี่จานอยากจะแอบคุยลับๆกับพี่เหยียน ก็เลย…”

 

 

คนที่อยู่ๆก็ถูกเอ่ยถึงอย่างเหยียนเค่อรู้สึกพูดไม่ออก “ฉินจานยายผู้หญิงคนนี้นี่วันๆคิดอะไรอยู่นะ”

 

 

“คิดถึงนายไง” ฉินซื่อหลานสนุกบนความทุกข์คนอื่น “ซูอี้น่าจะโมโหจนแทบบ้าอยู่แล้ว”

 

 

เสี่ยวฝูเอ๋อร์เบ้ปาก “เมื่อกี้คุณหนูสวีเดินมาทางนี้ด้วย”

 

 

พวกเหยียนเค่อเห็นหมดแล้ว แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

 

 

“หล่อนคลุกอยู่แต่กับคู่ควงที่เหยียนเฟิงพามา คนอื่นมองก็คงเห็นว่าคู่สะใภ้ของพี่น้องเข้ากันได้ดี แต่ว่าจริงๆในใจหล่อนคงหาวิธีกำจัดคู่ควงคนนั้นอยู่แน่ๆ” ฉินซื่อหลานวิเคราะห์อย่างแม่นยำ

 

 

“นายถามอีกคนหรือยังว่าอยากเป็นคู่สะใภ้กับหล่อนหรือเปล่า” เซ่าหมิงฟ่าเห็นเหยียนเค่อสีหน้าไม่ดีเลยรีบเอ่ยแทรกบรรยากาศ

 

 

สวีอันหรานเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว จึงทิ้งดอกไม้ไฟลงบนพื้นแล้วขยี้ให้ไฟมอด “พวกเรารีบเข้าไปเถอะ ใกล้เริ่มงานแล้ว”

 

 

ฉินซื่อหลานจูงเสี่ยวฝูเอ๋อร์ไปให้เว้นระยะห่างจากเหยียนเค่อ “พี่ช่วยเธอกันคนอันตรายแบบเหยียนเค่อให้”

 

 

เหยียนเค่อมองคนไม่ปกติอย่างฉินซื่อหลานแวบหนึ่ง ยิ้มเย็นจากนั้นก็เดินนำหน้าเข้างานไป

 

 

เหยียนเฟิงที่ยืนมองเหตุการณ์ทุกอย่างของเหยียนเค่ออยู่ทางด้านบนก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก กลายเป็นหลี่หมิงฉวีที่มีปฏิกิริยาแทน

 

 

“เหยียนเค่อนี่ใจใหญ่จริงๆ”

 

 

“ตอนนี้ฝ่ายที่อ่อนแอกว่าคือพวกเราไม่ใช่มัน มันก็ไม่แปลกหรอก” ถึงแม้เฉิงนั่วจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ต้องสาดน้ำเย็นกระตุ้นตัวเองเสียบ้าง

 

 

“ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำอะไรก็ต้องทำในนามคนอื่น สรุปต้องการจะทำอะไรกันแน่”คุณชายใหญ่ตระกูลฉู่บ่นอย่างไม่พอใจ

 

 

เฉิงนั่วหัวเราะ “สวีอันหรานก็เหมือนกัน น้องสาวฉันนี่ก็เป็นบ้าอยู่แล้ว ไม่อายอะไรเลยเข้าไปยุ่งกับมันอยู่ได้”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 592 ร่วมมือชั่วครู่

 

 

เหยียนเฟิงฟังพวกที่เหลือคุยกันอย่างไม่ออกความเห็น พอเห็นว่าพวกด้านล่างเข้าไปในงานกันหมดแล้วเลยเอ่ยเรียกให้ทั้งหมดเข้าไปด้านในเพื่อรองานเริ่ม

 

 

“วันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรเลย” อย่างน้อยเหยียนเฟิงก็มั่นใจอยู่ประมาณแปดสิบเปอร์เซ็น ว่าวันนี้เหยียนเค่อไม่มีทางนั่งอยู่จนจบงานแน่ๆ

 

 

หลี่หมิงฉวีที่ไม่รู้เรื่องราวภายหลังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเหยียนเฟิงพูดแบบนี้ จึงนึกว่าเหยียนเค่อคงจะทนโดนเอาเปรียบไม่ได้แล้วต้องออกไปก่อนงานเลิก เขาจึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอดูเรื่องสนุกๆ

 

 

ส่วนเฉิงนั่วที่เห็นว่าสวีอิ๋งอิ๋งกับคู่ควงของเหยียนเฟิงยังไม่กลับมาจึงยัดเยียดน้องสาวตัวเองให้เหยียนเฟิงแทน

 

 

แต่ก่อนเหยียนเฟิงก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าหาทางเฉิงนั่วก่อน เมื่อก่อนตอนที่เบลล์ช่วยเขาจัดการเรื่องคู่ดูตัวหนึ่งในนั้นก็มีน้องสาวของเฉิงนั่วอยู่ ถ้าหล่อนไม่ได้หลงใหลคลั่งไคล้สวีอันหรานขนาดนี้บางดีหล่อนก็คงเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ แต่ตอนนี้เขาคงต้องคิดดูอีกที

 

 

เฉิงซินก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเอนมาซบบารมีของตระกูลเหยียน อีกอย่างความเย็นชาของเหยียนเฟิงช่างแตกต่างกันสุดขั้วเลยกับความอ่อนโยนของสวีอันหราน เธอไม่ชอบเอามากๆ

 

 

“เหยียนเฟิง วันนี้เราสองร่วมมือกันหน่อยเถอะ” เฉิงซินไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าให้เธอเดินเข้าไปคนเดียวก็ดูน่าขายหน้าเกินไป นอกจากพี่ชายของตนเองแล้วก็เหลือแค่เหยียนเฟิงที่ดูพึ่งได้

 

 

เหยียนเฟิงยิ้มเย็น “อือ นับเป็นเกียรติของผม”

 

 

“เกรงใจอะไรกัน” เฉิงนั่วผลักคนทั้งคู่ “ค่อยๆคุยกันไป” ถ้าน้องสาวของเขาได้แต่งเข้าตระกูลเหยียนนั่นก็เป็นเรื่องที่เขายินดีจะเห็นมาก ยังไงซะต้นไม้ใหญ่ตระกูลเหยียนนี้เบื้องหลังก็ยังมีเหยียนเค่อคอยหนุนอยู่ อย่างไรก็คงดีกว่าตระกูลเฉิงของเขาแน่ๆ

 

 

เหยียนเค่อเดินควงเฉิงซินเข้ามาในงานดึงดูดสายตาผู้คนได้มากมาย พวกนักธุรกิจที่ไวต่อเรื่องแบบนี้ก็รู้สึกมีแนวโน้มเหมือนจะได้เห็นการแต่งงานของตระกูลเฉิงและตระกูลเหยียนในอนาคต ต่างก็กำลังคิดว่าจะเข้ามาสานสัมพันธ์กับทั้งสองตระกูลนี้อย่างไรดี

 

 

แม่เหยียนเห็นลูกชายคนโตเดินพาเฉิงซินเข้ามานั่งก็รู้สึกยินดี “ดูเหยียนเฟิงสิ ไม่ต้องให้พวกเราเป็นห่วง แถมยังทำให้พอใจอีกด้วย”

 

 

พ่อเหยียนพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่เลวๆ ดูแล้วน่าจะดี”

 

 

“คุณลุงคุณป้าสวัสดีค่ะ” เฉิงซินฉีกยิ้มกว้าง เอ่ยทักทายผู้ใหญ่ทั้งสอง

 

 

เหยียนเฟิงเห็นพวกเขาคุยกันได้อย่างหลอกล้อสนุกสนาน จึงสลับที่นั่งตนเองให้เฉิงซินไปนั่งข้างๆพ่อแม่ตนแทน

 

 

พ่อเหยียนเห็นเหยียนเค่อเดินเข้ามาพร้อมกับสวีอันหรานก็โมโหขึ้นมาทันที

 

 

“ดูมันทำ ตอนเข้ามาก็ลากๆถูๆมากับเจ้าหนุ่มตระกูลฉิน ตอนนี้ยังจะมาพร้อมกับสวีอันหรานอีก มันจะทำอะไร แถมทิ้งคู่หมั้นตัวเองไว้ด้านนอกอย่างนั้นอีก”

 

 

“เฮ้ย” แม่เหยียนรีบรั้งพ่อเหยียนที่ลุกไปอย่างโมโห “คุณจะทำอะไร มีอะไรค่อยกลับไปเคลียร์ที่บ้าน ไปตอนนี้จะกลายเป็นอย่างไรฮะ”

 

 

เฉิงซินมองเห็นสวีอันหรานก็ละสายตาไปไหนไม่ได้ เหยียนเฟิงเห็นแบบนี้ก็ตัดชื่อของหล่อนออกจากรายชื่อได้ทันที

 

 

“อิ๋งอิ๋งล่ะ”

 

 

เหยียนเค่อนั่งถัดจากผู้เฒ่าเหยียน ซึ่งเป็นการนั่งตรงข้ามกับพ่อเหยียนพอดี แม่เหยียนที่นั่งค่อนข้างห่างออกไปเลยลุกขึ้นมาถาม

 

 

“ผมจะไปรู้ได้อย่างไร” เหยียนเค่อมีปู่ของตนหนุนหลังอยู่เลยไม่กลัวแม่ของตนจะหาเรื่อง

 

 

แม่หยียนหยิกไปที่แขนของชายหนุ่ม “ลูกไม่รู้ ทำไมเป็นเด็กแบบนี้ฮะ”

 

 

เหยียนเค่อเจ็บจนอยากหลบ แต่ก็ไม่อาจทำให้คนอื่นเห็นได้จึงได้แต่อดทน “ผมจะไปรู้ได้อย่างไรไม่ได้มาหาผมเสียหน่อย”

 

 

“เมื่อกี้เธอออกไปหาลูกแท้ๆ” แม่เหยียนไม่เชื่อ เหยียนเค่อต้องทิ้งหล่อนไว้ด้านนอกแล้วไม่สนใจแน่ๆ

 

 

เหยียนเค่อกุมหน้าผาก แอบสะกิดไปที่สวีอันหรานเป็นการบอกให้ช่วยตน “ไม่เกี่ยวกับผมจริงๆ”

 

 

สวีอันหรานรีบผสมโรง แล้วปัดมือเหยียนเค่อออก “จริงครับ เธอออกไปกับผู้หญิงอีกคน ไม่รู้ไปไหนกัน แต่ไม่ได้มาหาเหยียนเค่อ”

 

 

สายตาที่แม่เหยียนใช้มองสวีอันหรานเริ่มเปลี่ยนไป เห็นแล้วสวีอันหรานก็รู้สึกขนลุก ดูท่าแม่เหยียนคงคิดว่าตัวเองเป็นศัตรูอันดับหนึ่งที่ขัดขวางความสุขของลูกชายหล่อนแน่ๆ