ตอนที่ 726 รัชทายาท
“ฟางหลิงซู่ให้ข้ามารับเจ้าเข้าวัง” สตรีผู้นี้มีดวงตาใสซื่อ ท่าทางไร้พิษภัยและคลี่ยิ้มให้อันหลิงเกออย่างเป็นมิตร
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว นางเอาแต่ก่นด่าอันหลิงเกอมิรู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง นางเป็นองค์หญิงของเผ่าปิงชวนมีนามว่าเฮ่อหลานซูซู และประมุขเผ่าผู้เป็นพระบิดาได้ประทานสมรสให้นางกับฟางหลิงซู่ แต่เพราะอันหลิงเกอผู้นี้จึงทำให้ฟางหลิงซู่ปฏิเสธการสมรสและทำให้นางเสียหน้ามาก
ทำให้ช่วงหลายวันมานี้ เฮ่อหลานซูซูสังเกตการเคลื่อนไหวของฟางหลิงซู่ทุกวัน จนท้ายที่สุดก็พบว่าแท้จริงฟางหลิงซู่เลี้ยงดูสตรีผู้หนึ่งไว้ในโรงน้ำชาแห่งนี้
ครั้งแรกที่ได้เห็นสตรีผู้นี้ก็ทำให้เฮ่อหลานซูซูถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เพราะก่อนหน้านี้นางเคยเห็นภาพเหมือนของฟางหลิงซู่กับอันหลิงเกอที่ต้าโจวมาก่อน นางจึงจดจำอันหลิงเกอได้ทันที
ส่วนอันหลิงเกอเห็นว่าสตรีตรงหน้ามิได้มีเจตนาร้าย ทั้งยังเรียกชื่อนางได้ถูกต้อง อันหลิงเกอจึงคิดว่าคงเป็นคนที่ฟางหลิงซู่ส่งมาจริงและมิได้คิดมากอีก หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว นางก็เดินตามเฮ่อหลานซูซูขึ้นรถม้าไป
ระหว่างอยู่บนรถม้า เฮ่อหลานซูซูก็ชวนอันหลิงเกอสนทนามิหยุด เวลานี้อันหลิงเกออยู่ในชุดของฝ่ายในราชสำนักสีอ่อน ท่าทางดูสง่างามยิ่งนัก แต่เฮ่อหลานซูซูก็มิยอมแพ้โดยง่ายจึงรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
“มิทราบว่ากู่เหนียงมีนามอันใดหรือ ? ” อันหลิงเกออยากทำลายความเงียบจึงเอ่ยถามด้วยท่าทีสนิทสนมพร้อมมองเฮ่อหลานซูซูที่อยู่ตรงหน้าแล้วฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เรียกข้าว่าเฮ่อหลานซูซู” เฮ่อหลานซูซูรู้ว่าเวลานี้อันหลิงเกอต้องการตีสนิทกับตนจึงมิได้กล่าวอันใด แค่แกล้งทำสนิทสนมกับอันหลิงเกอไปเท่านั้น เพราะจักให้อันหลิงเกอสังเกตเห็นความผิดปกติมิได้
“มิทราบว่าเกิดอันใดกับฟางหลิงซู่ที่วังหลวงอย่างนั้นหรือ ? ” อันหลิงเกอตีสนิทกับอีกฝ่ายก็เพราะอยากรู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับฟางหลิงซู่ เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานซูซูมิได้ตำหนิท่าทีของตน อันหลิงเกอจึงเอ่ยปากถามเรื่องที่สงสัยออกมาตามตรง
เนื่องจากเฮ่อหลานซูซูอายุยังน้อย หลังได้ยินอันหลิงเกอเอ่ยเช่นนี้ก็คิดว่ากำลังโดนหลอกถาม มิรู้ว่าก่อนหน้านี้นางได้เปิดเผยอันใดไปหรือไม่ ทำให้นางรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาเล็กน้อย
“ฟางหลิงซู่มิได้เป็นอันใดหรอก เขาแค่ให้ข้ามารับเจ้าเข้าวังเท่านั้น” เฮ่อหลานซูซูบอกออกไปเสียงเรียบและพยายามปกปิดความกังวลบนใบหน้าไว้ ส่วนอันหลิงเกอก็มิได้คิดอันใดมาก เพียงพยักหน้ารับและมิได้สงสัยอีก
เมื่ออันหลิงเกอเงียบและมิได้พูดอันใดขึ้นมาอีก เฮ่อหลานซูซูจึงรู้สึกสบายใจเพราะมินานก็จะถึงวังแล้ว เวลานั้นไม่ว่าอันหลิงเกอสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติอันใดก็ไม่มีทางหนีได้
มินานรถม้าก็หยุดลง แม้อันหลิงเกอรู้ว่าถนนเส้นนี้นำพาไปสู่วังหลวง แต่ก็มิรู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดตลอดทางมักรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด
เมื่อหันไปเจอสายตาที่ปลอบใจของเฮ่อหลานซูซูทางฝั่งตรงข้ามแล้ว อันหลิงเกอก็มิคิดอันใดมากอีก เนื่องจากเฮ่อหลานซูซูเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งและน่าจะอายุน้อยกว่าตนมาก
ปีนี้เฮ่อหลานซูซูเพิ่งอายุได้ 16 ปีก็หมกมุ่นในความรักและหลงใหลในตัวฟางหลิงซู่ทั้งที่ยังมิรู้ว่าความรักแท้จริงเป็นเช่นไร นางรู้เพียงความปรารถนาที่จะได้ครอบครองเท่านั้น
แต่อันหลิงเกอมิรู้ว่าเฮ่อหลานซูซูที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังคิดอันใดอยู่ ตอนนี้นางแค่สงสัยและเป็นห่วงฟางหลิงซู่เท่านั้น
เพราะหากต้องการให้นางเข้าวังก็รออีกหนึ่งชั่วยามให้เขากลับมาแล้วค่อยเข้าวังพร้อมกันก็ได้ มิจำเป็นต้องให้สาวน้อยผู้นี้มารับเลย
ทันใดนั้นรถม้าก็หยุดลงแล้วเฮ่อหลานซูซูก็เปิดม่านออก นางบอกให้อันหลิงเกอตามลงไป เมื่ออันหลิงเกอลงจากรถม้าก็พบว่ามาอยู่ที่ประตูด้านข้างของวัง
อันหลิงเกอจึงครุ่นคิด บางทีฟางหลิงซู่อาจคิดว่าให้นางเดินเข้าประตูหลักแล้วมิค่อยสะดวกเพราะอย่างไรนี่ก็คือเผ่าปิงชวน ส่วนนางเป็นบุตรีของขุนนางใหญ่ประจำราชสำนักต้าโจว ความสัมพันธ์ช่างน่าอึดอัดเสียจริง
“ทูลองค์รัชทายาท หม่อมฉันพานางมาแล้วเพคะ” ทันใดนั้นเฮ่อหลานซูซูก็กล่าวกับบุรุษผู้หนึ่งซึ่งกำลังยืนหันหลังให้พวกนางอยู่ อันหลิงเกอจึงมองมิเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย
ถึงตอนนี้อันหลิงเกอก็เข้าใจแล้วว่าถูกเด็กสาวคนนี้หลอกเข้าวัง นี่ต้องเป็นหลุมพรางแน่นอน ทว่ามันสายไปแล้ว เพราะเฮ่อหลานซูซูออกคำสั่งให้คนขับรถม้าจากไปทันที
“เจ้าคืออันหลิงเกออย่างนั้นหรือ ? ” บุรุษผู้นั้นค่อย ๆ หันมามองอันหลิงเกอ
เมื่ออันหลิงเกอเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายก็รู้ได้ว่ามิใช่คนฉลาด เมื่อคิดได้เช่นนี้นางจึงจะหลอกเขา แต่แล้วนางก็คิดได้ว่าบุรุษผู้นี้ต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังอีกขั้น นางจึงล้มเลิกความคิดนี้ไป
“เจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับท่านโหวอัน ! ”
ดูเหมือนบุรุษผู้นี้จะเห็นบางอย่างบนใบหน้าของนางถึงได้จ้องกันอยู่เยี่ยงนี้
“อ้อ ข้าคิดออกแล้ว บุตรีคนโตของฮูหยินใหญ่อันแห่งจวนโหวนี่เอง ! ” มิรอให้อันหลิงเกอตอบกลับ เขาก็คิดออกและกล่าวออกมาเอง
เดิมทีอันหลิงเกออยากจะหลอกเขา แต่คาดมิถึงว่าเขารู้เรื่องของต้าโจวมากเพียงนี้ การที่นางคิดจะหลอกก็คงไร้ผลทั้งยังนำความลำบากมาสู่ตัวเองอีกด้วย
อันหลิงเกอมองทหารที่เข้ามาล้อมตัวนางเอาไว้และมิได้ต่อต้านอันใดเพราะรู้ว่าแม้ต่อต้านไปก็ไร้ค่าอยู่ดี นางจึงมิได้เคลื่อนไหวเพียงปล่อยให้คนพวกนั้นจับตัวไป
พอจับอันหลิงเกอไปทั้งแบบนั้นแล้ว องค์รัชทายาทก็ให้ทหารนำตัวนางไปไว้ในห้องหนึ่ง จากนั้นอันหลิงเกอก็ได้ยินองค์รัชทายาทตรัสกับใครบางคนอยู่ด้านนอก มินานเสียงก็ไกลออกไปจนไม่ได้ยิน
ตอนนี้นางทำได้เพียงรอให้ฟางหลิงซู่มาช่วยโดยเร็วเพราะมิรู้ว่าคนกลุ่มนี้จะทำอันใดกับนางบ้าง ในระหว่างนี้อันหลิงเกอมิรู้ชะตากรรมของตนเลย
ด้านฟางหลิงซู่ที่ออกจากท้องพระโรงแล้วก็ทำเหมือนทุกวันคือตรงไปที่โรงน้ำชาทันที แต่เขามิพบนางและรอบโรงน้ำชาแห่งนั้นมีองครักษ์เงาของเขาแอบซุ่มอยู่จึงพอจะทราบร่องรอยของอันหลิงเกอบ้าง
“เรียนคุณชาย องค์หญิงเฮ่อหลานซูซูพาตัวอันหลิงเกอกู่เหนียงไปขอรับ” องครักษ์เงากล่าวรายงานแก่ฟางหลิงซู่ด้วยความหวาดกลัวจนเหงื่อชุ่มไปทั้งกาย เนื่องจากตอนที่อันหลิงเกอถูกพาตัวไปนั้น เขามิกล้าห้าม เพราะมีผู้ใดไม่รู้จักนิสัยขององค์หญิงน้อยบ้างเล่า
ฟางหลิงซู่ได้ยินเช่นนั้นก็เดินทางเข้าวังทันที
ตอนนี้ฟางหลิงซู่รู้สึกกังวล เพราะมิรู้ว่ารัชทายาทจักใช้อันหลิงเกอต่อกรกับตนเช่นไร เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว เขาก็รีบเข้าวังกว่าเดิม
“องค์รัชทายาท หากวันนี้ไม่มอบนางออกมา กระหม่อมก็จะไม่นึกถึงมิตรภาพเก่าก่อนอีก” เมื่อมาถึงวังหลวงแล้วฟางหลิงซู่ก็ตรงมายังตำหนักรัชทายาททันที จากนั้นก็พูดข่มขู่พร้อมชักกระบี่มาพาดตรงลำคอของเฮ่อหลานมู่เว่ยทันที
เฮ่อหลานมู่เว่ยคาดมิถึงว่าฟางหลิงซู่จะโมโหถึงเพียงนี้เพราะมิทันระวังจึงถูกบีบจนมุมและไม่มีทางถอยอีก เฮ่อหลานมู่เว่ยจึงรีบพยักหน้าและส่งสัญญาณว่าจะยอมพาไปหาอันหลิงเกอ
ตอนนี้ฟางหลิงซู่เป็นห่วงอันหลิงเกอมากจึงมิคิดสนใจรัชทายาทไร้ประโยชน์ผู้นี้ จากนั้นฟางหลิงซู่ก็เก็บกระบี่แล้วรีบตามไปทันที มินึกว่าเมื่อทั้งสองไปถึงห้องแล้วกลับมิพบตัวอันหลิงเกอ
“เจ้าหลอกข้า ! ” ขณะมองห้องที่ว่างเปล่าไร้ผู้คน ดวงตาของฟางหลิงซู่ก็ลุกเป็นไฟพร้อมจ้องเฮ่อหลานมู่เว่ยอย่างดุร้าย