“เทพมายา… เจ้าคือเทพมายาคนใหม่…”
หลังจากตะลึงงันจนนิ่งไป ฉินจินก็อดตะโกนออกมาไม่ได้ เขาและคนอื่น ๆ ไม่เคยแม้แต่จะคาดคิดว่าฉินอวี้โม่คือเทพมายาคนใหม่ เรื่องนี้น่าตกใจอย่างที่สุด
เวลานี้ฉินขุยมีท่าทีที่เฉยเมย ทว่าความประหลาดใจในหัวใจของเขายังไม่จางหายไป ข่าวนี้ทำให้เขาตกตะลึงอย่างยิ่ง
ปฏิกิริยาของฉินเฟิงแปลกไปเล็กน้อย เขามองฉินอวี้โม่หลายคราและสีหน้าของเขาดูเหมือนว่าจะแสดงถึงความตื่นเต้น ความตกใจ ความพึงพอใจและความยินดี เห็นได้ชัดจากสีหน้าแววตาว่าความรู้สึกของเขาในเวลานี้ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ ถูกต้อง ข้าคือเทพมายาคนใหม่ เพราะเหตุนั้นทุกท่านน่าจะเข้าใจทัศนคติของข้าดี”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเปิดเผย ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง คลื่นพลังอันแข็งแกร่งบางอย่างก็แผ่มาจากทุกเส้นทางในห้องโถงและจากนั้นข่ายอาคมทรงพลังหลากหลายชนิดก็ปรากฏอย่างไร้ที่มาพร้อมปิดกั้นเส้นทางทั้งหมดเอาไว้
“ผู้อาวุโสฉินหวยและทุก ๆ ท่าน เราอยู่กันที่นี่ไปอีกสักพักเถอะ หากยังสะสางปัญหานี้ไม่ได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดออกไป”
สาเหตุที่ฉินอวี้โม่พูดคุยถ่วงเวลาเมื่อครู่นี้คือเพื่อให้มารยาวางข่ายอาคมรอบบริเวณ เวลานี้เมื่อข่ายอาคมถูกวางจนสำเร็จแล้ว หากมีผู้ใดต้องการใช้กำลังฝ่าออกไป พวกเขาก็ต้องยอมลงทุนอย่างมหาศาลและอาจทำไม่สำเร็จด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ฉินหวยและคนอื่น ๆ ที่ภักดีต่อฉินเหยียนก็เริ่มมีสีหน้าที่บิดเบี้ยว
“คารวะท่านเทพมายา”
เฉิงห่าวซวนนำกลุ่มพันธมิตรของเขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อแสดงความเคารพต่อฉินอวี้โม่่
“ท่านเทพมายา ท่านได้ถามก่อนหน้านี้ว่าเราต้องการเป็นลูกน้องและสหายของท่านหรือไม่ เดิมทีเราคิดว่าท่านอยู่ฝ่ายเดียวกับฉินเหยียน แม้ว่าพวกเราจะชื่นชมท่านมาก เราก็ไม่ต้องการรับใช้ฉินเหยียน ทว่าบัดนี้เมื่อทราบว่าท่านคือเทพมายาคนใหม่แล้ว หากท่านไม่รังเกียจล่ะก็ เราก็เต็มใจที่จะรับใช้ท่าน”
เฉิงห่าวซวนกล่าวและคนอื่น ๆ พยักศีรษะเห็นด้วยตรงกัน
เหล่าจอมยุทธ์อิสระทั้งหลายเพียงไม่ต้องการเป็นลูกน้องและยอมจำนนต่อฉินเหยียน และพวกเขาก็ไม่ต้องการทรยศเทพมายา เพราะเหตุนั้นพวกเขาจึงไม่เคยตอบตกลงเข้าร่วมขุมกำลังใดและเป็นจอมยุทธ์อิสระมาโดยตลอด
บัดนี้เมื่อทราบแล้วว่าฉินอวี้โม่คือเทพมายาคนใหม่ พวกเขาก็ไม่ต้องคิดไตร่ตรองด้วยซ้ำและยินดียอมจำนนต่อนางอย่างไม่มีเงื่อนไข ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างทางที่ผ่านมา พวกเขาก็ได้เห็นลักษณะนิสัยของฉินอวี้โม่อย่างชัดเจนและมั่นใจว่าการได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินอวี้โม่คือทางเลือกที่ถูกต้อง พวกเขายังเชื่ออีกว่าภายใต้การชี้นำของฉินอวี้โม่ พวกเขาจะสามารถเอาชนะฝ่ายฉินเหยียนและฟื้นฟูความรุ่งเรืองในอดีตให้กับโลกมายาได้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นเหล่าจอมยุทธ์อิสระแสดงเจตจำนงของตนเอง ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะเบา ๆ พลังของเฉิงห่าวซวนและกลุ่มพันธมิตรนักผจญภัยของเขาถือว่าแข็งแกร่งพอสมควร หากมีพวกเขาเข้าร่วมด้วยก็จะมีส่วนช่วยพวกนางได้เป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม นางยังคงมีความกังวลใจเล็กน้อย หากฉินเหยียนทราบตัวตนของนางในตอนนี้ นางไม่มั่นใจนักว่าตนเองจะเทียบกับฉินเหยียนได้หรือไม่ ซึ่งจากข้อมูลหลากหลายอย่างที่ได้รับมา ตอนนี้ฉินเหยียนก็น่าจะบรรลุขอบเขตพสุธาเซียนแล้ว
เฉิงห่าวซานมองฉินอวี้โม่ด้วยความลังเลเล็กน้อยราวกับคาดเดาบางอย่างได้ เขายิ้มบาง ๆและหลั่งเลือดสาบานตนทันที
“ข้า…เฉิงห่าวซวน…เต็มใจยอมจำนนต่อเทพมายาและจะไม่คิดทรยศตลอดชั่วชีวิตนี้ หากข้าผิดคำสาบาน ก็ขอให้ฟ้าดินลงโทษและทำให้จิตวิญญาณของข้าสูญสลายไปชั่วนิรันดร์ !”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา กฎแห่งฟ้าดินก็ก่อตัวขึ้นรอบตัวเขาซึ่งเป็นการยืนยันว่าคำสัตย์ปฏิญาณเมื่อครู่เสร็จสมบูรณ์แล้ว สำหรับคนอื่น ๆ ในกลุ่มของเฉิงห่าวซวน พวกเขาก็เข้าใจตรงกันโดยไม่ต้องเอ่ยและเริ่มหลั่งเลือดสาบานตนต่อเทพมายาเช่นกัน
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของพวกเขา ฉินอวี้โม่ก็ไม่ลังเลอีกต่อไปขณะกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ขอโทษด้วย พลังของข้าในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับฉินเหยียนได้ ยิ่งไปกว่านั้น มีขุมกำลังที่ทรงพลังยิ่งกว่าอยู่เบื้องหลังของฉินเหยียน แม้ว่าข้าเชื่อมั่นในตัวพวกท่าน มันก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณาอีกมาก”
“ท่านเทพมายา ท่านไม่ต้องอธิบายหรอก พวกเราทั้งหมดเข้าใจดี”
ใครคนหนึ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้มและยืนยันว่าเข้าใจทุกอย่างเพื่อที่ฉินอวี้โม่จะได้คลายกังวล ในเมื่อตัดสินใจยอมจำนนแล้ว พวกเขาย่อมไตร่ตรองทุกอย่างและเข้าใจความลังเลของฉินอวี้โม่เช่นกัน ถึงอย่างไรแล้วหากว่าเรื่องตัวตนของนางถูกเปิดเผยออกไป มันจะนำพาปัญหาอีกมากและนางไม่สามารถรับความเสี่ยงนั้นได้
เมื่อเห็นเฉิงห่าวซวน และคนอื่น ๆ จำนนต่อฉินอวี้โม่ สีหน้าของฉินหวยและพวกดูบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ หากฝ่ายของฉินอวี้โม่ผลึกกำลังรวมกับจอมยุทธ์อิสระของทั่วทั้งดินแดน รวมถึงฉินเฟิงและกองทหารหงเฟิงนั้น พวกเขาย่อมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน
“ท่านฉินเฟิง วันนี้เรามาร่วมมือกันเถอะ”
ฉินอวี้โม่หันไปหาฉินเฟิงและกล่าว “เราไม่ทราบว่าเป้าหมายหลักของกองทหารหงเฟิงคือสิ่งใด ทว่าตอนนี้เรามีศัตรูที่เหมือน ๆ กัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็ควรร่วมมือกันเป็นการชั่วคราวและจัดการกับฉินหวยด้วยกัน ไม่ทราบว่าท่านฉินเฟิงมีความคิดเห็นอย่างไร ?”
ทันทีที่กล่าวจบ เหล่าผู้ติดตามข้างหลังฉินเฟิงก็คุกเข่าลงทันที
“คารวะท่านเทพมายา !”
เมื่อคนเหล่านั้นคุกเข่าลงอย่างกะทันหัน ฉินอวี้โม่ก็ชะงักเล็กน้อย ข่าวสารข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ไม่เคยระบุว่ากองทหารหงเฟิงจงรักภักดีต่อเทพมายา
“ข้าตามหาเจ้ามานานนับร้อยปี”
ฉินเฟิงถอนหายใจเบาด้วยความโล่งอกขณะเดินเข้ามาหาฉินอวี้โม่อย่างช้า ๆ และจู่ ๆ เขาก็กางแขนเพื่อสวมกอดฉินอวี้โม่ท่ามกลางสายตาของทุกคน
ฉินอวี้โม่ตกใจอย่างยิ่งและจิตใต้สำนึกบอกว่าควรผลักเขาออกไป เพียงแต่นางสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยและความตื่นเต้นอย่างไม่อาจอธิบายจากร่างของบุรุษผู้นี้ มือบางของนางชะงักกลางอากาศและปล่อยให้อีกฝ่ายสวมกอดอยู่เช่นนั้นอย่างเงียบ ๆ
“เฮ้ เฮ้ ! ปล่อยท่านแม่ของข้าเดี๋ยวนี้นะ !”
ทันใดนั้น หานอวี้ก็ปรากฏกายข้างฉินอวี้โม่และตะโกนบอกให้ฉินเฟิงปล่อยฉินอวี้โม่ ฉินอวี้โม่ผู้เป็นมารดาของบุตรสองคนจะถูกกอดโดยบุรุษอื่นที่มิใช่คนรักอย่างแนบแน่นได้อย่างไร ? หากบิดาของมันทราบเรื่องนี้ เขาจะต้องโกรธมากอย่างแน่นอน ก่อนที่จะได้พบกับบิดาอีกครา มังกรน้อยต้องทำหน้าที่ดูแลมารดาต่างเผ่าพันธุ์ให้ดีที่สุดเพื่อมิให้ชายใดเข้าใกล้เกินงาม
แน่นอนว่าบิดาที่หานอวี้หมายถึงคือหานโม่ฉือ แซ่ของมังกรน้อยคือแซ่หานและมันก็เรียกหานโม่ฉือว่าบิดามานาน แม้ว่าบุรุษตรงหน้าในเวลานี้จะถือว่าไม่ได้เลวร้ายอะไร ทว่าสุดท้ายแล้วก็มีเพียงบิดานามหานโม่ฉือของมันเท่านั้นที่คู่ควรกับมารดาของมัน
เมื่อได้ยินคำพูดฉุนเฉียวของหานอวี้ ฉินเฟิงก็ยกยิ้มมุมปากและปล่อยฉินอวี้โม่จากอ้อมกอด ทว่าสายตาเอ็นดูของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างบางไม่ละสายตา
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ? เหตุใดท่านจึงต้องตามหาข้ามานานนับร้อยปี ? แท้ที่จริงแล้วท่านเป็นใครกันแน่ ?”
ฉินอวี้โม่รัวคำถามและต้องการคำตอบโดยด่วน เหตุใดนางจึงรู้สึกคุ้นเคยกับฉินเฟิงผู้นี้ยิ่งนัก ? เหตุใดอดีตนักฆ่าสาวผู้ที่ระแวดระวังจากทุกคนรอบตัวอย่างนางกลับไม่ปิดกั้นฉินเฟิงเลยสักนิด ? ราวกับเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าอย่างไรบุรุษผู้นี้ก็จะไม่ทำร้ายนาง
“ข้าคือศิษย์พี่ของเจ้า”
ฉินเฟิงยิ้มอ่อนราวกับกำลังนึกย้อนไปถึงภาพอดีต แววตาของเขาแสดงถึงการระลึกถึงเจือด้วยความเศร้าเล็กน้อย
“เจ้ารู้สึกรึไม่ว่าข้ามีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้รู้สึกคุ้นเคย ?”
ก่อนที่ฉินอวี้โม่จะเอ่ยตอบออกไป เขาก็กล่าวต่อ “เพราะอาจารย์ของข้าคือเทพมายาคนก่อน และข้าก็มีพลังกายเทพมายาอยู่ในร่างเช่นกัน เพราะเหตุนั้นเจ้าจึงรู้สึกว่าข้าคุ้นเคยอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้”
ฉินเฟิงเป็นศิษย์ของฉินเฟยเหยียน—อดีตเทพมายา เมื่อพันปีก่อน ฉินเฟยเหยียนบังเอิญพบเขาซึ่งเป็นทารกแบเบาะที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในป่าเพียงลำพัง นางจึงพาเขากลับไปดูแล
เดิมทีฉินเฟยเหยียนต้องการฟูมฟักดูแลทารกน้อยให้เติบใหญ่ ทว่านางก็ไม่คาดคิดเลยว่าในตอนนั้นจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นมา
หลังจากสงครามครานั้น ฉินเฟยเหยียนก็เสียชีวิตไป ทว่าก่อนที่จะเสียชีวิตไป แน่นอนว่านางก็ยังคงเป็นห่วงฉินเฟิงเช่นกัน
นางนำทารกน้อยฉินเฟิงไปไว้ในที่ปลอดภัยและปิดผนึกเขาไว้ด้วยพลังที่เหลือของตน อีกทั้งยังได้ทิ้งเศษเสี้ยวพลังงานส่วนหนึ่งไว้ในสมองของเขา
หลังจากผ่านไปหลายร้อยปี ลูกน้องคนหนึ่งของฉินเฟยเหยียนซึ่งได้หลบหนีจากหายนะครานั้นมาได้ก็ค้นพบคำสั่งเสียสุดท้ายของนางและออกตามหาสถานที่ที่ฉินเฟิงถูกซ่อนไว้
หลังจากนั้น คนผู้นั้นก็รับฉินเฟิงไปดูแลและเลี้ยงดูจนเติบโต
เมื่อฉินเฟิงอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ พลังที่ฉินเฟยเหยียนทิ้งไว้ในสมองของเขาก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาและพลังของเขาก็เกิดการพัฒนาอย่างน่าตกใจ ซึ่งในตอนนั้นเองเวลาก็ผ่านไปกว่าเก้าร้อยปีแล้วนับตั้งแต่มีการต่อสู้กับฝ่ายมาร
เมื่อพลังในร่างถูกปลุกขึ้นมา เขาก็ได้รับรู้และเห็นเศษเสี้ยวความคิดของฉินเฟยเหยียน
ฉินเฟยเหยียนบอกเขาเกี่ยวกับฉินอวี้โม่และบอกว่าเทพมายาคนใหม่จะปรากฏกายในอีกร้อยปี นางบอกกับเขาว่าจะต้องตามหาเทพมายาคนใหม่นี้ให้พบโดยกำชับว่าจะต้องปกป้องและช่วยเหลือนางเพื่อยึดเอาสิ่งที่เคยสูญเสียไปกลับคืนมา
ฉินเฟิงจำคำสั่งเสียของฉินเฟยเหยียนได้ดีและตามหาฉินอวี้โม่มาเป็นระยะเวลากว่าร้อยปี เขาคาดการณ์ไว้ว่าสุดท้ายฉินอวี้โม่ก็จะต้องเข้ามายังโลกมายาแห่งนี้ เพราะเหตุนั้นเขาจึงมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อนเพื่อตามหานาง
ระหว่างช่วงที่ผ่านมานี้ เขาเชื่อว่าเทพมายาที่ตามหาจะปรากฏกายในไม่ช้าและส่งคนออกไปสืบข่าวเป็นการลับ ๆ อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่คิดเลยว่าเขาได้พบกับคนที่ตามหาแล้วในเมืองวารีมายา ในตอนนั้นเขาไม่แม้แต่จะคิดถึงความเป็นไปได้ด้วยซ้ำ
หากไม่ใช่เพราะฉินอวี้โม่เปิดเผยตัวตนด้วยตัวเองในครานี้ เขาก็คงไม่มีทางคาดเดาได้
หลังจากฟังเรื่องราวโดยรวมจากฉินเฟิง ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะเบา ๆ ด้วยความรู้สึกมากมาย ไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจะตามหานางอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอด ยิ่งไปกว่านั้น การก่อตั้งกองทหารหงเฟิงที่ลึกลับนี้ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับนางด้วยเช่นกัน แท้ที่จริงแล้ว ‘ศิษย์พี่’ ที่ไม่เคยพบมาก่อนก็กำลังเฝ้าตามหานางอยู่ในมุมมืด
“คารวะท่านพี่”
หลังจากโค้งคำนับกับฉินเฟิง ใบหน้าของฉินอวี้โม่ก็ประดับด้วยรอยยิ้มกว้าง
เมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง ฉินเฟิงเองก็อดยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้เช่นกัน
ทว่าฉินอวี้โม่ก็นึกสงสัยอยู่เรื่องหนึ่ง การที่ฉินเฟิงถูกส่งมาที่โลกมายาแห่งนี้ นั่นหมายความว่าเขาก็ต้องได้รับความไว้วางใจจากผู้ทรยศนั่นในระดับหนึ่ง หากนางคิดไม่ผิด ผู้ที่เลี้ยงดูฉินเฟิงก็น่าจะซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้ทรยศและเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมากเช่นกัน นางเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นการจัดการของอดีตเทพมายา ฉินเฟยเหยียนผู้นั้นคงจะคำนวณทุกสิ่งทุกอย่างมาตั้งแต่ต้น
“เหอะ หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่แปลกเลยที่เจ้าจะกล้ายโสโอหังเช่นนี้ เจ้าไม่เคยจำนนต่อผู้นำฉินเหยียนมาตั้งแต่แรกแล้ว จากเรื่องนี้ก็เห็นได้ชัดว่าพ่อของเจ้าก็ไม่เคยจงรักภักดีต่อผู้ที่อยู่เบื้องบน !”
ฉินขุยแค่นเสียงและกล่าวคำถามที่ฉินอวี้โม่สงสัยเช่นกัน
.